อินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ท้าทายของวงการอีคอมเมิร์ซอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเทศหมู่เกาะ และมีปัญหาการจราจรติดขัด แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคที่เปลี่ยนผันจากการซื้อของออฟไลน์มายังออนไลน์ก็มากขึ้นเช่นกัน เป็นที่ดึงดูดใจของบริษัทอีคอมเมิร์ซทั้งหลาย
พูดถึงอาลีบาบาของ Jack Ma คนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก เพราะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ทำให้อาลีบาบาเติบโตขึ้นมาจนทุกวันนี้ และตลอดระยะเวลากว่า 19 ปีของการเติบโตของบริษัท อาลีบาบาได้แตกธุรกิจออกไปมากมาย ทั้งที่เป็นบริษัทลูกและที่อาลีบาบาไปลงทุนถือหุ้นใหญ่ จึงน่าสนใจว่าสาแหรกของอาลีบาบามีอะไรบ้าง
ด้วยจำนวนของธุรกิจ, บริการและบริษัทที่อาลีบาบาไปลงทุนมีเยอะและยิบย่อยมาก บทความนี้เลยจะอิงจากเอกสารงบการเงินของ Alibaba Group ที่แบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 4 กลุ่มคือธุรกิจคอมเมิร์ซ, ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง, สื่อและบันเทิง และเทคโนโลยี นวัตกรรมอื่นๆ
Rocket Internet บริษัทโฮลดิ้งที่เป็นเจ้าของสตาร์ทอัพหลายแห่ง ประกาศว่ากลุ่ม Alibaba จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Daraz อีคอมเมิร์ซในเครือจากปากีสถาน ที่เน้นทำตลาดอยู่ในเอเชียใต้ ด้วยมูลค่าที่ไม่มีการเปิดเผย
Daraz ก่อตั้งในปี 2012 และเป็นอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมในปากีสถาน ต่อมาได้ขยายตลาดสู่ บังกลาเทศ, เมียนมาร์, ศรีลังกา และเนปาล ซึ่งตลาดทั้งหมดที่ Daraz อยู่นั้นมีประชากรรวมกัน 460 ล้านคน จึงถือเป็นโอกาสเติบโตเช่นกัน ซึ่งหลังจากดีลนี้ Daraz จะยังดำเนินงานภายใต้แบรนด์เดิม
ก่อนหน้านี้ Alibaba เคยซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซที่มาจาก Rocket Internet ซึ่งก็คือ Lazada นั่นเอง
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2018 รายได้รวม 9,873 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 61% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,248 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35%
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่านี่เป็นอีกไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของกลุ่ม Alibaba ซึ่งมาจากการเติบโตต่อเนื่องในธุรกิจค้าปลีก ที่เป็นธุรกิจหลักของ Alibaba และจากการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เสริมการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ New Retail ทำให้ Alibaba เป็นผู้นำในโครงสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน
อาลีบาบาทดลองใช้บล็อกเชนติดตามการขนส่งสินค้าในโครงการ Food Trust Framework ของ Tmall เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและความโปร่งใสสำหรับการค้าข้ามพรมแดนผ่านแพลตฟอร์ม Tmall Global ของอาลีบาบา
โดยเริ่มจากใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และ QR Code ติดแท็กสินค้า เพื่อตรวจสอบ ยืนยัน บันทึกและรายงานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการจัดส่ง เริ่มทดลองที่ออสเตรเลียในสินค้า Blackmores และแบรนด์ Fonterra ในนิวซีแลนด์ โดยทำงานร่วมกับ Australia Post และ New Zealand Post โดยมี PwC บริษัทบัญชี-ที่ปรึกษารายใหญ่ของโลกเป็นที่ปรึกษา
Alibaba ประกาศเข้าซื้อบริษัทผลิตไมโครชิพจากจีน Hangzhou C-SKY Microsystems เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Internet of Things
C-SKY Microsystems เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหางโจวของประเทศจีน เน้นพัฒนาสถาปัตยกรรมซีพียูและชิพแบบฝัง ซึ่งทางบริษัทบอกว่าชิพแบบฝังที่ผลิตเป็นจำนวนมากโดยบริษัทต่าง ๆ ในจีน มีเฉพาะของ C-SKY เท่านั้นที่ใช้สถาปัตยกรรมของตัวเอง ซึ่งการซื้อบริษัท C-SKY นี้จะช่วยให้ทีมวิจัยและพัฒนาชิพของทั้งสองบริษัททำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น และทำให้การพัฒนาชิพสำหรับใช้งาน IoT เป็นไปได้ง่ายขึ้น
Alibaba นั้นเคยลงทุนในบริษัท C-SKY มาแล้ว ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้จะทำให้ Alibaba ถือหุ้นใน C-SKY ทั้งหมด 100% โดยไม่เปิดเผยมูลค่าการเข้าซื้อครั้งนี้
รถยนต์ไร้คนขับ กลายเป็นตลาดแข่งขันล่าสุดของ 3 ยักษ์ใหญ่ไอทีจีน ที่เรียกกันว่า BAT (Baidu, Alibaba, Tencent) โดย Alibaba ออกมายืนยันแล้วว่ากำลังเริ่มทดสอบและพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ เตรียมจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพิ่มอีกกว่า 50 อัตรา สำหรับโครงการนี้ ซึ่งมีเป้าหมายให้ถึงระดับ 4 คือสามารถขับเคลื่อนได้ในทุกสภาพถนน โดยไม่ต้องมีคนอยู่หลังพวงมาลัย
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Baidu ได้รับใบอนุญาตให้ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับจากทางการจีน ส่วน Tencent ก็มีการขยายการพัฒนา AI ไปสู่รถยนต์ไร้คนขับด้วยเช่นกัน
SenseTime สตาร์ทอัพด้าน AI จากประเทศจีน ประกาศรับเงินลงทุนซีรี่ส์ C เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ นำโดยกลุ่มนักลงทุนประกอบด้วย Alibaba, Temasek และบริษัทค้าปลีก Suning.com
Jon Russell แห่ง TechCrunch รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า Alibaba กำลังเจรจาเข้าร่วมลงทุนในแอพแท็กซี่ Grab ด้วยมูลค่าที่ยังไม่ได้สรุป และอาจต้องรอให้ดีลควบรวมกับ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสร็จสิ้นก่อน
ตัวแทนทั้ง Grab และ Alibaba ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับข่าวดังกล่าว
ต่อเนื่องจาก Taobao อีคอมเมิร์ซของเครือ Alibaba เปิดตัวแอพแยกเวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุ คราวนี้ Taobao เปิดตัวแอพแยกอีกชื่อว่า Taobao Tejia (แปลว่าลดราคา) โดยเป็นการรวมสินค้าราคาถูก เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังไม่มากโดยเฉพาะ สินค้ามีทุกหมวด ราคาอยู่ในช่วง 5-30 หยวน (25-150 บาท) นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นแจกคูปองแบบสุ่มในซองแดงด้วย
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เมื่อเศรษฐกิจเติบโต คนก็เริ่มมองหาสินค้าที่มีระดับและราคาสูงมากขึ้น ทำให้พื้นที่ของสินค้าราคาถูกมีน้อยลง Taobao จึงเลือกสร้างแอพแยกขึ้นมาเพื่อรองรับตลาดนี้
Alibaba ประกาศวันนี้ว่าจะเพิ่มเงินลงทุนในอีคอมเมิร์ซ Lazada อีกถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เมื่อรวมกับเงินลงทุนในอดีต ในปี 2016 และ 2017 ตอนนี้ Alibaba ได้ลงทุนไปแล้วรวมถึง 4 พันล้านดอลลาร์
Alibaba บอกว่าการลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่อง มาจากความมั่นใจในอนาคตของ Lazada กับตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการเติบโตของเครือ Alibaba
แถลงการณ์นี้ยังระบุว่า Max Bittner ซีอีโอคนปัจจุบันจะเปลี่ยนไปรับบทบาทที่ปรึกษาอาวุโสให้กับกลุ่ม Alibaba โดย Lucy Peng ประธานบอร์ด Lazada จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่เพิ่มเติมอีกตำแหน่งแทน
Alibaba Cloud ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ที่ประเทศอินโดนีเซียขึ้นแห่งแรก ทำให้ Alibaba Cloud มีศูนย์ข้อมูลแล้วใน 18 ประเทศทั่วโลก
Alibaba บอกว่าการตั้งศูนย์ข้อมูลนี้เป็นการส่งเสริมโครงการของรัฐบาลที่จะตั้งสตาร์ทอัพให้ได้ 1,000 แห่งภายในปี 2020 ขณะเดียวกันบริการ Alibaba Cloud นี้จะโฟกัสที่กลุ่มลูกค้า SME ที่มีจำนวนมากกว่า 15 ล้านรายในอินโดนีเซีย โดยมองว่าตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก (Alibaba ลงทุนใน Tokopedia อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินโดนีเซีย)
Ofo สตาร์ทอัพแชร์จักรยานรายใหญ่ของจีน ประกาศรับเงินทุนเพิ่มอีก 866 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 27,000 ล้านบาท จากกลุ่มนักลงทุนที่นำโดย Alibaba ซึ่งเงินทุนรอบนี้มีทั้งส่วนที่เป็นหุ้นและส่วนที่เป็นเงินกู้ยืม ส่วนผู้ลงทุนรายอื่นได้แก่ Ant Financial (ซึ่งก็เป็นเครือ Alibaba), Haofeng Group, Tianhe Capital และ Junli Capital
ผลจากเงินเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้ Alibaba กลายเป็นผู้ถือหุ้น Ofo รายใหญ่ที่สุด แทนที่ Didi Chuxing ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา Didi Chuxing เองก็ได้ไปซื้อกิจการเบอร์ 3 อย่าง Bluegogo
Alibaba Cloud ร่วมกับสถาบัน Chinese Academy of Sciences (CAS) เปิดให้ลูกค้าใช้เซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์แล้ว โดยจะใช้ชิพควอนตัมแบบ superconducting ขนาด 11 คิวบิตในการประมวลผล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มี IBM ที่เพิ่งเปิดเซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์ขนาด 20 คิวบิตไป
มีรายงานว่า Alibaba ได้เริ่มเจรจาเพื่อซื้อกิจการทั้งหมดของ Ele.me แพลตฟอร์มบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ โดยเป็นการขอซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมด (ปัจจุบัน Alibaba ถือหุ้น Ele.me อยู่แล้วบางส่วน) ซึ่งหนึ่งในผู้ถือหุ้นนั้นก็คือ Baidu ที่เข้ามาถือหุ้นจากการที่ Ele.me ไปซื้อกิจการ Waimai บริการส่งอาหารคู่แข่งตอนนั้น
ดีลนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่แหล่งข่าวบอกว่ามูลค่าอาจสูงถึง 9,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Alibaba ต้องการควบคุมกิจการ Ele.me ทั้งหมด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Meituan Dianping ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งที่มี Tencent เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
Alibaba ประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับคณะกรรมโอลิมปิกสากลตั้งแต่ปี 2017 โดยจะเป็นความร่วมมือระยะยาวจนถึง 2028 ที่จะมีโอลิมปิกฤดูร้อนในลอสแองเจลิส ซึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพย็องชัง เกาหลีใต้ ซึ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวานนี้ Alibaba ก็ได้สาธิตเทคโนโลยีหลายอย่าง
ข่าวนี้ออกมาหลายวันแล้ว แต่น่าสนใจในแง่แนวโน้มของอีคอมเมิร์ซ โดย Alibaba ได้เปิดตัวแอพ Taobao แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ C2C ในเครือ เวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
Ding Jian หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Alibaba บอกว่า สิ่งที่แตกต่างไปในแอพเวอร์ชันนี้คือการลงทะเบียนสมัครที่ง่ายขึ้น เพิ่มฟีเจอร์ผูกบัญชีจ่ายเงินกับลูกหลาน เพื่อให้พวกเขาจ่ายเงินค่าสินค้าให้ และการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ก็จะไม่รก ให้แสดงเฉพาะที่สำคัญก็พอ ซึ่ง Alibaba หวังว่าการทำแอพเจาะกลุ่มช่วงอายุนี้ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยภายในครอบครัวได้ด้วย
Alibaba Cloud ประกาศเปิดศูนย์ข้อมูลในอินเดียและอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้ศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซียก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์สามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนนี้
ทาง Alibaba ระบุว่าศูนย์ข้อมูลนี้เป็นศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์แบบเปิดระดับโลกรายแรกในอินโดนีเซีย ตอนนี้ยังไม่มีรายการบริการที่จะเปิดให้บริการในอินโดนีเซียว่าครบมากน้อยเพียงใด
สำหรับคนไทยตัว Alibaba Cloud มีศูนย์ข้อมูลทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ก่อนหน้านี้แล้ว การไปใช้งานในอินโดนีเซียคงไม่มีเหตุผลเท่าใดนัก แต่แนวทางการขยายให้ครอบคลุมอาเซียนก็นับเป็นแนวทางที่แปลกกว่าผู้ให้บริการรายอื่นที่มักจำกัดอยู่ในสิงคโปร์เป็นหลัก และขยายบริการไปยังประเทศอื่นๆ เฉพาะบริการ CDN เท่านั้น
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2017 มีรายได้รวม 12,761 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,586 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่าถือเป็นอีกไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของบริษัท และ Alibaba ยังมีโมเมนตัมต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ New Retail ดังเห็นได้จากสถิติใหม่ของเทศกาลช้อปปิ้งวันที่ 11.11 นอกจากนี้บริษัทยังขยายไปสู่การหลอมรวมออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า
Alibaba มีผู้ใช้งานผ่านมือถือ 580 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 31 ล้านคน และบริการคลาวด์ Aliyun เป็นกลุ่มธุรกิจนอกค้าปลีกที่มีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 104%
Alibaba Group Holding บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนได้จับ Deep Neural Network ที่ตนเองพัฒนามาทดสอบกับแบบทดสอบ the Stanford Question Answering Dataset (SQuAD) ซึ่งเป็นชุดคำถามกว่า 100,000 คำถาม จากเนื้อหาบนวิกิพีเดียกว่า 500 บทความ ซึ่งเท่ากับว่าการจะตอบคำถามได้ ต้องอ่านทำความเข้าใจบทความเหล่านั้นก่อน
อาลีบาบาออกมาเผยว่าได้นำ AI ของตนไปเข้ารับการทดสอบตอบคำถามกว่า 1 แสนคำถาม เป็นชุดคำถามจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผลคือ AI ของอาลีบาบาได้คะแนน 82.44 ด้าน AI ของไมโครซอฟต์ ได้คะแนนไป 82.650
สูงกว่าคะแนนที่มนุษย์ทำได้คือ 82.304
ชุดคำถามของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่า machine learning สามารถประมวลข้อมูลมหาศาลและเลือกเอาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดออกมาได้หรือไม่ (ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมาจากเอกสารจากเว็บไซต์ Wikipedia ประมาณ 500 บทความ)
Luo Si หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านการประมวลผลภาษาของสถาบันวิจัยในอาลีบาบาบอกว่า นั่นหมายความว่าคำถามง่ายๆ อย่างเช่น ฝนเกิดจากอะไร AI สามารถให้คำตอบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมอื่น เช่น ตอบคำถามลูกค้า แนะนำข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ คำแนะนำการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เปิดเผยว่า Alibaba กำลังพิจารณานำบริษัทในเครือ จดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยไม่ได้เปิดเผยว่าจะเป็นบริษัทใด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงกลายเป็นตลาดหุ้นที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มอีกราย จากที่มี Tencent, China Literature และ Razer
Committee on Foreign Investment in the United States (CFIUS) คณะกรรมการกำกับดูแลการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐฯ ได้สั่งห้าม Ant Financial บริษัทการเงินภายใต้ Alibaba เข้าซื้อบริษัท MoneyGram International ซึ่งเป็นบริษัทโอนเงินเนื่องจากกังวลปัญหาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากข้อมูลของ MoneyGram เป็นข้อมูลแบบระบุตัวตนได้ จึงทำให้ CFIUS เกรงว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อการระบุตัวตนประชากรสหรัฐฯ จากบริษัทจีน
Reuters รายงานว่า หลังจากที่ CFIUS สั่งห้ามดีลการซื้อบริษัท ทั้งคู่ก็ตัดสินใจยกเลิกดีลทันทีที่ผลตัดสินออกมา โดย Ant Financial จะต้องจ่ายเงินค่ายกเลิกดีลให้ MoneyGram จำนวน 30 ล้านดอลลาร์ โดยหากดีลนี้สำเร็จจะถือเป็นหนึ่งในดีลการเข้าซื้อบริษัทสหรัฐฯ โดยบริษัทจีนครั้งใหญ่ที่สุด
Honda Motor ได้จับเป็นโกลบอลพาร์ทเนอร์กับ Alibaba Group จากจีน โดย Honda จะร่วมงานกับ AutoNavi บริษัทลูกของ Alibaba ที่เชี่ยวชาญด้านแผนที่และนำทาง ขณะที่ตัวแทนของ Honda ระบุว่าทั้งสองบริษัทได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว
ทั้งนี้ทาง IDC คาดว่าตลาดรถยนต์ Connected Car มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมูลค่าตลาดจะสูงถึงราว 1 แสน 5 พันล้านภายในปี 2021 ขณะที่การจับมือกับ Honda ของ Alibaba จะช่วยให้บริษัทอินเทอร์เน็ตจากจีนสามารถขยายธุรกิจได้มาก โดย Alibaba เริ่มธุรกิจนี้อย่างเป็นทางการในปี 2016 จากการจับมือกับ SAIC Motor บริษัทรถของจีน รวมถึงพัฒนา YunOS สำหรับรถยนต์ขึ้นมาเองด้วย
Wall Street Journal มีบทความกล่าวถึง UC Browser เว็บเบราว์เซอร์ที่กำลังมาแรงในประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรมหาศาลอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย
UC Browser เจ้าของโลโก้รูปกระรอก เป็นผลงานของบริษัท UC Web ที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์บนมือถือ Java ME มาตั้งแต่ปี 2004 และขายกิจการให้ Alibaba ในปี 2014 ปัจจุบัน UC Browser มีให้ใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม (Windows, iOS, Windows Phone, Java) แต่เวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Android