ดูเหมือน Apple Pay ระบบจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์พกพาของแอปเปิลจะใกล้เปิดตัวในเร็ววัน หลังจากมีข้อมูลของบริการนี้อย่างละเอียดออกมาจากโปรแกรมฝึกสอนใช้งานฟีเจอร์นี้ ซึ่งเตรียมนำไปใช้กับพนักงานของ Apple Store ภายหลังเปิดตัว
Apple Pay เริ่มใช้งานได้ทั้งตอนเปิดเครื่องครั้งแรก และในเมนูตั้งค่าที่เรียกว่า Passbook & Apple Pay โดยใช้ข้อมูลเหมือนกับเวลาเอาบัตรเครดิตไปซื้อของออนไลน์คือใช้ชื่อบนบัตร วันหมดอายุ และเลขรหัสหลังบัตร โดยสามารถใช้การสแกนด้วยกล้องเพื่อเพิ่มบัตรเข้าไปได้เช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้สัมภาษณ์ บิล เกตส์ ในเรื่องต่างๆ ด้านไอทีและไมโครซอฟท์ มีเรื่องน่าสนใจ ดังนี้
Apple Pay ระบบจ่ายเงินอย่างง่ายผ่าน NFC ของแอปเปิลที่ได้รับความสนใจอย่างมากหลังเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ iPhone 6 แต่กลับยังไม่เปิดให้ใช้งานกับ iOS รุ่นล่าสุดที่เปิดให้อัพเดตในปัจจุบันอย่าง iOS 8.0.2
แต่ในอัพเดต iOS 8.1 รุ่นเบต้า มีเบาะแสของ Apple Pay ที่ชวนให้คิดว่าฟีเจอร์ดังกล่าวน่าจะเปิดให้ใช้พร้อมกับการปล่อยอัพเดตใหญ่แรกของ iOS 8 แล้ว หลังจากมีผู้ใช้ลองสั่งให้ Siri แสดงบัตรเครดิตที่มี แล้วได้ผลเป็นการเปิด Passbook ทั้งๆ ที่ตัวระบบยังไม่มีฟังก์ชันนี้ในปัจจุบัน (แต่แอปเปิลเคยบอกแล้วว่าสามารถใช้ Siri จัดการบัตรเครดิตได้)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะมากับ iOS 8.1 จริง ก็จะมีเพียง iPhone 6 และ 6 Plus เท่านั้นที่ได้ใช้ครับ (ส่วนอีกเครื่องคือ Apple Watch ที่ยังไม่ขาย)
ระบบจ่ายเงิน Apple Pay ของแอปเปิลนั้น รองรับบัตรเครดิตจากผู้ให้บริการหลายรายทั้ง VISA, MasterCard และ American Express แต่กลับไม่มี PayPal ทั้งที่ iTunes เองก็รองรับการจ่ายเงินผ่าน PayPal ซึ่งเรื่องนี้ก็มีที่มาที่ไป
รายงานข่าวระบุว่าแอปเปิลได้เจรจากับ PayPal ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นโครงการ Apple Pay ไปพร้อมๆ กับที่เจรจากับธนาคารแต่ละแห่ง โดยมองว่า PayPal ก็เป็นผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินรายใหญ่แห่งหนึ่ง แต่แล้วการเจรจาก็ไม่ราบรื่นเมื่อ PayPal เปิดตัวระบบจ่ายเงินบน Galaxy S5 ร่วมกับซัมซุง
iPhone 6 และ 6 Plus ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้น เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลยอมใส่ชิป NFC เข้าไปในอุปกรณ์ของตัวเองเป็นครั้งแรก สร้างความคาดหวังว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่แอปเปิลจะเป็นผู้ช่วยให้ NFC เป็นที่แพร่หลายได้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่หลายคนคาดกันไว้เสียแล้ว
โดยดั้งเดิม ชิป NFC ที่ใส่มาใน iPhone 6 และ 6 Plus ทำมาเพื่อใช้ร่วมกับบริการจ่ายเงินผ่านมือถือของตัวเองอย่าง Apple Pay โดยเฉพาะ และจากการสอบถามจากสื่อหลายแห่งว่าแอปเปิลจะยอมให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงชิป NFC ได้หรือไม่ และคำตอบของแอปเปิลในตอนนี้ก็คือ "ไม่" นั่นหมายความว่าชิป NFC ตอนนี้จะใช้ได้กับ Apple Pay เท่านั้น ไม่อาจไปใช้แตะกับเครื่องอื่นเพื่อเชื่อมต่อ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลใดๆ อย่างที่หลายเจ้านิยมใช้กัน
แอปเปิลยังไม่ยอมเผยรายละเอียดของ Apple Pay แต่เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีการเงิน Bank Innovation ได้นั่งคุยกับ MasterCard ซึ่งเป็นพันธมิตรรายหนึ่งของแอปเปิล และได้ข้อมูลว่า Apple Pay มีกระบวนการทำงานอย่างไร
ตามปกติแล้ว บัตรเครดิตที่มีชิป EMV ในตัวจะสร้างรหัสแบบสุ่มที่เรียก cryptogram ขึ้นมาทุกครั้งที่ทำธุรกรรม โดยรหัสนี้จะถูกสุ่มจากชิปบนบัตร แล้วส่งไปยังธนาคารผู้ออกบัตร (ร่วมกับหมายเลขบัญชีของลูกค้าผู้รูดบัตร) เพื่อประมวลผล
แต่ Apple Pay ต่างไปเล็กน้อยเพราะมีรหัสแบบสุ่มอีกตัวที่เรียกว่า token ด้วย โดยผู้ออก token คือบริษัทบัตรเครดิต (เช่น Visa, MasterCard) ไม่ใช่ธนาคารผู้ออกบัตร โดยรหัส token เป็นตัวเลข 16 ตัวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ตายตัว
ต่อจากข่าวลือว่าธนาคารต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แอปเปิลเพื่อใช้ Apple Pay ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Financial Times ได้ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า แอปเปิลจะได้ส่วนแบ่ง 0.15% จากธุรกรรมที่ผ่านระบบ Apple Pay
ข้อมูลของ Financial Times บอกว่า Eddy Cue ผู้บริหารของแอปเปิลที่ดูแล App Store และ iTunes เป็นคนคุมการเจรจากับธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว โดยโครงการนี้เก็บเป็นความลับสุดยอด และพนักงานของธนาคารที่ทำระบบไอทีให้โครงการนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังทำงานอะไรอยู่
ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลเมื่อวาน ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการจ่ายเงินอย่าง Apple Pay ระบุไว้ว่าใช้งานได้กับอุปกรณ์ใหม่อย่าง iPhone 6, iPhone 6 Plus และ Apple Watch ซึ่งสร้างความสงสัยว่าการจ่ายเงินผ่าน Apple Watch นั้นจะทำได้อย่างไรเมื่อขาดฟีเจอร์เพื่อการยืนยันตัวตนอย่าง Touch ID ไป
หลังจากมีคำถามนี้ออกมาได้ไม่นาน ทั้งนักข่าว และผู้บริหารของ MasterCard ก็ออกมาตอบว่า Apple Watch นั้นใช้การยืนยันตัวตนก่อนชำระเงินผ่านเซนเซอร์ด้านหลังที่จะสัมผัสกับผิวของผู้ใช้ตลอดเวลา แต่ก่อนจะใช้งานแบบนี้ได้ต้องใส่รหัส PIN ก่อนเสมอ และทุกๆ ครั้งที่ถอด Apple Watch ออกจากข้อมือก็จะต้องใส่รหัส PIN อีกครั้ง
บริการ Apple Pay ที่ผูกบัตรเครดิตเข้ากับโทรศัพท์มือถือของแอปเปิลน่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในสหรัฐฯ มาก โดยเฉพาะปัญหาสำคัญคือผู้ใช้บัตรเครดิตจำนวนมากในสหรัฐฯ ยังคงใช้บัตรแม่เหล็กที่มีปัญหาความปลอดภัย คำถามคือเมื่อลูกค้ามาจ่ายบัตรเครดิตผ่าน Apple Pay แล้วค่าธรรมเนียมจะอยู่กับใคร สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่างานนี้ธนาคารต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แอปเปิลเพื่อให้บัตรจากธนาคารสามารถใช้งานใน Apple Pay ได้
แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อนี้ยังระบุว่าแอปเปิลคิดส่วนแบ่งทุกครั้งที่ใช้งาน และแต่ละธนาคารเจรจาส่วนแบ่งนี้ไม่เท่ากัน งานนี้จะทำให้ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารควรได้เต็มๆ ลดลงไป แต่ธนาคารหวังว่าลูกค้าจะใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อสามารถจ่ายผ่าน iPhone ได้สะดวกขึ้น
พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 6 และ 6 Plus วันนี้ Apple เปิดตัวระบบจ่ายเงินที่เรียกว่า Apple Pay อย่างเป็นทางการ
อธิบายอย่างง่ายที่สุด มันคือระบบจ่ายเงินแบบที่เคยใช้มาใน iTunes แต่ขยายขึ้นมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยรวมเอาเทคโนโลยีชิปเพิ่มความปลอดภัยด้านใน ร่วมกับเทคโนโลยี Touch ID และ NFC ที่ติดมากับเครื่อง โดยระยะแรกสามารถใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ก็มีพันธมิตรร่วมโครงการนี้แล้วหลายราย ทั้ง Subway, McDonalds, American Express, MasterCard, VISA เป็นต้น