เฟซบุ๊กแสดงความไม่พอใจแอปเปิล นับตั้งแต่การอัพเดต iOS 14 ก่อนที่ล่าสุด Mark Zuckerberg ก็บอกว่าเฟซบุ๊กมองแอปเปิลเป็นคู่แข่งแล้ว จาก iMessage ที่มาแข่ง Messenger และ WhatsApp
ประกอบกับการเป็นเจ้่าของแพลตฟอร์ม ทำให้แอปเปิลสามารถใช้สถานะนี้ควบคุมการทำงานของแอปอื่น แต่ละเว้นของตัวเอง (Mark เคยบอกว่าแอปเปิลบังคับนโยบายความเป็นส่วนตัวกับแอปอื่น แต่แอปตัวเองไม่ทำตาม) ทำให้ตอนนี้มีรายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องแอปเปิลฐานผูกขาดแล้ว จากข้อมูลของคนในที่เกี่ยวข้อง หลังจากเคยแค่เสนอช่วยเหลือ Epic เท่านั้น
ในรายงานผลประกอบการของ Facebook ไตรมาส 4 นั้น Mark Zuckerberg ได้พูดถึงแนวทางการแสดงเนื้อหาทางการเมืองบน Facebook ที่อาจกระทบต่อการดูเนื้อหาบนหน้าฟีดของทุกคน คือ Facebook จะหยุดการแนะนำกลุ่มและเพจการเมืองบนหน้าฟีด ให้เนื้อหาทางการเมืองแสดงบนแพลตฟอร์มน้อยลง และเน้นการทำงานเพื่อสร้างพลังบวกและความใกล้ชิดของผู้คนมากขึ้น
Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวม 28,072 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,219 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลข DAUs (ใช้งานประจำทุกวัน) เพิ่มขึ้น 11% เป็น 1,845 ล้านราย, MAUs (ใช้งานประจำทุกเดือน) 2,797 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้งานรวมทุกบริการในเครือเป็นประจำทุกเดือน 3.30 พันล้านคน
Facebook เคยมีช่องโหว่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดูเบอร์โทรของผู้ใช้ได้ และเว็บไซต์ Techcrunch ยังเคยเจอข้อมูลเบอร์โทรที่เชื่อมกับ Facebook ID ถึงกว่า 400 ล้านบัญชี ช่วงปี 2019
ล่าสุด Alon Gal นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยดิจิทัล และซีทีโอบริษัท Hudson Rock พบว่ามีผู้นำข้อมูลเบอร์โทรและ Facebook ID ที่เคยหลุด มาผนวกเข้ากับบอท Telegram เพื่อให้ผู้ที่จ่ายเงินสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยอ้างว่ามีข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 500 ล้านบัญชี
Facebook ทำแท็บอ่านข่าวหรือ Facebook News ในสหรัฐฯได้สักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดเปิดตัวนอกสหรัฐฯครั้งแรก เริ่มที่ประเทศอังกฤษ
ผู้ใช้งาน iPhone หลายรายโพสต์ลง Twitter ว่าพบปัญหา Facebook ถูกล็อกเอาท์โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสามารถล็อกอินใหม่ได้ ส่วนคนที่ใช้งาน two-factor พบปัญหาว่ารหัสผ่านที่ส่งมาที่โทรศัพท์ช้า ด้าน Facebook เผยว่ารับทราบปัญหาแล้ว และกำลังแก้ไข แต่ยังไม่บอกสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook บน iPhone จำนวนมากวันนี้ ว่าเมื่อเปิดแอปจะปรากฏข้อความว่าต้องใส่รหัสผ่านและล็อกอินใหม่อีกครั้ง โดยในเบื้องต้นเมื่อล็อกอินซ้ำก็จะใช้งานต่อได้ปกติ แต่มีบางกรณีที่ต้องยืนยันตัวตนสองขั้นตอนผ่าน SMS ก็อาจจะยังล็อกอินกลับเข้าไปไม่ได้ทันที ทำให้เกิดความสับสน
ตัวแทนของ Facebook ได้ชี้แจงมายังเว็บ USA Today ว่า Facebook รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าสาเหตุมาจากการแก้ไขคอนฟิกบางอย่าง
ในเพจ Facebook App ก็ยืนยันปัญหานี้เช่นกัน
จากประเด็น Facebook ระงับบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทาง Facebook ออกมาแถลงว่า การตัดสินดังกล่าวไม่ควรเป็นอำนาจของ Facebook เพียงอย่างเดียว จึงให้ Oversight Board หรือคณะกรรมการอิสระตรวจสอบอำนาจการใช้นโยบายของ Facebook เช้ามาช่วยดูด้วยว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
Facebook ปรับปรุงฟีเจอร์ Automatic Alt Text (AAT) ระบุสิ่งที่อยู่ในรูปภาพอัตโนมัติเพื่อการใช้งานของผู้พิการทางสายตาและมีปัญหาการมองเห็น ให้จดจำรับรู้สิ่งที่อยู่ในรูปภาพได้ละเอียดขึ้น เช่น สามารถบอกได้ว่า ในรูปภาพนี้มีกี่คน ถ่ายภาพที่ไหน คนอยู่ในมุมไหนของภาพ โดย Facebook บอกว่าเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ขึ้น 10 เท่า จดจำรายละเอียดได้ 1,200 คอนเซปต์
กระทรวงด้านไอทีของอินเดียได้ส่งจดหมายถึง Will Cathcart หัวหน้าฝ่าย WhatsApp โดยระบุว่านโยบายแชร์ข้อมูลใหม่ของ WhatsApp สร้างความกังวลอย่างร้ายแรงต่อทางเลือกและความเป็นอิสระของชาวอินเดีย และต้องการหยุดการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้
อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ของ WhatsApp ดังนั้นทางกระทรวงต้องการทราบความชัดเจนของ WhatsApp ในข้อตกลงแชร์ข้อมูลกับ Facebook และบริษัทอื่น ๆ รวมถึงตั้งคำถามด้วยว่าทำไมจึงมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ใช้งานในอียูว่าไม่ต้องทำตามนโยบายใหม่ แต่ผู้ใช้ในอินเดียไม่มีทางเลือกใด ๆ การเลือกปฏิบัติแบบนี้เป็นผลเสียต่อผู้ใช้ชาวอินเดียซึ่งรัฐบาลอินเดียกังวลมาก
Facebook ประกาศมาตรการใหม่เพื่อควบคุมสถานการณ์ในวันสาบานตนของประธานาธิบดี Joe Biden โดยทางแพลตฟอร์มจะไม่อนุญาตให้สร้างอีเว้นท์ในบริเวณใกล้เคียงกับ White House, US Capitol รวมถึงสถานที่สำคัญของภาครัฐในวันสาบานตนของ Joe Biden
นอกจากห้ามจัดอีเว้นท์แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการของ Facebook จะคอยติดตามรีวิวอีเว้นท์ที่สร้างบน Facebook ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนและจัดการลบอีเว้นท์ที่ฝ่าฝืนนโยบายของบริษัทออก รวมถึงบล็อคการจัดอีเว้นท์ในสหรัฐฯ โดยบัญชีหรือเพจที่ไม่ได้มีที่อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย
WhatsApp ประกาศเลื่อนกำหนดข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่ผู้ใช้งานต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งาน WhatsApp ต่อไปได้ จากเดิมจะมีผลวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ออกไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม
WhatsApp ให้เหตุผลของการขยายเวลาออกไป เพื่อให้บริษัทมีเวลาชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เนื่องจากยังมีการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่ อีกทั้งให้เวลาผู้ใช้งานได้ตรวจสอบข้อกำหนดใหม่เพิ่มเติม
Facebook ปรับปรุงหน้า Access Your Information หรือช่องทางจัดการข้อมูลตัวเองบน Facebook ใหม่ จากเดิมที่มีสองเมนูคือ Your Information และ Information About You ของใหม่เพิ่มเป็น 8 ประเภท ให้เข้าไปจัดการข้อมูลเฉพาะส่วนของตัวเองง่ายขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นการค้นหาใน Access Your Information ด้วย โดย 8 ประเภทข้อมูลมีดังนี้
ดูเหมือนการปรับเงื่อนไขของ WhatsApp ที่แชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook จะสั่นสะเทือน WhatsApp กว่าที่คิด มีทั้งคนที่วิจารณ์แรงและคนที่หนีไปใช้งานแอปอื่น จน WhatsApp ต้องออกมาชี้แจงเพิ่มเติมถึงการแชร์ข้อมูล โดยยืนยันว่าการปรับเงื่อนไข ไม่กระทบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในการแชทคุยกับเพื่อนและคนในครอบครัว และชี้แจงเพิ่มดังนี้
จากประเด็น WhatsApp ปรับเงื่อนไขการใช้งาน แชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook ด้วย คนก็แห่ไปดาวน์โหลดแอป Telegram และ Signal กัน ล่าสุด Telegram ออกมาเปิดเผยว่า ภายใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา มียอดดาวน์โหลด 25 ล้านครั้ง ทำให้ตอนนี้มียอดดาวน์โหลดสะสม 500 ล้านครั้งแล้ว
Elon Musk ทวีตเชิญชวนให้คนย้ายไปใช้ Signal หลังจาก WhatsApp ปรับเงื่อนไขการใช้งาน ว่าต้องแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook ด้วย
ผลคือ Signal มีคนใช้งานพุ่งสูงในหลายประเทศ ขึ้นอันดับหนึ่งของ App Store ในอินเดียและเยอรมนี, ข้อความ SMS ยืนยันตัวตนของผู้ใช้ใหม่ส่งล่าช้าในหลายประเทศ รวมถึงส่งผลให้หุ้นของบริษัท Signal Advance Inc. ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน (แต่ชื่อเหมือนกัน) พุ่งสูงขึ้นถึง 1000% ด้วย เพราะคนเข้าใจผิด
Signal ได้รับเงินสนับสนุนจาก Brian Acton ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ที่ลาออกจาก Facebook ในปี 2017 และเป็นฝ่ายวิจารณ์ Facebook อยู่บ่อยครั้ง
ก่อนหน้านี้ Facebook และ Instagram ล็อกบัญชีของทรัมป์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเนื่องจากละเมิดนโยบายของบริษัท
ล่าสุด Mark Zuckerberg ได้รายงานผ่านทาง Facebook ระบุว่าบัญชีของทรัมป์จะถูกล็อกจากโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้ง Facebook และ Instagram แบบไม่กำหนดเวลาชัดเจน (indefinitely) โดยอย่างเร็วสุดคือจะไม่ปลดล็อกจนกว่า Joe Biden จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสถานการณ์ล่าสุดเป็นการบ่งบอกว่าทรัมป์จะใช้เวลาที่เหลือในตำแหน่งของเขาในการทำลายการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติตามกฎหมายให้กับประธานาธิบดีคนใหม่
Facebook ออกแบบหน้าแฟนเพจใหม่และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง หลักๆ ที่เห็นได้ชัดคือ ไม่แสดงตัวเลขยอดไลค์เพจแล้ว แต่แสดงยอดผู้ติดตาม และปุ่มให้กดติดตามแทน ทำให้ภาพรวมหน้าตาสะอาดขึ้น ข้อมูลน้อยลง
ด้านฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ คือ Facebook ทำหน้าฟีดให้กับเพจโดยเฉพาะ แอดมินเพจสามารถเลื่อดูฟีดใหม่ และคอมเม้นท์เพจอื่น หรือสร้าง engagement กับแฟนๆ ได้โดยใช้เพจของตัวเองได้เลย ในหน้าฟีดใหม่ยังแนะนำคอนเนกชั่น เพจและกลุ่มอื่นๆ รวมถึงเทรนด์น่าสนใจมาให้ด้วย
จากเหตุการณ์ม็อบผู้สนันสนุนประธานาธิบดี Trump บุกรัฐสภาที่ Washington D.C. เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพาว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden หนีออกไป ก่อนจะส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยมากันผู้ชุมนุม
ทางด้าน Trump เองก็มีการโพสต์เนื้อหายุยงในหลายแพลตฟอร์มเช่น Facebook และ Twitter ทำให้ก่อนหน้านี้ Twitter ได้ประกาศล็อคบัญชีของ Trump นาน 12 ชั่วโมง และล่าสุดฝั่ง Facebook ก็ออกมาประกาศในลักษณะเดียวกันว่า Trump ละเมิดนโยบาย 2 ข้อ โดยทั้งบัญชี Facebook และ Instagram ของ Trump จะถูกล็อคนาน 24 ชั่วโมง และเขาจะโพสต์อะไรไม่ได้เลย
จากประเด็น ม็อบสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ก่อความรุนแรงที่รัฐสภาของสหรัฐฯ จนทำให้ Twitter ระงับบัญชีทรัมป์ชั่วคราวเพราะเขาโพสต์แนวส่งเสริมสนับสนุนม็อบ
Facebook และ YouTube ก็ลบวิดีโอของทรัมป์ที่พูดเชิงสนับสนุนม็อบเช่นกัน ในวิดีโอเขาพูดว่า ผู้ชุมนุมยังคงอยู่ในความสงบ แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกเข้าไปในอาคารจนต้องทำการอพยพคนออกมาหมดก็ตาม ทรัมป์ยังบอกให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน และบอกด้วยว่า "เรารักคุณ พวกคุณพิเศษมาก"
Facebook ประกาศสถิติการใช้งานแอปเพื่อการเฉลิมฉลองเข้าสู่ปีใหม่ 2021 ทั่วโลก ซึ่งปีนี้แตกต่างจากที่ผ่านมาด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้การร่วมฉลองผ่านช่องทางออนไลน์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนเป็นสถิติใหม่สูงสุด
Caitlin Banford ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคของ Facebook กล่าวว่า ในช่วงก่อนการระบาดของโควิด การใช้งาน Facebook จะสูงกว่าปกติในช่วงเข้าสู่ปีใหม่ทุกปีอยู่แล้ว แต่ช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่การระบาดเริ่มสูงขึ้นทั่วโลก การใช้งานกลับสูงยิ่งกว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ ทีมงาน Facebook จึงวางระบบให้รองรับการใช้งานที่มากขึ้นเพื่อรองรับการเข้าสู่ปีใหม่ 2021
สถิติแยกรายแอปในเครือ Facebook เป็นดังนี้
สำนักข่าว The Sunday Times และ The Guardian รายงานว่า Facebook กำลังทยอยลดบทบาทบริษัทโฮลดิ้ง 3 แห่งในไอร์แลนด์ พร้อมทั้งย้ายทรัพย์สินทางปัญญากลับมาที่สหรัฐฯ เพื่อเป็นการเปิดเผยตัวตนของบริษัทมากยิ่งขึ้น และพร้อมในการเสียภาษีหลาย ๆ ประเทศมากกว่าเดิม
ปกติแล้ว ประเทศไอร์แลนด์จะเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่อัตราภาษีต่ำมากหรือ Tax Haven ทำให้บริษัทไอทีมักจะเลือกไปตั้งสำนักงานและบันทึกรายได้เข้าประเทศนั้น ๆ โดยอย่างกรณีของ Facebook คือใช้บริษัทในไอร์แลนด์ถือสินทรัพย์ทางปัญญาและให้ Facebook ทั่วโลกจ่ายเงินค่าใช้งานเข้าบริษัทแห่งนี้ โดยการตัดสินใจลดบทบาทของบริษัทในไอร์แลนด์ ทาง Facebook ระบุว่าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายภาษีที่เพิ่งเกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ
Nathaniel Gleicher หัวหน้าฝ่ายนโยบายความปลอดภัยของ Facebook ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Axios ว่าบริษัทจะเพิ่มช่องทางการล็อกอินที่ปลอดภัยมากขึ้นในปี 2021 เพื่อรับมือปัญหาความปลอดภัย การแฮ็กบัญชีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ Facebook มีโครงการพิเศษชื่อ Facebook Protect คอยช่วยเฝ้าระวังการแฮ็กบัญชีให้เป็นพิเศษ แต่เปิดเฉพาะผู้ใช้ที่เป็นนักการเมือง พนักงานของรัฐที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง คนดัง นักสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชนในบางประเทศเท่านั้น
Washington Post เผยรายงานตีแผ่การต่อสู้ของ Facebook ต่อคดีผูกขาดที่ถูกฟ้องร้องโดยอัยการจาก 48 รัฐ โดยอ้างอิงจากบุคคลภายใน Facebook ไม่ประสงค์เอ่ยนาม บุคคลดังกล่าวเผยว่า Facebook พยายามอย่างหนัก มีความคิดจะมอบ code ของ Facebook ให้บริษัทอื่นหรือนักพัฒนาภายนอกเข้าถึงได้ และสามารถสร้างโซเชียลมีเดียในแบบของตัวเองได้ เพื่อจะได้นำมาปกป้องตัวเองได้ว่า Facebook ไม่ได้ผูกขาดหรือทำลายคู่แข่งแต่อย่างใด
บริษัทไอทีขนาดใหญ่ได้แก่ ไมโครซอฟท์, ซิสโก้, กูเกิล, เดลล์, และ Internet Association ร่วมมือกับเฟซบุ๊กในการยื่นฟ้องบริษัท NSO Group บริษัทความมั่นคงไซเบอร์จากอิสราเอล ที่เฟซบุ๊กระบุว่าเป็นผู้แฮกโทรศัพท์ ผ่านทางบริการ WhatsApp
NSO Group อ้างว่าให้บริการแฮกโทรศัพท์ของตนนั้นขายให้กับหน่วยงานรัฐเท่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐจึงสามารถใช้งานได้ตามกฎหมายทำให้ NSO Group ก็ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด แต่ทางบริษัทก็ไม่ยอมเปิดเผยว่ารัฐบาลใดเป็นผู้แฮกโทรศัพท์กว่า 1,400 รายการตามรายงานของเฟซบุ๊ก