ผู้ใช้ Path ที่มีแฟนแล้วหรือกำลังจีบใครอยู่ อาจพิจารณาแอพตัวใหม่ Pair ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ Path เวอร์ชันสำหรับเราสองคน
Pair เป็นแอพสื่อสารระหว่างคู่รักเพียงสองคน ทำให้ไม่ต้องเกรงใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือสายตาของคนอื่นๆ มันสามารถแชร์ข้อมูลได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ วิดีโอ ตำแหน่ง รวมถึงมีฟีเจอร์พิเศษสำหรับคู่รัก เช่น ปุ่มคิดถึง (thinking of you) หรือ ThumbKiss ซึ่งเป็นการแปะนิ้วโป้งบนหน้าจอในตำแหน่งเดียวกันแทนการจูบ (แปะแล้วมือถือจะสั่นทั้งสองฝ่าย)
จากประเด็นร้อน สมัครงานในสหรัฐฯ อาจจะต้องยอมให้รหัสผ่าน Facebook ตัวเองกับนายจ้าง ทาง Facebook ออกมาแสดงท่าทีแล้ว
Facebook ระบุว่าในเงื่อนไขการให้บริการของตัวเองเขียนไว้ชัดว่าห้ามมอบรหัสผ่านแก่ผู้อื่น และผู้ใช้บริการไม่ควรถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น จุดยืนของ Facebook คือไม่เห็นด้วยที่นายจ้างจะขอรหัสผ่านหรือเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวของลูกจ้าง (และว่าที่ลูกจ้าง) และ Facebook ก็พร้อมจะทำทุกทางเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งรวมไปถึงมาตรการทางกฎหมายด้วย
ที่มา - Facebook Privacy
Dave Morin ผู้ก่อตั้ง Path ไปพูดที่งาน PandoMonthly ที่ซานฟรานซิสโก โดยให้ข้อมูลว่าอัตราการเติบโตของผู้ใช้ Path ในเอเชียนั้นสูงกว่าสหรัฐที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว ซึ่งยุทธศาสตร์ของ Path จากนี้ไปจะหันไปเน้นตลาดนอกสหรัฐมากขึ้น
ปัจจุบัน Path มีผู้ใช้อยู่ประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ใช้ในสหรัฐอยู่เยอะ
เส้นทางชีวิตของ Path น่าจะเดินตามรอย Facebook ที่โตจากสหรัฐและค่อยๆ ยึดครองตลาดเอเชียอย่างรวดเร็ว เอาชนะเครือข่ายสังคมท้องถิ่นได้ในหลายๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม Dave Morin ก็พูดชัดว่าจะไม่ทำ Path เวอร์ชัน BlackBerry (ซึ่งเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมในเอเชียหลายประเทศ) แต่กำลังพัฒนาแอพเวอร์ชัน Windows Phone อยู่
หลายคนคงพอทราบว่าตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น เฟซบุ๊กยังไม่ได้กินรวบครบทุกประเทศ ยังมีบางประเทศที่ตีไม่เข้าอีกพอสมควร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศญี่ปุ่นที่มีเจ้าตลาดเป็น Mixi ทำโดยคนในญี่ปุ่นด้วยกันเอง
ล่าสุดบริษัทย่อยของเฟซบุ๊กในโตเกียวได้ประกาศว่ามีตัวเลขผู้ใช้งานที่เข้าใช้งานอย่างน้อยหนึ่งครั้งในหนึ่งเดือน (active user) ออกมาแล้วที่ 10 ล้านคน ส่วนคู่แข่งอย่าง Mixi นั้นเคยเผยตัวเลขผู้ใช้งานรวมที่ประมาณ 26.2 ล้านคน ส่วนตัวเลข active user อยู่ที่ 15.2 ล้านคน จากเอกสารผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2011
ที่น่าสนใจคือเฟซบุ๊กในตอนนี้มีอัตราการเติบโตสูงกว่า Mixi ซึ่งถ้ายังเติบโตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เฟซบุ๊กจะแซง Mixi ก่อนหมดปี 2012 นี้
เพิ่งมีข่าว TweetDeck รุ่นมือถือกำลังจะออกรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายแล้วเป็น TweetDeck รุ่นเดสก์ท็อป (วินโดวส์/แมค/เว็บ/Chrome) ออกรุ่นใหม่ 1.3 ตัดหน้ามาก่อนแล้ว
ของใหม่ใน TweetDeck 1.3 ได้แก่
ปัญหาเรื้อรังอย่างหนึ่งของ Facebook สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพ ก็คือภาพที่อัพโหลดขึ้น Facebook จะถูกบีบให้เข้ากับขนาดมาตรฐานที่กำหนดไว้ (ทั้งในแง่พิกเซลและคุณภาพของภาพ) แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
Facebook ออกมาประกาศว่าตัวแสดงภาพแบบใหม่จะแสดงภาพที่ละเอียดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (บริษัทไม่ได้ให้ข้อมูลว่าความละเอียดสูงสุดเป็นเท่าไรกันแน่ แต่ Gizmodo บอกว่า 2048x2048) ซึ่งในหลายกรณี ขนาดของภาพจะเพิ่มจากเดิม 4 เท่าตัวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ตัวแสดงภาพของ Facebook ยังจะเพิ่มปุ่มลูกศรเล็กๆ ที่มุมขวาบนของภาพ ที่กดแล้วสามารถแสดงภาพแบบเต็มหน้าจอได้ครับ
บังเอิญว่าผมได้แว้บไปชม Hi5 และก็พบว่ามันปรับปรุงเสร็จแล้ว แต่เห็นข่าวยังเงียบๆ อยู่เลยตัดสินใจเขียนข่าวนี้ขึ้นมาครับ
เริ่มแรกเมื่อผู้ใช้เข้าไปก็จะพบกับหน้าจอ Login แบบใหม่ ซึ่งเน้นความสะอาดตา ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าการปรับปรุงแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อเทียบกับแบบเก่าที่มีแต่ความรกรุงรัง แต่ดูเหมือนจะสายไปซักหน่อย สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้ผมอย่างหนึ่งก็คือ ปุ่ม Login with Facebook ซึ่งผมคิดว่า สาเหตุที่ Hi5 นำ API ของ Facebook มาใช้ นั่นคือการประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการในสมรภูมิเดิม และยังแสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนไปของอดีตหนึ่งในยักษ์ใหญ่ แห่งวงการ Social Network
GigaOM ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Dave Morin ซีอีโอของ Path เครือข่ายสังคมที่มีให้ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น ซึ่ง Morin ได้ตอบข้อสงสัยหลายประการซึ่งน่าจะทำให้เข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายสังคมอย่าง Path มากขึ้นครับ
Morin บอกว่าใน Path จะไม่มีการใช้อัลกอริทึมใดๆ ในการเลือกข้อมูลมาแสดงที่หน้า feed ทุกข้อมูลจะถูกแสดงตามลำดับเวลา จากแนวคิดการแสดงข้อมูลแบบไม่มีการคัดกรองนี้ จึงทำให้ Path เลือกจำกัดจำนวนเพื่อนไว้เพียง 50 คนในช่วงแรกและ 150 คนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต่างจาก Facebook ซึ่ง Morin มองว่าผู้ใช้ Facebook ต้องการแบ่งปันเพื่อให้เข้าถึงคนวงกว้าง Path จึงทำในทางกลับกัน คือให้คนแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญกับคนที่มีความสำคัญด้วยกันในจำนวนจำกัด 150 คนเท่านั้น
หลังจากมีการเปิดตัว partner เพิ่มเติมของ Timeline Apps 60 ราย ล่าสุดตอนนี้ ได้มี partner เพิ่มเติม นั่นคือ Nike, Foursquare, The Onion, Fandango, BandPage, Endomondo, RootMusic, Viddy และ VEVO
หลายคนอาจพอรู้จักกับ Posterous หรือบริการบล็อกที่เน้นความเรียบง่ายคู่แข่งหลักของ Tumblr ที่ช่วงหลังกระแสเริ่มซาไปบ้าง
ล่าสุด Twitter ได้ประกาศผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการว่าได้เข้าซื้อ Posterous เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เน้นไปที่บุคลากร และเทคโนโลยีเพื่อมาทำให้ Twitter นั้นดียิ่งขึ้นไป
สำหรับผู้ใช้ Posterous อยู่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะ Posterous ยังคงให้บริการต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยใครที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าซื้อครั้งนี้ ดูได้ที่ Acquisition FAQ ของทาง Posterous
เป็นที่รู้กันว่าประเทศจีนนั้นมีการควบคุมเนื้อหาบนโลกออนไลน์อย่างเข้มงวดมาก ทำให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คจากต่างแดนอย่างทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กนั้นจนเดี๋ยวนี้ก็ยังถูกบล็อคไม่ให้คนจีนใช้งานได้ นอกจากนี้แล้วยังมีเว็บไซต์อื่นๆ ที่ใช้การไม่ได้อีกมาก
แม้แต่บริการในประเทศจีนเองที่คล้ายกับทวิตเตอร์อย่าง Sina Weibo เองก็ถูกเซนเซอร์เช่นกัน โดยผลจากทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลอน ที่ได้เก็บตัวอย่างข้อความกว่า 57 ล้านข้อความในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้ว เมื่อผ่านไปสามเดือนทีมงานกลับมาเช็คข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองที่มีอยู่ราว 1.3 ล้านข้อความพบว่า 16% ของข้อความดังกล่าวนั้นถูกลบไป และกว่า 54% ของข้อความที่มีจากทิเบตก็ถูกลบไปเช่นกัน
Vic Gundotra ผู้บริหารของกูเกิลขึ้นเวทีงาน SXSW ตอบคำถามเรื่อง Google+ ซึ่งหลายอย่างเป็นประเด็นที่เขาให้สัมภาษณ์ไปแล้ว
Gowalla บริการเช็คอินคู่แข่งของ Foursquare ที่ถูก Facebook ซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่แล้ว ปิดบริการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยหน้าเว็บไซต์ของ Gowalla เหลือเพียงข้อความดังนี้
Thank you for going out with Gowalla. It was a pleasure to journey with you around the world. Download your check-ins, photos and lists here soon.
วันนี้ Facebook เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Interest Lists ซึ่งจะทำหน้าที่จัดกลุ่ม Pages หรือบุคคลที่เคยติดตาม เป็นรายการไว้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
โดยใน Interest Lists ผู้ใช้จะสามารถสร้างรายการหรือติดตามหัวข้อ (ที่ผู้อื่นแชร์ไว้) เฉพาะที่ตัวเองต้องการได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานแก่ผู้ใช้ทำให้รู้สึกเหมือนว่าได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่สร้างเอง คล้ายกับ Twitter Lists ที่ผู้ใช้สามารถจัดกลุ่มบัญชีที่ต้องการติดตามได้เอง
กูเกิลเริ่มทยอยเปลี่ยนหน้าตาของปุ่ม Google +1 แบบเงียบๆ โดยเริ่มจากกลุ่มนักพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการ Google+ Platform Preview ก่อน
เดิมทีปุ่ม +1 ใช้พื้นหลังสีเทาและตัวอักษรสีฟ้า พอกดแล้วจะเปลี่ยนเป็นพื้นหลังสีน้ำเงินและตัวอักษรสีขาว
แต่ปุ่ม +1 ของใหม่จะมีสไตล์ใกล้เคียงกับโลโก้ของ Google+ มากขึ้น (คาดว่าเปลี่ยนด้วยเหตุผลนี้) คือเป็นพื้นหลังสีเทา/ตัวอักษรสีแดง กดแล้วจะเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีแดง/ตัวอักษรสีขาว นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวอักษร g เข้ามาอีกด้วย
ที่มา - Search Engine Watch
ต่อจากข่าว หลายบริษัทบอกตรงกัน "Google+ เป็นสังคมออนไลน์ที่รกร้างไร้ผู้คน" ทางผู้บริหารของกูเกิลออกมาตอบโต้ข่าวนี้แล้ว
ในงาน Game Developer Conference เฟซบุ๊กผู้ครองหัวหาดแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ขนาดใหญ่ประกาศว่าได้ทำเงินให้กับนักพัฒนาเกมในปี 2011 ไปถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว
Matt Wyndown ผู้จัดการฝ่ายเกมของเฟซบุ๊กยังคงยืนยันว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนระบบเกมบนเฟซบุ๊ก และฝั่งเฟซบุ๊กเองก็ให้ความสนใจทางด้านนี้ด้วยการเพิ่มพนักงานฝั่งเกมเป็น 40 คนหลังจากที่ไม่เคยมีแผนกนี้มาก่อนในปี 2010
ที่น่ากังวลคือจากจำนวนเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นเป็นของ Zynga ไปถึง 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลที่ Zynga ประกาศรายได้ในส่วนเกมออนไลน์ของปี 2011
Facebook Messenger for Windows เป็นโปรแกรมสนทนาสำหรับ Facebook Message เวอร์ชันบนวินโดวส์ มันเคยเป็นข่าวหลุดออกมาก่อนรอบหนึ่ง จากนั้น Facebook ทานกระแสไม่ไหว เลยเพิ่มลิงก์ให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการบนหน้าเว็บสนับสนุนของ Facebook เอง
คล้อยหลังข่าว Facebook Pages แบบใหม่หน้าตาเดียวกับ Timeline เพียงวันเดียว หน้า Facebook Page ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ก็เปลี่ยนมาใช้ระบบ Timeline แบบใหม่เป็นที่เรียบร้อย
เมื่อปีที่แล้ว Zynga ออกมาให้ข่าวว่ากำลังพัฒนา "เครือข่ายคนเล่นเกม" ในชื่อโค้ดเนมว่า Project Z (ข่าวเก่า) วันนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในชื่อจริงว่า Zynga.com
หลังจากเปิดตัว Timelineไปเปิดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
วันนี้ Facebook ได้เปิดตัว Pages แบบใหม่ ที่มีหน้าตารูปร่างคล้ายกับ Timeline ของผู้ใช้ทั่วไป การเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นการช่วยให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ แสดงอัตลักษณ์ของตนได้ดีขึ้น ทั้งนี้ Pages แบบใหม่จะทำให้ผู้ใช้เข้าถึง Facebook จากหน้าเว็บหรือจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ที่มา: Facebook Pages
ถึงแม้กูเกิลเคยโชว์ว่ามีผู้ลงทะเบียน Google+ เมื่อปีที่แล้วกว่า 90 ล้านบัญชีผู้ใช้ และมีรายงานว่าจำนวนได้เพิ่มขึ้นเกิน 100 ล้านบัญชีผู้ใช้แล้ว ประกอบกับมีการคาดการณ์กันว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกเกิน 400 ล้านบัญชีผู้ใช้ได้ไม่ยากนัก แต่จากรายงานของ comScore ฉบับล่าสุดกลับพบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ "ไม่ค่อยทำอะไรมาก" หลังจากสมัครใช้บริการแล้ว และยังระบุว่าหากนับเวลาที่ใช้ไปกับเว็บสังคมออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์พีซีในระหว่างเดือนกันยายนปีที่แล้วจนถึงเดือนมกราคมปีนี้จะพบว่า ผู้ใช้ใช้เวลาบน Google+ เฉลี่ย 3 นาทีต่อเดือนเท่านั้
เหมือนว่า Facebook กำลังเริ่มทดสอบรูปแบบหน้า Group รูปแบบใหม่โดยสุ่มผู้ใช้เพื่อทดสอบ (พอผมได้ก็มาเขียนข่าวเลยนี่แหละฮะ) การจัดวางรูปแบบของกลุ่มใหม่นี้ต่างจากเดิมไม่มากครับ
ในส่วนบนสุดของ Group นั้นจะมีรูปอวตาร์ของสมาชิกกลุ่มบางคนอยู่ (เอาเมาส์ไปชี้ค้างหรือ Hover จะแสดงชื่อคนที่เราชี้ด้วย) พร้อมรายละเอียดทางตัวเลขอย่างชื่อกลุ่ม, จำนวนสมาชิก, อีเวนต์ และเอกสารในกลุ่ม ส่วนตำแหน่งของเนื้อหาอื่นๆ นั้นไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ผมไม่เห็นว่า Facebook เขียนเรื่องนี้ไว้ในบล็อก และจากการลองหาข่าวที่อื่นก็ไม่เจอครับ
รูปประกอบท้าย Break
Yandex เว็บค้นหาชื่อดังของรัสเซีย ประกาศความร่วมมือกับ Twitter โดย Yandex จะนำข้อมูลสาธารณะทั้งหมดจาก Twitter เข้าไปเก็บเป็นดัชนีผลการค้นหา
ข้อความทวีตที่เก็บจะแบ่งเป็น "เก็บทั้งหมด" ถ้าเป็นภาษารัสเซีย ยูเครน เบลารุส คาซัคสถาน ส่วนข้อความในภาษาอื่นๆ จะเก็บเฉพาะข้อความยอดนิยมเท่านั้น
ผู้ใช้ Yandex สามารถค้นข้อมูลจาก Twitter ได้สองทาง คือ จาก Yandex Blog Search หรือเข้าไปที่ twitter.yandex.ru
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการก้าวล้ำกูเกิล (ซึ่งในรัสเซียยังสู้ Yandex ไม่ได้) ที่ยังไม่สามารถยุติสัญญากับ Twitter ได้ แต่ก็เป็นสิ่งยืนยันให้กับเหตุผลของฝ่ายกูเกิลว่า "ต้องเซ็นสัญญากับ Twitter ก่อน" เช่นกัน (ทั้ง Yandex/Twitter ไม่เปิดเผยข้อมูลว่ามูลค่าข้อตกลงเท่าไร)
Google Latitude บริการระบุพิกัดระหว่างเรากับเพื่อนๆ ที่แถมมากับ Google Maps เพิ่งมีความสามารถ "เช็คอิน" ตามสถานที่ต่างๆ เมื่อต้นปีที่แล้ว (แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก)