HP แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ (และรวมทั้งปีงบประมาณ 2011) ผลคือผลประกอบการประจำไตรมาสออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รายรับรวม 32.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนผลประกอบการตลอดปี รายรับรวม 127.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน กำไรตลอดปี 9.7 พันล้านดอลลาร์
จุดที่น่าสนใจกว่าคือ HP เผยรายละเอียดทางการเงินสำหรับกิจการของ Palm ที่ซื้อมาด้วยเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดย HP เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 2 ส่วนสำหรับการ "ฆ่า Palm" คือ
เดลล์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม กำไรสุทธิ 893 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.536 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 23.1% โดยซีเอฟโอ Brian Gladden กล่าวว่าตัวเลขที่ออกมาแม้จะดูไม่เติบโตมากถ้าเทียบกับปีก่อน แต่ก็เป็นทิศทางที่ดีเพราะเดลล์เลือกโฟกัสการขายสินค้าที่มีกำไรสูง เลิกขายสินค้ากำไรต่ำ และเน้นธุรกิจการให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรให้มากขึ้น
Lenovo รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองตามปฏิทินการเงินบริษัท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมา 88% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 143.9 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 35% เป็น 7.79 พันล้านดอลลาร์ โดย Lenovo เผยว่าบริษัทขายพีซีได้มากขึ้นจากลูกค้าในประเทศจีนและอเมริกา อีกทั้งความต้องการพีซีในกลุ่มลูกค้าองค์กรยังคงมีอยู่สูง
ปัจจุบัน Lenovo มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผู้ผลิตพีซีที่อันดับ 2 คือ 13.5% สูงกว่าเดลล์ในอันดับ 3 ที่ 11.6% ส่วนที่อันดับ 1 อย่างเอชพีตอนนี้มีส่วนแบ่งการตลาด 17.7%
ที่มา: BusinessWeek
โซนี่รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองตามปฏิทินบริษัท (กรกฎาคม-กันยายน) ออกมาขาดทุนสุทธิ 2.7 หมื่นล้านเยน ซึ่งยังคงขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว โดยบริษัทคาดการณ์ว่ายอดสุทธิของปีจะขาดทุนราว 9 หมื่นล้านเยน ซึ่งมาจากปัจจัยสำคัญ
HTC เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปี 2011 สรุปแบบคร่าวๆ คือ
HTC ระบุว่าปัจจัยสำคัญของการเติบโตมาจากตลาดจีน โดยยอดขายนับเป็นจำนวนเครื่องโตขึ้น 9 เท่าตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนมือถือยอดฮิตในตลาดจีนคือ HTC Wildfire และบริษัทเพิ่งเปิดตัว HTC Sensation ร่วมกับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของจีนคือ China Mobile และ China Unicom
อัสซุสแถลงผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีนี้ พบว่ากำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.68 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาสสามของปีที่แล้ว คิดเป็นจำนวนเครื่องทั้งหมด 4.3 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ดีในการแถลงผลประกอบการทางอัสซุสได้เตือนว่าไตรมาสที่สี่นั้นการส่งมอบน่าจะตกลงเหลือ 4.1 ล้านเครื่อง จากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย โดยตอนนี้ฮาร์ดดิสก์ในสต็อกของอัสซุสเองยังเหลือพอสำหรับการผลิตอีกหนึ่งเดือนเท่านั้น และคาดว่าฮาร์ดดิสก์ล็อตหลังจากนี้จะมีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ถึง 40
Motorola Mobility รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปี 2011 ภาพรวมคือรายได้ 3.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากปีที่แล้ว น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเล็กน้อย แต่หักค่าใช้จ่ายแล้วยังขาดทุนเล็กน้อยประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ต่อหุ้น (earning per share) อยู่ที่ 0.12 ดอลลาร์ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เท่าตัว
ถ้าดูเฉพาะฝ่าย Mobile Devices (อีกฝ่ายหนึ่งคือ Home) ผลงานออกมาดีมาก รายได้ของฝ่ายเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์ ยอดขายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดอยู่ที่ 11.6 ล้านเครื่อง มากกว่าไตรมาสที่สามของปีก่อนที่ 9.1 ล้านเครื่อง
เอเอ็มดีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 มีกำไรสุทธิ 97 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งดีกว่าไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 4.4% เป็น 1.69 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2011 มีกำไรสุทธิ 3.44 ล้านล้านวอน (ประมาณ 95,000 ล้านบาท) ลดลง 23% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนรายได้อยู่ที่ 41.27 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นมา 3%
ธุรกิจมือถือนั้นสดใสมาก โดยมียอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่คือ 14.9 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 37% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว และมีกำไรเฉพาะส่วนธุรกิจนี้ถึง 2.52 ล้านล้านวอน อันเป็นผลมาจากสินค้าในตระกูล Galaxy โดยซัมซุงเปิดเผยเพียงแค่ว่า Galaxy S II นั้นขายได้แล้วมากกว่า 10 ล้านเครื่อง แต่ตัวเลขอื่นไม่ได้ระบุ
LG Electronics ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปี โดยกลับมาขาดทุนสุทธิ 4.14 แสนล้านวอน หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจะขาดทุน โดยในไตรมาสแรก LG ก็ขาดทุนแล้วพลิกมา
Amazon รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามมีกำไรสุทธิเพียง 63 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 73% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น 44% เป็น 1.088 หมื่นล้านดอลลาร์ ถ้าพิจารณาตัวเลขของไตรมาสที่แล้ว
เอเซอร์แถลงผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีขาดทุน 36 ล้านดอลลาร์ แต่ยังดีกว่าไตรมาสที่แล้วที่ขาดทุนประมาณ 225 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายก็กระเตื้องขึ้นเทียบกับไตรมาสที่แล้ว 14.9% เป็น 3,875 ล้านดอลลาร์ แต่ยังต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วเกือบ 30%
J.T. Wong เตือนผู้ลงทุนว่าเอเซอร์อาจจะไม่สามารถกลับมามีกำไรได้ภายในปีนี้แม้สถานะการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ
เอเซอร์เป็นบริษัทที่ได้รับผลประทบจากการถดถอยของตลาดเน็ตบุ๊ก และการเติบโตที่ช้าลงของโน้ตบุ๊กจากการเข้ามาของแท็บเล็ต ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมในเมืองไทยนั้นเอเซอร์จะแถลงผลวิเคราะห์ผลกระทบในสัปดาห์หน้า
ที่มา - Teipei Times
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ตามปฏิทินการเงินของบริษัท กำไรสุทธิ 5.74 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.737 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7%
ตัวเลขที่ออกมาก็ช่วยสะท้อนภาพของธุรกิจพีซีได้ว่ายังอยู่ในระดับที่ "ไปได้เรื่อยๆ" ไม่ได้ถดถอยลงอย่างที่ประเมินกันก่อนหน้านี้ โดยไมโครซอฟท์กล่าวว่ายอดขายในส่วนของ Office, SharePoint, Exchange และบรรดาบริการบนกลุ่มเมฆอย่าง Office 365 และ Windows Azure นั้นยังแข็งแกร่งดี
โนเกียรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 99 ล้านยูโร ลดลง 74% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หลังจากไตรมาสที่แล้วขาดทุน โดยมียอดขายในไตรมาสนี้ 8,980 ล้านยูโร ลดลง 12.5% ตัวเลขจำนวนโทรศัพท์ที่ขายได้นั้น สำหรับสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 16.8 ล้านเครื่อง โทรศัพท์ทั่วไป 89.8 ล้านเครื่อง
อินเทลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ด้วยยอดขายทำสถิติใหม่สูงสุดต่ออีกไตรมาส โดยมียอดขาย 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.2% จาก
ยาฮูรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รายได้ 1.072 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 5% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 293 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 26% ยาฮูรายงานว่าสาเหตุที่ตัวเลขลดลงเนื่องจากการทำข้อตกลงเรื่องเสิร์ชกับไมโครซอฟท์ซึ่งมีการแบ่งรายได้ ทั้งนี้เมื่อจำแนกส่วนงานก็พบว่ารายได้ทุกส่วนล้วนลดลงทั้งสิ้น โดยรายได้จากโฆษณาลดลง 2% รายได้จากเสิร์ชลดลง 13%
IBM รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 8% เป็น 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึงแม้อัตราการเติบโตจะน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ผลประกอบการของ IBM เป็นตัวชี้วัดได้ดีว่าการใช้จ่ายในด้านเทคโนโลยีของลูกค้าองค์กรยังคงดีอย
Sony Ericsson รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2011 มีกำไรสุทธิเป็นศูนย์ หรือไม่กำไรไม่ขาดทุน ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ที่ขาดทุนถึง 50 ล้านยูโร แต่ก็แย่กว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่มีกำไร 49 ล้านยูโร ทั้งนี้ยอดขายรวมอยู่ที่ 1,586 ล้านยูโร คิดเป็นจำนวนโทรศัพท์ที่ขายได้ 9.5 ล้านเครื่อง
ตัวเลขที่ออกมาดีมากคือราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องที่สูงถึง 166 ยูโรต่อเครื่อง ทั้งนี้เป็นผลจากสมาร์ทโฟนรุ่น Xperia ที่คิดเป็นยอดขายถึง 80% ของยอดขายรวมทั้งหมดในไตรมาสนี้ โดย Xperia นั้นมียอดส่งมอบไปแล้วถึง 22 ล้านเครื่องนับตั้งแต่เปิดตัว นอกจากนี้ Sony Ericsson ประเมินว่าตนเองมีส่วนแบ่งยอดขายถึง 11% ในกลุ่มสมาร์ทโฟน Android
กูเกิลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2011 กำไรสุทธิ 2.73 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 9.72 พันล้านดอลลาร์ และก็ยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากมีความกังวลว่ารายได้จากโฆษณาจะลดลงเพราะภาวะเศรษฐกิจ โดยรายได้จากโฆษณาแบบ paid click เติบโต 28% ขณะที่แบบ cost per click เติบโต 5%
รายงานผลประกอบการกูเกิลในไตรมาสที่สาม กูเกิลมีรายได้ 9.72 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 33% จากปีที่แล้ว ที่น่าสนใจคือตัวรายงานชูสินค้าตัวหลักคือ Google+ ที่มีผู้ใช้แล้วกว่า 40 ล้านคน
สถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจ
HTC เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปี 2011 อย่างไม่เป็นทางการ (ยังไม่ผ่านการรับรองของผู้ตรวจสอบบัญชี) ผลคือรายรับเพิ่มขึ้น 79.07% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และหักกำไรแล้วโต 68%
ถ้าคิดเป็นตัวเลข รายรับตลอดทั้งไตรมาสอยู่ที่ 1.35 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1.37 แสนล้านบาท ค่าเงินใกล้เคียงกับบ้านเรา) กำไรหลังจ่ายภาษีแล้วอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน
เหตุผลก็คงชัดเจนว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของ HTC ร้อนแรงมากนั่นเอง
ที่มา - BGR
บอร์ดของไมโครซอฟท์ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2011 โดยอนุมัติเงินเดือนให้สตีฟ บัลเมอร์เพิ่มอีก 2% จากปีที่แล้ว และจ่ายโบนัสเท่าเดิมคือ 100% ของเงินเดือน (ตามสัญญาแล้ว บัลเมอร์มีสิทธิจะได้โบนัสสูงสุด 200% แต่ทั้งหมดนี้ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นที่บัลเมอร์ถืออยู่)
ส่วนที่น่าสนใจกว่าคือมุมมองของบอร์ดต่อผลงานของไมโครซอฟท์ในปี (งบประมาณ) ที่ผ่านมานี้ ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดว่าบัลเมอร์ทำงานดีแค่ไหนด้วย เราเลยได้รู้ว่าไมโครซอฟท์ประเมินตัวเองอย่างไร
ตัวชี้วัดผลงานของบัลเมอร์
Zynga รายงานผลประกอบการไตรมาสสองสิ้นสุดเดือนมิถุนายน โดยมีกำไรสุทธิลดลงถึง 95% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเหลือเพียง 1.3 ล้านดอลลาร์ สวนทางกับรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 279.1 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้บริษัทให้เหตุผลที่กำไรสุทธิลดลงมากว่ามาจากการเปลี่ยนเงื่อนไขของ Facebook ที่ให้ใช้ Facebook Credits ในการชำระเงินโดย Facebook หักค่าธรรมเนียม 30% และมาจากค่าจ้างพนักงานที่สูงขึ้น ตลอดจนในช่วงครึ่งปีแรกนั้น Zynga ไม่มีเกมใหม่ออกมาเลย