Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนมิถุนายนปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,471 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 3,096 ล้านดอลลาร์ จากจำนวนผู้ใช้งานใน marketplace ที่จีนในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง เพิ่มขึ้นเป็น 674 ล้านคน ส่วนผู้ใช้งานผ่านมือถือมีจำนวน MAUs 755 ล้านคน
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่า Alibaba จะยังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนฐานลูกค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อให้บริษัทเติบโตต่อไป รวมทั้งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจคู่ค้า
ตัวเลขข้อมูลการดำเนินงานอื่นที่น่าสนใจมีดังนี้
Salesforce แพลตฟอร์ม CRM รายใหญ่ ประกาศความร่วมมือกับ Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน โดย Alibaba จะเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวให้ Salesforce ในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊า รวมทั้ง Salesforce ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน CRM องค์กรรายเดียวที่จะได้ Alibaba เป็นผู้จัดจำหน่าย
เรามักคุ้นเคยกับชื่อของผลิตภัณฑ์จากจีนที่เน้นจับตลาดลูกค้าทั่วไป แต่ไม่ค่อยได้ยินผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่เน้นลูกค้าองค์กรของจีน โดยมีรายงานว่าตลาดนี้ในจีนอยู่ในช่วงเริ่มต้นและกำลังเติบโตสูง
ความร่วมมือนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อ Salesforce เพราะปัจจุบันบริษัทมีรายได้เพียง 10% จากลูกค้าในเอเชีย (70% อยู่ในอเมริกา)
หนึ่งในซัพพลายเขนที่จีนไม่แทบจะแข่งขันกับตะวันตกไม่ได้เลยคือชิปเซ็ต ซึ่งหลังปัญหาสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้นทำให้จีนหันมาจริงจังเรื่องนี้มากขึ้น เพราะที่จะไม่จำเป็นต้องพึ่งตะวันตกอย่างที่ผ่านมา
Alibaba ที่กำลังพยายามจะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะฝั่งเทคโนโลยีได้เปิดตัวชิปเซ็ต Xuantie 910 ที่ถูกพัฒนาบนสถาปัตยกรรมโอเพนซอสอย่าง RISC-V มีหน่วยประมวลผล 16 คอร์ สามารถใช้งานได้ทั้งในอุปกรณ์ 5G, AI และรถไร้คนขับ และบริษัทตั้งใจจะปล่อยโค้ดบางส่วนของ Xuantie 910 ขึ้นบน GitHub ด้วย
ลาซาด้าเตรียมแก้ไขปัญหาของปลอม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Intellectual Property Protection Platform ของอาลีบาบา ระบบที่ให้ผู้ผลิตที่เป็นของแท้และแบรนด์ สามารถแจ้งลบสินค้าปลอมได้ โดยในลาซาด้าจะใช้ชื่อว่า IP Protection Platform
Alibaba ประกาศเปิดตัวเว็บขายสินค้า Tmall Global เวอร์ชันภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้จัดจำหน่าย และแบรนด์สินค้า มีความสะดวกในการนำสินค้ามาขายบนแพลตฟอร์มมากขึ้น จากปัจจุบันมีร้านค้าราว 20,000 แบรนด์ ให้เป็น 40,000 แบรนด์ภายใน 3 ปี ข้างหน้า
เว็บ Tmall Global เป็นส่วนเพิ่มเติมของเว็บขายสินค้า Tmall ในเครือ Alibaba ที่ให้ผู้จำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ เข้ามาเปิดร้านเพื่อขายสินค้าให้กับคนจีน ก่อตั้งในปี 2014
Alibaba บอกว่าเดิมแบรนด์สินค้าต่างประเทศที่ต้องการขายของนั้น ต้องติดต่อกับ Alibaba ผ่านงานเทรดโชว์ หรือติดต่อผ่านหน้าเว็บที่เป็นภาษาจีน การเปิดเว็บภาษาอังกฤษจึงช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น และในแผนงานนั้นก็เตรียมเพิ่มภาษาอื่นในอนาคต อาทิ สเปน และญี่ปุ่น
Alibaba ประกาศความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ 3 รายคือ Audi, Renault, Honda เพื่อนำระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Alibaba ไปใช้กับรถยนต์ยี่ห้อเหล่านี้ที่วางขายในประเทศจีน
Alibaba มีแพลตฟอร์มสั่งงานด้วยเสียงชื่อ Tmall Genie ใช้กับลำโพงอัจฉริยะเพื่อทำตลาดในประเทศจีนมาตั้งแต่ปี 2017 (ลักษณะเดียวกับ Amazon Alexa หรือ Google Assistant) ส่วนคู่แข่งของ Tmall Genie ในประเทศจีนคือ Baidu DuerOS
ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า Alibaba เตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มอีกแห่ง ล่าสุด Alibaba ได้ยื่นเอกสารข้อเสนอเพื่อแตกหุ้นบริษัท จาก 1 หุ้นเป็น 8 หุ้น (สิ่งที่เปลี่ยนไปคือผู้ถือหุ้นมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเท่านั้น มูลค่าก็ลดลงตามจำนวน แต่รวมแล้วก็เท่าเดิม) ซึ่งต้องรอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อน
Alibaba ให้เหตุผลในการแตกหุ้นว่าเพื่อเพิ่มความคล่องตัวสำหรับการซื้อขายหุ้น ตลอดจนจัดการเงินทุนในอนาคต ซึ่งคาดว่าเพื่อให้การเพิ่มทุนรอบใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ราคาต่อหุ้นเริ่มต้นไม่สูงนั่นเอง
มีรายงานว่า Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ได้ยื่นเอกสารไฟลิ่งเพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มเติมอีกแห่งเรียบร้อยแล้ว ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยบริษัทคาดว่าจะเพิ่มทุนจากไอพีโอนี้ได้อีก 20,000 ล้านดอลลาร์ มีกำหนดเข้าตลาดหุ้นเร็วที่สุดในไตรมาสที่ 3 ปีนี้
เดิมที Alibaba มีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่เนื่องจากกฎระเบียบหลายข้อที่ไม่ยืดหยุ่นเท่ากับตลาดหุ้นนิวยอร์ก Alibaba จึงเลือกนำบริษัทไปซื้อขายที่นั่นก่อน แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นฮ่องกงได้แก้ไขข้อบังคับหลายอย่างแล้ว
Alibaba ประกาศเพิ่มเงินลงทุนอีก 100 ล้านดอลลาร์ ผ่านบริษัทในเครือ UC Web เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในแอปวิดีโอบนสมาร์ทโฟน Vmate แอปวิดีโอที่เน้นทำตลาดในประเทศอินเดียเป็นหลัก
Vmate เป็นแอปดูและแชร์วิดีโอสั้น แต่ได้เพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ อาทิ การดาวน์โหลดวิดีโอ การใส่อีโมจิ 3 มิติ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน ตัวเลขล่าสุดมีจำนวนผู้ใช้งานรวม 30 ล้านบัญชี
คาดว่า Alibaba ตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนในแอปวิดีโอขนาดสั้นที่อินเดีย ก็เพราะเห็นโอกาสเติบโตที่นั่น และชดเชยโอกาสที่พลาดไปจากตลาดแอปวิดีโอสั้นในจีนซึ่งตอนนี้ TikTok ของ ByteDance ครองตลาดอยู่ แล้วกำลังทำตลาดในอินเดียอยู่เช่นกัน
มีรายงานว่า Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน กำลังพิจารณานำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนอีก 20,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้กลายเป็นการเพิ่มทุนก้อนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 ที่ Alibaba นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก อเมริกา
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้ Alibaba นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นอเมริกาแทนที่จะเป็นฮ่องกงหรือจีน เนื่องจากระเบียบข้อกำหนดตอนนั้น ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายหุ้นหลายคลาส ขณะที่อเมริกาอนุญาต Alibaba จึงเลือกไปตลาดหุ้นอเมริกา แต่ตอนนี้อนุญาตแล้ว
Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน ประกาศเข้าลงทุนใน Red Star Macalline (RSM) ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของจีน โดยซื้อหุ้น 3.7% ผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง และซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งหากมีการแปลงเป็นหุ้นจะทำให้ Alibaba มีหุ้นเพิ่มอีก 10% ใน RSM
ดีลดังกล่าวถือเป็นอีกครั้งที่ Alibaba เข้าลงทุนในธุรกิจค้าปลีกแบบมีหน้าร้านดั้งเดิม เพื่อนำมาต่อยอดกับออนไลน์ตามกลยุทธ์ New Retail โดยคราวนี้ก็เป็นร้านค้าเฟอร์นิเจอร์
Red Star Macalline มีร้านค้าประมาณ 300 สาขาในประเทศจีน รวมทั้งมีธุรกิจให้ตัวแทนจำหน่ายมาเช่าพื้นที่ขายสินค้า ตลอดจนธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการออกแบบตกแต่งบ้านและงานก่อสร้าง
5 บริษัทจากจีนและญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือในการออกแบบมาตรฐานใหม่ของ QR Code สำหรับระบบการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนในประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่แต่ละค่ายจะมีมาตรฐานตนเอง ทำให้ต้องใช้เครื่องอ่านแยกกัน
โดย 5 บริษัท ที่ประกาศความร่วมมือนี้ประกอบด้วย Alibaba กับ Tencent จากจีน ส่วนฝั่งญี่ปุ่นมี LINE, Mercaci (เว็บขายของออนไลน์) และ NTT Docomo ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
QR Code สำหรับการจ่ายเงินในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การที่ผู้เล่นรายใหญ่จากจีนคือ Tencent (WeChat Pay พาร์ทเนอร์กับ LINE) และ Alibaba (Alipay พาร์ทเนอร์กับ Yahoo! Japan) เข้ามาทำตลาดในญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้แนวคิดการกำหนดมาตรฐานเพื่อลดความซ้ำซ้อนของอุปกรณ์ที่จุดชำระเงินเกิดขึ้นนั่นเอง
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2019 มีรายได้รวม 93,498 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า กำไรสุทธิอยู่ที่ 23,379 ล้านหยวน จำนวนลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าเป็นประจำในช่วง 12 เดือนในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 654 ล้านคน ส่วนตัวเลขลูกค้าระดับ MAUs บนมือถือมีจำนวน 721 ล้านคน
รายได้จากธุรกิจหลักอีคอมเมิร์ซของ Alibaba ยังคงเติบโตสูงถึง 54% ส่วนตัวเลขที่น่าสนใจเช่นกันคือบริการคลาวด์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 76% เป็น 7,700 ล้านหยวน ซึ่ง Alibaba ให้ข้อมูลว่าบริษัทที่อยู่ในดัชนี A-Share ของจีนมากกว่าครึ่ง ใช้บริการคลาวด์ของ Alibaba
อาลีบาบาเปิดตัว Tmall Genie QUEEN ลำโพงอัจฉริยะที่มาพร้อมกระจกบานใหญ่ไว้แต่งหน้า โดยตัวกระจกสามารถปรับเป็นแสงต่างๆ ได้ เช่น แสงจากธรรมชาติ เพื่อให้สาวๆ รู้ว่าควรแต่งหน้าโทนไหนเมื่ออยู่ในแสงธรรมชาติ เพราะบางครั้งแต่งในหน้าห้องอาจททำให้เราลงมือหนักเกินไปจนเมื่อออกไปในแสงธรรมชาติแล้วดูกลายเป็นแต่งหน้าจัด
ตัวกระจกเป็นทรงกลม มีแท่นวาง กระจกกว้าง 8 นิ้ว แหงนปรับระดับได้ สามารถใช้เสียงสั่งให้กระจกปรับแสงให้เวลาแต่งหน้า เช่น สั่งให้ปรับแสงเป็นบาร์มืดๆ แสงธรรมชาติ เพื่อดูเมคอัพของตัวเองในแสงต่างๆ ได้
กระจกลำโพงอัจฉริยะยังมีคอนเทนต์แนะนำการเสริมความงามจากแบรนด์ความงาม 14 แห่ง เช่น La Roche-Posay, Kérastase, Sisley and Johnson & Johnson สามารถเสนอคอนเทนต์ความงามระหว่างที่แต่งหน้าได้ เช่น เคล็ดลับการดูแลผิว ขั้นตอนการบำรุงหน้าก่อนนอน เป็นต้น
แจ็ค หม่า กล่าวในงานภายในของบริษัทอาลีบาบา ปกป้องวัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 หรือการเริ่มงาน 9 โมงเช้า ทำงานถึง 3 ทุ่ม และทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน หลังจากกลุ่มโปรแกรมเมอร์จีนประท้วงผ่านทาง GitHub ระบุรายชื่อบริษัทที่ทำงานแบบ 996 ว่ามีอาลีบาบาอยู่ด้วย
เขาระบุมีแต่คนที่ยอมจ่าย [ด้วยการทำงานหนัก] เท่านั้นที่จะได้รางวัลในท้ายที่สุด และคนที่จะมาทำงานอาลีบาบาต้องพร้อมที่จะทำงานวันละ 12 ชั่วโมง โดยระบุว่าคนที่อยากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ทำงานในออฟฟิศดีๆ และมีโรงอาหารดีๆ นั้นหาได้ไม่ยากตามท้องถนน
Altaba บริษัทลงทุน (investment company) ที่เปลี่ยนชื่อจาก Yahoo! หลังขายธุรกิจหลักให้กับ Verizon ประกาศว่าบอร์ดบริหารได้อนุมัติให้ Altaba ขายหุ้นของ Alibaba ที่ถือครองอยู่ทั้งหมด เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น Altaba
หลังการขายธุรกิจหลักแบรนด์ Yahoo! ไป ทำให้ Altaba มีสินทรัพย์สำคัญที่เหลืออยู่คือหุ้นของ Alibaba ที่ Yahoo! ลงทุนไว้เมื่อนานมาแล้วก่อน Alibaba เข้าตลาดหุ้น และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 2 นอกจากนี้ยังมีหุ้นของ Yahoo! Japan ซึ่งได้ประกาศขายไปเมื่อปีที่แล้ว
Alibaba ได้ยืนยันว่าตอนนี้ทางบริษัทได้เข้าซื้อ Teambition ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวางแผนโปรเจคจากจีน ซึ่งเป็นคู่แข่ง Trello เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Teambition นั้นเคยระดมทุนมาราว 17 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2013 โดยมีผู้ลงทุนหลักคือ Tencent, Microsoft, IDG Capital และ Gobi Ventures
บริการของ Teambition เป็นการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเน้นการวางแผนและทำงานร่วมกัน โดยมีอินเทอร์เฟสหลักเป็นงานเกี่ยวกับการวางแผน, ซอฟต์แวร์ CRM ที่ชื่อ Bingo ไปจนถึง knowledge base ที่ภาคธุรกิจสามารถใช้เก็บเอกสารและข้อมูลอื่น ๆ ได้
Alibaba ประกาศเข้าลงทุนใน Qutoutiao ผู้พัฒนาแอปรวมคอนเทนต์สำหรับดูบนมือถือ เป็นเงิน 171 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ Alibaba มีหุ้นในบริษัทนี้ราว 4% โดยเป็นการลงทุนในรูปเงินกู้ยืมแปลงสภาพ โดยหลังประกาศข่าวดังกล่าวหุ้นของ Qutoutiao ที่ซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq อเมริกา ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12%
Alibaba ได้เข้าซื้อกิจการ Infinity Augmented Reality หรือ InfinityAR สตาร์ทอัพพัฒนาซอฟต์แวร์ด้าน AR จากอิสราเอล โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า ซึ่งทีมงานทั้งหมดของ InfinityAR จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์วิจัยด้าน Machine Vision ของ Alibaba ในอิสราเอล
InfitnityAR และศูนย์วิจัยของ Alibaba นั้น เป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาโครงการด้าน Computer Vision ร่วมกันตั้งแต่ปี 2016 จึงได้ขยายความสัมพันธ์เป็นการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในเวลาต่อมา รวมทั้งก่อนหน้านี้ Alibaba ก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนอยู่แล้วด้วย
Alibaba, Tencent, ร้านค้าปลีก Suning และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จีน อาทิ Changan, Dongfeng และ FAW ประกาศร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ด้วยเงินทุน 9,760 ล้านหยวน หรือราว 46,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาธุรกิจแชร์รถโดยสารขึ้นมาในจีน ซึ่งเป็นการแข่งขันกับรายใหญ่อย่าง Didi Chuxing ที่มีส่วนแบ่งการตลาดตอนนี้ถึง 90%
สามผู้ผลิตรถยนต์จะถือหุ้นในบริษัทใหม่นี้รายละ 15% ส่วน Suning จะถือหุ้น 19% ส่วนสองยักษ์ใหญ่ไอที Alibaba กับ Tencent จะถือหุ้นส่วนที่เหลือ เมื่อพิจารณาผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Didi Chuxing ที่มีทั้ง Uber และ SoftBank ก็ถือเป็นการเข้าแข่งขันกับธุรกิจแชร์รถกับรายใหญ่ของจีนและระดับโลกโดยตรง
Alibaba เผยแพร่โครงการทางเทคโนโลยี โดยเป็นความร่วมมือระหว่างแอปไลฟ์สไตล์ O2O Koubei ของ Alibaba กับเชนร้านชานมไข่มุกจากไต้หวัน Happy Lemon สร้างหุ่นยนต์ผลิตเครื่องดื่มขึ้นมา โดยนำร่องที่สาขาเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
ลูกค้าสามารถเลือกสั่งชานมไข่มุกได้กับพนักงานตามปกติ หรือเลือกสั่งผ่านแอป โดยสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอป Koubei แล้วเลือกเครื่องดื่ม พร้อมปรับแต่งส่วนผสมได้ถึง 40 รายการ จากนั้นหุ่นยนต์จะผลิตเครื่องดื่มตามเงื่อนไข ใช้เวลา 90 วินาที จึงสามารถรับเครื่องดื่มได้ผ่านตู้ล็อกเกอร์สำหรับรับสินค้า
Alibaba ประกาศเข้าถือหุ้นจำนวน 14% ในบริษัทโลจิสติกส์ของจีน STO Express คิดเป็นมูลค่าหุ้น 693 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อหุ้นบริษัทโลจิสติกส์ครั้งที่ 4 ของ Alibaba นอกจากนี้ STO Express จะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาอีกแห่ง โดย Alibaba จะเข้าซื้อหุ้นบริษัทใหม่นี้อีก 49% ทำให้ Alibaba มีหุ้นรวมมากกว่า 14% ด้วย
ในแถลงการณ์ Alibaba บอกว่าการลงทุนนี้เป็นหนึ่งในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทขนส่งสินค้าด่วนที่ดีที่สุด 1 ใน 5 ของจีน และจะทำให้ Alibaba เข้าใกล้เป้าหมายที่จะสามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น นั่นคือส่งสินค้าภายใน 24 ชั่วโมงที่จีน และภายใน 72 ชั่วโมงทั่วโลก
Office Depot ร้านจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานรายใหญ่ในอเมริกา ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Alibaba โดยมีเป้าหมายช่วยให้ธุรกิจรายเล็กในอเมริกา เข้าถึงการซื้อขายสินค้าระดับลูกค้าองค์กรกับจีนได้สะดวกมากขึ้น (B2B - Business-to-Business)
โดยในช่วงแรกนั้นทั้ง Office Depot และ Alibaba จะสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซร่วมกัน เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจในอเมริกาสามารถเข้าถึงสินค้า หรือสั่งผลิตสินค้าได้ง่ายขึ้น ส่วนเป้าหมายสำคัญที่ทำให้สองบริษัทนี้ร่วมมือกันคือระบบการจัดส่งสินค้า ซึ่ง Office Depot ก็จะได้ใช้ประโยชน์การส่งสินค้าระหว่างอเมริกากับจีนจาก Alibaba ขณะที่ Alibaba ก็ได้เครือข่ายการส่งของ Office Depot ด้วย เนื่องจากมีบริการ Next-Day อยู่แล้ว
Alibaba ได้เข้าซื้อหุ้น 8% ใน Bilibili แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ของจีน โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีลดังกล่าว ซึ่ง Taobao เว็บอีคอมเมิร์ซในเครือ Alibaba จะเป็นผู้ถือหุ้นส่วนนี้
Bilibili เป็นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ที่อเมริกา แต่ยังมีผลดำเนินงานขาดทุน โดย Chen Rui ซีอีโอ Bilibili กล่าวว่าเขาหวังว่าการเข้ามาถือหุ้นของ Taobao นี้จะช่วยต่อยอดให้ Bilibili จากฐานลูกค้าขนาดบน Taobao ได้
จุดเด่นของ Bilibili คือการเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่เน้นคอนเทนต์จับตลาดคนรุ่นใหม่ โดยผู้ใช้กว่า 80% เกิดหลังปี 1990 ซึ่งการนำวิดีโอมาผสมผสานกับการขายสินค้าเป็นเทรนด์ที่มาแรงในจีน
จากอิทธิพลพฤติกรรมการใช้ QR Code จ่ายเงินของคนจีน ทำให้ร้านค้าทั่วโลกต้องปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ และล่าสุด Walgreens เชนร้านขายยาขนาดใหญ่อันดับสองในสหรัฐฯ ก็จะสามารถรับจ่ายผ่าน QR Alipay ได้อย่างทั่วถึง โดย Alipay ตั้งเป้าว่า Walgreens จะสามารถรับจ่ายเงินผ่าน QR ของ Alipay 7,000 ร้านค้าให้ได้ภายในเมษายนนี้
ทางบริษัทระบุว่า ปัจจุบันรับจ่าย QR ของ Alipay ราว 3,000 ร้านค้าตามเมืองใหญ่ในนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก ลาสเวกัส ปัจจุบัน Walgreens มีร้านค้าราว 9,560 ทั่วสหรัฐฯ
Alipay บอกว่า มีผู้ใช้งานแอพดังกล่าวจ่ายเงินในสหรัฐฯราว 4 ล้านคนต่อปี และในเดือนกันยายน 2018 บริษัทแม่ Walgreens Boots Alliance ได้เจาเข้าไปยังตลาดจีนเป็นครั้งแรกเปิดตัวร้านค้าแฟล็กชิปใน Tmall Global แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของอาลีบาบาด้วย