อเมซอนเปิดหน้าร้านใหม่ Amazon Launchpad หน้าร้านสำหรับสตาร์ตอัพโดยเฉพาะ สินค้าส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านโครงการระดมทุนมาก่อน เช่น หน้าสินค้าที่ผ่านการระดมทุนจาก Indiegogo
อเมซอนรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 ยอดขายรวม 23,185 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และกลับมามีกำไรสุทธิ 92 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 69% เป็น 8,980 ล้านดอลลาร์ ส่วนกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้น 321% เป็น 4,373 ล้านดอลลาร์
รายได้จาก Amazon Web Service (AWS) อยู่ที่ 1,824 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 81% และมีกำไรเฉพาะส่วนนี้ 391 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 400%
หลังการรายงานผลประกอบการที่ออกมามีกำไรและเติบโตทุกส่วน ทำให้ราคาหุ้นของอเมซอนปรับเพิ่มขึ้นถึง 17% จนทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นสูงกว่า Walmart บริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
ขณะนี้ Amazon เป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ ของธุรกิจร้านค้าปลีกออนไลน์ และสินค้าหลายๆ อย่างก็ถูกกว่าร้านอื่นพอสมควร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีบริษัทอีคอมเมิร์ซหน้าใหม่ชื่อ Jet เพิ่งเปิดตัว และประกาศจุดยืนชัดว่า "ถูกกว่า Amazon" บริษัทนี้มีจุดที่น่าสนใจหลายอย่าง ดังนี้
จากคำโฆษณา “ข้อเสนอมากกว่า Black Friday” ของ Amazon Prime Day ทำให้มีลูกค้าคาดหวังและสนใจติดตามการลดราคาสินค้าในครั้งนี้
Amazon ออกมาเปิดเผยว่าได้รับคำสั่งซื้อมากกว่าเทศกาล Black Friday ปี 2014 จากการขายประมาณครึ่งวันมียอดสั่งซื้อ Fire TV Sticks 10,000 ชิ้น, บูลเรย์ Lord of the Rings 35,000 ชุด, Amazon Echo 4,000 เครื่องใน 15 นาที, กระเป๋า Kate Spade หมดในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที และดีลอื่นๆ จำนวนมาก ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งยอดขายรายวันของ Amazon ในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเป็น 80% จากปกติที่ 25% และเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในยุโรป นอกจากนี้แอพ Amazon บน Google Play และ App Store กระโดดขึ้นมาอยู่ 1 ใน 10 อันดับยอดนิยมเพียงชั่วข้ามคืนจากความสนใจที่ล้นหลาม
เพื่อชนกับ Amazon Prime Day ที่เพิ่งเริ่มลดแหลกในวันนี้ ยักษ์ใหญ่ขายปลีกระดับโลกอย่าง Walmart ออกมาเกทับด้วยการปล่อยแคมเปญลดราคาของตัวเองบ้างวันเดียวกัน
แคมเปญลดราคาของ Walmart ไม่มีชื่องาน แต่เคลมว่าเหนือกว่า Prime Day หลายด้านทั้งการเปิดให้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าราคาพิเศษได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าแรกเข้า (ก็คือ Amazon Prime) เป็นเงินกว่า 100 เหรียญ และดีลยังไม่ได้ลดแค่วันเดียว แต่จะมีผลต่อเนื่องไปอีก 90 วัน
นอกจากเรื่องลดราคาแล้ว Walmart ยังลดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในการส่งสินค้าฟรี จากเดิม 50 เหรียญ ลงมาเหลือ 35 เหรียญเท่ากับของ Amazon ในปัจจุบัน
งานนี้เรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใครครับ
การทดสอบแอพบนอุปกรณ์จริงถือเป็นปัญหาสำคัญของนักพัฒนา ยิ่งในสายของ Android ที่มีอุปกรณ์หลากรุ่นมาก การทดสอบอุปกรณ์ให้ครอบคลุมจึงเป็นเรื่องยากมาก
ล่าสุด Amazon Web Services จึงเปิดตัวบริการคลาวด์ตัวใหม่ชื่อ AWS Device Farm ให้นักพัฒนาส่งแอพบน Android หรือ Fire OS ไปรันบนฮาร์ดแวร์ทดสอบที่ Amazon เตรียมไว้ให้ว่ามีบั๊กหรือมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพหรือไม่ แล้วนั่งรอผลการทดสอบที่บ้านได้เลย
Amazon เปิดตัวแอพสตอเรจ Cloud Drive บนมือถือแล้ว หลังจากปล่อย SDKs ให้กับนักพัฒนาบน Android และ iOS ไปเมื่อเดือนก่อน และก่อนหน้านี้มีเพียงแอพที่ใช้ Cloud Drive เป็นพื้นฐานในการให้บริการอย่างแอพ Amazon Photos และ Amazon Music with Prime Music บนอุปกรณ์พกพา แต่ยังไม่มีแอพ Cloud Drive ตัวจริงเสียที
แอพถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่ายสะดวกต่อการใช้งาน แสดงโฟลเดอร์เช่นเดียวกับที่ผู้ใช้จัดการไว้ใน Cloud Drive พร้อมฟีเจอร์สร้างลิงก์เพื่อแชร์ไฟล์ เล่นไฟล์เพลงและวิดีโอได้ทันที แต่ยังไม่มีฟีเจอร์แก้ไขไฟล์ หรือการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ (ใช้ได้แค่บนเดสก์ท็อป) เหมือนที่แอพจากคู่แข่งมีมาให้
Amazon วางแผนจัดงานครบรอบ 20 ปีครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Prime Day มหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ที่เคลมว่าจัดหนักยิ่งกว่า Black Friday อันเลื่องลือ
Prime Day จะจัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ตั้งแต่เที่ยงคืน (ตามเวลา ET) โดยจะมีดีลลดราคาจากสินค้าทุกประเภทออกมาทุกๆ สิบนาที ซึ่งผู้ที่จะซื้อสินค้าในดีลของ Prime Day ได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิก Amazon Prime ใน 9 ประเทศที่ร่วมรายการ ประกอบไปด้วยสหรัฐฯ และแคนาดา ประเทศใหญ่ในแถบยุโรป และญี่ปุ่น
Amazon ร้านค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่ได้ขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบเข้าไปยังลาตินอเมริกาเป็นครั้งแรกแล้ว ซึ่งประเดิมในประเทศเม็กซิโกเป็นประเทศแรกโดยการเปิดหน้าเว็บ Amazon.com.mx ทาง Amazon กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่ Amazon จะมีสินค้าขายมากกว่าร้านค้าของตนในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา
รายได้สองในสามของ Amazon มาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยปีที่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น 25% มาเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทวิจัยการตลาด EMarketer Inc. คาดการณ์ไว้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเม็กซิโกจะเติบโต 30% ขึ้นไปแตะระดับ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
อเมซอนเปิดตัวไลบรารี TLS ของตัวเองในชื่อ s2n โดยเน้นความเล็กและเร็ว จุดเด่นสำคัญที่สุดคือโค้ดที่สั้นกว่า OpenSSL อย่างมาก โดยโค้ดในส่วน TLS นั้น s2n มีโค้ด 6,000 บรรทัด เทียบกับ OpenSSL ที่มีโค้ด 70,000 บรรทัด
Amazon Web Services เปิดศูนย์ข้อมูลในอินเดีย เพื่อรองรับธุรกิจออนไลน์ที่กำลังเติบโตในภูมิภาคนี้ รวมถึงบริษัทสตาร์ตอัพอินเดียจำนวนมากที่กำลังมาแรงด้วย
ตัวแทนของ AWS บอกว่าอินเดียมีลูกค้า AWS เป็นหลัก "หลายหมื่นบริษัท" ดังนั้นการเปิดศูนย์ข้อมูลในอินเดียเพื่อแก้ปัญหา latency รวมถึงตอบโจทย์เรื่องกฎระเบียบภาครัฐที่ให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ในประเทศจึงถือว่าคุ้มค่า บริการคลาวด์ AWS เขตอินเดียจะเริ่มให้บริการในปี 2016
ที่ผ่านมา AWS มีศูนย์ข้อมูลในเอเชีย 3 แห่งคือสิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ส่วนประเทศอื่นๆ ที่อยู่นอกเอเชียคือสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย บราซิล เยอรมนี ไอร์แลนด์
หลังจากที่อเมซอนปล่อยอัพเดตเฟิร์มแวร์รุ่น 5.6 ให้กับ Paperwhite รุ่นสอง (2013) และ Kindle Voyage ไปเมื่อครึ่งปีก่อน อเมซอนก็ไม่ทิ้งผู้ใช้ Paperwhite รุ่นหนึ่ง หลังจากรอคอยกันมากว่า 6 เดือน เมื่อสองวันก่อน ทางอเมซอนปล่อยอัพเดต 5.6.1.1 สำหรับ Paperwhite รุ่นหนึ่ง (2012) แล้วครับ
ฟีเจอร์เด่นที่แจ้งไว้มาครบ อันได้แก่ อธิบาย "ศัพท์ยาก" (Word Wise), แบ่งหนังสืออ่านข้ามบัญชี (Family Library), รองรับบริการหนังสือเด็กเหมาจ่าย (Kindle FreeTime Unlimited), ปรับปรุงฟีเจอร์ X-Ray ให้ดีขึ้น, เชื่อมต่อกับบริการ Goodreads ให้ดีขึ้น
Amazon เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ Kindle อย่าง Instant Previews for Kindle Books ที่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์เนื้อหาจากในอีบุ๊กที่อ่านให้กับเพื่อนฝูงได้ละเอียดยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์นี้ทำมาเพื่อต่อยอดการแชร์หนังสือแต่เดิมที่ทำได้เพียงแชร์ลิงก์ของหนังสือที่อ่านอยู่ ไปเป็นการแชร์แบบใหม่ที่เพิ่มเติม Quote เด่นๆ จากหนังสือ รีวิวที่น่าสนใจ รวมถึงเนื้อหาบางส่วนให้อ่านกันได้ทันที โดยฝั่งผู้รับนั้นไม่ต้องเป็นสมาชิก หรือมีแอพ Kindle แต่อย่างใด สามารถอ่านได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์เลย
Instant Previews ในแรกเริ่มจะใช้ได้กับแอพ Kindle for Android เท่านั้น โดยจะขยายไปยังเครื่องอ่านอีบุ๊กอย่าง Kindle และอุปกรณ์อื่นๆ ในช่วงปลายปี
เพิ่งวางขาย Amazon Echo ลำโพงอัจฉริยะที่เป็นผู้ช่วยที่ตอบข้อสงสัยได้ด้วยเสียงจริงๆ ไปไม่นาน วันนี้ Amazon ออกมาเปิดตัวโครงการต่อยอดของ Alexa เบื้องหลังฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงที่ใช้กับ Echo มาหลายอย่าง
อย่างแรกคือการเปิดกองทุน Alexa Fund มูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนให้นักพัฒนา ผู้ผลิต และสตาร์ทอัพมาร่วมออกแบบประสบการณ์ใหม่ที่สร้างด้วย Alexa โดยเน้นไปที่สามกลุ่มใหญ่ๆ คือพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่ใช้งาน Alexa, การใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ที่ใช้งานร่วมกับ Alexa และฟีเจอร์ใหม่ที่น่าจะใส่เข้าไปใน Alexa ได้ โดยเริ่มลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 7 บริษัท
Amazon เริ่มทดสอบบริการรับสินค้าเองในพื้นที่ใกล้เคียงรูปแบบใหม่ (local pickup) เน้นสินค้าราคาพิเศษจากร้านค้าในท้องถิ่น โดยให้ลูกค้ามารับสินค้าเองจากรถบรรทุกในชื่อ Treasure Truck
Treasure Truck เป็นรถบรรทุกสำหรับบรรจุสินค้าราคาพิเศษจำนวนจำกัดรายวัน ที่ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อ และไปรับได้เองจากรถบรรทุกดังกล่าว โดยการสั่งซื้อสินค้าจะต้องทำผ่านแอพของ Amazon ผ่านเมนู Treasure Truck เท่านั้น เมื่อเลือกสินค้า และจ่ายเงินแล้วจึงไปรับสินค้าด้วยตัวเอง
หลังจาก Amazon เปิดตัว Amazon Echo, Siri/Google Now ประจำบ้าน ที่ควบคุมด้วยเสียงเป็นหลักและ สามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านได้ ในวันนี้ก็เปิดให้สั่งจองแล้วสำหรับลูกค้าในประเทศอเมริกา
Amazon Echo ได้ถูกเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องได้รับเชิญก่อนถึงจะสามารถซื้อได้ แต่ในวันนี้ได้เปิดให้ผู้สนใจที่จะซื้อสามารถสั่งจองได้อย่างเป็นทางการ โดยราคาลดลงมาอยู่ที่ 180 ดอลลาร์จากเดิมที่เปิดตัวราคา 199 ดอลลาร์ และจะจัดส่งในวันที่ 14 เดือนกรกฎาคม แต่ยังคงจำกัดพื้นที่ในการจองอยู่ที่ประเทศอเมริกาเท่านั้น
Amazon ปล่อย Fire OS 5 เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนาแล้ว ของใหม่รุ่นนี้คือเปลี่ยนมาใช้ Android Lollipop เป็นแกนหลัก
นักพัฒนาที่ไม่มีตัวเครื่องจริงทดสอบ สามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอพ เพื่อปรับปรุงแอพให้สามารถทำงานได้ดีบน Fire OS 5 ก่อนการปล่อยเวอร์ชันจริง แต่หากต้องการทดสอบบนอุปกรณ์นักพัฒนาสามารถซื้อ Fire HD 7 โดยได้รับส่วนลด 50 เหรียญ ได้ 2 เครื่อง
นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลด Fire OS 5 ได้แล้วผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ Amazon ส่วนผู้ใช้จะได้รับเวอร์ชันจริงช่วงปลายปีนี้
บริการ Kindle Unlimited ที่คิดค่าบริการรายเดือน 9.99 ดอลลาร์แล้วสามารถอ่านหนังสือได้ไม่จำกัด จากเดิมที่อเมซอนจะจ่ายเงินตามเล่มเมื่อผู้อ่านอ่านครบจำนวนหน้าที่อเมซอนตั้งไว้ ตอนนี้จะหันมาคิดตามจริงตามสัดส่วนจำนวนหน้าที่ผู้อ่านได้อ่านไป
ตามกระบวนการนี้ ในแต่ละเดือนอเมซอนจะรายงานกองทุนรวม KDP Select Global Fund และจำนวนหน้าที่สมาชิกได้อ่านไปทั้งหมดในแต่ละเดือน แล้วจ่ายเงินตามสัดส่วน เช่น หากกองทุนจะจ่าย 10 ล้านดอลลาร์ในเดือนนั้นๆ และมีการอ่าน 100 ล้านหน้า ก็จะจ่ายหน้าละ 0.1 ดอลลาร์ หนังสือยาว 100 หน้าที่มีการอ่าน 100 ครั้ง (รวมเป็น 10,000 หน้า) ก็จะได้รับค่าตอบแทน 1,000 ดอลลาร์
Amazon อัพเกรดฮาร์ดแวร์ Kindle Paperwhite ใหม่โดยนับเป็นรุ่นที่สามแล้ว (แต่ใช้ชื่อทำตลาดว่า All-New Kindle Paperwhite) ของใหม่ในรุ่นนี้คือปรับความละเอียดของหน้าจอเพิ่มเป็น 300 ppi เท่ากับจอของ Kindle Voyage ที่เป็นฮาร์ดแวร์รุ่นท็อปสุดในปัจจุบัน โดยยังขายในราคาเดิมคือเริ่มที่ 119 ดอลลาร์แบบมีโฆษณา
การอัพเกรดรอบนี้ทำให้ Kindle Paperwhite น่าสนใจมากขึ้น เพราะถูกกว่า Kindle Voyage ที่ราคาเริ่มต้น 199 ดอลลาร์อยู่พอสมควร เพราะหน้าจอใช้ตัวเดียวกัน และฟีเจอร์อื่นของ Kindle Voyage ถึงแม้จะอำนวยความสะดวกได้ดีกว่า แต่ก็ยังไม่ใช่ฟีเจอร์สำคัญเท่ากับคุณภาพของหน้าจอ
ต่อจากความพยายามส่งสินค้าด้วยโดรน Amazon ยังขยับหาวิธีการส่งแบบใหม่ไปเรื่อยๆ ล่าสุดแม้แต่ลูกค้าก็อาจกลายเป็นคนส่งของให้กับ Amazon ได้เสียแล้ว
โครงการนี้ถูกเรียกกันภายในว่า "On My Way" เป็นขั้นกว่าของจากเดิมที่ Amazon เช่าพื้นที่ร้านค้าเอาไว้เพื่อเก็บสินค้า ไปสู่การให้คนทั่วไปสามารถนำสินค้าชิ้นนั้นไปส่งแก่ผู้สั่งโดยจะได้ค่าตอบแทนกลับมา
การควบคุมกระบวนการส่งสินค้า จะทำผ่านแอพ On My Way เพื่อแจ้งเตือน และให้ข้อมูลสินค้าที่ต้องไปรับ-ส่ง รวมถึงเก็บรายได้เอาไว้ในนั้นด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าบริการนี้จะเปิดใช้จริงหรือไม่
อเมซอนเปิดรายงานความโปร่งใสเป็นครั้งแรก นับเป็นบริษัทไอทีชั้นนำขนาดใหญ่ลำดับท้ายๆ ที่เปิดรายงานนี้ โดยระบุว่าจะเปิดเผยสองครั้งต่อปี
รายงานของอเมซอนไม่ได้แยกรายละเอียดตามบริการ แต่แยกตามประเภทคำขอ ได้แก่ หมายศาล (subpoena) ที่ใช้ขอข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา, หมายค้น (search warrant) เป็นการค้นเนื้อหาหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง, หมายอื่นๆ เช่น หมายศาลสั่งลบข้อมูล, จดหมายความมั่นคง จากหน่วยงานความมั่นคงออกโดยศาล FISA ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขแน่ชัดได้, และคำสั่งจากรัฐบาลอื่นๆ นอกสหรัฐฯ
แม้รายละเอียดไม่เยอะนักแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ ทางอเมซอนยังยืนยันจุดยืนการอุทธรณ์ต่อหมายศาลที่กว้างเกินไป และจุดยืนที่จะให้ผู้ใช้มีสิทธิปกป้องความปลอดภัยของตัวเอง
Minions ตัวละครดังจากภาพยนตร์ชุด Despicable Me เริ่มบุกบ้านชาวอเมริกาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนผ่านทางกล่องพัสดุ บนกล่องจะมีรูปเจ้า Minions อยู่ 3 แบบ 3 ตัวละคร (Stuart, Kevin และ Bob) ซึ่งแตกต่างกันตามขนาดของกล่อง โดยมีกำหนดการฉายภาพยนตร์และลิงก์พิเศษของทาง Amazon ปรากฏอยู่ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่โฆษณาจากภายนอกปรากฏอยู่บนกล่องพัสดุของ Amazon แต่ Amazon เคยโฆษณาบริการของตัวเองผ่านกล่องพัสดุมาก่อนหน้านี้ เช่น Amazon Prime ที่มีบริการสตรีมมิงเพลงและวิดีโอปรากฏอยู่บนเทปปิดผนึกพัสดุ และการปิดโฆษณาบนตู้ล็อกเกอร์ประจำจุดส่งของ
เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ Amazon ประกาศฟรีค่าขนส่งนับพันรายการสินค้าขนาดเล็กโดยที่ไม่จำกัดขั้นต่ำการสั่งซื้อสินค้า ทั้งนี้ลูกค้าทุกคนจะได้รับสิทธิการส่งสินค้าฟรี และนโยบายนี้รวมอยู่กับการขนส่งสินค้าภายในสองวันแล้ว ซึ่ง Amazon ใช้สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อซื้อใจลูกค้า โดยเฉพาะกับลูกค้าประจำของเว็บไซต์ eBay
นโยบายจัดส่งสินค้าฟรีนี้จะทำให้ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์สามารถซื้อสินค้าราคาถูกโดยที่ไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่ายในการจัดส่งที่อาจจะแพงกว่าราคาสินค้าเสียอีก ส่วนการส่งสินค้าฟรีครอบคลุมสินค้าที่มีน้ำหนัก 8 ออนซ์ (230 กรัม) หรือน้อยกว่า ซึ่งราคาสินค้านั้นมักจะมีราคาไม่เกิน 10 เหรียญ และเวลาในการจัดส่งสินค้า ใช้เวลาตั้งแต่ 4 – 8 วันทำการจากศูนย์กลางการจัดส่งสินค้าใน Florence รัฐ Kentucky
อเมซอนพยายามบุกตลาดครอบครัวมาตั้งแต่ Kindle Fire ตอนนี้ก็เปิดตัวชุด Kindle for Kids Bundle ที่รวมเอาทั้ง Kindle รุ่นไม่มีโฆษณามาพร้อมกับกรอบสี และประกันอุบัติเหตุนานสองปีเต็ม
ตัวซอฟต์แวร์มีการปรับแต่งสำหรับเด็ก เมื่อเด็กกดหาความหมายจะรวมเข้าไว้เป็นคลังคำศัพท์ให้มาท่องศัพท์ได้ภายหลัง ระบบจัดการโดยผู้ปกครองผ่าน Kindle FreeTime สามารถเลือกระดับอายุที่อนุญาตให้อ่านหนังสือ, บล็อคเว็บที่ไม่เหมาะกับวัย, และตั้งเป้าหมายการอ่านหนังสือแต่ละเล่มแล้วมี archievement ให้เด็กๆ เก็บสะสม
ราคาทั้งชุด 99 ดอลลาร์เท่าๆ กับ Kindle รุ่นธรรมดาแบบไม่มีโฆษณา
Amazon เปิดตัวฟอนต์ใหม่ Bookery สำหรับการอ่านอีบุ๊กบน Kindle โดยเฉพาะ ฟอนต์ตัวนี้แก้ปัญหาฟอนต์เดิมๆ ของ Kindle (Caecilia และ Baskerville) โดยสามารถแสดงผลได้สวยงามทุกขนาดตัวอักษร และทุกขนาดหน้าจอ ผลการทดสอบภายในของบริษัทเองบอกว่า Bookery ช่วยให้การอ่านสบายตาขึ้น 2% (ไม่รู้ว่าวัดกันอย่างไรนะครับ)
นอกจากนี้ Amazon ยังปรับปรุงเอนจินแสดงผลข้อความ (text engine) ของ Kindle ใหม่หมด ให้แสดงผลใกล้เคียงกับสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้น มีฟีเจอร์ด้านการแสดงผลอักษรเฉพาะบางจุดอีกมาก (เช่น fi จะไม่แสดงจุดบนตัว i) สามารถตัดคำภาษาอังกฤษเวลาคร่อมบรรทัดได้ ผลคือ Kindle ไม่จำเป็นต้องแสดงข้อความแบบ justified ชิดขอบสองด้านอีกต่อไป การแสดง space ระหว่างคำจึงสวยขึ้นมาก