Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ได้เดินทางไปที่ประเทศจีนในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเดินทางไปหลายสถานที่ รวมทั้งพบปะกับนักธุรกิจและตัวแทนของรัฐบาลจีน

ภาคธุรกิจที่ Cook ได้เดินทางไปมี China Mobile เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาคอนเทนต์บนเครือข่าย 5G ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างคอนเทนต์ Spatial สำหรับ Apple Vision Pro ด้วย และเขาได้เดินทางไปที่สำนักงานของ Sina Weibo ซึ่งที่นั่นเขาถูกถามว่า Apple Intelligence จะมีให้บริการในจีนเมื่อใด ซึ่ง Cook ก็บอกว่าอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยแอปเปิลต้องการนำเสนอฟีเจอร์นี้กับผู้ใช้งานในจีนโดยเร็วที่สุด

Tim Cook ยังเข้าพบ Jin Zhuanglong รัฐมนตรีด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน โดย Jin เผยว่าแอปเปิลยังยืนยันแผนการลงทุนในจีนที่เพิ่มมากขึ้น

Wang Gaofei ซีอีโอของ Weibo ออกยืนยันว่าจีนอาจออกกฎหมายห้ามการแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มด้านการเมือง และการเงินแบบไม่แสดงตน โดยกำหนดให้ผู้ใช้งานแสดงชื่อจริงของตนในบัญชีแทน โดยเริ่มจากทดสอบบนบัญชีตัวเองก่อน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เหล่าอินฟลูเอนเซอร์หลายคนใน Weibo กล่าวว่าพวกเขาได้รับแจ้งว่าผู้ใช้งานที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง บันเทิง และการเงินที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1 ล้านคนขึ้นไป จะต้องเริ่มแสดงชื่อจริงของตน แต่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์กลับไม่ได้บอกว่าการแจ้งเตือนนี้มาจากไหน และหน่วยงานกำกับดูแลทางไซเบอร์สเปซของจีนก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นแต่อย่างใด

Weibo แพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยมของจีน ประกาศว่าจะขยายการแสดงข้อมูลพิกัดพื้นที่ของผู้ใช้งานอิงตามเลข IP มีผลกับผู้ใช้ทุกคน หลังจากเริ่มทดสอบเมื่อเดือนมีนาคม

โดย Weibo อธิบายเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าว ว่าเพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์ม เช่น การหลอกว่าอยู่ในเหตุการณ์สำคัญ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ซึ่งการแสดงพิกัดนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานต้องโปร่งใสกับการเผยแพร่ข้อมูลมากขึ้น

ข้อมูลพิกัดผู้ใช้งานจะแสดงในสองจุด คือท้ายแต่ละคอมเมนต์ และในหน้าหลักของผู้ใช้งานแต่ละคน ไม่สามารถปิดการแสดงผลได้ หากเป็นผู้ใช้งานในจีนจะแสดงข้อมูลที่ระดับจังหวัด ส่วนผู้ใช้งานนอกจีนจะแสดงข้อมูลเป็นประเทศ

นักวิเคราะห์จาก Nomura ได้นำข้อมูลการใช้สมาร์ทโฟนของผู้ใช้ในจีนจาก QuestMobile มาวิเคราะห์ พบว่านับตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มมาตรการควบคุมการเดินทางของประชาชน จากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ปริมาณการใช้โซเชียลมีเดียในจีนเพิ่มสูงมาก

โดย Weibo แอปที่ถูกเรียกว่า Twitter จีน มีการเติบโตของผู้ใช้งาน 31%, Douyin หรือ TikTok ในชื่อจีน เติบโตถึง 102%, Tencent Video โต 32% ส่วนสาเหตุนั้นก็เดาได้ไม่ยาก เนื่องจากแต่ละคนต้องพักอยู่ในบ้านและไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ บริการออนไลน์เหล่านี้จึงจำเป็นสำหรับการพูดคุยติดต่อกับเพื่อน

Weibo ประกาศเร่งกระบวนการยืนยันตัวตนผู้ใช้จากเมืองอู่ฮั่นหลังทางการจีนปิดไม่ให้คนเข้าออก ส่งผลให้มีข่าวสารออกมาจำนวนมาก แต่หลายครั้งก็ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก โดยล่าสุด Weibo ได้ยืนยันบัญชีไป 131 บัญชี ได้รับเครื่องหมาย V เพื่อแสดงว่าเป็นตัวตนจริง

ใน 131 บัญชีนี้เป็นของแพทย์และพยาบาลในพื้นที่ 1 ใน 3 ที่เหลือเป็นผู้อยู่อาศัยในเมือง หรือผู้ที่มีญาติอยู่ในเมือง โดยตอนนี้ Weibo สนับสนุนให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดด้วยข้อมูลจริง ข้อความที่ผู้ใช้ Weibo รายงานออกมา เช่นผู้อาศัยในเมืองรายงานว่าพ่อป่วยแต่กลับไม่มีโรงพยาบาลรับรักษา หรือผู้ใช้รายงานว่าร้านค้าไม่มีของขาย

เวยป๋อ (Weibo) โซเชียลมีเดียรายใหญ่ตัวหนึ่งของจีน ที่สื่อตะวันตกมักเรียกว่า Twitter จีน รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2018 รายได้เพิ่มขึ้นถึง 68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 426.6 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 140.7 ล้านดอลลาร์

ถึงแม้รายได้จะน้อยกว่า Twitter (แต่มีกำไรนะ) สิ่งที่น่าสนใจคือจำนวนผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้เป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้นเป็น 431 ล้านคน ส่วนผู้ใช้เป็นประจำทุกวัน (DAUs) มี 190 ล้านคน ซึ่งมากกว่า Twitter

Sina Weibo เว็บไซต์ไมโครบล็อกของจีนกลับลำการตัดสินใจก่อนหน้าที่เคยสั่งแบนคอนเทนต์เกย์ไป เนื่องจากมีแรงต่อต้านจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก

Weibo ประกาศผ่านโพสต์บนเว็บไซต์ โดยยืนยันว่าตอนนี้ได้ยกเลิกการแบนคอนเทนต์เกย์แล้ว แต่ในการแบนเรื่องอื่นอย่างเช่นภาพโป๊หรือความรุนแรงนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป โดยทางบริษัทขอขอบคุณสำหรับการสนทนาและเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นนี้

ก่อนหน้านี้ Weibo สั่งแบนคอนเทนต์ต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงคอนเทนต์ประเภทเกย์ด้วย ไปจนทำให้มีแฮชแท็ก #iamgay และ #iamgaynotapervert ซึ่งในภายหลัง Weibo ก็สั่งแบนต่อด้วยเช่นกัน โดยในครั้งนั้น Weibo แบนเนื้อหาที่ผิดกฎหมายไปแล้วกว่า 56,000 ชิ้น และปิดบัญชีผู้ใช้ไปแล้ว 108 ราย

นับวัน จีนยิ่งมีมาตรการคุมเข้มทางวัฒนธรรมบนโลกดิจิทัลเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนก็แบนเว็บไซต์ขายคัมภีร์ไบเบิล ล่าสุด Weibo หรือ Twitter ของจีน ทำแคมเปญ clean-up กำจัดเนื้อหาที่สุ่มเสี่ยงและผิดกฎหมายจีน ไม่ว่าจะเป็นมังงะญี่ปุ่น เนื้อหาเกย์ เนื้อหาโป๊ รวมทั้งเนื้อหาเกมรุนแรงด้วย เช่น Grand Theft Auto

จากมาตรการดังกล่าวของแพลตฟอร์มสร้างความไม่พอใจให้ชาวเน็ต ต่างพากันสร้างแฮชแท็ก I am gay ที่มีการใช้ไปกว่า 170,000 ครั้ง ก่อนที่ Weibo จะแบนออก มีข้อความจากชาวเน็ตบอกด้วยว่า ไม่น่าเชื่อที่ประเทศจีนมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ แต่มาตรการดังกล่าวทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปยังยุคศักดินา

บริการไมโครบล็อกกิ้ง Weibo หรือที่บางคนเรียกว่า Twitter จีน ได้แจ้งผู้ใช้งานทุกคนให้ยืนยันตัวตนด้วยชื่อจริง ภายในวันศุกร์หน้า (15 กันยายน) เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของทางการจีนที่มีประกาศก่อนหน้านี้

Weibo เคยแจ้งให้ผู้ใช้งานทุกคนต้องยืนยันตัวตนเมื่อปี 2011 แต่ผ่านไปหนึ่งปีก็ต้องยกเลิก โดยให้เหตุผลว่าทำได้ยาก ใช้เวลานานกว่าที่คิด และกระทบต่อตัวเลขจำนวนผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามในประกาศของ Weibo ปีนี้นั้น ยังรวมถึงผู้ใช้ที่เคยยืนยันตัวตนตอนปี 2011 ว่าต้องยืนยันตัวตนซ้ำอีกครั้งหนึ่งด้วย

ปัจจุบัน Weibo มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน 340 ล้านคน

เว็บไซต์ข่าว South China Morning Post รายงานข่าวว่าหน่วยงานจัดการไซเบอร์ของจีน หรือ Cyberspace Administration of China กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตจากสามแพลตฟอร์มใหญ่คือ WeChat, Weibo และ Baidu โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าพบว่ามีผู้ใช้งานบางรายเผยแพร่ข้อมูลรุนแรง หยาบคาย เป็นภัยต่อความมั่นคง ความเป็นระเบียบของชาติ

Weibo ตอบนักข่าวกรณีกล่าวหาดังกล่าวว่า "Weibo เสียใจอย่างยิ่งต่อประสบการณ์เชิงลบของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เกิดจากข้อมูลที่เป็นอันตราย โดยเราจะเร่งแก้ปัญหาและให้ความร่วมมือกับการสืบสวน" ด้าน Baidu ก็ระบุจะเพิ่มมาตรการเซ็นเซอร์อย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแสดงข้อมูลผิดกฎบนโลกออนไลน์ และ Tencent ผู้สร้าง Wechat ก็ระบุไปในทำนองเดียวกันคือจะให้ความร่วมมือกับการสอบสวน

การคุมสื่ออินเทอร์เน็ตในประเทศจีนยังดำเนินต่อไป ก่อนหน้านี้ที่เป็นข่าวดังคือ รัฐห้ามถ่ายทอดสด AlphaGo vs. Ke Jie หวั่นกระทบความภูมิใจของชาติ และข่าวรัฐเพิ่มมาตรการคุมสื่ออินเทอร์เน็ต สื่อต้องขึ้นทะเบียนขออนุมัติจากหน่วยงานไซเบอร์แห่งชาติ ล่าสุดขยายขอบเขต ประกาศแบนไลฟ์จากสามแพลตฟอร์มใหญ่ในจีน คือ Weibo, iFeng และ ACFUN

ทวิตเตอร์เมืองจีนหรือ Weibo ออกมาแถลงกำไรสะสมในไตรมาสสี่ปีที่แล้วพุ่งสูง 43 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2015 ถึง 45%

รายได้ Weibo ส่วนใหญ่มาจากค่าโฆษณา รายได้รวมปี 2016 อยู่ที่ 212.7 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่ Bloomberg คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 208 ล้านดอลลาร์

บริการเครือข่ายสังคมของจีน Weibo ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "Twitter จีน" ล่าสุด มีมูลค่ากิจการตามราคาในตลาดหุ้นอยู่ที่ 11,300 ล้านดอลลาร์ สูงกว่า Twitter ซึ่งมีมูลค่ากิจการ 11,100 ล้านดอลลาร์

เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Weibo เคยมีมูลค่ากิจการสูงกว่า Twitter แต่เวลาต่อมา Twitter ก็กลับมามีมูลค่าสูงกว่า

Twitter ไตรมาสล่าสุดนั้นออกมาไม่สดใสนัก มีการเติบโตที่น้อย และรายได้ก็เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ตรงข้ามกับ Weibo ที่ยังมีการเติบโตและเตรียมขยายฐานสู่ประเทศใหม่ๆ

ที่มา: Bloomberg

หนึ่งในบริการไมโครบล็อกกิ้งที่เรารู้จักกันดีคือ Twitter ซึ่งเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2006 และได้รับความนิยมอย่างมาก หลังจากนั้นในปี 2009 ก็มีบริการที่ "คล้ายกันมาก" คือ Sina Weibo จากประเทศจีนออกมา สุดท้ายทั้งสองบริการก็เข้าตลาดหุ้นทั้งคู่ ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า Weibo มีมูลค่าแซง Twitter ไปแล้ว

ในวันที่ Twitter เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 2013 บริษัทฯ มีมูลค่าถึง 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะนี้มูลค่าลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียง 1.123 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ในขณะที่ฝั่ง Weibo ที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 2014 มีมูลค่าบริษัทตอนนั้นเพียง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้มีมูลค่าพุ่งขึ้นไปสูงถึง 1.132 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

ขณะที่ทางฟากของ Twitter กำลังพิจารณาเรื่องการเพิ่มลิมิตตัวอักษร ฟากของ Sina Weibo หรือ Twitter ของจีนประกาศเพิ่มลิมิตจาก 140 ตัวอักษรให้เป็น 2,000 ตัวอักษรแล้ว

Weibo จะเริ่มทดสอบการเพิ่มลิมิตตัวอักษรในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะจำกัดเฉพาะในวงแคบๆ ก่อนเท่านั้น ก่อนที่จะปล่อยอัพเดตให้จริงในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

ทางโฆษกของ Weibo ระบุว่าถึงแม้การโพสต์บน Weibo โดยปกติมักจะไม่ค่อยถึง 140 ตัวอักษร (จีน) อยู่แล้ว แต่การเพิ่มลิมิตครั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มทางเลือกและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้

ที่มา - Engadget

Scott McNealy หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystems หันไปทำบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลชื่อว่า Wayin ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วออกมาระบุว่าอยากร่วมมือกับ Weibo เพื่อนำข้อมูลสถิติมาใช้ในการวัดความสำเร็จของแคมเปญโฆษณาในระดับนานาชาติ

ตอนนี้ Wayin เชื่อมต่อข้อมูลกับทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, และเครือข่ายสังคมออนไลน์รายใหญ่อื่นอีกหลายรายแต่ข้อมูลในจีนยังคงเป็นช่องโหว่ และลูกค้าของ Wayin เองก็เรียกร้องให้มีข้อมูลจาก Weibo เข้ามาร่วมวิเคราะห์ด้วย

ยังไม่มีการประกาศจากทาง Weibo ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะส่งข้อมูลให้กับบริษัทอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน หรือกำหนดเวลาเปิดช่องทางเช่นนี้เป็นอย่างไร

ตลาดจีนกลายเป็นตลาดสำคัญของแอปเปิล ตอนนี้ ทิม คุก ก็เปิดบัญชี Weibo เพื่อสื่อสารกับชาวจีนเป็นทางการแล้ว

ข้อความแรกของทิม คุก แสดงความยินดีที่ได้กลับมาปักกิ่งเพื่อประกาศโครงการด้านสิ่งแวดล้อม

ไม่ถึงวันหลังบัญชีนี้เปิดตัวก็มีคนติดตามแล้วกว่าสี่แสนคน มีคนกดไลค์ข้อความกว่าหกหมื่นครั้ง, รีทวีตอีกสี่หมื่นครั้ง, และคอมเมนต์อีกเกือบห้าหมื่นคอมเมนต์

ที่มา - TechCrunch

นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป เว็บไซต์สังคมออนไลน์ Weibo (เวย์ปั๋ว) หรือ Twitter ของจีน ผู้ใช้ชาวจีนจะต้องให้ชื่อจริงและหมายเลขบัตรประชาชนกับทางการจีนก่อนเข้าใช้ กฎใหม่ที่ออกมานี้ทำให้สถานที่ที่เปิดให้มีการพูดคุยอย่างเสรีซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในจีนต้องมีอันแปรเปลี่ยนไปอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้คนจำนวนมากมองว่าการที่ออกกฎบังคับส่งข้อมูลให้กับทางการจีนเช่นนี้จะเป็นการเร่งให้ Weibo ล่มสลายเร็วขึ้น

Weibo บริการแบบเดียวกับ Twitter ของจีน เตรียมเปิดขายหุ้น IPO ในตลาด NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้ตัวย่อหุ้นว่า WB และจะตั้งราคาหุ้นที่ 17-19 ดอลลาร์ต่อหุ้น ระดมเงินประมาณ 380 ล้านดอลลาร์

การขายหุ้น IPO ของ Weibo จะทำให้มูลค่ากิจการทั้งหมดอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมีผู้ใช้เฉลี่ย 130 ล้านคนต่อเดือน มีรายได้ในปี 2013 ที่ 188 ล้านดอลลาร์

Weibo เป็นบริษัทลูกของบริษัท Sina เว็บพอร์ทัลจีนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2000 และหุ้นอีก 18% เป็นของ Alibaba ซึ่งก็มีแผนจะเปิดขายหุ้น IPO ในสหรัฐเช่นกัน

ในการประชุมรัฐสภาเป็นเวลา 10 วันนั้น ได้มีข้อห้ามหนึ่งที่ระบุไว้ว่า ห้ามใช้โทรศัพท์ในการส่งข้อความหรือโทรในระหว่างการประชุม ห้ามเล่นเกมรวมถึงห้ามใช้ Weibo และ WeChat ทำการถ่ายทอดสดการประชุมใดๆ ทั้งสิ้น

มาตรการเรื่องการห้ามใช้โทรศัพท์เพื่อความบันเทิงในรัฐสภานั้นไม่ได้เกิดขึ้นในจีนที่แรก ในปี 2012 รัฐมนตรีของอินเดียก็ถูกให้ลาออกหลังจากพบว่ามีการดูสื่อลามกผ่านโทรศัพท์ระหว่างการประชุมในสภา และในฮ่องกงก็มีการปรับมาตรการหลังจากพบว่ามีคนแอบดูรูปนางแบบชุดชั้นในเช่นกัน

น่าสนใจว่าในประเทศไทยจะมีมาตรการแบบนี้ออกมาใช้กับเขาบ้างไหมนะ

ที่มา - The Register

ข่าวนี้เป็นบริษัทออนไลน์จีนซื้อหุ้นกันเองครับ ยักษ์คอมเมิร์ซ Alibaba ประกาศเข้าถือหุ้น 18% ใน Sina Weibo (หรือที่เรียกกันว่า Twitter จีน) คิดเป็นเงินมูลค่า 586 ล้านดอลลาร์

เป้าหมายของ Alibaba คือการผลักดันให้ Sina Weibo มาช่วยสนับสนุนกิจการอีคอมเมิร์ซของตัวเองมากขึ้น และใช้ฐานที่เข้มแข็งของ Sina Weibo บนมือถือเพื่อเตรียมพร้อม Alibaba สู่โลกยุคอุปกรณ์พกพาอีกด้วย

ปัจจุบัน Sina Weibo มีผู้ใช้ต่อวัน 46 ล้านคน ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนหลัก 500 ล้านคน และ Sina Weibo ก็ยังมีปัญหาเรื่องโมเดลธุรกิจที่ยังไม่ชัดเจนเหมือนกับ Twitter ด้วย

Kai Fu Lee อดีตผู้อำนวยการของกูเกิลสาขาประเทศจีน และย้ายไปทำงานบริษัท Innovation Works ของเขาเอง เขาเป็นหนึ่งในคนจีนที่มีคนตามจำนวนมากใน Sina Weibo เว็บ microblogging ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน โดยล่าสุดมีคนตามถึงสามสิบล้านคน แต่การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนในช่วงหลังทำให้เขาถูกลงโทษแบนจากเว็บไปสามวัน

ตัว Kai Fu Lee ยอมรับว่าวิจารณ์รัฐบาลในหลายประเด็น เช่น

HootSuite บริการสำหรับโพสต์ขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คหลายแห่ง เริ่มแผนบุกประเทศจีนแล้ว หลังจากอัพเดตแอพให้รองรับโซเชียลเน็ตเวิร์ครายใหญ่ของประเทศจีน Sina Weibo และภาษาจีนตัวเต็ม (Traditional Chinese) ในตัวแอพแล้ว

นอกจากนี้ยังเปิดบัญชีทางการของ HootSuite ใน Sina Weibo และเปิดบัญชี @HootSuite_CN บน Twitter อีกด้วย

แผนต่อไปของ HootSuite คือเพิ่มภาษาจีนตัวย่อ (Simplified Chinese) และบริการอื่นๆ ของจีนเข้าไปในตัวแอพในอนาคต

ที่มา - The Next Web

People Hub หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Windows Phone ซึ่งช่วยผูกรายชื่อเพื่อนเข้ากับบริการโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างแนบแน่น อาจจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นักสำหรับผู้ใช้งานในประเทศจีนที่ที่ Facebook และ Twitter ถูกแบน

WPDang รายงานว่า People Hub บน Windows Phone 8 จะใช้งานในจีนได้ดีขึ้นด้วยการเชื่อมกับ Sina Weibo (บริการคล้าย Twitter) และอาจจะได้เชื่อมกับโซเชียลเน็ตเวิร์คจากยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent อีกด้วย (บริการตัวหลังอยู่ในระหว่างการเจรจา)

ปัจจุบัน Sina Weibo มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 300 ล้านรายและเป็นที่นิยมมากในจีน ส่วน Tencent นั้นก็ไม่น้อยหน้านอกจากจะให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คและ instant messaging แล้วยังเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเกมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย

เป็นที่รู้กันว่าประเทศจีนนั้นมีการควบคุมเนื้อหาบนโลกออนไลน์อย่างเข้มงวดมาก ทำให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คจากต่างแดนอย่างทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กนั้นจนเดี๋ยวนี้ก็ยังถูกบล็อคไม่ให้คนจีนใช้งานได้ นอกจากนี้แล้วยังมีเว็บไซต์อื่นๆ ที่ใช้การไม่ได้อีกมาก

แม้แต่บริการในประเทศจีนเองที่คล้ายกับทวิตเตอร์อย่าง Sina Weibo เองก็ถูกเซนเซอร์เช่นกัน โดยผลจากทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลอน ที่ได้เก็บตัวอย่างข้อความกว่า 57 ล้านข้อความในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้ว เมื่อผ่านไปสามเดือนทีมงานกลับมาเช็คข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองที่มีอยู่ราว 1.3 ล้านข้อความพบว่า 16% ของข้อความดังกล่าวนั้นถูกลบไป และกว่า 54% ของข้อความที่มีจากทิเบตก็ถูกลบไปเช่นกัน