ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระแส Brexit หรือไม่ แต่วันนี้ Facebook ประกาศว่าจะเพิ่มสำนักงานใหญ่ที่อังกฤษอีกแห่งพร้อมทั้งจัดจ้างพนักงาน 500 คนภายในปี 2017 ตัวออฟฟิศตั้งอยู่ที่ Fitzrovia ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนพนักงานที่จะจ้างเพิ่ม ก็ครอบคลุมทุกทักษะที่บริษัทเทคโนโลยีควรจะมี คือ วิศวกร การตลาด ผู้จัดการโครงการ เป็นต้น
Nicola Mendelsohn ผู้บริหารลำดับสูงของ Facebook ประจำอังกฤษระบุว่า อังกฤษ ยังคงเป็นประเทศที่ดีที่สุดในการเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยี
ประเด็นเรื่องข่าวปลอมบน Facebook ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก จนล่าสุด Mark Zuckerberg ต้องออกโรงมาชี้แจงอีกรอบ
เดิมที Zuckerberg มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เมื่อเสียงวิจารณ์หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ท่าทีล่าสุดของเขาจึงเปลี่ยนไป รอบนี้เขาบอกว่า Facebook ต้องการแก้ปัญหาข้อมูลผิด (misinformation) อย่างจริงจัง บริษัทมีโครงการหลายอย่าง มีความคืบหน้าบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก
ที่ผ่านมา บริษัทใช้วิธีให้ชุมชนผู้ใช้ช่วยกันแจ้งว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอม และนำข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อแสดงข่าวปลอมเหล่านี้ให้น้อยลงบน News Feed แต่ปัญหาเรื่องข่าวปลอมมีความซับซ้อนสูง ทั้งในเชิงแนวคิด (อาจปิดกั้นแสดงความเห็น) และในเชิงเทคนิค (ตรวจสอบได้แม่นยำแค่ไหน)
Facebook ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สองอย่างในงาน Social Good Forums โดยอย่างแรกสำหรับจัดการในขณะเกิดวิกฤตต่าง ๆ และอย่างที่สองคือการเพิ่มช่องทางบริจาคให้กับองค์กรการกุศล
อย่างแรกคือฟีเจอร์สำหรับจัดการในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตต่าง ๆ คือ Safety Check และ Community Help คือให้ผู้ใช้ได้ใช้ Facebook บอกให้เพื่อนหรือครอบครัวทราบสถานะว่าตนเองปลอดภัยหรือไม่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์วิกฤต
ประเด็นข่าวปลอมบน Facebook เป็นสาเหตุหนึ่งช่วยให้โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องถกเถียงกันในวงการสื่อ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งจริงหรือไม่ แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็หยิบประเด็นนี้มาพูดในงานประชุมกับสื่อที่กรุงเบอร์ลินกับแองเจลา แมเคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน
โอบามาระบุว่า ในยุคนี้มีข่าวที่ข้อมูลผิดมากบน Facebook และมีมาเรื่อยๆ แม้ดูภายนอกจะมีลักษณะเหมือนเป็นข่าว การเปิดเข้าหน้า Facebook ไม่ต่างกับการเปิดโทรทัศน์ เราไม่รู้ว่าเราต้องปกป้องอะไร เราไม่รู้ว่าเราสู้กับอะไร
สถานการณ์ยังไม่ผ่านพ้นสำหรับ Facebook ที่ต้องรับแรงวิจารณ์เรื่องข่าวปลอมที่ Facebook ปล่อยให้มีที่ยืนบนหน้าฟีด นำมาสู่ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์
แม้ Mark Zuckerberg ออกมายืนยันว่าพื้นที่เนื้อหาข่าวบนฟีด 99% เป็นเนื้อหาจริง-ข่าวจริง ส่วนข่าวปลอมนั้นมี ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่มีพลังพอที่จะพลิกโผการเลือกตั้ง
ล่าสุดมีข่าวว่าบรรดาพนักงานใน Facebook ตั้งทีมทำงานต่อต้านข่าวปลอมอย่างลับๆ รวมถึงทบทวนบทบาทหน้าที่ของ Facebook เองว่าควรทำอย่างไร และ Facebook มีเครื่องมือกำจัดข่าวปลอมที่เพียงพอจริงหรือไม่
เจ้าของแบรนด์หรือร้านค้าบนโซเชียลยุคนี้ต้องรับการติดต่อจากลูกค้าหลายช่องทาง ล่าสุด Facebook อำนวยความสะดวกให้เราสามารถอ่านข้อความแจ้งเตือนคอมเมนต์จากเพจ Facebook, ข้อความแชทจาก Messenger, ข้อความแจ้งเตือนจาก Instagram ได้ในหน้าจอเดียวกัน ไม่ต้องสลับแอพไปมาให้เสียเวลา
ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในแอพ Pages Manager ที่ออกมาอำนวยความสะดวกให้เจ้าของเพจอยู่แล้ว โดยแอพจะแสดงแท็บ 3 แท็บของการสื่อสารแต่ละแบบให้เสร็จสรรพ และสามารถตอบข้อความทั้งหมดได้จากแอพ Pages Manager โดยตรง
นอกจากนี้ แอพยังอำนวยความสะดวกโดยแสดงข้อมูลเบื้องต้นจาก profile ลูกค้าที่มาคุยกับเรา ดูประวัติการติดต่อครั้งก่อน และใส่ป้าย label เพื่อให้แยกประเภทของลูกค้าได้ง่ายด้วย
คนไทยคงยังสงสัยไม่หายว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งได้อย่างไร ในเมื่อโพลก่อนหน้านี้ ฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำมาตลอด และที่เห็นชัดกว่านั้นคือนโยบายสุดโต่งของทรัมป์ (นี่ยังไม่นับการพูดจาของเขา)
เว็บไซต์ Brandinside วิเคราะห์ประเด็นนี้ไปแล้วว่า เป็นผลจากคนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากทุนนิยม ที่สร้างสภาวะโลกาภิวัฒน์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก คำถามคือ เป็นเพราะโลกาภิวัฒน์เท่านั้นหรือที่นำพาทรัมป์มาจุดนี้
หลังจากมีประเด็นเฟซบุ๊กเพิ่มตัวเลือกแสดงผลโฆษณาแบ่งตามชาติพันธุ์ ซึ่งหากเป็นโฆษณาในกลุ่มหาบ้านและการจ้างงาน การแสดงผลโดยแบ่งแย่งสีผิวและชาติพันธุ์ถือว่าผิดกฎหมายสหรัฐ
ล่าสุดเฟซบุ๊กประกาศยกเลิกการเลือกแสดงผลโฆษณา หากโฆษณาเกี่ยวข้องกับการหาบ้าน สินเชื่อและการจ้างงานแล้ว ซึ่งนอกจากยกเลิกตัวเลือกแล้ว ยังสั่งห้ามไม่ให้ผู้ซื้อโฆษณา โฆษณาโดยมีเนื้อหาแบ่งแยกสีผิวและชาติพันธุ์ด้วย
ทั้งนี้ก่อนหน้าการประกาศยกเลิก เฟซบุ๊กได้ถูกฟ้องกลุ่ม (Class Action Lawsuits) ว่าเครื่องมือโฆษณาของเฟซบุ๊ก ละเมิดกฎหมาย Fair Housing Act และ Civil Right Act ที่ออกในปี 1986
เมื่อเวลาประมาณ 4 นาฬิกาของคืนที่ผ่านมา มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook จำนวนมาก พบว่ามีข้อความแสดงการระลึกถึงในหน้า Profile ของแต่ละคน ว่าพวกเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยจากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้มีการแสดงข้อความนี้ในหน้า Profile ทุกคน
ตัวแทนของ Facebook ได้ชี้แจงใน 1 ชั่วโมงต่อมาว่า เกิดความผิดพลาดในการแสดงข้อความระลึกถึงผู้จากไปในหน้าบัญชีผู้ใช้งานหลายคน ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เลวร้าย และ Facebook ก็ได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดย Facebook แสดงความเสียใจและขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นแม้แต่ในหน้า Profile ของ Mark Zuckerberg
ที่มา: Business Insider
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อปี 2015 Facebook เปิดตัวสวิตช์ขนาดกลางของตัวเองในชื่อ 6-pack โดยเกิดจากการนำสวิตช์ขนาดมาตรฐาน Wedge ที่ออกแบบภายใต้โครงการ Open Compute จำนวน 6 ตัวมาต่อกัน
ปีนี้ Facebook กลับมาอีกครั้งด้วยสวิตช์รุ่นที่สองต่อจาก 6-pack โดยใช้ชื่อว่า "Backpack" ที่ออกแบบมารองรับศูนย์ข้อมูลยุค 100 กิกะบิต (100G) จุดเด่นของมันคือการออกแบบช่องเสียบเป็นโมดูล (รองรับ Wedge 100 ซึ่งเป็น Wedge รุ่นที่สองจำนวน 12 ตัว) แยกส่วนข้อมูล การควบคุม และการจัดการ รวมถึงออกแบบเรื่องระบายความร้อนให้ดีขึ้นด้วย
ฝั่งของซอฟต์แวร์ Backpack จะใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส FBOSS และ OpenBMC ที่เขียนขึ้นเองและใช้มาตั้งแต่ 6-pack คอยบริหารจัดการ ตอนนี้ Backpack ถูกใช้งานจริงภายใน Facebook แล้ว และทางทีมงานก็ส่งเอกสารกำหนดสเปกเข้าโครงการ Open Compute เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้วเช่นกัน
ที่มา - Facebook Code
รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศนำ Workplace by Facebook มาใช้งานในหน่วยงานราชการทั้งประเทศภายในเดือนมีนาคมปีหน้า
เดิมรัฐบาลสิงคโปร์มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับการติดต่องานภายในอยู่แล้วในชื่อ Cube แต่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก โดยเฉพาะการที่ไม่สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงนำเอา Facebook Workplace มาทดลองใช้กับหน่วยงานรัฐ 15 หน่วยงานตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนจะพบว่าข้าราชการกว่า 82% ที่มีแอคเคาท์ กลายเป็น active weekly users ไปแล้ว
การใช้ Facebook Workplace นี้รัฐบาลสิงคโปร์จะต้องจ่ายค่าบริการให้กับเฟซบุ๊กเป็นจำนวนเงิน 155,000 เหรียญสหรัฐต่อปี จากจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดราว 143,000 คน
หลังผ่านคืนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (ตรงกับช่วงกลางวันในบ้านเรา) เมื่อวานนี้ ทวิตเตอร์ออกมาเปิดเผยว่า มีทวีตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเลือกตั้งกว่า 75 ล้านทวีต ซึ่งสูงกว่าการเลือกตั้งในปี 2012 ที่มีการทวีตราว 35 ล้านทวีตเท่านั้น
ช่วงที่มีการทวีตพุ่งสูงที่สุดคือช่วงเที่ยงคืนตามเวลาตะวันออก (Eastern Time) หรือช่วงเที่ยงวันบ้านเรา ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงตี 3 (บ่าย 3 โมงในไทย) ที่โดนัล ทรัมป์ประกาศชัยชนะ
Facebook ได้เริ่มทดสอบการใช้ระบบ job listing หรือประกาศหางานสำหรับ Facebook Page แล้ว
TechCrunch ได้ค้นพบแท็บใหม่ชื่อว่า Jobs บน Facebook Page และ Facebook ก็ได้ยืนยันกับทางสำนักข่าวแล้วว่าตอนนี้กำลังทดสอบอยู่จริง เนื่องจากตอนนี้มีธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่งที่โพสต์เปิดหาพนักงานทางหน้าเพจ ซึ่ง Facebook ได้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อให้สามารถโพสต์หาพนักงานและรับใบสมัครได้เลย
Facebook ยังคงเดินหน้าขยายแพลตฟอร์มการโฆษณาของบริษัทไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ โดยรอบนี้คือการโฆษณาทางทีวี ผ่านอุปกรณ์ set-top box เช่น Apple TV หรือ Roku
ปัจจุบัน Facebook ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทสองแห่งซึ่งทำแอพดูวิดีโอบนทีวีคือ A+E และ Tubi TV เพื่อทำการส่งโฆษณาให้ผู้ใช้ที่ดูวิดีโอบนแอพของบริษัท ซึ่งตอนนี้การโฆษณาได้เริ่มทดสอบแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าวิดีโอนี้มีควาามยาวเท่าไรและมีฟอร์แมตเป็นอย่างไร
โฆษกของ Facebook ได้ยืนยันว่า ตอนนี้เรากำลังทดสอบว่าจะสามารถส่งโฆษณาวิดีโอบนทีวีผ่าน Audience Network ไปยังผู้ชมคอนเทนต์ทางทีวีที่เชื่อมต่อ เป้าหมายของเราคือการนำประสบการณ์โฆษณาวิดีโอไปยังผู้ใช้ทั้งบน Facebook และไม่ใช่
Mashable ได้รายงานว่า ตอนนี้ WhatsApp กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Status เป็นฟีเจอร์เกี่ยวกับการแชร์รูปภาพที่เหมือนกับ Snapchat ซึ่งเริ่มทดสอบแล้วผ่านทางแอพ WhatsApp เวอร์ชันเบต้าบน iOS และ Android
ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในแท็บที่อยู่ระหว่างกลางของ Chats และ Calls โดยผู้ใช้สามารถสร้าง doodle และเพิ่มข้อความได้เหมือน Snapchat ซึ่งจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง
Facebook รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2016 รายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 56% เป็น 7,011 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,379 เพิ่มขึ้นถึง 166% โดยรายได้จากโฆษณาบนมือถือคิดเป็น 84% ของรายได้รวม
ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวในแถลงผลประกอบการว่า Facebook ยังคงเดินหน้าเน้น Video First ต่อไป รวมทั้งดำเนินงานตามแผนเทคโนโลยีใน 10 ปีข้างหน้า
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน (Monthly active users - MAUs) ล่าสุดอยู่ที่ 1,788 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% โดยเป็นผู้ใช้งานผ่านมือถือ 1,091 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20%
ยังมีประเด็นน่าสนใจอีกหลายอย่างในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์ดังนี้
Gameroom เป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Facebook กับ Unity เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมเกมต่าง ๆ บน Facebook มารวมไว้ในที่เดียวกัน ในลักษณะเดียวกับ Steam ให้ความสะดวกสบายแก่ทั้งผู้เล่นและผู้พัฒนาเกม
Facebook ปล่อยตัวเบต้าออกมาให้ทั้งผู้เล่นและผู้พัฒนาเกมสามารถดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้แล้ว แพลตฟอร์มจะรองรับตั้งแต่ Windows 7 เป็นต้นไป ผู้พัฒนาเกม Unity จะสามารถอัปโหลดเกมขึ้นไปบนแพลตฟอร์มได้โดยตรง (สามารถพัฒนาเกมด้วยเครื่อง Mac ได้ แต่จะไม่สามารถทดลองรันได้)
นอกจากการแสดงโฆษณาโดยอิงตามความสนใจและแบ็คกราวด์ของผู้ใช้แล้ว เฟซบุ๊กได้เพิ่มตัวเลือกให้คนที่จะลงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย เลือกแสดงโฆษณาเฉพาะกับกลุ่มคนบางชาติพันธุ์ได้ด้วย (Ethnic Affinities)
Steve Satterfield ผู้จัดการด้านความเป็นส่วนตัวและนโยบายสาธารณะของเฟสบุ๊กเผยว่า การแสดงโฆษณาตามชาติพันธุ์นี้มีไว้เพื่อให้ผู้ที่ซื้อโฆษณา ได้ทดลองแคมเปญโฆษณาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมโฆษณา ขณะเดียวกัน Satterfield ให้เหตุผลว่า คำว่า Ethnicity เป็นคนละความหมายกับคำว่า Race ซึ่งเฟสบุ๊กไม่เคยถามผู้ใช้ ขณะที่ข้อมูลเรื่อง Ethnic Affinity เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลจำพวก เพจหรือโพสต์ที่ไลค์หรือเข้าไปคอมเมนท์
Facebook ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ทั้งบน Facebook Live และ Reactions เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนที่กำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
Facebook Live จะมี Masks หรือหน้ากากเพิ่มเข้ามา ซึ่งหน้ากากเหล่านี้ผู้ใช้สามารถเลือกเพื่อแต่งวิดีโอลง Facebook LIve ได้ มีหลายแบบ เช่น กะโหลก, evil queen, ฟักทอง และแม่มด โดยฟีเจอร์หน้ากากจะเป็นฟีเจอร์ถาวร สามารถใช้งานได้แม้จะหมดเทศกาลฮาโลวีนไปแล้ว
Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่คล้าย Snapchat ภายในแอพหลัก Facebook หลังจากที่ฟีเจอร์คล้าย ๆ กับ Snapchat เหล่านี้มีใช้บน Instagram ในชื่อ Stories และเริ่มทดสอบบน Facebook Messenger ในชื่อ Messenger Day
ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพและส่งให้กับใครสักคน จากนั้นสามารถพิมพ์โต้ตอบกันไปมาภายในรูปได้ ซึ่ง Facebook บอกว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้แบ่งปันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอธิบายตัวตนได้ดียิ่งขึ้น โดยภาพและวิดีโอที่แบ่งปันจะหายไปใน 24 ชั่วโมงหากไม่มีการตอบรับ
ดูเหมือนว่า Facebook จะจริงจังกับฟีเจอร์ Facebook Live ของตัวเองอย่างมาก ล่าสุดได้ทำโฆษณากระจายตัวไปตามเมืองหลักๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรผ่านสื่อต่างๆ เช่นโฆษณาโทรทัศน์ที่แสดงตัวอย่างการใช้งานรวมทั้งคำอธิบายการใช้งาน, สติกเกอร์ข้างรถบัสและป้ายโฆษณาตามถนนที่แสดงขั้นตอนการใช้งานทีละขั้นตอน
การโฆษณาครั้งนี้ต้องการสื่อให้เห็นว่าทุกคนสามารถถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ได้เองและผลักดันให้มีผู้ใช้งานฟีเจอร์นี้มากขึ้นจนได้รับความนิยมต่อเนื่อง
แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของ Facebook Live ในปัจจุบันคือคลิปที่มีเนื้อหาไม่ดีมีอยู่มาก ทำให้ผู้ที่อยากสร้างเนื้อหาดีๆ ลำบากและเลิกผลิตไป Facebook จึงต้องยอมจ่ายเงินให้กับผู้ถ่ายทอดสดรายใหญ่หลายๆ เจ้าเพื่อยังคงการผลิตเนื้อหาออกมา เพราะหากไม่มีเนื้อหาที่น่าสนใจก็จะไม่มีผู้ใช้ให้ความสนใจกับฟีเจอร์นี้อีกเลย ปัญหานี้เคยเกิดกับแอพ Meerkat ที่ปิดตัวลงไปเพราะไม่มีการสร้างเนื้อหาใหม่ๆ จากผู้ใช้ทั่วไปนั่นเอง
ที่มา : Recode
หากยังพอจำกันได้ เฟซบุ๊กเคยมีประเด็นฝ่ายคัดกรองเนื้อหา Trending มีความลำเอียง จนนำไปสู่ความพยายามปรับปรุงอัลกอริทึมและแหล่งข้อมูล ไปจนถึงคลาสปรับทัศนคติ ก่อนจะปิดด้วยการไล่พนักงานรีวิวเนื้อหาออก
Facebook ได้ร่วมมือกับ PayPal โดยนำการจ่ายเงินมาใช้ในแอพ Messenger โดยผู้ใช้สามารถใช้จ่ายเงินผ่านแชทบอทบน Facebook Messenger ผ่าน PayPal ได้ทันที รวมถึงผู้ใช้สามารถรับการแจ้งเตือนเรื่องการจ่ายเงินบน PayPal ผ่าน Messenger ได้ด้วย
การเพิ่ม PayPal เข้ามาใน Facebook Messenger นั้นเป็นการเพิ่มทางเลือกในการจ่ายเงินให้กับผู้ใช้เท่านั้น ซึ่งถ้าผู้ใช้ไม่ต้องการก็ยังสามารถเลือกระบบจ่ายเงินแบบเดิมของ Facebook Messenger ได้ด้วยเช่นกัน
การรวม PayPal เข้ากับ Facebook Messenger นี้ได้เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วในสหรัฐฯ แต่ทางบริษัท PayPal ปฏิเสธที่จะพูดถึงกรอบเวลาในการเปิดให้ใช้งานทั่วโลก บอกเพียงแค่ว่าตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่
สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า เมื่อปี 2010 ไมโครซอฟท์เคยเสนอซื้อเฟซบุ๊กซึ่งยังเป็นบริษัทขนาดเล็กอยู่ในขณะนั้น ที่ 24 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูกมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอปฏิเสธ
บัลเมอร์ยังเผยว่า เขาไม่เคยสนใจที่จะซื้อทวิตเตอร์แต่ประการใด สำหรับการสัมภาษณ์ทั้งหมดนั้นดูได้ที่ CNBC ครับ
Facebook ได้ออกอัพเดตแอพ Messenger สำหรับ Windows 10 ใหม่ โดยรอบนี้มาพร้อมกับระบบโทรด้วยเสียงและวิดีโอ หลังจากที่ออกแอพบน Windows 10 มาตั้งแต่ 28 เมษายน
สำหรับวิธีการเรียกใช้ระบบโทรของ Facebook Messenger บน Windows 10 ก็เหมือนกับแอพเวอร์ชัน iOS หรือ Android คือกดปุ่มรูปโทรศัพท์มุมบนขวาในหน้าจอแชทเพื่อเริ่มการโทรได้ทันที, เมื่อมีคนอื่นโทรเข้ามาหา ก็จะมีการแจ้งเตือนทางเดสก์ท็อป และเมื่อโทรหาคนอื่นแล้วอีกฝ่ายไม่รับ ก็สามารถทิ้งข้อความเสียงไว้ได้เหมือนกับแอพบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ
นอกจากการโทรแบบตัวต่อตัวแล้ว Facebook Messenger บน Windows 10 ก็สามารถใช้งานการโทรด้วยเสียงในกลุ่มได้แล้วเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถใช้วิดีโอคอลในกลุ่มได้