Google เปิดตัว Lending DocAI บน Google Cloud Platform เป็นโซลูชันที่นำ AI มาช่วยพิจารณาและประเมินข้อมูลของผู้กู้อย่างเช่น เงินเดือนและสินทรัพย์จากเอกสาร ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช้าและกินเวลามาก
Lending DocAI ใช้ API ของ Document AI ที่เป็นบริการอ่านและวิเคราะห์เอกสารหรือรูป โดย Lending DocAI เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันพรีวิวแล้ว
ที่มา - Google Cloud Blog
กูเกิลเปิดตัว Coral Dev Board Mini บอร์ดรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับนักพัฒนามาตั้งแต่ต้นปีพร้อมกับโมดูลสำหรับผู้ผลิตรุ่นอื่นๆ สัปดาห์นี้ก็เพิ่งเริ่มวางขายบอร์ดจริง โดย SeeedStudio เป็นผู้จัดจำหน่ายในราคา 99.99 ดอลลาร์
ตัวบอร์ดใช้ซีพียู MediaTek 8167s พร้อมแรม 2GB และหน่วยความจำแฟลช 8GB รองรับ Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 แต่จุดเด่นคือชิป Edge TPU ที่สามารถรันคำสั่งได้ระดับ 4 TOPS (ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) โดยกินไฟเพียง 2 วัตต์ ทำให้น่าสนใจกับงานที่มีเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้า สำหรับงานที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้มากๆ บอร์ด NVIDIA Jetson Nano รุ่นใหม่ สเปคดีกว่าหลายด้านในขณะที่ราคาถูกกว่า
Google อัพเดตความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมของ Google Duplex ให้ AI คุยโทรศัพท์ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 สามารถจองร้านค้าบริการ คุยนัดหมายช่วงเวลาได้ และในช่วงโรคระบาด Google ก็เปิดใช้งาน Duplex เพิ่มขึ้นในอีก 8 ประเทศ
ล่าสุด Google เผยว่า มีร้านค้าที่ใช้งาน Duplex แล้ว 3 ล้านรายการตั้งแต่ร้านขายยา, ร้านอาหารและร้านขายของชำ และยังบอกด้วยว่า 99% ของการโทรบน Duplex เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด
ไมโครซอฟท์ประกาศในบล็อกจะพัฒนาสร้าง AI และชุดข้อมูลในการฝึกสอนอัลกอริทึมให้มีการใช้งานที่ครอบคลุมคนพิการได้หลากหลายและตรงตามความจำเป็นของแต่ละคนมากขึ้น
ซัมซุงเปิดตัว Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะของตัวเองตั้งแต่ปี 2017 ก่อนจะใส่มาใน Galaxy S8 ครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งซัมซุงวางตัว Bixby เอาไว้เป็นตัวกลางแพลตฟอร์มอัจฉริยะของตัวเอง แต่ผ่านมา 2-3 ปี Bixby กลับเงียบลงไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลการพัฒนาและความนิยมที่ไม่ค่อยมี
ล่าสุดมีผู้ใช้งาน Bixby Vision ที่เป็นฟีเจอร์เปิดกล้องคล้าย Google Lens ได้รับการแจ้งเตือนในตัวแอปว่าซัมซุงจะระงับการให้บริการฟีเจอร์ AR บน Bixby Vision ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เหลือไว้แค่ฟีเจอร์ด้านการแปลหรืออ่านตัวหนังสือเท่านั้น
ที่มา - Android Police
NVIDIA เปิดตัวแพลตฟอร์มของนักพัฒนาสำหรับการประชุมผ่านวิดีโอ (Video Conference) ในชื่อว่า NVIDIA Maxine ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอระหว่างการประชุม และนำ AI มาแก้ไขปัญหาหลายอย่างที่มักพบเจอ
Maxine เป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานบนคลาวด์ โดยใช้ GPU ของ NVIDIA ในการประมวลผล ซึ่งมีข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้ โดยไม่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
ฟีเจอร์แก้ไขวิดีโอของ Maxine ที่พูดถึงอาทิ การปรับหน้าผู้สนทนาให้ดูมองกล้องตลอดเวลา, ลดแบนด์วิทธ์ที่ใช้งานลงสูงสุดเหลือ 10% ของมาตรฐาน H.264, อวาตาร์แบบเรียลไทม์, แคปชั่นแปลภาษาเรียลไทม์ และอื่น ๆ
เวลาโทรไปยังศูนย์บริการลูกค้าของหน่วยงานต่างๆ สิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือการถือสายรอคิวจนกว่าพนักงานจะว่างมาคุยกับเรา ตรงนี้เป็นเรื่องเสียเวลามาก เพราะต้องถือสายรอไปเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไร และไปทำอย่างอื่นในระหว่างนั้นก็ไม่ได้อีก
กูเกิลอัพเดตแอพโทรศัพท์ Phone by Google ให้มีฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Hold for Me ให้แอพช่วยถือสายรอ และคอยฟังเสียงพนักงานบริการลูกค้าให้เรา (พร้อมขึ้นข้อความ caption แบบเรียลไทม์บนหน้าจอ) เมื่อถึงคิวของเราและแอพได้ยินเสียงพนักงาน ก็จะส่งเสียงแจ้งเตือน, สั่น, แจ้งเตือนบนหน้าจอให้เราทราบ
สัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศไลเซนส์ GPT-3 โมเดลภาษาธรรมชาติของ OpenAI แบบเอ็กคลูซีฟ ซึ่งก็ทำให้ Elon Musk ที่มีส่วนร่วมก่อตั้ง OpenAI (ทุกวันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว) ออกมาแซะว่ามันตรงข้ามกับคำว่า "open" เลยและ OpenAI เหมือนถูกไมโครซอฟท์ยึดไปแล้ว
โฆษกไมโครซอฟท์เปิดเผยกับ The Verge ว่าความเอ็กคลูซีฟคือได้สิทธิเข้าถึงโค้ดของ GPT-3 ขณะที่ Kevin Scott ซีทีโอของไมโครซอฟท์ยืนยันเหมือนกับ OpenAI ว่ายังเปิดให้ผู้ใช้งานที่ใช้อยู่แล้วและผู้ใช้ใหม่ในอนาคตเข้าถึง GPT-3 ผ่าน API ได้เช่นเดิม
กูเกิลนำเสนอโมเดลปัญญาประดิษฐ์ pQRNN สำหรับงานประมวลผลข้อความ (natural language processing - NLP) ที่ตอนนี้นิยมใช้โมเดล BERT เป็นมาตรฐาน แต่โมเดล BERT มีขนาดใหญ่ถึง 400MB และมักใช้ในเซิร์ฟเวอร์มากกว่าอุปกรณ์ขนาดเล็กเช่นโทรศัพท์มือถือ
pQRNN ปรับปรุงมาจากโมเดล PRADO ที่กูเกิลนำเสนอตั้งแต่ปีที่แล้ว ความต่างจากโมเดลอื่นๆ คือการรับอินพุตเป็นคำแทนที่จะเป็นตัวอักษรทำให้โมเดลโดยรวมลดความซับซ้อนลงมาก แต่ปรับขั้นปลายๆ ของโมเดลให้เป็นชั้นแบบ QRNN และใช้ทำงานที่ความซับซ้อนต่ำ เช่น การจับอารมณ์ของข้อความ, การตรวจหาคำลามก, การจับชื่อและคำสำคัญ, ไปจนถึงเนื้อหาด้านลบ (toxic content) โดยยังให้ระดับความแม่นยำใกล้เคียงกับโมเดล BERT ที่ขนาดใหญ่กว่ามาก
กูเกิลนำเสนอโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ DELG (DEep Local and Global Features) สำหรับแก้ปัญหาค้นหาภาพด้วยภาพ (Instance-Level Recognition - ILR) เช่นการค้นหาแบบ Google Images ที่ผู้ใช้สามารถใส่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวเข้าไปแล้วบริการค้นหาจะคืนภาพสถานที่เดียวกันออกมาให้
จุดเด่นของ DELG คือการใช้โมเดลเดียวตลอดการทำงาน โดยตัวโมเดลใช้ ResNet เป็นฐาน จากนั้นแยกส่วน global feature สำหรับค้นหาภาพที่ใกล้เคียงจากฐานข้อมูล และ local feature เพื่อเทียบความคล้ายแล้วเรียงลำดับผลการค้นหา
Microchip ประกาศความร่วมมือกับบริษัทปัญญาประดิษฐ์สามบริษัท ได้แก่ Cartesiam, Edge Impulse, และ Motion Gestures ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือของทั้งสามบริษัทได้ใน MPLAB X IDE ของทาง Microship เอง
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสามารถใช้งานกับข้อมูลบางประเภท กรณีนี้ทาง Microchip ออกชุดพัฒนา EV18H79A บอร์ดพัฒนาพร้อมตัววัดการเคลื่อนไหว 6 แกนของ TDK และ EV45Y33A ชุดพัฒนาติด BOSCH IMU และบริษัทที่เข้ามาเป็นพันธมิตรด้วยก็เป็นบริษัท AI ที่เน้นงานด้านแปลข้อมูลความเคลื่อนไหว ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถแปลผลของเซ็นเซอร์ออกมาเป็น gesture ต่าง ว่าผู้ใช้ต้องการสั่งงานอะไร
บอร์ดพัฒนาเริ่มวางขายในจำนวนจำกัดแล้ว ราคาเริ่มต้น 39.95 ดอลลาร์
No Time to Die จะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายในบท James Bond ของ Daniel Craig แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวนักแสดงคนใหม่ที่จะมารับบท Bond คนต่อไป (มีการคาดกันว่า Bond อาจจะตายในภาคนี้) ขณะที่ Largo.ai บริษัทพัฒนา AI สำหรับวิเคราะห์ภาพยนตร์ได้พัฒนาอัลกอริทึม ML เพื่อวิเคราะห์หานักแสดงที่เหมาะจะเป็น Bond คนต่อไป ก่อนจะที่ผลจะออกมาเป็น Henry Cavil จาก Man of Steel และซีรีส์ The Witcher
Largo ใช้ ML วิเคราะห์และเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Bond และนักแสดงชาวอังกฤษที่เหมาะสมและน่าจะได้รับเสียงตอบรับจากคนดู โดย Henry Cavil นำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 92.3% ตามมาด้วย Richard Armitage (รับบท Thorin ใน The Hobbit) ที่ 92% และ Idris Elba (รับบท Heimdall ใน MCU และ Stacker Pentecost ใน Pacific Rim)
เทคโนโลยี Deep Tech อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ (robotics)เริ่มได้รับความสนใจและมีความสำคัญกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่บริษัทสายนี้ยังถือว่ามีค่อนข้างน้อยในไทย และข่าวความก้าวหน้าต่างๆ กลับมาจากบริษัทต่างประเทศแทบทั้งหมด
บริษัท AI and Robotics Venture (ARV) เป็นบริษัทลูกของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปตท. สผ. (PTTEP) เติบโตขึ้นมาจากการเป็นเพียงชมรมหุ่นยนต์เล็ก ๆ ในบริษัท ก่อนจะแยกตัวออกมาเป็นบริษัทลูกเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนวงการ AI/Robotics และตอนนี้ก็มีผลงานที่จับต้องได้ มีการใช้งานจริงออกมาให้เห็นกันแล้ว
วิดีโอ DeepFake กำลังสร้างความกังวลให้หลายภาคส่วน โดยเฉพาะเรื่องการข่าวปลอม ข้อมูลปลอมและการเลือกตั้งในสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดตัว Microsoft Video Authenticator เครื่องมือตรวจสอบและตรวจจับวิดีโอหรือภาพนิ่งที่ผ่าน DeekFake โดยเป็นความร่วมมือระหว่างทีม Microsoft Research, ทีม Responsible AI และคณะกรรมการ AI, Ethics and Effects in Engineering and Research (AETHER) ของไมโครซอฟท์
NVIDIA เปิดตัว NVIDIA Broadcast App ซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับการสตรีมเกมถ่ายทอดสดหรือประชุมออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์อย่าง ไมโครโฟนคุณภาพสูง, ห้องเก็บเสียง, หรือฉากหลัง แต่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประมวลผลภาพและเสียงแทน โดยมี 3 ฟีเจอร์ได้แก่
Google Assistant อัพเดทความสามารถใหม่ สามารถใช้คำสั่งเสียงเรียก Snapshot หรือฟีดคำสั่งสิ่งที่ต้องทำสำหรับเราแสดงเป็นการ์ดมาให้ จากเดิมที่ต้องกดที่ปุ่ม Google Assistant เท่านั้น ถึงจะเรียกดูได้ โดยใช้คำเรียกว่า Hey Google, show me my day เริ่มเปิดใช้งานเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาตั้งต้น
รัฐบาลสหรัฐ ประกาศตั้งงบ 1 พันล้านดอลลาร์ ตั้งศูนย์วิจัยด้าน AI และควอนตัมคอมพิวเตอร์ จำนวน 12 แห่งทั่วประเทศ
มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation หรือ NFS) จะรับผิดชอบการตั้งศูนย์วิจัยด้าน AI จำนวน 7 แห่งร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐ ด้วยงบประมาณราว 300 ล้านดอลลาร์
กระทรวงพลังงานสหรัฐ (Department of Energy หรือ DOE) จะรับผิดชอบการตั้งศูนย์วิจัยด้าน quantum information science (QIS) จำนวน 5 แห่ง ร่วมกับห้องวิจัยแห่งชาติในสังกัด (Argonne, Brookhaven, Fermi, Oak Ridge, Lawrence Berkeley) ใช้งบประมาณรวม 625 ล้านดอลลาร์
OpenAI เปิดให้นักวิจัยทดสอบปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เป็นการทดสอบแบบวงปิด ล่าสุด Liam Porr นักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จาก UC Berkeley ก็สาธิตให้เห็นว่า GPT-3 สามารถเขียนบทความแนะนำในเชิงปรับปรุงตัวเอง (self-help) และพัฒนาประสิทธิภาพ (productivity) ได้ดี เพราะบทความสองแบบนี้ไม่ต้องต้องการตรรกะนัก
ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตโรคระบาดอาจอยู่กับเรานานกว่าที่คิด แต่งานสาย tech ก็ยังคงเป็นที่ต้องการเสมอ
Blognone Workplace พูดคุยกับ Data Wow ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มตรวจสอบและกรองข้อมูลด้วย AI เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังรับสมัครทีมงานสาย tech ที่พร้อมจะเรียนรู้งานเทคโนโลยีเชิงลึกอย่าง deep tech ซึ่งมีไม่กี่บริษัทในไทยที่ทำ
ปัญญาประดิษฐ์ในกลุ่มปัญหาที่ใช้การฝึกฝน (Reinforcement Learning - RL) เป็นโจทย์สำคัญของวงการปัญญาดิษฐ์ นับตั้งแต่การสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับเล่นเกม, ควบคุมหุ่นยนต์, หรือแม้แต่ควบคุมรถยนต์ในรถไร้คนขับ ที่ผ่านมาวงการวิจัยมักอาศัยการพัฒนาโมเดลจากโลกเสมือนเป็นโมเดลสามมิติ แต่โลกเสมือนก็ต่างจากโลกจริงหลายส่วน ล่าสุดกูเกิลเปิด Real-World RL (RWRL) เฟรมเวิร์คโอเพนซอร์สสำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง
กูเกิลเปิดไลบรารี MediaPipe Iris ไลบรารีโอเพนซอร์สในชุดเฟรมเวิร์ค MediaPipe สำหรับการจับทิศทางการมองจากดวงตา ทำให้การวิเคราะห์ภาพสามารถแยกจุดของตาตำ (iris) ออกมาได้อย่างชัดเจน เปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างภาพแทนตัว (avatar) ที่ส่งสายตาเลียนแบบผู้ใช้ได้
MLPerf กลุ่มความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์และบริการคลาวด์ปัญญาประดิษฐ์ ออกผลการทดสอบการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์เวอร์ชั่น 0.7 เพื่อวัดประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ที่ขายขาดหรือบริการคลาวด์ต่างๆ ว่าสามารถฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (training) ได้ประสิทธิภาพดีเพียงใด โดยรอบนี้กูเกิลสามารถเอาชนะได้แทบทุกหมวดโดยส่งผลจากเครื่องพิเศษที่กูเกิลพัฒนาขึ้นใช้งานภายในโดยใช้ชิป TPU
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สร้างหุ่นยนต์วาดรูปเพื่อทำการวิจัยและหาคำตอบว่า หุ่นยนต์จะสามารถเลียนแบบสไตล์การลงฝีแปรงตามศิลปินชื่อดังได้หรือไม่
ทีมวิจัยใช้ระบบ AI ร่วมกับแขนหุ่นยนต์ และใส่ข้อมูล input เป็นรูปแบบการลงฝีแปรงของศิลปิน จากนั้นให้แขนหุ่นยนต์จุ่มแปรงลงในสีและวาดรูป portrait ของคนๆ หนึ่งโดยใช้เทคนิคการลงแปรงพู่กัน จากนั้นจึงให้ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ 112 คนดูรูป พบว่ามีกว่าครึ่งที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นรูปที่วาดโดยหุ่นยนต์
XiaoIce หรือ น้ำแข็งน้อย (Xiao Bing - 小冰) ในภาษาจีน ซอฟต์แวร์แชทบอทจากไมโครซอฟท์ ที่ทำเพื่อบุกตลาดจีน และค่อนข้างประสบความสำเร็จจนขยายไปญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ทำให้ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศแยกตัว XiaoIce ออกมาเป็นบริษัทลูกต่างหากแล้ว
XiaoIce จะยังสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและสิทธิบัตรต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์เพื่อการวิจัยและพัฒนาได้อยู่ และจะยังคงแบรนด์เดิมเอาไว้ทั้ง XiaoIce ในจีนและ Rinna ในญี่ปุ่นเหมือนเดิม โดยมีไมโครซอฟท์ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
Baidu ซึ่งเป็นบริษัทจากจีนเพียงหนึ่งเดียว ประกาศยุติการเป็นสมาชิกของ Partnership on AI หรือ PAI -- องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการวางมาตรฐานของ AI เช่น ความเป็นส่วนตัวทางดิจิตอล, ความเหลื่อมล่ำในเชิงอัลกอริทึ่ม และ ศีลธรรมในโมเดลปัญญาประดิษฐ์ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทไอทีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Apple, Facebook, Google และ Microsoft
โดยครั้งนี้ Baidu ให้เหตุผลว่า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเป็นสมาชิกสูงเกินไป แต่จากรายงานของ Wired คาดการณ์ว่า น่าจะเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน