ทำเนียบขาวออกประกาศจะใช้เทคโนโลยีลดจำนวนผู้ต้องขังและทำลายวงจรการจำคุกครอบคลุม 67 เขตพื้นที่ในสหรัฐฯ โดยร่วมมือกับ Amazon และ Palantir ในการออกแบบเทคโนโลยี
โครงการนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Data-Driven Justice Initiative (DDJ) หลักๆจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเชื่อมข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อแก้ปัญหานักโทษล้นคุกซึ่งในจำนวนนักโทษทั่วโลกอยู่ในสหรัฐฯถึง 25% มีไม่น้อยเป็นนักโทษความผิดลหุโทษ (ประเภทไม่ร้ายแรง) และไม่น้อยที่ต้องถูกจำคุกก่อนจะมีคำพิพากษาออกมา หรือเป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางจิตใจ การเชื่อมข้อมูลจะเข้ามาประเมินและแยกแยะนักโทษเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น ง่ายต่อการกำหนดว่ากลุ่มไหนควรใช้วิธีจำคุก (ซึ่งควรจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมากจริงๆ)
Elizabeth Warren ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐ Massachusetts ได้พูดถึงเรื่อง Google, Apple และ Amazon ไว้ที่กรุง Washington D.C. ว่าทั้งสามบริษัทนี้ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่ แต่เป็นบริษัทใหญ่ที่จะใช้ขนาดของพวกเขาทำลายคู่แข่ง โดยบอกว่าทั้งสามบริษัทนั้นใช้แพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการกีดกันรายย่อยหรือรายใหม่
เริ่มต้นที่ Google นั้น Warren บอกว่าใช้อำนาจในการครอบครอง search engine เพื่อคุกคามคู่แข่งของฟีเจอร์รีวิวผู้ใช้ของ Google Plus ส่วน Apple วางตำแหน่งของคู่แข่งให้พวกเขาลำบากในการเสนอบริการสตรีมมิ่งที่สามารถแข่งกับ Apple Music ส่วน Amazon ใช้การครอบครองการขายหนังสือเพื่อนำทางผู้ใช้ไปยังหนังสือที่ทำโดย Amazon เอง และทำลายสำนักพิมพ์อื่น
Amazon ได้ปรับปรุงแอพสโตร์ของ Alexa ผู้ช่วยเสมือนจริงใหม่ทั้งหมด มีการจัดเป็นหมวดหมู่และระบบการค้นหาใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาแอพที่จะเพิ่มความสามารถให้กับ Alexa ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถสั่งให้ Alexa ค้นหาและเพิ่มแอพได้ด้วยตัวเอง ผ่านการสั่งงานผ่านเสียงแล้ว
Amazon ระบุด้วยว่ากลุ่มแอพบนสโตร์ที่เติบโตมากเป็นอันดับต้นๆ คือกลุ่ม Smart Home โดยระยะเวลาเพียงไม่ถึงปี จากแอพที่มีแอพอยู่เพียงประมาณ 130 แอพ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่มากกว่า 1,400 แอพแล้ว ซึ่งนับว่าเป็น ecosystem ใหม่ที่เติบโตเร็วมาก หากมองว่า Alexa เพิ่งเปิด APIs ให้กับนักพัฒนาเพียงปีเดียวเท่านั้น
Amazon จัดโปรโมชันให้กับสมาชิก Amazon Prime ซื้อสมาร์ทโฟน Blue R1 HD และ Moto G แบบไม่ติดสัญญาในราคาเพียง 50% แต่สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับโฆษณาบนหน้าล็อกสกรีน
Blue R1 HD รุ่นความจุ 8GB ราคาตามโปรโมชันจะเหลือที่ $49.99 ขณะที่ Moto G รุ่นล่าสุด ความจุ 16GB ราคาตามโปรโมชันอยู่ที่ $149.99 เท่านั้น
ทาง Amazon ระบุว่าได้จัดโปรโมชันในลักษณะกับ Fire Tablet และ Kindle มาก่อนแล้วและพบว่าค่อนข้างได้รับความนิยมสูง จึงหันมาจัดโปรโมชันนี้กับสมาร์ทโฟน รุ่นที่ไม่ติดสัญญา ซึ่งได้รับความนิยมบน Amazon เช่นกัน
ปัญหาอย่างหนึ่งของการอ่านอีบุ๊คที่ยังทำได้ไม่ค่อยดี คือการกรีดหนังสือหรือพลิกหน้าอย่างเร็ว
หลายครั้งเวลาที่เราอ่านนิยายหรือหนังสือวิชาการที่มีการพูดถึง แผนที่, รูป, กราฟ, ตาราง หรือแม้แต่โน้ตหรือไฮไลท์ของตัวเองก่อนหน้า สิ่งที่คนอ่านส่วนใหญ่ทำคือ นั่งพลิกเปลี่ยนหน้าย้อนหลังไปเรื่อยๆ ทีละหน้าเพื่อหาเนื้อหาที่ต้องการจนกว่าจะเจอ แต่หลายครั้งมักจะเจอปัญหาว่าเมื่ออ่านกราฟหรือแผนที่ที่ต้องการแล้ว กลับลืมตำแหน่งเดิม ทำให้อ่านต่อไม่สนุก
ตามธรรมเนียมแล้ว Amazon จะเปิดตัวเครื่องอ่านอีบุ๊กรุ่นปรับปรุงตามวงรอบทุกปี แต่รอบนี้มาเร็วขึ้นเล็กน้อย ครั้งนี้เป็นของน้องเล็ก Kindle รุ่นล่าง โดยยังใช้จอความละเอียดเดิม 800x600 ขนาด 6 นิ้ว ขนาดโดยรวมลดลงเล็กน้อย เหลือ 16.0 x 11.5 x 0.91 เซนติเมตร น้ำหนักลดลง 15% เหลือเพียง 161 กรัม
ที่พิเศษคือ ครั้งนี้มีเครื่องสีขาวให้เลือกซื้อด้วย ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าวางจำหน่ายเครื่องสีขาวเฉพาะในตลาดจีนและญี่ปุ่นเท่านั้น และที่สำคัญคือเครื่องรุ่นนี้มาพร้อม Bluetooth ในตัวและซอฟต์แวร์รองรับ VoiceView ผ่าน Bluetooth โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Adapter เสริม (แน่นอนว่าต้องใช้หูฟัง Bluetooth ด้วย)
สามารถสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ เริ่มส่งของวันที่ 7 กรกฎาคม และยังรับส่งมาเมืองไทยอีกด้วย
สองสามวันก่อน ทางอเมซอนออกอัปเดตซอฟต์แวร์รุ่น 5.8.1 สำหรับเครื่อง Kindle รุ่นใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์ในรุ่นที่หก, เจ็ดและแปด อันได้แก่ Kindle Oasis, Kindle Voyage, Kindle (2014), Kindle Paperwhite (2013, 2015)
ส่วนตัวอัปเดตย่อยใหม่ครั้งนี้มีอะไรที่ปรับปรุงไปบ้างนั้น นอกจากคำอธิบายกว้างๆ ว่า ปรับปรุงประสิทธิภาพ แล้วครั้งนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ 4 ข้อด้วยกันดังนี้
บริการ Amazon Drive เป็นบริการรับฝากไฟล์แบบไม่จำกัดจำนวนพื้นที่จัดเก็บของ Amazon (เป็นบริการคนละกลุ่มจาก Amazon Web Services (AWS))
ปัญหาที่พบคืออัพโหลดไฟล์แล้วเกิดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งจัดการไฟล์ต่างๆ ทั้งลบ ย้าย หรือเปลี่ยนแปลงชื่อของไฟล์ที่อัพโหลดเข้าไปไม่ได้
ปัญหาข้างต้นผู้เขียนข่าวพบปัญหาด้วยตัวเองเอง และตรวจสอบเพิ่มเติมจากเว็บชุมชนออนไลน์ทั้ง Amazon Help Community และ Reddit พบว่ามีกลุ่มผู้ใช้งานเจอปัญหาแบบเดียวกัน
สำนักการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ยื่นฟ้องต่อ Amazon เป็นเงินกว่า 350,000 เหรียญ ฐานที่ Amazon ขนส่งพัสดุอันตรายทางการอากาศ โดยไม่ชี้แจงล่วงหน้าและบรรจุหีบห่อไม่เรียบร้อย จนทำให้เกิดการรั่วไหลและทำให้เจ้าหน้าที่ UPS บาดเจ็บหลายราย
เอกสารของ FAA ระบุว่าพัสดุของ Amazon เป็นของเหลวที่มีคุณสมบัติกัดกร่อน โดยถูกส่งจากรัฐเคนทักกีไปรัฐโคโลราโด้เมื่อเดือนตุลาคม 2014 ก่อนที่ของเหลวนั้นจะรั่วไหลออกมาจากหีบห่อ จนทำให้พนักงาน UPS 9 คนมีอาการแสบร้อนผิวหนัง
FAA ระบุด้วยว่า Amazon มีประวัติละเมิดกฎควบคุมการขนส่งวัสดุอันตรายถึง 24 ครั้ง
ที่มา - Digital Trend
สำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า Amazon เตรียมเปิดตัวบริการสตรีมเพลงใหม่ของบริษัท เพื่อวางตัวเป็นคู่แข่งกับ Apple Music และ Spotify
บริการสตรีมมิ่งใหม่ของ Amazon นี้จะเก็บค่าสมัครสมาชิกที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยแหล่งข่าวบอกว่าตอนนี้ Amazon ได้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงแล้ว จึงมีโอกาสที่จะเปิดตัวภายนในช่วงปลายของฤดูร้อนหรือต้นฤดูใบไม้ร่วง
ปัจจุบัน Amazon มี Prime Music อยู่แล้ว คาดว่าเมื่อเปิดบริการสตรีมมิ่งใหม่ Prime Music น่าจะเป็นบริการที่มีเพียงความสามารถพื้นฐาน และหากต้องการใช้งานบริการสตรีมมิ่งได้เต็มรูปแบบจริงๆ ให้ใช้บริการใหม่นี้
Amazon เปิดตัว Amazon Fresh บริการขนส่งอาหารสดในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นที่แรกที่ให้บริการในลักษณะนี้นอกสหรัฐ โดยเริ่มให้บริการเฉพาะในกรุงลอนดอนก่อนและยังให้บริการเฉพาะลูกค้า Amazon Prime เท่านั้น ส่วนค่าบริการจะคิดเพิ่มจากค่าสมาชิกปกติขึ้นไปอีก £7 ต่อเดือนหรือประมาณ 350 บาท มีให้ทดลองใช้ฟรี 1 เดือน
ทาง Amazon ระบุว่าสินค้าที่ให้บริการครอบคลุมหมดทั้งผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ซีฟู้ด นมหรือแม้แต่เครื่องใช้ในครัวเรือน โดยคิดค่าขนส่งอยู่ที่ £4 แต่หากซื้อสินค้าเกิน £40 จะไม่คิดค่าบริการส่ง
ที่มา - Engadget
วันนี้ Amazon ฟ้องร้องผู้ขายที่ใช้บัญชีปลอมมารีวิวสินค้าของตนเองถึงสามราย หลังจากที่มีการควบคุมเรื่องรีวิวปลอมมาก่อนหน้านี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เกิดการฟ้องร้องโดยตรงถึงคนขาย
Amazon ระบุว่า รีวิวปลอมแพร่ขยายไปมากกว่า 30% ของรีวิวสินค้าหนึ่งๆ สำหรับกรณีนี้ Amazon จะแบนบัญชีของผู้ถูกฟ้อง รวมถึงเรียกร้องค่าเสียหายเป็นกำไรและค่าธรรมเนียมจากการขายของ Amazon เป็นจำนวนเงินกว่า 25,000 เหรียญฯ (ประมาณเกือบ 9 แสนบาท)
Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon ให้สัมภาษณ์โดยตอบคำถามประเด็นที่ Amazon หยุดขาย Apple TV กับ Google Chromecast บนเว็บไซต์ ซึ่งคาดเดาก่อนหน้านี้ว่าเพื่อให้สินค้า Fire TV และ Fire TV Stick ของตนโดดเด่นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำดังกล่าวก็ขัดกับภาพลักษณ์ร้านค้าที่มีสินค้าทุกชนิดจำหน่าย
Bezos บอกว่า Amazon ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ที่จะจำหน่ายสินค้าคู่แข่งบนเว็บไซต์ เพราะเป็นเรื่องที่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อ Amazon ขายสินค้าคู่แข่งไป Amazon ก็ต้องการให้ตัวเล่นวิดีโอของ Amazon มีอยู่บนนั้นได้ด้วย บนข้อตกลงทางธุรกิจที่ยอมรับกันได้ แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น สินค้าเหล่านั้นจึงไม่มีจำหน่าย
เมื่อถามว่าข้อตกลงทางธุรกิจที่ว่าเป็นอย่างไร Besoz ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเนื่องจากเป็นความลับทางธุรกิจ
ที่มา: Business Insider ภาพ Dan Farber
แนวทางของ Amazon ที่เปิด Alexa ให้กับนักพัฒนาเข้าใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทำให้บริการนี้เริ่มกระจายตัวไปยังอุปกรณ์อื่นๆ และล่าสุดเว็บไซต์ Echosim.io ได้เปิดบริการ Amazon Alexa ที่ใช้งานได้ผ่านเว็บไซต์ โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการทดลองแต่อย่างใด ซึ่งทำเลียนแบบคุณสมบัติของ Amazon Echo แทบทุกประการ และสั่งงานได้ใกล้เคียงกัน (บางอันที่ต้องใช้งานคุณสมบัติเฉพาะทางอาจจะสั่งไม่ได้)
สตรีมมิ่ง Netflix และ Amazon Prime ถูกเรียกร้องให้มีเนื้อหาที่คณะกรรมาธิการ EU เสนออย่างน้อย 5 รายการในแคตตาล็อก กำหนดให้มีการประกาศในสัปดาห์หน้า เหตุที่มีการเรียกร้องเช่นนี้เพราะทางคณะกรรมาธิการ EU ต้องการเพิ่มการระดมทุนในภาพยนตร์ยุโรปและรายการโทรทัศน์ โดยทำการศึกษามาพบว่า ผู้กระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์ (broadcaster) ลงทุนราวๆ 20% ของรายได้ไปกับเนื้อหาของยุโรป แต่ได้รับส่วนแบ่งลดลงร้อยละ 1 อันมีสาเหตุจากธุรกิจสตรีมมิ่ง
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าวลือว่า Lab126 หน่วยงานผลิตและวิจัยด้านฮาร์ดแวร์ของ Amazon กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับแท็บเล็ต ซึ่งผู้ใช้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ผ่าน Amazon Alexa ผู้ช่วยส่วนตัวของ Amazon ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Amazon Echo เมื่อปลายปี 2014
รายงานข่าวระบุว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะเป็นหน้าจอที่ให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ในยามที่มือไม่ว่าง และสามารถแสดงข้อมูลที่ต้องการขึ้นมาได้จากหน้าจอโดยตรง ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะปล่อยสู่ตลาดเมื่อใดครับ
Amazon ประกาศอัพเกรดความสามารถใหม่ให้กับ Amazon Echo ลำโพงอัจฉริยะที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในเวลาเดียวกันของบริษัท ให้สามารถติดตามความคืบหน้าการจัดส่งของจาก Amazon ที่สั่งซื้อเอาไว้ได้แล้ว
Amazon ระบุว่าผู้ใช้งานเพียงแค่ถามว่า "Alexa, where's my stuff?" ก็จะได้ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถที่จะกดดูได้จากแอพ Alexa บนสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน ใครที่มี Amazon Echo สามารถลองความสามารถนี้ได้แล้วตั้งแต่บัดนี้
ที่มา - Recode
เว็บไซต์ข่าวไอที Recode รายงานข่าวลือที่รายงานอีกทีใน Wall Street Journal ว่า Amazon เตรียมขายสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ของตนเอง (house brand) ในเวลาอันไม่ช้านี้
รายงานข่าวระบุว่า ชื่อที่จะใช้คือ Happy Belly (แปลเป็นไทยคงเป็น "พุงสำราญ") และ Mama Bear โดยจะมีให้สั่งซื้อเฉพาะสมาชิก Amazon Prime เท่านั้น ทั้งนี้แนวทางในการมีแบรนด์ของตัวเอง (house brand, private-labeling) ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะห้างสรรพสินค้าและร้านค้าขนาดใหญ่หลายร้านก็มีแบรนด์สินค้าเป็นของตนเอง โดยมีราคาถูกกว่าแบรนด์ของผู้ผลิตทั่วไป
ที่มา - Recode
Donald Trump ตัวเก็งว่าที่ผู้สมัครลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคริพับลิกัน ออกมาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ FOX News ของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า Jeff Bezos เจ้าของหนังสือพิมพ์ Washington Post และ Amazon มีพฤติกรรมที่ผูกขาดและพยายามหลบเลี่ยงภาษี
Trump กล่าวหา Bezos ว่าใช้หนังสือพิมพ์ Washington Post ในการเป็นกระบอกเสียงให้กับตัวเอง ซึ่งทำให้นักการเมืองไม่ออกมาตรวจสอบการเสียภาษีและการดำเนินธุรกิจของ Amazon ที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่จ่ายภาษีในสิ่งที่ควรจะจ่าย (ว่าง่ายๆ คือ Trump กล่าวหาว่า Bezos ใช้ Washington Post เพื่อเบี่ยงประเด็นการเลี่ยงภาษีของ Amazon) เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อทั้ง Bezos และ Amazon เพื่อขอความเห็น ต่างได้รับการปฏิเสธที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้
หลังจากเปิดตัวปุ่มกดซื้อสินค้า Amazon Dash Button แบบแยกรายชิ้นไปตั้งแต่ปีที่แล้ว มาตอนนี้ Amazon ได้วางจำหน่ายแบบจำกัดจำนวน (limited release) ปุ่มดังกล่าวนี้ให้กับนักพัฒนา โดยเรียกว่า AWS IoT Button
AWS Iot Button ตัวนี้หน้าตาเหมือนกับ Dash Button ทุกประการ ความต่างก็คือนักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดและกำหนดค่าได้ว่าการกดนั้นจะให้ทำอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น กดปุ่มแล้วจะสั่งอาหารได้ เรียกแท็กซี่ ควบคุมไฟ หรือแม้กระทั่งสั่งให้โทรศัพท์ก็ได้ โดย AWS IoT Button จะใช้การตั้งค่าและประมวลผลจากแพลตฟอร์ม AWS ให้ทำงานตามที่นักพัฒนากำหนด
Amazon มีบริการวิดีโอออนไลน์ชื่อ Amazon Video อยู่แล้ว ตอนแรกขายหรือให้เช่าภาพยนตร์และซีรีส์ชื่อดัง แต่ภายหลังก็ขยายมาเป็นซีรีส์ที่บริษัทผลิตเองด้วย
ล่าสุด Amazon เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Amazon Video Direct (AVD) ที่เปิดให้ผู้สร้างเนื้อหารายย่อย (creators) นำวิดีโอมาเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มนี้ เจาะตลาดลูกค้า Amazon Video อีกช่องทางหนึ่ง
หรืออธิบายง่ายๆ คือ Amazon กำลังเปิดศึกกับ YouTube โดยตรงนั่นเอง
Amazon Video Direct มีรูปแบบการหารายได้หลากหลายให้เลือก เช่น การซื้อขาด, เช่า, สมัครสมาชิกรายเดือน หรือแสดงโฆษณาแบบนับตามวิวด้วย
สัปดาห์ที่แล้ว Blognone ได้รับเชิญไปงาน AWS Summit Singapore ซึ่ง Amazon Web Services จัดเป็นงานประชุมประจำปีของภูมิภาค ข่าวสำคัญในงานคือ AWS ตั้งสำนักงานในไทย แต่ก็มีเนื้อหาอื่น รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้บริหารของ AWS สองคนคือ Nick Walton ผู้บริหารสูงสุดของ AWS ASEAN และ Werner Vogels CTO ของ Amazon สำนักงานใหญ่ และหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญที่สร้าง AWS ด้วย
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1/2016 มีรายได้เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 29,128 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 513 ล้านดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้งต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา
การที่ Amazon มีกำไรต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นถึง 4 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ภาพของ Amazon ซึ่งที่ผ่านมาเน้นเติบโตเร่งขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มรายได้และจำนวนลูกค้า โดยไม่สนใจเรื่องกำไร-ขาดทุนมากนัก อาจจะต้องถูกมองใหม่
ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ Amazon มีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องคือส่วนธุรกิจ AWS ซึ่งมีรายได้เฉพาะส่วนนี้ 2,566 ล้านดอลลาร์ หรือเพียง 9% ของรายได้รวม แต่กำไรจากการดำเนินงานของ AWS นั้นสูงถึง 604 ล้านดอลลาร์ หรือ 56% ของกำไรทั้งหมด ที่น่าสนใจคืออัตรากำไรของ AWS นั้นอยู่ที่ 23.5% เพิ่มขึ้นสูงมากจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.5%
ซีอีโอ Jeffrey Bezos กล่าวว่ายอดขายแท็บเล็ต Fire นั้นสูงมากกว่าสองเท่าหากเทียบกับปีที่แล้ว (แต่ก็ไม่บอกจำนวนอยู่ดี) ส่วน Fire TV Stick ก็ประสบความสำเร็จด้วยรีวิวที่มีมากกว่า 1 แสนครั้ง โดยมีผู้ให้ 5 ดาวถึง 62,000 คน สูงที่สุดเท่าที่เคยมีใน Amazon
Amazon Web Services (AWS) หน่วยธุรกิจด้านคลาวด์ของ Amazon ประกาศตั้งสำนักงานในประเทศไทย โดยตั้ง ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ อดีตผู้จัดการของ VMware Thailand เป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย (Blognone เคยสัมภาษณ์)
AWS ในไทยจะมีพนักงานด้านเซลส์, พนักงานตำแหน่ง Solutions Architect ให้ความรู้กับลูกค้า และทีมงานซัพพอร์ตที่เป็นคนไทย (ส่วนการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ ยังเป็นภาษาอังกฤษอยู่ เพราะเป็น global support) นอกจากนี้ AWS ยังจับมือกับพาร์ทเนอร์ในไทยหลายราย เช่น Accenture, G-able, True อีกด้วย
ส่วนคำถามที่ทุกคนอยากรู้คือจะมีศูนย์ข้อมูลในไทยหรือไม่ คำตอบคือยังไม่มีครับ ส่วน AWS CloudFront Edge หรือ CDN ในไทยตอนนี้ก็ยังไม่มี และเป็นนโยบายของบริษัทอยู่แล้วว่าไม่เปิดเผยแผนการในเรื่องนี้
Amazon Fire แท็บเล็ตราคาถูก 50 ดอลลาร์ เปิดขายมาได้ราว 8 เดือน ล่าสุด Amazon บอกว่าขายได้เป็นหลักล้านเครื่องแล้ว (ตามสไตล์ Amazon จะไม่บอกตัวเลข บอกแค่ "millions") ถือเป็นแท็บเล็ตที่ขายดีที่สุดของ Amazon นับตั้งแต่ทำแท็บเล็ตตระกูล Kindle Fire ออกมา
Amazon ยังเปิดขาย Fire สีใหม่อีก 3 สีคือม่วง น้ำเงิน ส้ม และออกรุ่นพิเศษสำหรับเด็ก Fire Kids Edition สีเขียวเพิ่มมา รวมถึงออกรุ่น Kids Edition ความจุ 16GB เพิ่มมาให้เลือกด้วย
เท่าที่ดูจากหน้าเว็บ Amazon ตอนนี้ ยังลดราคาพิเศษเหลือ 39.99 ดอลลาร์ด้วยครับ