Alibaba Cloud ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ที่ประเทศอินโดนีเซียขึ้นแห่งแรก ทำให้ Alibaba Cloud มีศูนย์ข้อมูลแล้วใน 18 ประเทศทั่วโลก
Alibaba บอกว่าการตั้งศูนย์ข้อมูลนี้เป็นการส่งเสริมโครงการของรัฐบาลที่จะตั้งสตาร์ทอัพให้ได้ 1,000 แห่งภายในปี 2020 ขณะเดียวกันบริการ Alibaba Cloud นี้จะโฟกัสที่กลุ่มลูกค้า SME ที่มีจำนวนมากกว่า 15 ล้านรายในอินโดนีเซีย โดยมองว่าตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก (Alibaba ลงทุนใน Tokopedia อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินโดนีเซีย)
Ofo สตาร์ทอัพแชร์จักรยานรายใหญ่ของจีน ประกาศรับเงินทุนเพิ่มอีก 866 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 27,000 ล้านบาท จากกลุ่มนักลงทุนที่นำโดย Alibaba ซึ่งเงินทุนรอบนี้มีทั้งส่วนที่เป็นหุ้นและส่วนที่เป็นเงินกู้ยืม ส่วนผู้ลงทุนรายอื่นได้แก่ Ant Financial (ซึ่งก็เป็นเครือ Alibaba), Haofeng Group, Tianhe Capital และ Junli Capital
ผลจากเงินเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้ Alibaba กลายเป็นผู้ถือหุ้น Ofo รายใหญ่ที่สุด แทนที่ Didi Chuxing ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา Didi Chuxing เองก็ได้ไปซื้อกิจการเบอร์ 3 อย่าง Bluegogo
Alibaba Cloud ร่วมกับสถาบัน Chinese Academy of Sciences (CAS) เปิดให้ลูกค้าใช้เซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์แล้ว โดยจะใช้ชิพควอนตัมแบบ superconducting ขนาด 11 คิวบิตในการประมวลผล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มี IBM ที่เพิ่งเปิดเซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์ขนาด 20 คิวบิตไป
มีรายงานว่า Alibaba ได้เริ่มเจรจาเพื่อซื้อกิจการทั้งหมดของ Ele.me แพลตฟอร์มบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ โดยเป็นการขอซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมด (ปัจจุบัน Alibaba ถือหุ้น Ele.me อยู่แล้วบางส่วน) ซึ่งหนึ่งในผู้ถือหุ้นนั้นก็คือ Baidu ที่เข้ามาถือหุ้นจากการที่ Ele.me ไปซื้อกิจการ Waimai บริการส่งอาหารคู่แข่งตอนนั้น
ดีลนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่แหล่งข่าวบอกว่ามูลค่าอาจสูงถึง 9,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Alibaba ต้องการควบคุมกิจการ Ele.me ทั้งหมด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Meituan Dianping ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งที่มี Tencent เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
Alibaba ประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับคณะกรรมโอลิมปิกสากลตั้งแต่ปี 2017 โดยจะเป็นความร่วมมือระยะยาวจนถึง 2028 ที่จะมีโอลิมปิกฤดูร้อนในลอสแองเจลิส ซึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพย็องชัง เกาหลีใต้ ซึ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวานนี้ Alibaba ก็ได้สาธิตเทคโนโลยีหลายอย่าง
ข่าวนี้ออกมาหลายวันแล้ว แต่น่าสนใจในแง่แนวโน้มของอีคอมเมิร์ซ โดย Alibaba ได้เปิดตัวแอพ Taobao แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ C2C ในเครือ เวอร์ชันสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
Ding Jian หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Alibaba บอกว่า สิ่งที่แตกต่างไปในแอพเวอร์ชันนี้คือการลงทะเบียนสมัครที่ง่ายขึ้น เพิ่มฟีเจอร์ผูกบัญชีจ่ายเงินกับลูกหลาน เพื่อให้พวกเขาจ่ายเงินค่าสินค้าให้ และการแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ก็จะไม่รก ให้แสดงเฉพาะที่สำคัญก็พอ ซึ่ง Alibaba หวังว่าการทำแอพเจาะกลุ่มช่วงอายุนี้ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยภายในครอบครัวได้ด้วย
Alibaba Cloud ประกาศเปิดศูนย์ข้อมูลในอินเดียและอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้ศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซียก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์สามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนนี้
ทาง Alibaba ระบุว่าศูนย์ข้อมูลนี้เป็นศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์แบบเปิดระดับโลกรายแรกในอินโดนีเซีย ตอนนี้ยังไม่มีรายการบริการที่จะเปิดให้บริการในอินโดนีเซียว่าครบมากน้อยเพียงใด
สำหรับคนไทยตัว Alibaba Cloud มีศูนย์ข้อมูลทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ก่อนหน้านี้แล้ว การไปใช้งานในอินโดนีเซียคงไม่มีเหตุผลเท่าใดนัก แต่แนวทางการขยายให้ครอบคลุมอาเซียนก็นับเป็นแนวทางที่แปลกกว่าผู้ให้บริการรายอื่นที่มักจำกัดอยู่ในสิงคโปร์เป็นหลัก และขยายบริการไปยังประเทศอื่นๆ เฉพาะบริการ CDN เท่านั้น
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2017 มีรายได้รวม 12,761 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,586 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่าถือเป็นอีกไตรมาสที่ยอดเยี่ยมของบริษัท และ Alibaba ยังมีโมเมนตัมต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ New Retail ดังเห็นได้จากสถิติใหม่ของเทศกาลช้อปปิ้งวันที่ 11.11 นอกจากนี้บริษัทยังขยายไปสู่การหลอมรวมออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า
Alibaba มีผู้ใช้งานผ่านมือถือ 580 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 31 ล้านคน และบริการคลาวด์ Aliyun เป็นกลุ่มธุรกิจนอกค้าปลีกที่มีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 104%
Alibaba Group Holding บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนได้จับ Deep Neural Network ที่ตนเองพัฒนามาทดสอบกับแบบทดสอบ the Stanford Question Answering Dataset (SQuAD) ซึ่งเป็นชุดคำถามกว่า 100,000 คำถาม จากเนื้อหาบนวิกิพีเดียกว่า 500 บทความ ซึ่งเท่ากับว่าการจะตอบคำถามได้ ต้องอ่านทำความเข้าใจบทความเหล่านั้นก่อน
อาลีบาบาออกมาเผยว่าได้นำ AI ของตนไปเข้ารับการทดสอบตอบคำถามกว่า 1 แสนคำถาม เป็นชุดคำถามจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผลคือ AI ของอาลีบาบาได้คะแนน 82.44 ด้าน AI ของไมโครซอฟต์ ได้คะแนนไป 82.650
สูงกว่าคะแนนที่มนุษย์ทำได้คือ 82.304
ชุดคำถามของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่า machine learning สามารถประมวลข้อมูลมหาศาลและเลือกเอาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดออกมาได้หรือไม่ (ข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมาจากเอกสารจากเว็บไซต์ Wikipedia ประมาณ 500 บทความ)
Luo Si หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านการประมวลผลภาษาของสถาบันวิจัยในอาลีบาบาบอกว่า นั่นหมายความว่าคำถามง่ายๆ อย่างเช่น ฝนเกิดจากอะไร AI สามารถให้คำตอบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมอื่น เช่น ตอบคำถามลูกค้า แนะนำข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ คำแนะนำการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เปิดเผยว่า Alibaba กำลังพิจารณานำบริษัทในเครือ จดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยไม่ได้เปิดเผยว่าจะเป็นบริษัทใด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงกลายเป็นตลาดหุ้นที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มอีกราย จากที่มี Tencent, China Literature และ Razer
Committee on Foreign Investment in the United States (CFIUS) คณะกรรมการกำกับดูแลการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐฯ ได้สั่งห้าม Ant Financial บริษัทการเงินภายใต้ Alibaba เข้าซื้อบริษัท MoneyGram International ซึ่งเป็นบริษัทโอนเงินเนื่องจากกังวลปัญหาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากข้อมูลของ MoneyGram เป็นข้อมูลแบบระบุตัวตนได้ จึงทำให้ CFIUS เกรงว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อการระบุตัวตนประชากรสหรัฐฯ จากบริษัทจีน
Reuters รายงานว่า หลังจากที่ CFIUS สั่งห้ามดีลการซื้อบริษัท ทั้งคู่ก็ตัดสินใจยกเลิกดีลทันทีที่ผลตัดสินออกมา โดย Ant Financial จะต้องจ่ายเงินค่ายกเลิกดีลให้ MoneyGram จำนวน 30 ล้านดอลลาร์ โดยหากดีลนี้สำเร็จจะถือเป็นหนึ่งในดีลการเข้าซื้อบริษัทสหรัฐฯ โดยบริษัทจีนครั้งใหญ่ที่สุด
Honda Motor ได้จับเป็นโกลบอลพาร์ทเนอร์กับ Alibaba Group จากจีน โดย Honda จะร่วมงานกับ AutoNavi บริษัทลูกของ Alibaba ที่เชี่ยวชาญด้านแผนที่และนำทาง ขณะที่ตัวแทนของ Honda ระบุว่าทั้งสองบริษัทได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว
ทั้งนี้ทาง IDC คาดว่าตลาดรถยนต์ Connected Car มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมูลค่าตลาดจะสูงถึงราว 1 แสน 5 พันล้านภายในปี 2021 ขณะที่การจับมือกับ Honda ของ Alibaba จะช่วยให้บริษัทอินเทอร์เน็ตจากจีนสามารถขยายธุรกิจได้มาก โดย Alibaba เริ่มธุรกิจนี้อย่างเป็นทางการในปี 2016 จากการจับมือกับ SAIC Motor บริษัทรถของจีน รวมถึงพัฒนา YunOS สำหรับรถยนต์ขึ้นมาเองด้วย
Wall Street Journal มีบทความกล่าวถึง UC Browser เว็บเบราว์เซอร์ที่กำลังมาแรงในประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรมหาศาลอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย
UC Browser เจ้าของโลโก้รูปกระรอก เป็นผลงานของบริษัท UC Web ที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์บนมือถือ Java ME มาตั้งแต่ปี 2004 และขายกิจการให้ Alibaba ในปี 2014 ปัจจุบัน UC Browser มีให้ใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม (Windows, iOS, Windows Phone, Java) แต่เวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Android
Globe Telecom ผู้ให้บริการเครือข่ายและเทคโนโลยีในฟิลิปปินส์ ร่วมมือกับบริษัท Alibaba ทำ GCash บริการจ่ายเงินผ่าน QR code ตามร้านค้า
Ernest Cu ประธาน Globe ระบุเป้าหมายว่าต้องการให้มีผู้คนจ่ายเงินด้วยสมาร์ทโฟนมากขึ้น และตั้งเป้าว่าจะสามารถใช้จ่ายผ่าน GCash ได้ในร้านค้า 4,000 แห่ง นอกจากนี้ Globe ยังร่วมมือกับ SM Investments ผู้นำด้านการค้าปลีกในฟิลิปปินส์และ Robinsons เพื่อขยายบริการใช้จ่ายไปยังห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย
Globe Telecom ไม่ใช่รายเดียวที่ออกบริการ QR payment ยังมี PLDT ผู้ให้บริการเครือข่ายที่ทำบริการ PayMaya มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยทางบริษัทบอกว่ามีผู้ใช้งานแล้ว 8 ล้านราย ส่วน GCash ของ Globe มีผู้ใช้ราวๆ 5 ล้านราย โดย Globe ใช้กลยุทธ์ทำความร่วมมือกับร้านค้าและมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้เป็น 20 ล้านรายในระยะยาว
แต่ความท้าทายคือ ในฟิลิปปินส์ การใช้จ่ายผ่าน QR ยังเป็นเรื่องใหม่ และมีชาวฟิลิปปินส์เพียง 30% ที่มีบัญชีธนาคาร Globe จึงผลักดันกลยุทธ์สิทธิพิเศษให้ผู้ใช้ที่จ่ายผ่าน GCash เพื่อเป็นตัวเร่งพฤติกรรมใช้จ่ายไร้เงินสด
Alibaba ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่จากจีนเตรียมรุกตลาดออฟไลน์มากยิ่งขึ้น หลังจากเข้าลงทุนในไฮเปอร์มาร์เก็ตของจีนมาแล้ว รอบนี้ก็มาถึงคิวของรถยนต์บ้าง โดย Alibaba จะใช้ “เครื่องขายรถยนต์” ให้ผู้ใช้ทดลองใช้รถยนต์ หรือสั่งซื้อจากเครื่องนี้ได้เลย
อินเดียกลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่า Bigbasket ซูเปอร์มาร์เก็ตของอินเดีย เตรียมประกาศรับเงินลงทุนเพิ่มเติม 280 ล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนนี้นำโดย Alibaba ยักษ์อีคอมเมิร์ซจากจีน 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ Alibaba มาเป็นผู้ถือหุ้น 25% ใน Bigbasket
การแข่งขันระหว่าง Alibaba และ Amazon ในอินเดียดูจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ Amazon ลงทุนใน Flipkart อีคอมเมิร์ซใหญ่อินเดีย ส่วน Alibaba ก็ลงทุนใน One97
Bigbasket จัดจำหน่ายสินค้าของใช้ทั่วไป ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 20 เมืองในอินเดีย มีสินค้ากว่า 18,000 รายการ ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย
Ford ยังคงเดินหน้าบุกตลาดจีนอยู่เรื่อย ๆ หลังจากที่ร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว รอบนี้ Ford ก็ได้ร่วมมือกับ Alibaba โดยเน้นไปที่ช่องทางการจำหน่ายสินค้าสู่คนจีนโดยตรง
ปัจจุบัน Alibaba นั้นมีช่องทาง T-Mall และ Taobao เป็นช่องทางสำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้เราอาจเห็น Ford นำรถยนต์ขึ้นไปขายบนแพลตฟอร์มของ Alibaba เพื่อให้ขายตรงสู่ลูกค้าได้ แต่ว่าความร่วมมือครั้งนี้อาจไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะช่องทางขายสินค้าออนไลน์เท่านั้น เพราะตอนนี้ Alibaba ก็เริ่มขยายตลาดสู่ออฟไลน์มากขึ้นแล้วเช่นกัน
Alibaba ประกาศเข้าซื้อหุ้น 36.16% ในกลุ่ม Sun Art Retail ของจีน คิดเป็นมูลค่าราว 2,880 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 94,000 ล้านบาท) เพื่อเป็นการขยายธุรกิจสู่ร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ให้มากขึ้น
กลุ่ม Sun Art ดำเนินธุรกิจด้านจัดจำหน่ายอาหารในจีน มีร้านค้าระดับไฮเปอร์มาร์เก็ตรวม 446 แห่ง ใน 29 จังหวัดของจีน ภายใต้แบรนด์ RT-Mart (大润发) และ Auchan (欧尚) รวมทั้งร้านค้าปลีกแนวใหม่ที่ไม่ใช้พนักงานชื่อ Auchan Minute
Daniel Zhang ซีอีโอ Alibaba กล่าวว่าพันธมิตรในธุรกิจค้าปลีกครั้งใหม่นี้จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับจีน ตามยุทธศาสตร์ New Retail ที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับร้านค้าออฟไลน์ไว้ด้วยกัน
UC Browser เบราว์เซอร์ยอดนิยมจากจีน (ที่ดันไปดังในอินเดียมากกว่า) ถูกกูเกิลถอดออกจาก Play Store ชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่าทำผิดกฎเรื่องการโปรโมทให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเพื่อติดตั้งแอพตัวนี้
ตอนนี้ไม่มีข้อมูลจากฝั่งกูเกิลว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่มีนักพัฒนารายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพนักงานของ UCWeb ระบุว่าโดนแบนเป็นเวลา 30 วัน ผู้ที่ยังต้องการใช้ UC Browser บน Android ยังสามารถดาวน์โหลด APK มาติดตั้งเองได้จาก UCWeb
UC Browser มียอดดาวน์โหลดบน Play Store สูงถึง 500 ล้านดาวน์โหลด เป็นผลงานของบริษัท UCWeb Inc. ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือ Alibaba
จบไปเรียบร้อยสำหรับเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ วันคนโสดจีน 11 เดือน 11 โดย Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีนได้สรุปสถิติตลอด 24 ชั่วโมงของการขายประจำปี 2017 หลังจากมีการ รายงาน ตัวเลข ก่อนหน้านี้ออกมา รายละเอียดดังนี้
Alibaba ยังคงประกาศสถิติงานลดราคาประจำปีวันที่ 11 เดือน 11 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่จบหนึ่งวัน สถิติล่าสุดก็คือยอดขายผ่านไป 13 ชั่วโมง สามารถทำได้เท่ากับตัวเลขยอดขายตลอดวันของปีที่แล้ว
โดยเมื่อเวลา 13:09:49 ตามเวลาท้องถิ่น Alibaba ประกาศว่ายอดขายรวมได้ทำลายสถิติปีที่แล้ว 120,700 ล้านหยวน หรือราว 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ไปเรียบร้อย ที่น่าสนใจคือยอดขายราว 7 พันล้านดอลลาร์นั้นเกิดขึ้นใน 30 นาทีแรกของการขายเลยทีเดียว
สถิติเดิมได้ถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจบหนึ่งวันยอดขายจะทำได้มากกว่าปีที่แล้วมากน้อยเพียงใด
Alibaba ประกาศสถิติของกิจกรรมโปรโมชันลดราคาวันคนโสดจีน 11 เดือน 11 ประจำปีนี้ ซึ่งยังไม่จบวัน แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงของการขายก็มีตัวเลขที่น่าสนใจรายงานออกมาดังนี้
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด กรกฎาคม-กันยายน 2017 มีรายได้เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 8,285 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,616 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวว่าผลลัพธ์ที่ออกมานี้ยังเป็นแค่การเริ่มต้นของกลยุทธ์ในการหลอมรวมช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์เข้าหากัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพและได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป
Alibaba มีลูกค้าที่ใช้งานผ่านมือถือ 549 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% ส่วนบริการคลาวด์ Aliyun ยังคงเติบโตสูง มีรายได้เพิ่มขึ้น 99%
MariaDB Corporation บริษัทผู้พัฒนาฐานข้อมูลโอเพนซอร์ส MariaDB ประกาศรับเงินลงทุนรอบใหม่ Series C จำนวน 27 ล้านดอลลาร์
บริษัทที่เป็นผู้นำของการลงทุนรอบนี้คือ Alibaba แต่ก็มีบริษัทอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ Intel Capital, California Technology Ventures, Tesi, SmartFin Capital, Open Ocean
ก่อนหน้านี้ MariaDB ยังได้เงินลงทุนจาก European Investment Bank (EIB) จำนวน 27 ล้านดอลลาร์เท่ากัน ทำให้ปีนี้ MariaDB ได้เงินไปแล้ว 54 ล้านดอลลาร์
การเข้ามาลงทุนของ Alibaba เป็นผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง MariaDB กับ Alibaba Cloud แนบแน่นยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ทั้งสองบริษัทเคยร่วมกันพัฒนา AliSQL หรือ MariaDB เวอร์ชันรันบนคลาวด์ Alibaba Cloud มาก่อนแล้ว