มีรายงานว่า Alibaba ได้เจรจากับ BT กลุ่มบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของอังกฤษ เพื่อเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ในการให้บริการ Alibaba Cloud ซึ่งจะทำให้ Alibaba ขยายฐานลูกค้าในโซนยุโรปได้เพิ่มขึ้น จากก่อนหน้านี้เพิ่งทำข้อตกลงกับ Vodafone ในเยอรมนีไป
ปัจจุบัน Alibaba Cloud ถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจาก Amazon, ไมโครซอฟท์ และกูเกิล แต่ Alibaba Cloud เองก็มีฐานลูกค้าหลักในจีนกับเอเชีย ขณะที่ต่างประเทศโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกนั้นยังมีไม่มาก ยุโรปจึงเป็นพื้นที่สำคัญ
ปัจจุบันกลุ่มบริษัท BT เป็นพาร์ทเนอร์ในการให้บริการกับ Amazon, ไมโครซอฟท์ และ Cisco อยู่แล้ว ซึ่ง Alibaba ก็คือพาร์ทเนอร์รายล่าสุด
อาลีบาบาเปิดร้านเสื้อผ้าที่ใช้คอนเซปต์ "FashionAI" เป็นร้านนำร่อง ที่ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อเสื้อผ้า และใช้กระจกอัจฉริยะที่มาพร้อมระบบเซนเซอร์และบลูทูธที่คอยจับการเคลื่อนไหว ดูเครื่องแต่งกายโดยเทียบกับรูปร่างตัวเองได้ผ่านกระจก ระบบจะแนะนำเสื้อผ้ามาให้เลือก
ดูท่าว่างานของนักเขียนคำโฆษณา (copywriter) ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญญาประดิษฐ์ไปด้วย เมื่อ Alimama บริษัทด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งของอาลีบาบาเผยเครื่องมือในการเขียนคำโฆษณาสินค้าโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์
Alimama ใช้ Deep Learning ร่วมกับเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ และเทรยนด้วยตัวอย่างนับล้านตัวอย่าง จนล่าสุดตัวปัญญาประดิษฐ์ผ่าน Turing Test แล้วและสามารถสร้างประโยคได้กว่า 20,000 ประโยค/วลีในหนึ่งวินาที
Alibaba Group ได้เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Bolloré Group กลุ่มบริษัท (conglomerate) ยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ทั้งด้านคลาวด์, ดิจิทัล, พลังงานสะอาด, ยานยนต์และโลจิสติก
การเป็นพาร์ทเนอร์ครั้งนี้เท่ากับว่าบริษัทลูกในเครือของทั้งสองกลุ่มบริษัท จะทำงานในโปรเจ็คต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงแบ่งปันความรู้และการเข้าถึงตลาดระหว่างกันด้วย โดยตลาดของ Bolloré Group หลักๆ คือยุโรปและแอฟริกา
Alibaba ประกาศว่าบริษัทได้เข้าถือหุ้นใน Trendyol หนึ่งในอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของตุรกี ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย ซึ่งดีลนี้เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ซึ่ง Alibaba จะเข้ามาช่วยเรื่องเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
Trendyol เป็นอีคอมเมิร์ซที่ก่อตั้งในปี 2010 มีผู้ใช้งานราว 16 ล้านคน ข้อมูลที่น่าสนใจคือตลาดอีคอมเมิร์ซในตุรกีนั้นมีมูลค่าราว 9.19 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นเพียง 3.5% ของตลาดค้าปลีกรวมในประเทศ Alibaba จึงมองว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ในดีลนี้ Trendyol ยังมองว่าเป็นโอกาสของผู้ผลิตสินค้าในประเทศ ที่จะได้ส่งออกสินค้าเมดอินตุรกีออกสู่ตลาดโลกด้วย
ที่มา: Alizila
AlipayHK บริษัทร่วมทุนระหว่าง Ant Financial ที่มี Alibaba ถือหุ้นหลัก และ CK Hutchison Holdings กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของฮ่องกง ประกาศความร่วมมือกับ GCash แพลตฟอร์มบริการชำระเงินของ Globe Telecom ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของฟิลิปปินส์ เพื่อให้บริการระบบโอนเงินข้ามประเทศที่อิงกับ Blockchain ทำให้มีต้นทุนที่ลดลง
ปัจจุบันมีคนฟิลิปปินส์ที่ทำงานอยู่ในฮ่องกงจำนวนหลายแสนคน มีตัวเลขว่าคนฟิลิปปินส์ส่งเงินกลับประเทศบ้านเกิดมากกว่า 735 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา การพัฒนาแพลตฟอร์มโอนเงินใหม่นี้จะช่วยให้ต้นทุนการโอนเงินถูกลง และเป็นการผลักดัน GCash ในฟิลิปปินส์อีกทางหนึ่งด้วย
ตามที่มีข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า Ant Financial บริษัทให้บริการด้านการเงินออนไลน์ ซึ่งมี Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นหลักและเคยเป็นบริษัทในเครือ เตรียมระดมทุนรอบใหม่ด้วยวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ ล่าสุด Ant Financial แถลงแล้วว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงเพิ่มทุนซีรี่ส์ C กับกลุ่มนักลงทุน โดยได้เงินรวมประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์ (450,000 ล้านบาท) สูงกว่าตัวเลขที่ออกมาก่อนหน้านี้ถึง 40%
Ant Financial กล่าวว่าเงินทุนรอบใหม่จะนำไปใช้ขยายบริการ Alipay ให้ครอบคลุมทั่วโลก รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงินใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งสำหรับลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการขนาดเล็กทั่วโลก
Alibaba Cloud บริการคลาวด์ของ Alibaba เปิดตัวแพลตฟอร์ม ET Agricultural Brain ที่ได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเป็นระบบ AI สำหรับช่วยเหลือเกษตรกรและธุรกิจการเกษตร โดยเบื้องต้นเน้นไปที่ฟาร์มเลี้ยงสุกร และการปลูกพืช
เทคโนโลยีด้าน AI ที่นำมาใช้ใน ET Agricultural Brain มีหลายอย่าง อาทิ ระบบรู้จำภาพ, ระบบรู้จำเสียง, ระบบตรวจสอบตัวแปรสิ่งแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมสุกรรายวัน, ตัววัดการเติบโต, การตั้งครรภ์ ตลอดจนปัจจัยสุขภาพต่าง ๆ ทำให้ผู้ทำฟาร์มสุกรเห็นข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น
Alibaba Cloud ประเมินว่า ET Agricultural Brain จะช่วยเพิ่มผลผลิตและลดอัตราการสูญเสียได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดในเกษตรกรรมด้านอื่นได้อีกมาก
Alibaba ประกาศเข้าถือหุ้น 10% ใน Babytree แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนที่เน้นสินค้ากลุ่มแม่และเด็ก ทำให้มูลค่ากิจการของ Babytree อยู่ที่ 14,000 ล้านหยวน หรือราว 70,000 ล้านบาท โดยทั้ง Alibaba และ Babytree จะขยายความร่วมมือกัน ทั้งในแง่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, โฆษณา, ดูแลลูกค้า ตลอดจนองค์ความรู้ต่าง ๆ
Babytree ก่อตั้งเมื่อปี 2007 เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ โดยมีสินค้าและบริการที่ครบสำหรับครอบครัว ซึ่งรวมถึง บริการด้านสุขภาพและการศึกษา นอกจากนี้ Babytree ยังเป็นพอร์ทัลสำหรับให้พ่อแม่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเลี้ยงลูกอีกด้วย
ดีลนี้ทำให้เห็นว่ายังมีพื้นที่อีคอมเมิร์ซอีกหลายอย่างในจีนที่ Alibaba สามารถเข้าไปร่วมมือได้อีก
Alibaba เข้าถือหุ้นมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐใน Xiaohongshu แอพพลิเคชั่นแนะนำทาการช็อปปิ้งข้ามพรมแดน และยังมี Tencent Holdings, Ventures GSR, GGV Capital, Zhen Fund, Genesis Capital, นักธุรกิจในฮ่องกง Adrian Cheng และ Tiantu Capital เข้าร่วมลงทุนในรอบนี้ด้วย ถือเป็นเคสหายากที่บริษัทสตาร์ทอัพหนึ่งจะได้รับเงินลงทุนจากทั้ง Alibaba และ Tencent
Xiaohongshu ก่อตั้งในปี 2013 โดย Charlwin Mao และ Miranda Quเริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มให้ผู้คนเข้ามารีวิวการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เวลาผ่านไปมีผู้ใช้มารีวิว สร้างเนื้อหามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับผู้คนที่หลงใหลในสินค้าแฟชั่นและการช็อปปิ้ง จนตอนนี้ มีผู้ใช้งานแอพ Xiaohongshu ถึง 100 ล้านรายแล้ว
บน Xiaohongshu ผู้ใช้สามารถแชร์วิดีโอสั้น ภาพ และบล็อกเกี่ยวกับแฟชั่น ความสวยความงาม รวมถึงไลฟืสไตล์ต่างๆ การท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง แนะนำหนังสือ เป็นต้น กลุ่มคนสำคัญที่ขับเคลื่อนให้แอพ Xiaohongshu โตขึ้นเรื่อยๆ คือคนที่เกิดหลัง 1990
Alibaba เปิดตัวอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าใหม่สองอย่าง คือหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับส่งสินค้า G Plus และกล่องสำหรับรับสินค้า Cainiao
สำหรับตัวหุ่นยนต์ G Plus นั้นเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถขนสิ่งของได้หลายชิ้นหลายขนาด เดินทางไปได้ไกลกว่ารุ่นเดิม ตัวกล่องโหลดสินค้าสามารถเปลี่ยนขนาดได้ตามขนาดของกล่องสินค้าที่จะนำไปส่ง และสามารถส่งอาหารสดได้ด้วย
อาลีบาบาเข้าถือหุ้น 10% ใน ZTO Express ผู้ให้บริการส่งสินค้ารายใหญ่ของจีนด้วยมูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเพิ่มความสามารถการส่งสินค้าทั่วโลกของอาลีบาบา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการขนส่งสินค้าของจีนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเติบโตของช็อปปิ้งออนไลน์ และตัวผู้บริโภคเองต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น อาลีบาบาและคู่แข่ง JD.com ต่างก็ต้องเร่งสร้างเครือข่ายการขนส่งสินค้าด้วย
ZTO Express เป็นพันธมิตรกับอาลีบาบามาก่อนแล้ว เข้าตลาดหุ้น IPO ในปี 2016 อย่างไรก็ตาม ทั้งอาลีบาบาและ ZTO Express ยังไม่ได้ระบุโครงการที่จะทำร่วมกัน
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Ant Financial กลุ่มบริษัทให้บริการทางด้านการเงินออนไลน์ ที่ Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ได้เพิ่มทุนรอบใหม่ด้วยวงเงินที่เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง สูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.2 แสนล้านบาท จากกลุ่มนักลงทุนหลายราย ทำให้มูลค่ากิจการของ Ant Financial ล่าสุดอยู่ที่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์
Ant Financial ระดมทุนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016 ซึ่งตอนนั้นมูลค่ากิจการอยู่ที่ 6 หมื่นล้านดอลลาร์
ผู้ลงทุนในรอบนี้มีทั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งหลายแห่ง ตลอดจนนักลงทุนระดับสถาบัน อาทิ GIC และเทมาเส็กของสิงคโปร์, กองทุน Khazanah Nasional ของมาเลเซีย, Carlyle Group, Sequoia Capital และกองทุน Warburg Pinc ของอเมริกา
ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า Foxconn บริษัทรับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ในโลก ซึ่งหลายคนรู้จักจากการเป็นบริษัทประกอบ iPhone ให้แอปเปิล จะนำบริษัทลูก Foxconn Industrial Internet เข้าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ล่าสุดบริษัทได้ยื่นเอกสารทางการเงิน โดยมีข้อมูลน่าสนใจคือคือ 3 ยักษ์ใหญ่ไอทีจีน ต่างร่วมลงทุนในบริษัทนี้ด้วย
โดยเอกสารระบุว่า Baidu, Alibaba และ Tencent 3 ยักษ์บริษัทไอทีของจีน หรือที่หลายคนเรียกรวมว่า BAT ต่างเป็นผู้ลงทุนใน Foxconn Industrial Internet จะได้หุ้นไอพีโอไปเท่ากันรายละ 21.78 ล้านหุ้น มูลค่าราว 47 ล้านดอลลาร์ต่อบริษัท คิดอัตราส่วนเป็น 3-4% และยังมีกองทุนสำคัญอีกหลายรายที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอนี้ โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถูกควบคุมห้ามขายเป็นเวลา 3 ปี
อินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ท้าทายของวงการอีคอมเมิร์ซอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเทศหมู่เกาะ และมีปัญหาการจราจรติดขัด แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคที่เปลี่ยนผันจากการซื้อของออฟไลน์มายังออนไลน์ก็มากขึ้นเช่นกัน เป็นที่ดึงดูดใจของบริษัทอีคอมเมิร์ซทั้งหลาย
พูดถึงอาลีบาบาของ Jack Ma คนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก เพราะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ทำให้อาลีบาบาเติบโตขึ้นมาจนทุกวันนี้ และตลอดระยะเวลากว่า 19 ปีของการเติบโตของบริษัท อาลีบาบาได้แตกธุรกิจออกไปมากมาย ทั้งที่เป็นบริษัทลูกและที่อาลีบาบาไปลงทุนถือหุ้นใหญ่ จึงน่าสนใจว่าสาแหรกของอาลีบาบามีอะไรบ้าง
ด้วยจำนวนของธุรกิจ, บริการและบริษัทที่อาลีบาบาไปลงทุนมีเยอะและยิบย่อยมาก บทความนี้เลยจะอิงจากเอกสารงบการเงินของ Alibaba Group ที่แบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 4 กลุ่มคือธุรกิจคอมเมิร์ซ, ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง, สื่อและบันเทิง และเทคโนโลยี นวัตกรรมอื่นๆ
Rocket Internet บริษัทโฮลดิ้งที่เป็นเจ้าของสตาร์ทอัพหลายแห่ง ประกาศว่ากลุ่ม Alibaba จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Daraz อีคอมเมิร์ซในเครือจากปากีสถาน ที่เน้นทำตลาดอยู่ในเอเชียใต้ ด้วยมูลค่าที่ไม่มีการเปิดเผย
Daraz ก่อตั้งในปี 2012 และเป็นอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมในปากีสถาน ต่อมาได้ขยายตลาดสู่ บังกลาเทศ, เมียนมาร์, ศรีลังกา และเนปาล ซึ่งตลาดทั้งหมดที่ Daraz อยู่นั้นมีประชากรรวมกัน 460 ล้านคน จึงถือเป็นโอกาสเติบโตเช่นกัน ซึ่งหลังจากดีลนี้ Daraz จะยังดำเนินงานภายใต้แบรนด์เดิม
ก่อนหน้านี้ Alibaba เคยซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซที่มาจาก Rocket Internet ซึ่งก็คือ Lazada นั่นเอง
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2018 รายได้รวม 9,873 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 61% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,248 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35%
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่านี่เป็นอีกไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของกลุ่ม Alibaba ซึ่งมาจากการเติบโตต่อเนื่องในธุรกิจค้าปลีก ที่เป็นธุรกิจหลักของ Alibaba และจากการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เสริมการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ New Retail ทำให้ Alibaba เป็นผู้นำในโครงสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน
อาลีบาบาทดลองใช้บล็อกเชนติดตามการขนส่งสินค้าในโครงการ Food Trust Framework ของ Tmall เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและความโปร่งใสสำหรับการค้าข้ามพรมแดนผ่านแพลตฟอร์ม Tmall Global ของอาลีบาบา
โดยเริ่มจากใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และ QR Code ติดแท็กสินค้า เพื่อตรวจสอบ ยืนยัน บันทึกและรายงานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการจัดส่ง เริ่มทดลองที่ออสเตรเลียในสินค้า Blackmores และแบรนด์ Fonterra ในนิวซีแลนด์ โดยทำงานร่วมกับ Australia Post และ New Zealand Post โดยมี PwC บริษัทบัญชี-ที่ปรึกษารายใหญ่ของโลกเป็นที่ปรึกษา
Alibaba ประกาศเข้าซื้อบริษัทผลิตไมโครชิพจากจีน Hangzhou C-SKY Microsystems เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Internet of Things
C-SKY Microsystems เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหางโจวของประเทศจีน เน้นพัฒนาสถาปัตยกรรมซีพียูและชิพแบบฝัง ซึ่งทางบริษัทบอกว่าชิพแบบฝังที่ผลิตเป็นจำนวนมากโดยบริษัทต่าง ๆ ในจีน มีเฉพาะของ C-SKY เท่านั้นที่ใช้สถาปัตยกรรมของตัวเอง ซึ่งการซื้อบริษัท C-SKY นี้จะช่วยให้ทีมวิจัยและพัฒนาชิพของทั้งสองบริษัททำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น และทำให้การพัฒนาชิพสำหรับใช้งาน IoT เป็นไปได้ง่ายขึ้น
Alibaba นั้นเคยลงทุนในบริษัท C-SKY มาแล้ว ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้จะทำให้ Alibaba ถือหุ้นใน C-SKY ทั้งหมด 100% โดยไม่เปิดเผยมูลค่าการเข้าซื้อครั้งนี้
รถยนต์ไร้คนขับ กลายเป็นตลาดแข่งขันล่าสุดของ 3 ยักษ์ใหญ่ไอทีจีน ที่เรียกกันว่า BAT (Baidu, Alibaba, Tencent) โดย Alibaba ออกมายืนยันแล้วว่ากำลังเริ่มทดสอบและพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ เตรียมจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพิ่มอีกกว่า 50 อัตรา สำหรับโครงการนี้ ซึ่งมีเป้าหมายให้ถึงระดับ 4 คือสามารถขับเคลื่อนได้ในทุกสภาพถนน โดยไม่ต้องมีคนอยู่หลังพวงมาลัย
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Baidu ได้รับใบอนุญาตให้ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับจากทางการจีน ส่วน Tencent ก็มีการขยายการพัฒนา AI ไปสู่รถยนต์ไร้คนขับด้วยเช่นกัน
SenseTime สตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน ประกาศรับเงินลงทุนซีรี่ส์ C เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ นำโดยกลุ่มนักลงทุนประกอบด้วย Alibaba, Temasek และบริษัทค้าปลีก Suning.com
Jon Russell แห่ง TechCrunch รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า Alibaba กำลังเจรจาเข้าร่วมลงทุนในแอพแท็กซี่ Grab ด้วยมูลค่าที่ยังไม่ได้สรุป และอาจต้องรอให้ดีลควบรวมกับ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสร็จสิ้นก่อน
ตัวแทนทั้ง Grab และ Alibaba ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับข่าวดังกล่าว
ต่อเนื่องจาก Taobao อีคอมเมิร์ซของเครือ Alibaba เปิดตัวแอพแยกเวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุ คราวนี้ Taobao เปิดตัวแอพแยกอีกชื่อว่า Taobao Tejia (แปลว่าลดราคา) โดยเป็นการรวมสินค้าราคาถูก เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังไม่มากโดยเฉพาะ สินค้ามีทุกหมวด ราคาอยู่ในช่วง 5-30 หยวน (25-150 บาท) นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นแจกคูปองแบบสุ่มในซองแดงด้วย
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เมื่อเศรษฐกิจเติบโต คนก็เริ่มมองหาสินค้าที่มีระดับและราคาสูงมากขึ้น ทำให้พื้นที่ของสินค้าราคาถูกมีน้อยลง Taobao จึงเลือกสร้างแอพแยกขึ้นมาเพื่อรองรับตลาดนี้
Alibaba ประกาศวันนี้ว่าจะเพิ่มเงินลงทุนในอีคอมเมิร์ซ Lazada อีกถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เมื่อรวมกับเงินลงทุนในอดีต ในปี 2016 และ 2017 ตอนนี้ Alibaba ได้ลงทุนไปแล้วรวมถึง 4 พันล้านดอลลาร์
Alibaba บอกว่าการลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่อง มาจากความมั่นใจในอนาคตของ Lazada กับตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการเติบโตของเครือ Alibaba
แถลงการณ์นี้ยังระบุว่า Max Bittner ซีอีโอคนปัจจุบันจะเปลี่ยนไปรับบทบาทที่ปรึกษาอาวุโสให้กับกลุ่ม Alibaba โดย Lucy Peng ประธานบอร์ด Lazada จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่เพิ่มเติมอีกตำแหน่งแทน