อันที่จริง มันก็มีการส่งหุ่นยนต์พวกนี้เข้าไปทำภารกิจต่างๆ ในอิรักอยู่แล้วแต่มีจำนวนไม่มาก ส่วนมากจะทำภารกิจประเภทกู้ภัยซะมากกว่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะมีการส่งหุ่นยนต์ติดอาวุธเข้าไปยังสนามรบ ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ SWORDS (special weapons observation remote reconnaissance direct action system) โดยเริ่มแรกจะมีการส่งไปทั้งสิ้น 3 ตัว โดยที่ทั้งสาม (ตัว) มีอาวุธประจำกายคือ ปืนกล M249 "หุ่นพวกนี้มันยังไม่เคยยิงใครจริงๆ ด้วยซ้ำ" - Michael Zecca หัวหน้าทีมพัฒนากล่าว,
ลองคิดดูว่าคุณไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่สามารถพูดคุย สื่อสาร หรือลืมตาตื่นได้ คุณจะรู้สึกอย่างไร แล้วถ้าวันหนึ่ง คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิมจะดีแค่ไหนต่อชีวิตคุณ
นักวิจัยจากคลินิกศูนย์กลางฟื้นฟูประสาทของคลีฟแลนด์ ทีมผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันศูนย์กลางการฟื้นฟูการบาดเจ็บทางหัว JFK Johnson ในเอดิสัน และ วิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้วิจัยเทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยที่สภาพที่เรียกว่า นิทราได้ หรือ ในต่างประเทศเรียกว่า สภาพผักได้ โดยการฝังขั้วอิเล็กโทรดสองอันฝังเข้าไปยังส่วนลึกของสมอง และกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อให้สมองตื่นจากอาการหลับไหลและติดตั้งกับอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจ ซึ่งอิเล็กโทรดกระตุ้นสมองจะใช้พลังงานจากอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจนี้
อะไรๆ ก็ HD ล่าสุด Microsoft ได้ส่งเทคโนโลยี HD Photo ให้ทาง Joint Photographic Expert Group (JPEG) เพื่อพิจารณาเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรูปแบบการบีบอัดรูปภาพคุณภาพสูง ใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการคือ JPEG XR HD Photo หรืออีกชื่อนึงคือ Windows Media Photo เป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแบบใหม่สำหรับภาพดิจิทัล โดยทาง Microsoft ยืนยันคุณภาพไม่ว่าจะเป็นความถูกต้องของภาพ การบีบอัดที่มากกว่า ง่ายต่อการตกแต่งแก้ไข สนับสนุนทั้งการบีบอัดแบบ lossy และ lossless ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ JPEG-2000
กรมการข่นส่งของอังกฤษ ได้ประกาศอันดับรถรุ่นใหม่ที่ผู้ซื้อควรซื้อ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านทางหน้าเว็บไซด์ http://www.dft.gov.uk/ActOnCO2 โดยการจัดอันดับนี้ใช้หลังเกณฑ์การแนะนำของนิตยสาร What Car?
ในเว็บผู้ที่สนใจจะสามารถสืบค้นรถรุ่นต่างๆได้จาก ยี่ห้อรถ เครื่องยนต์และชนิดน้ำมัน ผลที่สืบค้นออกมาจะแสดงรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดเป็นอันดับแรก
รถที่อยู่นี้การสืบค้นทุกรุ่นจะต้องผ่านการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเจ้าหน้าที่ และจะสามารถวางจำหน่ายได้เมื่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดตามกฎหมาย
โดยอันดับคร่าว ๆ มีดังนี้
Sarah Logie และ Connor Dickie ได้พัฒนาเทคโนโลยีแสดงผลรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า "kameraflage" เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เราสามารถแสดงสิ่งที่ไม่ต้องการให้สายตามนุษย์เห็น แต่กล้องดิจิตอลมองเห็นได้ สำหรับตัวอย่างการใช้งาน เช่น เราอาจนำไปใช้พิมพ์ข้อความลงบนเสื้อยืดที่ต้องถ่ายรูปไปเท่านั้นจึงจะอ่านได้ หรือการแสดงลายน้ำมั่วๆบนภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่ในโรงเพื่อป้องกันคนทำหนังซูม เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ใช้ได้กับกล้องดิจิตอลธรรมดาตามท้องตลาดทุกรุ่นโดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม
หลังจากที่เคยมี 2 หนุ่มอเมริกัน ดัดแปลงรถโตโยต้า Prius ให้สามารถติดปลั๊กชาร์ทไฟได้ คราวนี้บริษัทโตโยต้าได้เอาไอเดียนั้นมาลองทำกับรถตัวเองโดยใช้รุ่น Prius เหมือนกัน โดยจะเป็นรถรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริจมีตัวปลั๊กแบบปลั๊กไฟบ้านไว้ชาร์ทไฟ ซึ่งระบบที่ใช้ไฟฟ้าจะใช้ไฟบ้านมาตรฐาน ชาร์ทเข้าไฟบ้านโดยตรง ซึ่งทำให้มีข้อเสียคือไม่สามารถวิ่งไปไกลว่า 13 กิโลเมตรต่อการชาร์ทหนึ่งครั้งได้ซึ่งหากเกินไปกว่านั้นรถจะตัดระบบการใช้ไฟฟ้า สลับไปใช้น้ำมันแทน ซึ่งการทดสอบจะมีขึ้นในญี่ปุ่นประเทศแรก ตามด้วยอเมริกาและยุโรปตามลำดับ
ฟังดูที่เล่ามาอาจจะเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่นี้คือเรื่องจริง เพราะบทความในวารสารวิชาการ Neuroscience Methods ได้นำเสนอวิธีการรักษาโรคแบบใหม่โดยการปลูกถ่ายชิพเซ็นเซอร์ ไว้บนผิวสมอง เพื่อแปลกระแสประสาทเป็นคำสั่งต่างๆได้ในการควบคุมแขนเทียมหรือป้องกันโรคที่เกิดจากการสื่อกระแสประสาท
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับภาษาของมนุษย์ว่าเกิดจากการที่เราจดจำเสียงภายในสมองของเรามาตั้งแต่เกิดได้ แต่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ได้พยายามที่จะหาทางที่จะรู้ว่าเด็กทารกมีวิธีที่จะเรียนรู้การพูดได้อย่างไร โดยการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้การที่เด็กทารกหัดพูดได้
ศาตราจารย์ James McClelland จากวิทยาลัย Palo Alto หัวหน้าได้นำเสนอทฤษฎีใหม่ในการหัดพูด เกิดจากการจดจำและเลียนเสียงการพูด และพิสูจน์สมมุติฐานโดยการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถอัดเสียงแม่ที่พูดต่อลูกตัวเอง และโปรแกรมจะทำพูดตามที่เสียงอัดไว้ ซึ่งสามารถทำให้โปรแกรมสามารถที่จะเรียนรู้การหัดพูดได้แบบที่ทารกหัดพูด ซึ่งตอนนี้ทดลองแค่ 2 ภาษาคือ ญี่ปุ่น กับอังกฤษ
ลองนึกภาพที่คุณนั่งอยู่ที่โซฟา ดูทีวีอย่างสบายใจ ทันใดนั้นก็นึกได้ว่ามีนัดผ่าตัดไหล่กับแพทย์ในเวลานั้น คุณมีรีโมททีวีในมือขวา โทรศัพท์มือถือในมือซ้าย คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กอยู่ข้างหน้า คุณจะเลือกอะไรระหว่าง มือถือ ทีวี และ คอมพิวเตอร์ในการเลื่อนนัด
ตอนนี้ได้มีการทดลองบริการใหม่ที่อังกฤษโดยบริษัท EMIS เป็นผู้ให้บริการในการนัด เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกพบแพทย์ โดยผ่านบริการเคเบิล ซึ่งหมายถึงให้บริการที่เข้าถึงผู้บริโภคแบบใหม่
นวัตกรรมเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาโดยนักวิศวกร 3 คนจาก Wales ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้ไปเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ เช่น ไบโอดีเซล, ก๊าซมีเทน หรือ ปุ๋ยหมัก
อุปกรณ์ไฮเทคนี้ ถูกต้องชื่อว่า Greenbox และออกแบบมาเพื่อติดตั้งในยานพาหนะ เมื่อยานพาหนะเผาไหม้เชื้อเพลิงเกิดเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ และไนตรัซออกไซด์ จะถูกเก็บลงไปใน Greenbox จนเต็ม เมื่อเต็มแล้ว ก๊าซเหล่านั้นจะถูกถ่ายไปยังถังหมักเพื่อทำกระบวนการต่อไปให้กลายเป็นเชื้อเพลิง ฟังดูซับซ้อน แต่เทคโนโลยีนี้จะช่วยการผลิตไบโอดีเซลอย่างรวดเร็ว
งานวิจัยชิ้นนี้ถูกคิดขึ้นโดยไม่มีใครให้ทุน และนักคิดค้นทั้ง 3 คนยังคงรอคอยให้ภาครัฐหรือบริษัทเอกชนมางบสนับสนุนงานวิจัยต่อไป
ผลวิจัยล่าสุดจาก Trinity College Dublin พบว่าชาวสหราชอาณาจักร 25% (เฉพาะที่สำรวจ) ไม่สามารถจำเบอร์โทรศัพท์บ้านได้ และ 33% จำวันเกิดคนใกล้ชิดได้น้อยกว่า 3 คน
ศาสตราจารย์ Ian Robertson ผู้ทำการสำรวจนี้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเรามีสิ่งที่ต้องจำเพิ่มขึ้น (เช่น รหัสผ่าน เบอร์โทร เลขประชาชน เลขบัญชีธนาคาร ทะเบียนรถ) ซึ่งแก้ไขโดยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ พีดีเอ มือถือและอุปกรณ์พกพาต่างๆ ช่วยเก็บข้อมูลได้ แต่ยิ่งใช้สมองส่วนความจำน้อยเท่าไร ประสิทธิภาพของมันก็ลดลงเท่านั้น
Robertson อ้างผลวิจัยอีกหลายชิ้น ที่บ่งบอกว่าคนอายุ 50 ปีขึ้นไป มีความจำในภาพรวมดีกว่าคนรุ่นอายุต่ำกว่า 30 ปี เนื่องจากโตมาสมัยที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า และไม่พึ่งพาเทคโนโลยีมากนัก
องค์การนาซ่าเซ็นสัญญามูลค่า 46 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออุปกรณ์พื้นฐานจากบริษัทด้านอวกาศยานในประเทศรัสเซีย โดยสัญญานี้รวมความไปถึงการซื้อเทคโนโลยีสุขาในสถานีอวกาศมูลค่า 19 ล้านดอลลาร์ และเทคโนโลยี Airlock ที่ใช้ในเวลาที่นักบินอวกาศต้องการออกไปด้านนอกสถานีอวกาศ ตลอดจนซอฟต์แวร์อื่นๆ อีกหลายรายการ
สำหรับสุขามูลค่า 19 ล้านดอลลาร์นี้มีการติดตั้งและใช้งานอยู่แล้วในสถานีอวกาศนานาชาติในทุกวันนี้ โดยติดตั้งอยู่ในโมดูลให้บริการ Zvezda ของทางรัสเซีย และทางนาซ่าต้องการนำไปติดตั้งเพิ่มเติมเนื่องจากจะมีการขยายความสามารถในการรองรับนักบินของสถานีอวกาศนานาชาติเป็นหกคนในปี 2009 นี้
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Technion และวิทยาลัยแห่งจูเดียและสะมาเรีย ประเทศอิสราเอล ประกาศความสำเร็จในการสร้างหุ่ยนต์ขนาดเพียง 1 มิลลิเมตรที่สามารถว่ายทวนกระแสเลือดในเส้นเลือดใหญ่ของมนุษย์ได้เป็นผลสำเร็จ
งานวิจัยเพื่อการสร้างหุ่นยนต์ที่จะเดินทางเข้าไปในร่างกายมนุษย์มีมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากความต้องการที่จะรักษาโรคบางอย่างที่ต้องการการผ่าตัดภายในเฉพาะจุด การสร้างหุ่นยนต์ให้เดินทางเข้าไปรักษาโดยไม่ต้องเปิดแผลจึงเป็นแนวทางที่นักวิจัยพยายามทำกันมาเป็นเวลานาน
ตัวหุ่นยนต์ที่นักวิจัยสร้างขึ้นนี้ เป็นการใช้แขนจำนวนมากเกาะไปตามผนังเส้นเลือดเพื่อค่อยๆ เดินทางไปข้างหน้า พร้อมกับการออกแบบที่เตรียมพร้อมสำหรับขนาดเส้นเลือดที่เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา
Jet Propulsion Laboratory แล็บดังของ NASA ได้โอเพนซอร์สเฟรมเวิร์กสำหรับการสร้างหุ่นยนต์ชื่อ CLARAty (ย่อมาจาก Coupled Layer Architecture for Robotic Autonomy) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กเดียวกับที่ใช้สร้างหุ่นยนต์ไปดาวอังคารมาแล้ว
ในเวอร์ชันแรก 0.10-beta ทาง JPL ได้เปิดซอร์สของ CLARAty ออกมาจำนวน 44 โมดูล คิดเป็น 10% ของโมดูลทั้งหมด ซึ่ง JPL ตั้งใจเพิ่มตัวเลขนี้เป็น 30% ในอนาคต ตัวอย่างของโมดูลได้แก่ ส่วนประมวลผลคณิตศาสตร์, ส่วนควบคุมกลไกพวกล้อหรือกล้อง เป็นต้น
สัญญาอนุญาตที่ใช้คือ JPL Open Source License เท่าที่แอบดูมีเวอร์ชันบนลินุกซ์และ VxWorks ก่อนหน้านี้ NASA ก็เคยออกโปรแกรม World Wind ที่เป็นโอเพนซอร์สมาก่อนแล้ว
เมื่อวานนี้นักบินอวกาศบน International Space station (ISS) คงต้องทำงานกันหนักกว่าเดิม เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมน้ำและอากาศในสถานีอวกาศเกิดล่มไปหลังการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ชุดใหม่ไปก่อนหน้านี้
นอกจากระบบควบคุมที่ดับไปแล้ว การรวนของระบบทำให้เกิดสัญญาณเตือนภัยผิดพลาด ทำให้มีการเตือนว่ามีไฟไหม้ที่โมดูล Zarya ของรัสเซียอีกด้วย
แต่ในที่สุดแล้ววันนี้ทางสถานีของรัสเซียก็สามารถติดต่อกับระบบดังกล่าวได้อีกครั้งและระบบเริ่มกลับมาทำงานเป็นปรกติแม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม โดยฝั่งนาซ่าออกมาให้ข่าวว่าช่วงเวลานี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายอื่นๆ และจะมีการตรวจสอบสาเหตุต่อไป แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากระบบจ่ายไปมากกว่าที่จะเป็นบั๊กในซอฟต์แวร์
นักวิจัยจากภาควิชาฟิสิกส์ของ MIT ประสบความสำเร็จในการส่งพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ต้องมีสายไฟ โดยสามารถทำให้หลอดไฟขนาด 60 วัตต์สว่างได้ แม้อยู่ห่างจากแหล่งพลังงาน 2 เมตร
ทีมวิจัยเรียกกรรมวิธีนี้ว่า "WiTricity" (wireless electricity) หลักการของมันคือวัตถุที่มีความถี่ resonant เหมือนกัน จะถ่ายเทพลังงานซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พลังงานไม่รั่วไหลออกไปสู่วัตถุอื่น ทีมนี้ใช้ความถี่ resonant ทางแม่เหล็ก ต่างออกไปจากความถี่เสียงแบบที่เราเคยเรียนกันในวิชาฟิสิกส์
อาจารย์ Peter Fisher หนึ่งในทีมวิจัยบอกว่า ถ้าใช้ขดลวดขนาดเท่ากับโน้ตบุ๊ค ก็สามารถส่งพลังงานโน้ตบุ๊คต้องใช้ในการทำงานได้เหลือเฟือ แปลว่าถ้านั่งทำงานอยู่ในห้อง ก็ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เลย
วันนี้ทาง microsoft.com ได้เพิ่ม new topic เข้าไปในส่วนของ hightlight แล้วล่ะครับ โดยการเปิดตัวครั้งนี้ได้ เป็นการนำเสนอ video นำเสนอ feature หลักๆ ของ Surface เอง และนำเสนอ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่เริ่มต้นมาจาก ปี 2001 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นอะไรที่ผมว่าน่าจะเปลี่ยนโลกได้ทีเดียว เลยครับ ติดตามได้จาก ลิ้งค์ที่ให้ไว้นะครับ
การเข้าชมควรมี Adobe Flash Player ( หรือ Macromedia Flast Player ) เวอร์ชั่น 8 ขึ้นไปนะครับ
Microsoft Surface official web-site
หากเกินความคืบหน้า หมาเขียวจะเอามารายงานครับผม
Multitasking คือการทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆภายในเวลาเดียวกัน เช่น เขียนโปรแกรมไปเช็คอีเมล์ไป ขับรถไปคุยโทรศัพท์ไป ใช้ sms ในระหว่างที่เดินข้ามถนนและฟัง iPod ไปด้วย เป็นต้น
คนจำนวนมากคิดว่า การที่เราทำอะไรได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นคุณสมบัติที่ดี และเป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ยิ่งมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เรายิ่งทำอะไรได้มากขึ้นในคราวเดียว ก็ยิ่งเป็นพัฒนาการในการทำงานที่ดีเข้าไปใหญ่ มือถือ อีเมล์ แมสเสจ และอื่นๆ จึงกลายเป็นสิ่งที่เราคิดว่าจำเป็นต้องชีวิตตลอดเวลา