Instagram เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Reels สำหรับการสร้างคลิปวิดีโอพร้อมเพลงความยาว 15 วินาทีและแชร์ลง Stories ลักษณะเดียวกับ TikTok โซเชียลเน็ตเวิร์คคู่แข่งจากจีน
Reels จะเป็นวิดีโอคลิปสั้น ๆ ที่มีเพลงประกอบให้เลือกใส่ได้จำนวนมาก หรือจะเลือกเสียงจากวิดีโออื่นบน Reels ที่แชร์แบบสาธารณะก็ได้ โดยเมนู Reels จะอยู่ใกล้ ๆ กับ Boomerang และ Super-Zoom ใน Stories
Reels เปิดให้แชร์ทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัวผ่านระบบ Direct Message ของ Instagram ซึ่งหากแชร์เป็น Stories สามารถเลือกแชร์เฉพาะเพื่อนสนิทก็ได้ และ Instagram ยังมีฟีเจอร์ Top Reels ในหน้า Explore สำหรับการดู Reels ที่กำลังเป็นที่นิยมได้ด้วย
กระแส TikTok กำลังมาแรงจริงๆ ล่าสุด แม้แต่ Adobe ก็เข้าร่วมขบวนเทรนด์วิดีโอสั้นด้วย โดย Adobe ได้ร่วมมือกับ TikTok ให้สามารถแชร์คลิปจาก Premiere Rush แอพพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอไปยัง TikTok ได้เลย
ก่อนหน้านี้ ByteDance บริษัทแม่ TikTok ประกาศจับมือแบรนด์จีน Smartisan เพื่อผลิตสมาร์ทโฟน ล่าสุดออกมือถือมาอย่างเป็นทางการแล้วในชื่อว่า Smartisan Jianguo Pro 3 ฟีเจอร์หลักๆ คือสามารถปัดที่หน้าจอหลักเพื่อเข้าแอพ TikTok ได้ทันที ขายในจีนก่อน
โซเชียลมีเดียมีรายได้หลักคือโฆษณา และหนึ่งในภาคส่วนที่นำเม็ดเงินมาลงกับโซเชียลเพื่อเข้าถึงคนหมู่มากก็คือฝ่ายการเมือง และเรื่องนีก็ทำให้เฟซบุ๊กเจอปัญหาสาหัสมาแล้วช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016
แต่ TikTok มีความแตกต่าง วางตัวเองเป็นแอพเพื่อความบันเทิง ประกาศไม่รับลงโฆษณาการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาหาเสียง สนับสนุนพรรคหรือนักการเมือง
The Guardian เผยเอกสารที่ระบุว่า TikTok แอพวิดีโอสั้นยอดนิยมได้แนะผู้ใช้อย่าทำคอนเทนต์ต้องห้ามตามแนวทางรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดที่จตุรัสเทียนอันเหมิน, การเรียกร้องเอกราชของทิเบต, กลุ่มลัทธิ Falun Gong เป็นต้น
ครั้งหนึ่งมือถือ BlackBerry คือสุดยอดสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อโลกอินเทอร์เน็ตไว้ในมือถือ แต่ตอนนี้ BlackBerry กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อวัยรุ่นจีนส่วนหนึ่งใช้มันเมื่อต้องการอยู่ห่างๆ จากโลกออนไลน์สักพัก ทำโซเชียลดีทอกซ์เพื่อโฟกัสกับการเรียนหนังสือ
จริงอยู่ที่ BlackBerry ยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และสามารถติดตั้ง Android APK เพื่อใช้งานแอพอื่น เช่น QQ Music และ WeChat ได้ แต่แอพพลิเคชั่นโซเชียลหลายอย่างก็ไม่สามารถทำงานบน BlackBerry ได้ เช่น Tik Tok เป็นต้น BlackBerry จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการทำโซเชียลดีทอกซ์
TechCrunch รายงานว่าแอพวิดีโอสั้นที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น Tik Tok กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Hashtag Challenge Plus ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกดซื้อของจากแบรนด์ใน Tik Tok ได้เลย
Bloomberg รายงานว่า Bytedance บริษัทแม่ของแอปอย่าง TikTok เตรียมจะทำเสิร์ชเอนจินของตัวเองในจีน ซึ่งจะชนกับ Baidu ที่ครองธุรกิจนี้อยู่ในประเทศ
อย่างไรก็ตามเสิร์ชเอนจินของ Bytedance ไม่ได้จะเป็นแอปแยกออกมาต่างหากแบบ Google หรือ Baidu แต่จะเป็นฟังก์ชันเสิร์ชที่ฝังอยู่ในแอปต่างๆ บนแพลตฟอร์มของ Bytedance อย่าง Douyin ที่เป็น TikTok เวอร์ชันจีนและแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่ง ซึ่ง Bytedance ก็น่าจะมีรายได้จากค่าโฆษณาทางนี้เพิ่ม
ที่มา - Bloomberg
TikTok กำลังถูกคณะกรรมการข้อมูลอังกฤษสืบสวนถึงวิธีการที่บริษัทนำข้อมูลผู้เยาว์ไปใช้ หลังก่อนหน้านี้ TikTok ถูก FTC ของอเมริกาสั่งปรับ 5.7 ล้านดอลลาร์ ข้อหาเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
Zhang Nan ประธานบริษัท ByteDance เจ้าของ TikTok เผยว่า แอพในเครือทั้งหมดมียอดผู้ใช้งานแอคทีฟรายเดือนทะลุ 1 พันล้านรายแล้ว
ByteDance มีแอพพลิเคชั่นในเครือเยอะ แต่ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักคือ TikTok โซเชียลมีเดียสไตล์วิดีโอสั้นซึ่ง Sensor Tower เคยคาดการณ์ไว้ว่ายอดดาวน์โหลดแอพจะทะลุ 1.2 พันล้านครั้งทั่วโลก และจะสามารถทำรายได้ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังมี Jinri Toutiao แอพข่าวสารที่พึ่งรายได้โฆษณาเป็นหลัก, แอพ Faceu ซึ่งเป็นแอพเซลฟี่ เป็นต้น
The Financial Times รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวภายในสองแห่งว่าบริษัท ByteDance เตรียมผลิตสมาร์ทโฟนในแบรนด์ของตัวเอง พร้อมติดตั้งแอพในเครือบริษัทของตัวเองมาด้วย โดยในแหล่งข่าวระบุว่าตัวซีอีโอ Zhang Yiming มีความฝันเกี่ยวกับการสร้างสมาร์ทโฟนนี้มานานแล้ว
Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวภายในว่าบริษัท ByteDance ผู้อยู่เบื้องหลังแอพ Tik Tok กำลังซุ่มทำแอพสตรีมมิ่งเพลง และมีรายงานด้วยว่าทาง ByteDance ได้ลิขสิทธิ์จากค่ายเพลงใหญ่ในอินเดียแล้วคือ T-Series และ Times Music ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องราคา แต่คาดว่าถูกกว่า Spotify และ Apple Music
ถือเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจ เพราะ Tik Tok มีฐานผู้ใช้งานมาก ในจีนก็เป็นแอพโซเชียลที่มาแรงเป็นคู่แข่ง WeChat ของ Tencent ได้ เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนฐานผู้ใช้งานที่ใช้ฟรีให้กลายมาเป็นลูกค้าเสียเงิน
จากที่หน่วยงานของรัฐบาลอินเดีย ออกคำสั่งให้แอปเปิลและกูเกิล ถอดแอปวิดีโอสั้น TikTok ออกจากสโตร์ ด้วยเหตุผลว่าแอปมีคอนเทนต์ลามกและผิดกฎหมาย ล่าสุดหลัง Bytedance บริษัทแม่ของ TikTok ให้ข้อมูลต่อศาลอินเดีย ทางการอินเดียก็ได้ยกคำร้องถอดคำสั่งแบนแอปแล้ว
โดยหลังศาลอินเดียยกคำร้อง กระทรวงด้านไอทีก็จะแจ้งให้ทั้งแอปเปิลและกูเกิลนำ TikTok กลับเข้าสโตร์ได้ต่อไป ทั้งนี้อัยการที่ยื่นฟ้อง TikTok ก็ตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อ
อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญของ TikTok มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 300 ล้านครั้งเฉพาะในอินเดีย และ Bytedance ก็ให้ข้อมูลน่าสนใจว่าการถูกสั่งแบนที่อินเดีย สร้างผลเสียหายต่อบริษัทถึงวันละ 5 แสนดอลลาร์เลยทีเดียว
TikTok แอปแชร์วิดีโอของ Bytedance จากประเทศจีนถูกทางการอินเดียสั่งแบน หลังพบว่าแอปแชร์วิดีโอเซลฟี่นี้มีคอนเทนต์ผิดกฎหมายปรากฏบนแพลตฟอร์ม
กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศได้ออกคำสั่งให้ทั้ง Apple และ Google ลบแอป TikTok ออกจาก App Store และ Google Play หลังจากที่ทางการสอบสวนพบว่าตัวแอปนั้นมีภาพลามกและคอนเทนต์ผิดกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งคำสั่งนี้มาจากศาล High Court ใน Madras
คำสั่งนี้จะมีผลเฉพาะผู้ดาวน์โหลดแอปรายใหม่เท่านั้น และมีผลเฉพาะ App Store กับ Google Play ถ้าใครดาวน์โหลดนอกสโตร์ก็ไม่ได้รับผลกระทบ และผู้ดาวน์โหลดแอปไปแล้วก็ยังใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็ทำให้ TikTok เสียผู้ใช้หน้าใหม่ในอินเดียไปได้ไม่น้อย
ผู้ควบคุมอินเทอร์เน็ตของจีนได้นำเสนอโครงการต้านการเสพติดใช้งานแอพวิดีโอสั้น โดยในประกาศทางเว็บไซต์ระบุว่า แอพวิดีโอสั้นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในจีนอย่าง Douyin (Tik Tok), Kuaishou และ Huoshan ได้เปิดตัวฟีเจอร์ลดการเสพติดแก่เด็กแล้วเป็นครั้งแรก
การทำงานของฟีเจอร์ใหม่คือ เด็กๆ จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เหมาะกับเด็กและเยาวชนเท่านั้น เด็กๆ จะถูกห้ามไม่ให้ใช้ฟีเจอร์บางอย่างเช่น การให้ทิป และจะต้องเจอกับการจำกัดเวลาในการเล่น
ถือเป็นความท้าทายของบริษัทเทคในจีนที่เจอสังคมวิจารณ์ รวมทั้งการกดดันจากรัฐบาลจีนว่าทำให้เกิดการเสพติดโดยเฉพาะกับเยาวชน โดยก่อนหน้านี้ Tencent Holdings และ NetEase ได้เปิดตัวระบบต่อต้านการเสพติดเพิ่มเพื่อไม่ให้เด็กๆ ใช้เวลาเล่นเกมมากเกินไป
จากประเด็น FTC สั่งปรับ TikTok 5.7 ล้านดอลลาร์ ข้อหาไม่เคารพข้อมูลส่วนตัวของเด็ก และเรียกร้องให้ TikTok นำคลิปวิดีโอที่โพสต์โดยเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีออก ล่าสุด TikTok จำกัดห้ามไม่ให้ผู้ใช้ใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 13 ปี ในการโพสต์คลิป สร้างโปรไฟล์ คอมเมนท์ หรือส่งข้อความใดๆ ได้ แต่ยังสามารถดูคลิปของคนอื่นได้ตามปกติ
การจำกัดดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันนี้ และมีรายงานด้วยว่า ผู้ใช้หลายคนที่อายุต่ำกว่า 13 ปีพบว่าโปรไฟล์ตัวเองหายไปโดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ
FTC คณะกรรมการค้าแห่งสหรัฐฯ สั่งปรับ TikTok หรือที่รู้จักกันในสหรัฐฯว่า Musical.ly เป็นจำนวนเงิน 5.7 ล้านดอลลาร์ ด้วยข้อหาว่าบริษัทไม่เคารพข้อมูลความเป็นส่วตัวของเด็ก โดย TikTok ไม่เพียงแต่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น แต่ยังทำให้โปรไฟล์ของเด็กๆ ให้เป็นสาธารณะอีกด้วย
FTC ยังเรียกร้องให้ TikTok เคารพกฎกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเด็กบนออนไลน์ หรือ COPPA ในอนาคต และให้นำคลิปวิดีโอที่โพสต์โดยเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีออก
Sensor Tower บริษัทวิจัยตลาดแอพพลิเคชั่นเผยว่าแอพ TikTok เข้าสู่หลักไมล์ใหม่อีกครั้ง โดยมียอดดาวน์โหลดผ่าน App Store, Google Pay รวมกันกว่า 1,000 ล้านครั้งแล้ว ที่สำคัญยังเป็นยอดโหลดที่ยังไม่รวมผู้ใช้ในจีนอีกด้วย
โดย Sensor Tower คาดการณ์ว่ามีผู้ใช้ในจีนโหลด TikTok ไปใช้ราว 663 ล้านครั้งในปี 2018 ถือเป็นแอพที่กำลังมาแรงมากจริงๆ เมื่อลองเทียบกับแอพใหญ่อยู่แล้วอย่าง Facebook มีการดาวน์โหลดใหม่เมื่อปีที่แล้วประมาณ 711 ล้านครั้งและ Instagram ประมาณ 444 ล้านครั้ง
ByteDance เจ้าของแอพ Tik Tok เปิดตัวแอพวิคีโอคอลใหม่ชื่อว่า Duoshan เป็นการผสมๆ กันระหว่าง Tik Tok และ Snapchat เข้าด้วยกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานคุยกับเพื่อนผ่านวิดีโอไปด้วย และเล่นสนุกๆ ประกอบเพลงไปด้วยได้
Duoshan จะต่างกับ Tik Tok ตรงที่มีความส่วนตัวมากกว่าคือคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่ Tik Tok จะเน้นให้ตามเซเลบริตี้ ซึ่งลูกเล่นต่างๆ ใน Duoshan ก็เป็นอะไรที่คนรุ่นใหม่สมัยนี้ใช้งานกันอย่างคุ้นเคย (ถ้าไม่ใช่คนจีนก็คงจะคุ้นกับการเล่นสตอรี่ สติกเกอร์แชทใน Facebook Messenger)
ด้าน WeChat ที่ถือเป็นแพลตฟอร์มแชทที่คนจีนใช้เยอะที่สุด ก็ต้องเพิ่มลูกเล่นสตอรี่เข้ามาเพื่อให้ตอบโจทย์วัยรุ่น เรียกได้ว่าโซเชียลมีเดียจีนตอนนี้ กำลังแข่งกันเพื่อแย่งกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นมากทีเดียว
จีนยังเดินหน้าเซนเซอร์ ควบคุมเนื้อหาอินเทอร์เน็ตต่อไป ล่าสุดถึงคราว Tik Tok บ้าง โดยรัฐบาลกำหนดไกด์ไลน์ให้แพลตฟอร์ม กรองเนื้อหาทุกคลิปที่โพสต์ลงแอพวิดีโอสั้สในทำนองเดียวกับ Tik Tok และเรียกร้องให้ครีเอเตอร์มีความรับผิดชอบต่อเนื้อหาของตัวเองที่โพสต์ลงไปด้วย
ข้อกำหนดมี 100 ข้อ มีข้อห้ามหลายอย่างและค่อนข้างกว้าง เช่น การแสดงออกถึงการบูชาเงินทอง, การเรียกร้องอิสระชาวไต้หวัน, การสวดมนต์คาถา เป็นต้น ถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับนักพัฒนาแอพมากทีเดียวที่จะต้องเพิ่มจำนวนคนรีวิวเนื้อหา และสื่อสารและตีความไกด์ไลน์ออกไปให้ผู้ใช้ในจีนที่มีราว 150 ล้านราย
เว็บไซต์ Motherboard เผยแพร่บทความว่า Tik Tok แอพลิปซิงค์ที่กำลังดังในกลุ่มเด็กวัยรุ่นนั้นกำลังมีปัญหาเรื่องการใช้คำพูดเหยียดหยาม ถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง และสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงนีโอนาซีโดยไม่มีการเซนเซอร์ใดๆ
ตัวอย่างที่ Motherboard เจอคือ ผู้ใช้รายหนึ่งอัพโหลดคลิปวิดีโอสั้นของตัวเองใส่หน้ากาก พร้อมแฮชแท็กสนับสนุนให้อ่าน SIEGE หนังสือนาซี แฮลแท็กเลข 1488 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญถึงกลุ่มนาซี รวมทั้งการทักทายแบบนาซี เป็นต้น บัญชีดังกล่าวอาจได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Atomwaffen ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมชาวยิวในสหรัฐฯด้วย
แต่เดิม Tik Tok มีปัญหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคือ คลิปล่อแหลม เนื้อเพลงที่อาจไม่เหมาะกับเยาวชน รวมทั้งความพยายามเชิญชวนให้ผู้ใช้งานอายุน้อยโพสร์รูปโป๊ ล่อแหลม
Tik Tok แอพลิปซิงค์ยอดนิยมเผยเทรนด์ประจำปีกับเขาบ้าง โดยเป็นเทรนด์ประจำปี 2018 แยกเป็นเทรนด์โลกกับเทรนด์ประเทศไทย โดยดาราสาวเก้า สุภัสสรา ติดเทรนด์โลกกับเขาด้วย โดยเป็นเซเลบริตี้ที่มีคนติดตามมากเป็นอันดับ 6 ของโลก
จากข่าว Facebook ซุ่มทำแอพลิปซิงค์แข่งกับ TikTok โดยใช้ชื่อว่า Lasso ล่าสุด Lasso เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วทั้ง iOS และแอนดรอยด์ แต่ยังโหลดในไทยไม่ได้
การใช้งานไม่ต่างจาก TikTok มาก ลงทะเบียนใช้งานแอพผ่าน Facebook หรือ Instagram ก็ได้ สามารถแชร์วิดีโอลิปซิงค์ของเราไปยัง Facebook และ Facebook Stories ได้ เมื่อเข้าไปจะเจอเพลงฮิตต่างๆ เช่น Psycho โดย Post Malone, Shape of You โดย Ed Sheeran, I Like It โดย Cardi B เป็นต้น
บริษัทวิจัยตลาดแอป Sensor Tower ออกรายงานสถิติการดาวน์โหลดแอป พบข้อมูลน่าสนใจว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเฉพาะในอเมริกา แอปสร้างคลิปวิดีโอสั้นประกอบเพลง Tik Tok ได้แซงหน้าทุกแอป ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ YouTube ขึ้นเป็นแอปอันดับหนึ่งในอเมริกาไปแล้ว
หากดูเฉพาะใน App Store ของ iOS ตอนนี้ Tik Tok ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 แล้ว
เราเคยรายงานข่าวเมื่อกลางปีว่า Tik Tok หากรักษาแนวโน้มนี้ได้ไปจนถึงสิ้นปี ก็อาจเป็นแอปอันดับ 1 ของโลกในปีนี้ โดยเฉพาะในกลยุทธ์ล่าสุดที่รวมเข้ากับแอป Musical.ly ที่ได้รับความนิยมในอเมริกาผ่านการซื้อกิจการ ก็น่าจะทำให้ Tik Tok โตได้อีกมาก
มีรายงานว่า Bytedance สตาร์ทอัพมาแรงของจีน เตรียมปิดดีลรับเงินทุนเพิ่มอีก 3 พันล้านดอลลาร์ จากกลุ่มนักลงทุนนำโดย SoftBank ซึ่งจะทำให้มูลค่ากิจการ Bytedance เพิ่มสูงเป็น 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ กลายเป็นสตาร์ทอัพมูลค่าสูงที่สุดในโลก แทนที่ Uber (7.2 หมื่นล้านดอลลาร์)
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Bytedance อยู่ในขั้นตอนเจรจาหาผู้ลงทุน ซึ่งในที่สุดก็คือ SoftBank นั่นเอง
Bytedance เป็นเจ้าของแอปดังสองตัวคือ Toutiao แอปอ่านข่าวที่คัดเลือกเนื้อหามาแสดงด้วย AI และ TikTok แอปสร้างวิดีโอสั้นประกอบเพลง