หลังจาก Apple ประกาศเลิกแถมที่ชาร์จเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และค่ายอื่นร่วมกันแซวได้ไม่นานก็ทยอยทำตามทั้ง Samsung Xiaomi และ Google
ล่าสุดแท็บเล็ตรุ่นใหม่ Xiaomi Mi Pad 5 Series ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานไม่แถมทั้งที่ชาร์จและสายชาร์จมาให้ในกล่องแล้ว แซงหน้า iPad และแท็บเล็ตแอนดรอยยี่ห้ออื่นที่ยังคงแถมอุปกรณ์ชาร์จให้อยู่
น่าสนใจว่า iPad และแท็บเล็ต Samsung รุ่นใหม่จะตัดอุปกรณ์ชาร์จจากกล่องตาม Xiaomi หรือไม่
หลัง Google เปิดตัว Pixel 5a เมื่อคืน ก็ระบุเพิ่มเติมไว้ว่า Pixel 5a จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง ส่วน Pixel 6 และ 6 Pro จะไม่มีที่ชาร์จแถม โดย Google ระบุว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ มีที่ชาร์จ USB-C อยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องแถมมาอีกต่อไป
Apple เป็นผู้เริ่มต้นแนวทางนี้ โดยให้เหตุผลว่าช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดโลกร้อน หลังจากนั้น Samsung ที่จิกกัด Apple เรื่องไม่แถมที่ชาร์จอยู่สักพัก ก็ไม่แถมที่ชาร์จมากับ Galaxy S21 เช่นกัน จนต้องลบโพสต์ที่เคยแซว Apple ออก
Razer เปิดตัวที่ชาร์จ Razer GaN 130W ใช้วัสดุเซมิคอนดักเตอร์จากวัสดุแกลเลียมไนไตรด์ (GaN) ช่วยลดขนาดอุปกรณ์ชาร์จลง ชาร์จได้ 130W ขนาด 7.7 x 3.2 x 6.2 เซนติเมตร น้ำหนัก 349 กรัม ใหญ่กว่าที่ชาร์จมือถือทั่วไปเพียงเล็กน้อย
Razer GaN มีพอร์ต USB-C สองพอร์ต และ USB-A สองพอร์ต อัตราชาร์จสูงสุดของพอร์ต USB-C รวมกันอยู่ที่ 100W (ชาร์จพร้อมกันได้พอร์ตละ 50W ชาร์จพอร์ตเดียวได้ 100W) ส่วน USB-A สองพอร์ต อัตราชาร์จสูงสุดรวมกัน 18W (ชาร์จพร้อมกันได้พอร์ตละ 9W ถ้าชาร์จพอร์ตเดียวได้ 18W)
Xiaomi โชว์คลิปเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบใหม่ HyperCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000 mAh ได้เต็มภายใน 8 นาที (ชาร์จแบบมีสาย 200 วัตต์) และหากใช้การชาร์จแบบไร้สาย 120 วัตต์ จะใช้เวลา 15 นาที
Xiaomi ยังไม่บอกว่าจะเริ่มนำระบบชาร์จเร็วตัวนี้มาใช้จริงเมื่อใด แต่ในคลิปทดสอบกับ Mi 11 Pro รุ่นปรับแต่ง
Oppo ประกาศเปิดตัว The Flash Initiative จับมือกับพันธมิตร 3 เจ้า คือ FAW-Volkswagen, Anker และ NXP Semiconductors เตรียมพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ให้กับรถยนต์ พื้นที่สาธารณะ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่มากกว่าแค่มือถือ
VOOC Flash Charge เป็นเทคโนโลยีชาร์จมือถือของ Oppo โดยมีทั้งที่ชาร์จมีสาย 125W Flash Charger ที่ชาร์จขนาดเล็ก 50W Mini SuperVOOC Charger และที่ชาร์จไร้สาย 65W AirVOOC Wireless Charger ซึ่งบางรุ่นจะมาพร้อมกับมือถือ Oppo หรือสามารถซื้อเพิ่มเติมได้
การจับมือครั้งนี้น่าจะทำให้เราได้เห็นอุปกรณ์ชาร์จไฟเช่นจุดชาร์จรถ EV จุดชาร์จไฟตามพื้นที่สาธารณะ อุปกรณ์ชาร์จ หรือแบตเตอรี่สำรองจาก third-party ที่ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge มากขึ้นในอนาคต
เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ เมื่อซัมซุงเปิดตัว Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของปีนี้ ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด่นหลายอย่าง รวมทั้งการเลิกให้ที่ชาร์จมาในกล่องตามเทรนด์ของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่น
หลัง Apple ประกาศไม่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง iPhone เริ่มตั้งแต่ใน iPhone 12 โดยอ้างเหตุผลทางสิ่งแวดล้อม Samsung ก็ทำโพสต์ Facebook แซวเล็กน้อย ว่าเครื่อง Galaxy แถมที่ชาร์จมาในกล่องนะ เหมือนสมัยที่ iPhone ตัดรูเสียบหูฟังออก Samsung ก็ถึงกับเคยทำโฆษณาล้อ แต่เมื่อ Samsung หันมาตัดรูหูฟังออกเหมือนกัน ก็ต้องแอบกลับไปลบโฆษณาที่เคยแซว iPhone ไว้แบบเงียบๆ
หลังมีรายงานเมื่อเดือนตุลาคม ว่า Samsung อาจไม่แถมที่ชาร์จมาในมือถือเรือธงรุ่นถัดไป ล่าสุดเว็บไซต์ Technoblog เปิดเผยข้อมูลจาก ANATEL หรือ กสทช. ของบราซิล ว่า Galaxy S21, Galaxy S21+, และ Galaxy S21 Ultra ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาต ในโค้ดเนม SM-G991B/DS, SM-G996B/DS, และ SM-G998B/DS จะไม่มีทั้งที่ชาร์จ และหูฟังแถมมาในกล่อง
ถือเป็นการซ้ำรอยเรื่องการล้ออีกฝั่งแล้วเข้าตัวอีกรอบ หลัง Samsung เคยล้อ iPhone ที่ถอดรูหูฟังออก ก่อนจะทำตาม และลบโฆษณาที่ล้ออีกฝั่งออกไปเงียบๆ
หลัง iPhone ไม่แถมหูฟังและที่ชาร์จมาในกล่อง iPhone ทั้ง iPhone 12 และรุ่นเก่ากว่า ก็ทำให้เกิดดราม่าในโลกโซเชียลพอสมควร ในประเด็นที่ว่า Apple ไม่แถมสองสิ่งนี้เพราะรักโลกจริงหรือไม่ แล้วทำไมไม่ลดราคา หรือเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C ในการชาร์จ พร้อมกับมีมีมต่างๆ ออกมาหยอกล้อมากมาย ล่าสุด Samsung กับ Xiaomi ก็ออกมาแซว Apple ด้วยเช่นกัน
เมื่อ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ประกาศไม่ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาในกล่อง โดยมีเพียงสายชาร์จ USB-C to Lightning แอปเปิลก็ต้องมีทางเลือกขายอะแดปเตอร์แยกออกมาด้วย ซึ่งก็มีข่าวดีอยู่เหมือนกัน
วันนี้แอปเปิลประกาศแนวทางรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเลิกแถมที่ชาร์จ คุณ arth สมาชิก Blognone ก็พบว่าแอปเปิลตัดที่ชาร์จในกล่องไปจาก iPhone รุ่นอื่นๆ ที่ยังแถมอยู่เหมือนกัน กระทบ 3 รุ่น ได้แก่ iPhone SE 2, iPhone 11, และ iPhone XR
ทั้งสามรุ่นเคยแถมที่ชาร์จ USB แบบ 5 วัตต์ พร้อมกับสาย USB-A to Lightning มาก่อน ส่วน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เคยแถมรุ่น 18 วัตต์แบบ USB-C แต่เมื่อประกาศเปิดตัว iPhone 12 วันนี้แล้วแอปเปิลก็ถอดทั้งสองรุ่นออกจากเว็บไป
ที่มา - Apple
OnePlus เผยข้อมูลของ Warp Charge 65W ระบบชาร์จที่จะมาพร้อมกับ OnePlus 8T ที่ใช้แบตเตอรี่ 4,500 mAh สามารถชาร์จได้ถึง 58% ภายใน 15 นาที ซึ่ง OnePlus ระบุว่า 58% คือใช้ได้เป็นวันแล้ว (A Day's Power in 15 minutes.) และชาร์จเต็มได้ภายใน 39 นาที
ตัวสายจะเป็นแบบ USB C-to-C ตัวที่ชาร์จรองรับการชาร์จหลายแบบ รวมถึงชาร์จแบบ PD 45W ด้วย ทำให้ชาร์จอุปกรณ์ได้หลายรูปแบบไปจนถึงโน้ตบุ๊กที่รองรับการชาร์จแบบ PD ผ่าน USB Type-C
ตัวที่ชาร์จมี encryption chip เพื่อป้องกันการล้วงข้อมูล และบน OnePlus 8T จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิถึง 12 จุด ทำงานควบคู่กับระบบระบายความร้อนแบบใหม่ เพื่อลดอุณหภูมิแบตเตอรี่ขณะชาร์จ
Qualcomm เปิดตัว Quick Charge 5 ระบบชาร์จเร็วรุ่นใหม่เมื่อปลายเดือนที่แล้วโดยมี Xiaomi เป็นรายแรกที่ประกาศใช้เทคโนโลยีนี้ และก็กลายเป็นว่า Mi 10 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวก็เป็นรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีนี้
Quick Charge 5 รองรับกำลังไฟสูงสุด 100W ขณะที่ Mi 10 Ultra รองรับสูงสุด 120W โดย Xiaomi เพิ่งอธิบายการทำงานของระบบจ่ายไฟนี้ว่าหัวชาร์จจะจ่ายไฟที่ 20V/6A ก่อนจะแปลงเป็น 10V/12A 2 กระแสที่จ่ายให้กับเซลล์แบตเตอรี่ของ Mi 10 Ultra ก้อนละ 5V/12A (Mi 10 Ultra เป็นดูอัลเซลล์)
หลัง OPPO เปิดตัวระบบ Flash Charge 125W แบบมีสาย ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh ให้เต็มได้ภายใน 20 นาที และระบบชาร์จเร็ว 65W แบบไร้สายไป ทำให้ทีมเว็บไอทีจากอิตาลี Dday.it สงสัยว่าระบบชาร์จเร็วแบบนี้ จะทำให้แบตเสื่อมไวแค่ไหน และได้ทดสอบโดยการปล่อยให้แบตหมดและชาร์จจนเต็ม ก่อนจะพบว่าแบตเหลือความจุเพียง 85% หลังชาร์จไป 255 ไซเคิลเท่านั้น (ถ้าชาร์จวันละรอบก็ไม่ถึงปี)
Qualcomm เปิดตัวระบบชาร์จเร็วเวอร์ชันใหม่ Quick Charge 5 ที่รองรับกำลังไฟ 100 วัตต์ สามาสารถชาร์จแบตสมาร์ทโฟนขนาด 4500mAh จาก 0% เป็น 50% ภายในเวลา 5 นาที ถือเป็นระบบชาร์จเร็วที่สุดในตอนนี้
Qualcomm เทียบประสิทธิภาพของ Quick Charge 5 ว่าดีขึ้นจาก Quick Charge 4 ราว 70% ถ้าเทียบกับ Quick Charge 1 จะเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า, ในแง่อุณหภูมิระหว่างชาร์จน้อยลงจาก Quick Charge 4 ที่ 10 องศา
ChargerLAB เผยภาพสายชาร์จแบบใหม่ที่คาดว่าจะมากับ iPhone 12 โดยรอบนี้ iPhone ทุกรุ่นย่อย จะได้สายชาร์จพอร์ต Lightning to USB Type-C แทนของเดิมที่เป็น USB Type-A (ไม่ใช่แค่รุ่น Pro เหมือนตอน iPhone 11) นอกจากนี้ สายแบบใหม่ยังเป็นสายแบบถักที่ทนทานกว่าสายที่มากับ iPhone รุ่นก่อน เมื่อปีที่แล้ว ChargerLAB เคยให้ข้อมูลอย่างแม่นยำว่า iPhone 11 Pro จะมาพร้อมสาย USB-C to Lightning
Huawei ได้ใบอนุญาตสำหรับเทคโนโลยีชาร์จ 200W จากทางการจีนแล้ว คาดเป็นระบบชาร์จเร็วสำหรับโน้ตบุ๊ก จากที่ก่อนหน้านี้ Huawei กับ Honor ใช้ที่ชาร์จ 56W กับ 65W โดยที่ชาร์จรุ่นใหม่ของ Huawei รหัส HW-200A00P00 ได้ใบอนุญาตจากทางการจีนในหมวดโน้ตบุ๊ก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุกำลังไฟสูงสุดที่ 20V, 10A (200W) และจะมากับผลิตภัณฑ์ใหม่ รหัส FRD-WDG9, FRD-WFG9, FRD-WDD9, FRD-WFD9 ซึ่งคาดว่าจะเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่อาจเปิดตัวในเดือนสิงหาคมนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Huawei แต่อย่างใด
หลัง Xiaomi โชว์ระบบชาร์จ 100W ช่วงปลายปีที่แล้ว และมีข่าวลือว่า อาจใส่มาใน Mi Mix 4 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ คราวนี้ถึงคิว OPPO เกทับด้วยระบบชาร์จมีสาย 125W บ้าง หลังเปิดตัว Reno Ace ที่ชาร์จได้ถึง 65W ไปเมื่อปีที่แล้ว โดย OPPO ทวีตวิดีโอสั้นๆ ที่เป็นตัวเลข 65W ค่อยๆ เพิ่มไปเป็น 125W และปิดท้ายด้วยวันที่ 15 กรกฎาคมนี้
สำนักข่าวเกาหลี ETNews รายข่าวที่ยังไม่ยืนยัน ว่า Samsung เตรียมไม่แถมหัวชาร์จกับสมาร์ทโฟนเช่นเดียวกับข่าวลือจากฝั่ง Apple เพราะผู้ใช้น่าจะมีที่ชาร์จสมาร์ทโฟนวางอยู่เต็มบ้านอยู่แล้ว และเป็นการลดต้นทุน และเพิ่มยอดขายอุปกรณ์เสริมไปในตัว เพราะเมื่อผู้ใช้ ต้องเสียเงินซื้อที่ชาร์จเพิ่มอยู่แล้ว อาจมองหาที่ชาร์จแบบพิเศษกว่าเดิม เช่นที่ชาร์จไร้สายแบบมีระบบทำความสะอาดเครื่องด้วยแสง UV
แอปเปิลได้ส่งอีเมลแบบสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า iPhone บางคน โดยมีคำถามหลายข้อ แต่คำถามหนึ่งที่ถูกตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับวิธีการใช้งานตัวอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ที่ให้มาพร้อมกับ iPhone ในกล่อง
คำถามระบุว่า ลูกค้าจัดการอย่างไรกับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟอันเก่า เมื่อซื้อ iPhone เครื่องใหม่ โดยแบบสอบถามได้อธิบายเพิ่มเพื่อความชัดเจนว่าไม่ได้หมายถึงสายชาร์จ USB ตัวเลือกมีหลายคำตอบ และสามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ ได้แก่ ขายหรือเทรด / ทำหายไปแล้ว / ยกให้คนในบ้านหรือเพื่อน / ยังใช้ต่อที่บ้าน / ยังใช้ต่อที่อื่น (ที่ทำงาน, โรงเรียน) / เก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้
หลังจาก Xiaomi เปิดตัว Super Charge Turbo จ่ายไฟ 100W ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีมือถือรุ่นไหนของ Xiaomi ได้ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วตัวใหม่นี้ ล่าสุด Gizchina เผยข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่โพสต์บน Weibo ว่า Xiaomi เตรียมเป็นแบรนด์แรกในตลาดที่มีมือถือรองรับชาร์จเร็ว 100W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh จนเต็มได้ภายใน 17 นาที
Samsung เผยผ่านทางเว็บไชต์เกี่ยวกับอะแดปเตอร์ USB-C รุ่นใหม่ โดยจะมาพร้อมกับซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมให้หยุดการทำงานเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ลดการใช้พลังงานอย่างสื้นเปลือง
ซัมซุงเผยถึงสาเหตุในการออกแบบครั้งนี้ว่า ตามปกติแม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แต่อะแดปเตอร์ก็ยังคงทำงานเพื่อให้พร้อมชาร์จตลอดเวลา จึงทำให้เสียพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันซัมซุงก็ยืนยันว่าอะแดปเตอร์ของตัวเอง แม้จะจ่ายไฟให้กับสมาร์ทโฟนได้รวดเร็ว แต่ก็ยังสามารถรักษา Energy Efficiency เอาไว้ พร้อมทั้งประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุดด้วย
ยุคหลังๆ หนึ่งในฟีเจอร์หลักที่หลายค่ายสมาร์ทโฟนใช้โปรโมต คือฟีเจอร์ชาร์จเร็ว ซึ่ง OPPO ก็เป็นอีกแบรนด์ที่มีฟีเจอร์นี้ และ OPPO Ace 2 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว นั้นสามารถชาร์จเร็วแบบไร้สายได้ถึง 40W (เมื่อใช้ระบบชาร์จ AirVOOC ของ Oppo) และชาร์จแบบมีสายได้ถึง 65W (ด้วย SuperVOOC 2.0)
Andrei F. ทีมงานเว็บไซต์ AnandTech ได้ทวีต ว่า OPPO ยืนยันว่า ในรอบการชาร์จ (cycle) เท่ากัน กำลังไฟ 40W จะทำให้ความจุแบตเหลือ 70% เมื่อเทียบกับกำลังไฟ 15W ที่ความจุแบตจะเหลือถึง 90%
Qualcomm เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็วอัปเกรดใหม่ Quick Charge 3+ (เพิ่ม + เข้ามาจาก Quick Charge 3.0) เพื่อเป็นอีกทางเลือกของระบบชาร์จเร็วราคาถูก เพราะรองรับสายแบบ USB type A ไป type C โดยมีฟีเจอร์ เปรียบเทียบกับ Quick Charge 3, 4 และ 4+ ดังนี้
Google พยายามผลักดันแกมบังคับให้ USB-PD เป็นมาตรฐานกลางในการชาร์จไฟบนแอนดรอยด์ ซึ่งก็ทำให้สมาร์ทโฟนตระกูล Pixel รองรับ USB-PD ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม Pixel รุ่นที่ผ่านมาแม้จะชาร์จด้วยสายที่ไม่รองรับ USB-PD ส่วนใหญ่ก็จะยังสามารถจ่ายไฟให้กับสมาร์ทโฟนได้ ทว่าบน Pixel 4 เหมือน Google จะจริงจังเรื่องมาตรฐานสายชาร์จมากขึ้น จากการที่ Android Authority ค้นพบว่าสาย USB-A to USB-C บางเส้นไม่สามารถใช้งานกับ Pixel 4 ได้ไม่ว่าจะจ่ายไฟหรือถ่ายโอนข้อมูล