จากที่ T-Mobile เคยประกาศไว้ว่าจะให้บริการมือถือ Direct to Cell ผ่านดาวเทียมรุ่นใหม่ของ SpaceX Starlink ในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025 แต่ด้วยเหตุการณ์ภัยพิบัติคือ พายุเฮอริเคนเข้าชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐในช่วงนี้หลายลูก ทำให้แผนการถูกเร่งให้เร็วขึ้น

ทั้ง T-Mobile และ SpaceX ได้รับอนุมัติจาก FCC (กสทช.​ สหรัฐ)​ เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้บริการข้อความ SMS ผ่านดาวเทียมในพื้นที่ประสบภัย หากผู้ใช้มือถือในพื้นที่รัฐฟลอริดา มีปัญหาไม่สามารถเชื่อมต่อสถานีฐานของ T-Mobile ได้ตามปกติ ก็สามารถมองหาเครือข่ายชื่อ T-Mobile SpaceX และส่งข้อความ SMS ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้

AIS จับมือกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ กสทช. ส่งข้อความแจ้งเตือนภัยพิบัติทาง SMS แบบอิงพื้นที่ (Location Base SMS – LBS)

ข้อความ SMS จะใช้ชื่อผู้ส่งว่า DDPM (Department of Disaster Prevention and Mitigation) และเป็นข้อความจาก ปภ. โดยตรง แยกเป็น 2 ระดับคือ แจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12-24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน 6-12 ชั่วโมง เหมือนกับระบบของค่าย True/dtac

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS ยืนยันว่าข้อความเตือนภัยผ่าน SMS ของจริง จะไม่มีลิงก์ใดๆ ให้กดเพื่อให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และเตือนให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพที่อาจแอบข้อความเตือนภัยในลักษณะนี้

ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ AIS

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มส่งข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยธรรมชาติฉุกเฉิน ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ กสทช.

ข้อความแจ้งเตือนจะใช้ชื่อผู้ส่งว่า DDPM ซึ่งย่อมาจาก Department of Disaster Prevention and Mitigation ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษของ ปภ. โดยผู้ตัดสินใจส่งการแจ้งเตือนคือ ปภ. ก่อนส่งต่อให้ True กระจายข้อความให้ ข้อความเตือนมี 2 รูปแบบคือ แจ้งเตือนล่วงหน้า 12-24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนฉุกเฉิน 6-12 ชั่วโมง

ข้อความชุดแรกที่ส่งไปแล้วคือ ข้อความแจ้งเตือนแม่น้ำวังล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที

ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางใกล้เมืองอิชิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา มีประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นคือบัญชี X หรือ Twitter เดิม ของ NERV แพลตฟอร์มเตือนภัยพิบัติในญี่ปุ่น ได้โพสต์ข้อความว่าบัญชีของ NERV ตอนนี้ติดลิมิตในการโพสต์บน X แล้ว ทั้งบัญชีภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากมีการโพสต์อัพเดตสถานการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิถี่มากเกินไป โดยข้อความนี้ถูกโพสต์ 2 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้คนมากกว่า 1 ล้านคนในย่าน Bay Area ของ San Francisco ได้รับข้อความแจ้งเตือนถึงเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ผ่านทางสมาร์ทโฟน Android ของตนเอง ซึ่งระบุว่า "คุณอาจรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน" และในจำนวนนั้นมีหลายคนที่ได้เห็นข้อความก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจริง

ระบบการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวนี้เป็นการทำงานร่วมกันของ Google และ United States Geological Survey (USGS) หน่วยงานด้านการสำรวจและเฝ้าระวังด้านภูมิศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยข้อมูลจากระบบ ShakeAlert ของ USGS ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนแล้วประมวลผลก่อนส่งข้อมูลให้ Google กระจายข้อความแจ้งเตือนไปยังประชาชนผ่านอุปกรณ์ Android

ภาครัฐเปิดตัว LINE Alert แอคเคาท์ LINE Official แจ้งเตือนภัยพิบัติ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง LINE, กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งรัฐบาลบอกว่าเป็ฯช่องทางให้บริการข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือนภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ

หน้าแอคเคาท์เป็น Rich Menu มีให้เลือกอัพเดตภัยพิบัติ, เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน, บริจาค, เช็คพื้นที่เสี่ยง (ที่แสดงผลข้อมูลเดียวกับอัพเดตภัยพิบัติ), โรงพยาบาลใกล้เคียง ที่จะเด้งไปแสดงผลโรงพยาบาลใน Google Maps และทิปป้องกันตัวเอง

LINE Alert สามารถค้นหาได้จาก @linealert หรือคลิก https://lin.ee/l40xtWN

กูเกิลพัฒนาฟีเจอร์ให้อุปกรณ์ Android ทั่วโลกสามารถกลายเป็นเครื่องวัดการสั่นไหว (seismometer) โดยใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์วัดความเร่ง (accelerometer) ที่มีอยู่แล้ว หากพบสัญญาณที่มีแพทเทิร์นเหมือนกับแผ่นดินไหว ให้แจ้งเตือนตำแหน่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล เพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านระบบ Android Earthquake Alerts System ได้ทันท่วงที

กูเกิลบอกว่าข้อมูลจากโทรศัพท์จะวิ่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ด้วยความเร็วแสง แข่งกับความเร็วของแผ่นดินไหวที่ช้ากว่ามาก ทำให้การแจ้งเตือนผู้คนในบริเวณห่างไกลออกไปสามารถเกิดก่อนแผ่นดินไหว และช่วยให้รับมือกับความเสียหายได้

ที่เท็กซัส ฟลอริด้า เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯต่างได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุเฮอร์ริเคน Harvey และ Irma สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างประเมินค่าได้ยาก บริษัทประกันภัยบางแห่งในสหรัฐฯ ใช้โดรนช่วยสำรวจความเสียหาย และสำรวจจุดรับส่งของที่ปลอดภัยพอจะส่งคนเข้าไปทำหน้าที่ช่วยเหลือได้

บริษัท EagleView บริษัทข้อมูลภาพจากโดรนให้บริษัทประกันภัย บริษัทเชื้อเพลง น้ำมัน และรัฐบาลระบุว่า มูลค่าความเสียหายจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ประเมินได้ราวๆ 3 แสนล้านดอลลาร์ และบรรดาหน่วยงาน บริษัทต่างใช้โดรนช่วยเจาะพื้นที่ความเสียหายในภาคส่วนที่บริษัทต้องจัดการ ที่สำคัญ ตามหน่วยงานไม่มีผู้เจรจาข้อตกลงทางประกันภัยที่มากเพียงพอกับความเสียหายดังกล่าว

การใช้โดรนยังช่วยลัดขั้นตอนประเมินความเสียหายให้เหลือ 15 นาที เพียงแค่พิจารณาจากรูปภาพเท่านั้น การใช้โดรนยังช่วยให้รู้ว่าควรส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตรงจุดใดจึงจะปลอดภัย

เราคงเห็นข่าวกันแล้วว่าขณะนี้พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา (Hurricane Irma) กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ทางใต้ของรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยความเร็วลมสูงถึง 190 กม./ชม. ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 181,000 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่าฟอริดาทั้งรัฐอีก) รัฐต้องสั่งอพยพประชาชนราว 6.3 ล้านคนออกจากพื้นที่

ในขณะเดียวกันก็มีเจ้าของรถ Tesla จำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดารายงานกันว่ารถยนต์ของพวกเขาแสดงระยะทางที่วิ่งได้มากกว่าปกติ โดยเจ้าของรถ Tesla Model S 60 คนหนึ่งติดต่อเข้ามายังเว็บไซต์ Electrek ว่ารถเขาบอกว่าวิ่งได้ไกลขึ้นราว 60 กิโลเมตร และบนหน้าจอแสดงตรา "75" (Model S 60 ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นรุ่นเล็กสุดที่ Tesla เคยมีขาย ปัจจุบันเลิกขายไปแล้ว)

เมื่อหลายเดือนก่อนสืบเนื่องจากนโยบายปิดกั้นผู้อพยพชั่วคราวของโดนัลด์ ทรัมป์ Brian Chesky ซีอีโอ Airbnb จึงโพสต์ทวิตเตอร์ว่า Airbnb จะจัดที่อยู่ฟรีให้ผู้ลี้ภัยทุกคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสหรัฐฯ ล่าสุด Airbnb ประกาศนโยบายเพิ่มเติมขยายวงกว้างจากผู้อพยพ ไปยังผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติด้วย

Airbnb พัฒนาเครื่องมือให้ผู้ให้เช่าห้องพักในการให้รับรองแขกหรือคนที่ได้รับผลกระทบได้ฟรี เรื่องราวเริ่มต้นจากพายุแซนดี้เข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ในปี 2012 ส่งผลให้มีคนไร้ที่อยู่นับหมื่นคน ผู้ให้เช่าคนหนึ่งในนิวยอร์กอาสาให้ผู้ได้รับผลกระทบเข้าพักฟรีโดยเสนอมาทางอีเมลบริษัท

Facebook ร่วมมือกับ UNICEF จัดทำแผนที่ภัยพิบัติโดยใช้ดาต้าจาก Facebook ในการระบุความร้ายแรงของภัยพิบัติในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติรู้จุดที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

Facebook ยังร่วมมือกับสหพันธ์สภากาชาดระหว่างประเทศ, World Food Programme และองค์กรอื่นๆ ในการจัดทำแผนที่ดังกล่าวด้วย โดยแผนที่จะแสดงตำแหน่งของกลุ่มคนทั้งก่อน ระหว่างและหลังภัยพิบัติโดยอาศัยภาพถ่ายดาวเทียม และแสดงแผนที่ความเคลื่อนไหวและการอพยพของผู้คน ช่วยให้องค์กรทำความเข้าใจรูปแบบการอพยพเพื่อจัดการทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้คนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทำนายความหนาแน่นของการจราจรได้ล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่ประเทศเอกวาดอร์

ล่าสุด Skype เปิดให้สามารถโทรภายในประเทศและไปยังประเทศเอกวาดอร์ได้ โดยไม่คิดค่าบริการเป็นระยะเวลาหนึ่ง (for the next few days)

ทั้งนี้การใช้งานแบบ special, premium service และการโทรไปยังหมายเลขแบบ non-geographical จะยังมีการคิดค่าบริการอยู่

ที่มา - Skype Blogs

ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบนเกาะคิวชูประเทศญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Skype ได้ประกาศให้บริการโทรศัพท์ทั้งการโทรภายในประเทศและการโทรไปยังประเทศญี่ปุ่นผ่าน Skype ฟรีในช่วงระยะเวลานึง (Skype ระบุว่า next few days) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สอบถามความเป็นไปของคนที่เป็นห่วงเป็นใยซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว

ในช่วงนี้การโทรผ่าน Skype ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์บ้านภายในประเทศญี่ปุ่นจะไม่ถูกคิดค่าบริการใดๆ ครับ

ที่มา - Skype blog via BetaNews

สภาเมืองลอสแองเจลิสโหวตผ่านร่างกฎหมายบังคับให้เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือต้องมีความทนทานต่อภัยพิบัติระดับเดียวกับสิ่งก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ คือต้องใช้งานได้แม้จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงก็ตาม

ทางสภาเมืองระบุว่าโครงสร้างการสื่อสารเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างความปลอดภัยสาธารณะ ก่อนหน้านี้มีรายงานระบุว่าหากเกิดภัยพิบัติแล้วโครงสร้างเหล่านี้ใช้งานไม่ได้กระบวนการกู้ภัยจะล่าช้าออกไป

ร่างกฎหมายนี้ต้องรอนายกเทศมนตรีลงนามก่อนจึงเป็นกฎหมาย และในร่างบังคับเฉพาะเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆ เท่านั้น ไม่รวมเสาสัญญาณที่ติดอยู่กับอาคารอื่นๆ

Dan Fredinburg หนึ่งในผู้บริหารกูเกิลในทีม Google Adventure ที่มีผลงานสำคัญอย่าง Street View บนยอดเขาเอเวอเรสต์ ได้เสียชีวิตแล้วด้วยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.9 แมกนิจูดที่ประเทศเนปาล ทำให้มีหิมะถล่มบริเวณยอดเขาเอเวอเรสต์ที่นาย Dan และนักปีนเขาคนอื่นตั้งแคมป์อยู่ โดยนาย Dan เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 17 รายจากเหตุการณ์หิมะถล่มดังกล่าว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 37 ราย

ที่มา: Re/code, The New York Times

หลายท่านคงทราบข่าวแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลเมื่อช่วงบ่ายวันนี้กันแล้วนะครับ ล่าสุดกูเกิลได้เปิดหน้าใหม่ Person Finder: 2015 Nepal Earthquake สำหรับค้นหาและรายงานผู้สูญหายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวแล้ว ผู้ที่มีข้อมูลหรือต้องการค้นหาผู้ประสบภัยสามารถเพิ่มข้อมูลเข้าไปในระบบได้ทันที ทั้งนี้กูเกิลจะไม่มีการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปในระบบ ทำให้เมื่อป้อนข้อมูลเข้าไปแล้วจะเผยแพร่สู่สาธารณะทันที

สิ่งแรกที่เราจะทำหลังจากได้ยินข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติต่างๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นการหาข้อมูลว่าเพื่อนหรือญาติของเราที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นปลอดภัยดีหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เอง Facebook จึงออกบริการ Safety Check ที่อนุญาตให้ผู้ประสบภัยสามารถแจ้งข่าวยืนยันความปลอดภัยทั้งของตัวเองและคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นให้กับเพื่อนๆ ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้นในบริเวณที่ผู้ใช้อยู่ Facebook จะส่งข้อความไปที่ผู้ใช้ว่าปลอดภัยดีแล้วหรือยัง เมื่อผู้ใช้กดปุ่ม "I'm safe" แล้ว Facebook ก็จะส่งข้อความแจ้งไปที่เพื่อนของเราว่าเราปลอดภัยแล้วทันที นอกจากนี้เรายังสามารถรายงานสถานการณ์ของเพื่อนคนอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นได้อีกด้วย สามารถชมวิดีโอสาธิตการทำงานได้ในลิงก์หลังที่มา

เมื่อแอปเปิลเปิดหน้ารับบริจาคใน iTunes Store เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือเฮอริเคน Sandy ส่งไปยัง American Red Cross โดยไม่หักค่าใช้จ่าย (ข่าวเก่า) ตอนนี้ Tim Cook ส่งอีเมลถึงพนักงานในแอปเปิลทุกคน เนื้อหาในอีเมล กล่าวว่า แอปเปิลรวบรวมเงินได้หลายล้านดอลลาร์จากผู้บริจาคผ่าน iTunes Store ซึ่งเฉพาะพนักงานได้บริจาคเงินรวมกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ โดยแอปเปิลจะนำเงินทั้งหมดบริจาคให้ทาง American Red Cross เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเฮอริเคน Sandy

ที่มา - 9to5Mac

ในขณะที่มหานครนิวยอร์กกำลังประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่จาก Sandy ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังถูกตัดไฟจนไม่อาจอาศัยได้ภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเหน็บในตอนนี้

จากสถานการณ์ดังกล่าว Airbnb ผู้ให้บริการจองห้องพักออนไลน์จึงออกมาเปิดหมวดใหม่ เพื่อช่วยให้ชาวนิวยอร์กที่ยังมีบ้านอยู่นอกเขตประสบภัย สามารถให้ผู้ประสบภัยในเขตแมนฮัตตัน บรอนซ์ และบรูคลิน สามารถเข้ามาพักได้ฟรี ซึ่งในระหว่างเขียนข่าวก็มีเจ้าของบ้านมาโพสต์ห้องพักมากกว่า 300 แห่งแล้ว

หลังจากเกิดความเสียหายจากเฮอริเคน Sandy ในอเมริกา แอปเปิลก็ร่วมมือกับ American Red Cross สร้างหน้ารับบริจาคเงินใน iTunes Store อเมริกา เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเฮอริเคน Sandy โดยรับบริจาคตั้งแต่ 5, 10, 25, 50, 100 ดอลลาร์ และเงินนี้จะบริจาคเข้าองค์กร American Red Cross โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

ที่มา - 9to5Mac

คนที่ติดตามข่าวต่างประเทศคงทราบกันดีว่าช่วง 2-3 วันมานี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับพายุเฮอริเคน Sandy ซึ่งถือเป็นภัยธรรมชาติที่ทำให้กิจการโทรคมนาคมมีปัญหา

สถิติของ FCC (กสทช. ของสหรัฐ) ระบุว่าเซลล์โครงข่ายมือถือ 25% ในเขตพายุเฮอริเคน 10 รัฐไม่สามารถทำงานได้ และตัวเลขอาจแย่ไปกว่านี้ถ้าเซลล์ที่ยังทำงานได้เพราะแบตเตอรี่สำรองต้องล่มลงไปอีก

กูเกิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ (ชั่วคราว) ด้านการแสดงผลบริเวณจุดเสี่ยงต่อการเกิดพายุเฮอริเคน Sandy เข้าไปใน Crisis Map หรือแผนที่ที่แสดงถึงเขตประสบภัย โดยเจ้าแผนที่ที่ว่ามานั้นมีความสามารถหลัก ๆ เช่น การพยากรณ์ล่วงหน้าถึงบริเวณที่พายุนี้เคลื่อนตัวผ่านไป, แสดงจุดอพยพ หรือแม้แต่การแจ้งเตือนของประชาชนทั่วไปที่ส่งไปยัง Crisis Map ตัวนี้

สำหรับใครที่อยากทราบถึงข้อมูลข่าวสารด้านพายุนี้และทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บของ Google Crisis Map ได้เลยครับ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับข่าวที่กูเกิลม้วนเสื่องานแถลงข่าวในวันนี้หรือเปล่านะ

เกิดเป็นการปะทะคารมย่อยๆ ระหว่างรัฐบาลจีน กับเครือข่ายมือถือใหญ่ของจีนอย่าง China Mobile หลังจากเมืองปักกิ่งประสบกับฝนตกอย่างหนักจนเกิดน้ำท่วม จนมีผู้ร้องทุกข์ว่ากรมอุตุฯ น่าจะจัดการกับปัญหานี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะส่งข้อความเตือนประชาชนในเมืองปักกิ่งให้ทราบสถานการณ์ได้ ซึ่งแน่นอนว่าทางกรมอุตุฯ ตอบกลับมาว่าการจะส่งข้อความไปยังประชาชนกว่า 20 ล้านคนในทันทีมันแทบจะเป็นไปไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน เครือข่ายมือถืออย่าง China Mobile ได้แถลงการว่าหากฉุกเฉินจริงๆ การจะส่งข้อความแจ้งเหตุไปยังประชากว่า 30 ล้านคนไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และถ้าหากได้รับรองจากทางการแล้ว China Mobile สามารถส่งข้อความฉุกเฉินไปยังมือถือมากกว่า 25 ล้านเครื่องภายในเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น

ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์คกลายเป็นเครื่องมือแจ้งเตือนภัยชั้นเยี่ยม และยังคงพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีก โดย Twitter เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับประเทศญี่ปุ่น เพื่อรับมือกับภัยพิบัติโดยเฉพาะ

ฟีเจอร์ใหม่นี้มีชื่อว่า Lifeline ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติได้ง่ายขึ้น โดยสามารถหาว่าอยู่ในเขตประสบภัยหรือไม่ง่ายๆ ด้วยการค้นหาด้วยรหัสไปรษณีย์ และยังใช้หาข้อมูลสถานการณ์ต่างๆ แบ่งตามเวลาได้ละเอียดขึ้น และยังตั้งให้ส่งข้อความเตือนมายังอุปกรณ์ของเราได้อีกด้วย โดยข้อมูลเหล่านี้ Twitter ระบุว่าได้มาจากการร่วมมือกับรัฐบาล และการปกครองส่วนภูมิภาคของญี่ปุ่น

ตอนนี้ Lifeline ยังใช้ได้ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และมีแผนจะขยายเพิ่มในอนาคตครับ (เชื่อว่าชั่วโมงนี้คนไทยคงอยากได้กันบ้างแล้ว)

NOAA หรือ National Oceanic and Atmospheric Administration หน่วยงานด้านการพยากรณ์อากาศของสหรัฐ (เทียบได้กับกรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา) เริ่มโครงการเตือนภัยพิบัติผ่านโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า Wireless Emergency Alerts หรือ WEA

WEA จะแจ้งเตือนสภาพอากาศเลวร้าย เช่น เฮอริเคน ไต้ฝุ่น พายุฝุ่น-ทราย ลมแรง พายุหิมะ รวมถึงภัยพิบัติอื่นๆ อย่างทอร์นาโด น้ำท่วมฉับพลัน สึนามิ สารเคมีรั่ว และคำสั่งอพยพประชาชนทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ (ที่ประกาศโดยประธานาธิบดี) ผ่านข้อความสั้นไม่เกิน 90 ตัวอักษร