ข่าวนี้เป็นเวอร์ชันขยายความของข่าว Facebook ปรับอัลกอริทึมในการดึงเรื่องราวมาแสดงใน News Feed นะครับ
Lars Backstrom วิศวกรของ Facebook ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Marketing Land ถึงความเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม News Feed (ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบริการเลย) จากเดิมที่ใช้อัลกอริทึมซึ่งมีชื่อเล่นว่า EdgeRank ก็เปลี่ยนมาใช้อัลกอริทึมตัวใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก (ตัวใหม่นี้ไม่มีชื่อเรียกแล้ว)
เดิมที EdgeRank พิจารณาปัจจัย 3 ประการสำคัญในการเลือกโพสต์มาแสดงบน News Feed ได้แก่
Facebook เป็นเครือข่ายสังคมที่เชื่อมโยง "ความสัมพันธ์" ของผู้คนและวัตถุต่างๆ ซึ่งบริษัทได้ออกแบบแพลตฟอร์ม Open Graph มารองรับฟีเจอร์นี้ (ข่าวเปิดตัวเมื่อปี 2010) ระยะหลัง Facebook จึงมองข้อมูลต่างๆ ในระบบของตัวเองเป็น "กราฟ" (ในความหมายทางคณิตศาสตร์ ไม่ใช้กราฟเส้นแบบราคาหุ้นนะครับ) ไปซะเยอะ
ล่าสุด Facebook ออกมาอธิบายสถาปัตยกรรมเบื้องหลัง Open Graph ที่สามารถประมวลผลข้อมูลกราฟขนาดมหาศาล (Facebook มองไกลถึงระดับ "ล้านล้าน" ความสัมพันธ์)
ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ของ Facebook ชื่อ Peter Deng ได้ลาออกจาก Facebook เพื่อที่จะไปรับตำแหน่งเดียวกันที่ Instagram โดยผลงานของ Peter Deng ใน Facebook นั้น ได้อยู่เบื้องหลังการปล่อย News Feed, ระบบข้อความ รวมไปถึงการอยู่เบื้องหลังของระบบ Facebook Chat Heads ที่สามารถใช้ได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
Peter Deng ได้เข้าทำงานที่ Facebook ตั้งแต่ปี 2007 รวมเวลาทำงานให้ Facebook ก็กว่า 6 ปี เป็นที่น่าสนใจว่าการย้ายที่ทำงานจาก Facebook ไป Instagram นั้น จะทำให้ระบบนิเวศของ Instagram เหมือนหรือแตกต่างจาก Facebook หรือไม่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปในอนาคต
มีรายงานว่า Facebook กำลังพัฒนาแอพที่ใช้ได้เฉพาะผู้มีชื่อเสียง (หรือที่เรียกกันว่า "เซเล็บ" นั่นเอง) โดยมีฟีเจอร์ที่จะทำให้กลุ่มผู้ใช้ดังกล่าวสามารถดูสิ่งที่แฟนๆ พูดคุย รวมไปถึงเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านอุปกรณ์พกพาต่างๆ โดยยังอยู่ในช่วงของการทดสอบในผู้ใช้กลุ่มจำกัดและพาร์ตเนอร์
ทั้งนี้ ลักษณะการทำงานของแอพประมาณนี้ Twitter เคยทำมาก่อนแล้วในรูปของแอพ Twitter Music
ที่มา - All Things D
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในแอพเวอร์ชัน 6.4 คือ
สนใจก็อัพเดตได้ที่ App Store
ที่มา - The Next Web
Facebook ประกาศว่าได้เข้าซื้อบริษัท Mobile Technologies ผู้พัฒนาแอพแปลภาษาแบบใช้เสียง Jibbigo ไปแล้วด้วยจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผย พร้อมกับทีมงานส่วนหนึ่ง โดย Facebook บอกว่าจะยังคงสนับสนุนแอพ Jibbigo ต่อไป
Jibbigo เป็นแอพแปลภาษาบน iOS และ Android ที่สามารถป้อนข้อมูลได้ทั้งตัวหนังสือและเสียง รองรับ 25 ภาษารวมทั้งภาษาไทย มีรูปแบบการหารายได้โดยขายส่วนแปลภาษาแบบออฟไลน์
Facebook สำหรับ iOS ออกอัพเดตเวอร์ชัน 6.4 มีของใหม่ดังนี้
อัพเดตได้ที่ App Store ครับ
ที่มา: The Next Web
Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมการทำงานของ News Feed เสียใหม่ โดยเปิดโอกาสให้โพสต์ที่เก่าหน่อย สามารถกลับมาแสดงบน News Feed ของผู้ใช้ได้มากขึ้น ถ้าหากว่าโพสต์นั้นในช่วงเวลานั้นยังมีคนกดไลค์หรือคอมเมนต์ในปริมาณที่มากพอ
บริษัทบอกว่าในการทดสอบกลุ่มเล็กๆ พบว่าอัลกอริทึมนี้ช่วยให้จำนวนไลค์-คอมเมนต์-แชร์เพิ่มขึ้น 5% (ในกรณีที่เป็นโพสต์ของเพื่อน) และ 8% (กรณีโพสต์จากเพจ) แถมยังช่วยให้ผู้ใช้เห็นโพสต์ที่ควรจะเห็นมากขึ้นเป็น 70% เมื่อเทียบกับอัตราเดิม 57%
อัลกอริทึมใหม่ของ Facebook แปลว่าเพจจะโพสต์ข้อความให้ผู้ใช้เห็นได้มากขึ้น แม้โพสต์นั้นจะเก่าไปบ้าง แต่ถ้าโพสต์มีคุณภาพ คนกดไกล์หรือคอมเมนต์เยอะ ก็ยังมีโอกาสเผยแพร่ได้มากกว่าเดิม (อัลกอริทึมนี้ไม่รวมโพสต์แบบจ่ายเงินโฆษณานะครับ)
Facebook v10.2.1 สำหรับสมาร์ตโฟน BlackBerry 10 มีฟีเจอร์ใหม่ดังนี้
ชาว BlackBerry ก็อัพเดตกันได้ที่นี่
ที่มา - BlackBerry Blog
อัลกอริธึมในการเลือกโพสต์ (Facebook เรียกว่า "story") ออกมาแสดงใน News Feed ของผู้ใช้นั้น เป็นที่สงสัยกันมานาน และเมื่อวานก็มีงานเชิญสื่อมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมเปิดตัวระบบใหม่ที่จะช่วยดึงโพสต์เก่าๆ ที่น่าสนใจและผู้ใช้อาจมองข้ามขึ้นมาแสดงให้ผู้ใช้เห็นใน News Feed ได้ ซึ่งสิ่งนี้ Facebook เรียกว่า "Story Bumping"
อัลกอริทึมในการดึงสตอรี่มาแสดงใน News Feed นั้น Facebook ใช้สารพัดวิธีมาคำนวณ แต่ก็ยกตัวอย่างให้เห็น 4-5 วิธีคือ
ผู้ให้บริการทั่วโลกมีแนวทางการให้รางวัลกับผู้ที่พบบั๊กกันมากขึ้นเรื่อยๆ เฟซบุ๊กเองแม้มีโครงการนี้มานานแต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาภายนอกมากนัก รายงานล่าสุดระบุว่ามีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วกว่าล้านดอลลาร์ สรุปเป็นรายการได้ดังนี้
เมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าเฟซบุ๊กมีแผนจะเพิ่มทางเลือกให้นักการตลาดซื้อสปอตโฆษณาแบบวิดีโอบน News Feeds ของผู้ใช้เป็นเวลา 15 วินาที โดยผู้ใช้จะเห็นโฆษณาแบบวิดีโอบน News Feeds ของตนไม่เกินสามชิ้นต่อวัน และจากข่าวลือเมื่อปลายปีก่อน ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดช่วงอายุและเพศในการรับชมได้ด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า โฆษณา 15 วินาทีเป็นเวลาขั้นต่ำสำหรับการโฆษณาทางโทรทัศน์ สำหรับประมาณการเม็ดเงินในการโฆษณานั้น แหล่งข่าวระบุว่าโฆษณาแบบวิดีโอบนเฟซบุ๊กจะใช้เงิน 1-2.5 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชมเป้าหมาย
หลังจากเฟซบุ๊กเปิดให้ผู้ใช้เลือกเปิด HTTPS ใช้งานเป็นรายคนมาเป็นเวลาสองปี ตอนนี้การเข้าถึง www.facebook.com จะกลายเป็น HTTPS ทั้งหมด แต่ยังไม่เปิดบริการสำหรับ m.facebook.com ที่ยังเป็น HTTPS อยู่ 80%
กระบวนการอัพเกรดแบบบังคับเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนกระทั่งผู้ใช้กลุ่มสุดท้ายเพิ่งถูกบังคับจนครบ
Bret Taylor ผู้ก่อตั้ง Friendfeed และอดีตซีทีโอของเฟซบุ๊ก (ลาออกเมื่อปีที่แล้ว) เปิดตัวบริษัทใหม่ของเขาในชื่อ Quip
Quip เป็นแอพ word processor แนวใหม่ที่ผนวกแนวคิดของโปรแกรมอีเมลเข้ามา แทนที่จะแก้เอกสารร่วมกัน (ผ่านฟีเจอร์ collaboration) แล้วอีเมลบอกกันว่าแก้ไขอะไรไปบ้าง Quip กลับฝังฟีเจอร์เรื่อง changelog/notification ลงมาในตัวโปรแกรมเลย
เมื่อผู้ใช้เปิดแอพ Quip ขึ้นมาจะพบกับรายการเอกสารพร้อมสัญลักษณ์ว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไข พร้อมกับการสนทนาของเพื่อนๆ ว่าแก้ไขเอกสารไปอย่างไร
หลังจากให้ Instagram มี Embed Post ไปแล้ว Facebook ก็ทำระบบของตัวเองเหมือนกัน โดยลักษณะการทำงานก็เหมือนระบบฝังโพสต์ทั่วๆ ไป คือกดฝังโพสต์ และรับโค้ดมาแปะในเว็บไซต์ก็ใช้งานได้ทันที แต่จะสามารถฝังโพสต์ได้เฉพาะโพสต์ที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็นสาธารณะเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดให้ใช้กันโดยถ้วนทั่ว ก็ร้องเพลงรอกันไปก่อน
ที่มา - Facebook Newsroom
Facebook ประกาศโครงการ Mobile Games Publishing ซึ่งบริษัทจะทำตัวเป็น "ผู้จัดจำหน่ายเกม" (publisher) ให้กับนักพัฒนาเกมรายย่อยที่สร้างเกมมีคุณภาพ
Facebook จะขอส่วนแบ่งรายได้จากเกมเหล่านี้ส่วนหนึ่ง (ยังไม่ระบุตัวเลขสัดส่วน) แลกกับการโปรโมทเกมเหล่านี้ผ่านระบบภายใน Facebook เพื่อช่วยดันยอดผู้เล่นให้มากขึ้น ทางบริษัทเผยว่าปัจจุบันมีผู้ใช้ Facebook ผ่านอุปกรณ์พกพา 800 ล้านคนต่อเดือน และมีคนเล่นเกมในระบบของ Facebook จำนวน 260 ล้านคนต่อเดือน
ปกติการสัมภาษณ์ทีมงานบริษัทสตาร์ตอัพใน Blognone มักจะสัมภาษณ์ทีมที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หรือทีมที่ได้รับทุน แต่ Page365 เป็นทีมที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษจากโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือเป็นบริการสำหรับผู้ค้าเป็นหลักดังนั้นคนทั่วไปคงไม่ได้ใช้บริการนี้โดยตรง นับเป็นโมเดลธุรกิจกิจสตาร์ตอัพที่เจาะกลุ่มเฉพาะสำหรับคนทำการค้า
Page365 เคยแนะนำบริการของตัวเองลง Blognone ไปแล้วแต่โดยรวมมันคือระบบจัดการร้านค้า ที่ทำให้การคอมเมนต์สั่งซื้อเป็นเหมือนการเปิดการซื้อขายในหน้าเว็บอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงการถามคำถามก็จัดเข้าหมวดหมู่ให้เหมือนลูกค้าเข้าไปโพสในหน้าซัพพอร์ต โดยลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง
Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2013 มีรายได้ 1.81 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยคิดเป็นรายได้จากโฆษณาถึง 88% ขณะที่รายได้โฆษณา 41% นั้นมาจากการโฆษณาบนมือถือซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ 30% ของไตรมาสก่อนหน้านี้ และมีกำไรสุทธิ 488 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 65%
ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่าบริษัทมีการเติบโตที่ดี ทั้งการดึงดูดผู้ใช้งานที่สูงขึ้นมาก จนทำให้มีผลประกอบการออกมาแข็งแกร่งโดยเฉพาะบนมือถือ ที่ Facebook ได้ลงทุนปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานส่วนนั้นเพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญต่อไป
Facebook ออกมาประกาศความสำเร็จของแอพ Facebook for Every Phone สำหรับมือถือกลุ่มฟีเจอร์โฟนราคาถูก ว่าตอนนี้มีผู้ใช้งานแอพนี้เกิน 100 ล้านคนแล้ว
Biz Stone อดีตหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ได้โพสต์ใน Medium ส่วนตัว (ข่าวเก่า) แนะนำให้ Facebook ควรมีระบบเก็บเงินผู้ใช้บริการเพื่อแลกกับการงดแสดงโฆษณาในหน้าเว็บ โดยน่าจะอยู่ที่ $10/เดือน ซึ่งถ้าเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำก็ไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับการจ่ายเงินจำนวนนี้
หาก Facebook ทำตามแนวคิดนี้ เพียง 10% ของผู้ใช้งานที่ยอมจ่ายเงิน จะทำให้ Facebook มีรายได้จำนวนมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทั้งนี้เอง Biz Stone ยังยอมรับว่าตอนนี้เขาหยุดใช้งาน Facebook แล้วหลังจากที่ทาง Facebook เพิ่งมีการเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ มากมาย
คุณจะยอมจ่ายไหมครับ $10/เดือน (300 บาท/เดือน) ?
บริษัท Gigya เจ้าของซอฟต์แวร์บริหารจัดการลูกค้าบนเครือข่ายโซเชียล มีลูกค้าเป็นองค์กรใหญ่อย่าง Intel, FedEx, Microsoft, Pepsi, Toyota เผยสถิติการใช้งานของลูกค้าประจำไตรมาสที่สองของปี 2013 (ดังนั้นสถิติจะมาจากเพจของลูกค้าของ Gigya ซึ่งน่าจะสะท้อนความเป็นจริงพอสมควร)
Gigya วัดข้อมูลเป็น 2 มิติกว้างๆ อย่างแรกคือ บริการโซเชียลที่ใช้สำหรับล็อกอิน Facebook มาอันดับหนึ่ง 52%, Google+ 24%, Yahoo! 17%, Twitter 4% ซึ่งเทียบกับปี 2011 แล้วสัดส่วนของ Google+ เพิ่มขึ้นมาก
อย่างที่สองคือ บริการโซเชียลที่นิยมใช้แชร์ข้อมูล Facebook ยังครองไปครึ่งตลาด 50%, Twitter 24%, Pinterest 16%, LinkedIn 3% ในขณะที่มีคนแชร์ข้อมูลผ่าน Google+ เพียงแค่ 2% เท่านั้น
Josh Williams ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Gowalla บริการเช็คอินที่ถูก Facebook ซื้อกิจการไปเมื่อปลายปี 2011 และปิดให้บริการในต้นปี 2012 ยืนยันว่าตนได้ยื่นใบลาออกจาก Facebook เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจากนี้เขาจะย้ายไปตั้งบริษัทใหม่ที่ซานฟรานซิสโก
Facebook ประกาศในกลุ่ม Facebook for Android Beta Testers ว่าเตรียมมีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ดีฟีเจอร์เหล่านี้ยังไม่ปรากฏในแอพ ถึงจะมีการปรับปรุงแอพล่าสุดวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ก็เตรียมตัวรอได้ว่าฟีเจอร์เหล่านี้คงมาในอีกไม่ช้า
เพจมีการปรับปรุงเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์สถิติของเพจ (Insights) โดยปรับปรุงดีไซน์การแสดงผลของกราฟ และมีข้อมูลที่น่าสนใจแตกต่างไปจากเดิมตามนี้
แอพ Facebook Home ออกอัพเดตใหม่ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือผู้ใช้สามารถรวมช็อตคัตของแอพเข้าเป็นโฟลเดอร์ (ตามฟีเจอร์มาตรฐานของ Android รุ่นหลังๆ) ได้แล้ว จากเดิมที่หน้า launcher ของ Facebook Home ไม่สามารถทำแบบนี้ได้
อย่างไรก็ตาม Facebook ยังไม่ออก Facebook Home รุ่นสำหรับมือถือใหม่ๆ อย่าง Galaxy S4 หรือ HTC One อย่างเป็นทางการครับ
คำถามคือมีใครใช้ Facebook Home อย่างจริงจังบ้างหรือเปล่า?
ที่มา - Droid Life