จับตลาด 4 กลุ่มดังนี้
nVidia ได้จ่ายเงินจำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเทคโนโลยีต่างๆ จาก Transmeta ซึ่งได้แก่เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับ CPU - LongRun และ LongRun 2 อีกทั้งเทคโนโลยีด้านการประมวลผลอื่นๆ ของ Transmeta ด้วย
ปัจจุบัน Transmeta นั้นเป็นบริษัทที่ค้นคว้าเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดพลังงานและขายเทคโนโลยีเหล่านั้นแก่บริษัทอื่นๆ Transmeta เคยออกผลิตภัณฑ์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำในชื่อ Crusoe และ Efficeon ซึ่งสามารถรันโปรแกรมบนสถาปัตยกรรม x86 ผ่านโปรแกรมที่ชื่อว่า code-morphing โดยชิปทั้งสองตัวใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Very Long Instruction Word (VLIW) ครับ
ได้ยินกันหนาหูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ สำหรับ Open Computing Language (OpenCL) ซึ่งตอนนี้ทาง Raja Koduri, CTO ของ ATI เดิม, ได้ออกมาบอกว่า AMD จะยกเลิกการพัฒนาแพลตฟอร์ม GPGPU เดิมของตนเองที่ชื่อ Close-to-Metal เพื่อไปทุ่มการพัฒนาสำหรับ DirectX 11 และ OpenCL แทน ซึ่งน่าจะกลายเป็นมาตรฐานในอนาคต คุณ Koduri ยังได้พูดถึงทิศทางของตลาดซอฟต์แวร์ที่มีหลายบริษัทกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถของ GPU อยู่ อย่างเช่น CyberLink, ImageScan, RapidMind, RougeWave, CAPS ซึ่งเขาคิดว่า การเปลี่ยนมาพัฒนาบน OpenCL นี่ น่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าเพราะใช้มาตรฐานเดียวกัน
AMD อัพเดตโร้ดแมพซีพียูใหม่สำหรับปี 2010 โดยเปิดตัวซ็อกเกตสำหรับซีพียูแบบ 8 คอร์ โค้ดเนม Sao Paolo และซีพียูแบบ 12 คอร์ โค้ดเนม Magny-Cours โดยซีพียูทั้งสองตัวจะเป็นซีพียูแบบ MCM (Multi-Chip Modules) ซึ่งเหมือนกันกับซีพียู Core 2 Quad ของอินเทลในปัจจุบัน โดย Sao Paolo นั้นจะใช้ die ของซีพียู Shanghai และ Magny-Cours นั้นจะใช้ die ของซีพียู 6 คอร์ Istunbul 2 ตัวเชื่อมต่อกัน
Tom's Hardware เคยทดสอบ Solid-state drive (ต่อไปจะเรียก SSD) โดยผลทดสอบเก่าระบุว่า SSD ไม่ประหยัดแบตเตอรี่ เพราะตอนที่ idle SSD กินไฟมากกว่าฮาร์ดดิสก์ ข่าวเก่า
Tom's Hardware ทดสอบฮาร์ดดิสก์ vs SSD อีกครั้ง เรื่องความประหยัดแบตเตอรี่ โดยเอา SSD รุ่นใหม่ขึ้นมาทดสอบ
ผลสรุปว่า SSD รุ่นใหม่อย่าง OCZ’s SATA II (อิงกับ SSD ของ Samsung) กินไฟน้อยกว่าในช่วง idle และประสิทธิภาพสูงกว่าฮาร์ดดิสก์อย่างชัดเจน
ที่มา - tomshardware.com
หลายๆท่านคงมีปัญหาในการเลือกชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างตัวเมนบอร์ดกับกราฟิกการ์ด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ชิปเซ็ตที่รองรับได้ (โดยเฉพาะการใช้งาน multi-GPU) แต่ตอนนี้คาดว่าปัญหานี้อาจหมดไปในอนาคตจากเทคโนโลยี Hydra ของบริษัท LucidLogix Technology ซึ่งตัว Hydra Engine นี้ จะทำหน้าเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างชิปเซ็ตใดๆ และกราฟิกการ์ดใดๆ (ไม่เกี่ยงยี่ห้อ) ให้สามารถทำงานร่วมกันได้
อาจารย์ผมเคยว่าไว้ว่า "มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่บริโภคทรัพยากรไม่จำกัด" หนึ่งในทรัพยากรนั้นคงเป็นพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ที่ดูเหมือนว่าเรากำลังก้าวเข้าไปสู่การใช้งานฮาร์ดดิสก์ระดับเทราไบต์กันเป็นเรื่องปรกติกันแล้ว เมื่อ Seagate ได้เปิดตัว Barracuda 7200.11 ฮาร์ดดิสก์ความจุ 1.5 เทราไบต์ ทำให้ทาง Seagate เป็นบริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุต่อลูกสูงที่สุดในโลกตอนนี้
ก่อนหน้านี้ขีดจำกัดของความจุฮาร์ดดิสก์อยู่ในระดับ 1 เทราไบต์ โดยคู่แข่งของ Seagate ทั้ง Hitachi และ Western Digital นั้นก็ล้วนมีฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกันทั้งสิ้น
ในช่วงที่กระแส SSD (solid state drive) กำลังเริ่มมาแรงอย่างตอนนี้ หนึ่งในคำโฆษณาของโน้ตบุ๊กที่ใช้ SSD คือประหยัดพลังงานกว่ารุ่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ เนื่องจาก SSD ไม่มีส่วนที่เคลื่อนไหวเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า
Tom's Hardware เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ชื่อดังได้ทำการทดสอบ SSD ในท้องตลาดหลายรุ่น และพบว่ามันไม่จริง SSD กลับเปลืองแบตเตอรี่มากกว่าฮาร์ดดิสก์ด้วยซ้ำ (ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลจะดีกว่าฮาร์ดดิสก์ก็ตาม)
NVIDIA ออกแถลงข่าวในวันนี้ยอมรับว่ามีสินค้าจำนวนมาก "อย่างมีนัยสำคัญ" ที่ส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วนั้น ทำงาน "ล้มเหลวบ่อยกว่าอัตราปรกติ" โดยขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าชิปตัวใดบ้างที่พบกับปัญหานี้ และอาการของมันคืออะไร แต่ในเบื้องต้นทาง NVIDIA ได้ส่งมอบไดร์เวอร์ตัวใหม่ที่จะทำให้พัดลมทำงานเร็วกว่าเดิมเพื่อช่วยลดอุณภูมิของเครื่องลงให้กับผู้ผลิตการ์ดแล้ว
NVIDIA เตรียมเงินสำหรับการแก้ปัญหานี้ตั้งแต่การซ่อมไปจนถึงการเปลี่ยนสินค้าใหม่เป็นเงิน 150 ถึง 200 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นของ NVIDIA ร่วงลงทันทีร้อยละ 24 ไปอยู่ที่ 13.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ถ้าใครใช้การ์ด NVIDIA อาจจะต้องตามข่าวนี้ดีๆ ครับ เผื่อจะได้การ์ดใหม่มาเล่น
ความสำเร็จของเราเตอร์ Linksys ในตระกูล WRT54G ทำให้วงการเฟิร์มแวร์โอเพนซอร์สคึกคักขึ้นมาก และเป็นต้นแบบให้ผู้ขายรายอื่นหันมาปฏิบัติตาม
ฝั่ง NETGEAR เลยวางขายเราเตอร์สำหรับ 802.11g ที่เจาะตลาดแฮ็กเกอร์หรือนักพัฒนาที่สนใจการแก้ไขเฟิร์มแวร์โดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า "Open Source WGR614L Wireless-G Router" ความพิเศษคือมีซีพียูและแรมที่มากกว่าปกติ เพื่อให้พัฒนาแอพพลิเคชันบนเราเตอร์ได้สะดวกมากขึ้น
(คุณซาจาลกำลังเลือกซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ และพบว่าโน้ตบุ๊กรุ่นต่าง ๆ ที่เขาสนใจนั้นล้วนรวมราคาวินโดวส์มาด้วยแล้ว คุณซาจาลรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกบังคับใช้จ่ายค่าไลเซนส์วินโดวส์ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้จะใช้ จึงเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ ตีพิมพ์ที่บล็อกของเขา ผมเห็นว่าน่าสนใจ และก็รู้สึกเช่นเดียวกันในตอนเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก จึงขออนุญาตแปลมาเป็นภาษาไทยให้เราอ่านกันครับ แล้วชาวบล็อกนันคิดอย่างไรกับประเด็นนี้ ?)
หลังจากนำกระแส Netbook จาก Eee PC คราวนี้ถึงเวลา ASUS แตกแบรนด์มารุกตลาด Nettop บ้าง ด้วยเครื่อง Eee Box พีซีตั้งโต๊ะขนาดเล็ก และประหยัดพลังงาน โดยมีสเปกดังนี้
มีให้เลือกสองสีคือขาวกับดำ ราคากับวันวางตลาดยังไม่ระบุ ส่วนหน้าตาของเครื่องกดเข้าไปดูได้ด้านใน ผมว่ามันเหมือนเอา Wii มาเอียงขึ้นอีกด้านนะ
ข้อดีหลักของ USB ในทุกวันนี้เราคงเห็นว่าอุปกรณ์แทบทุกตัวทำงานร่วมกับพอร์ต USB ได้แบบครอบจักรวาล การที่ USB 3.0 จะเร่งความเร็วขึ้นไปถึงสิบเท่าตัวเป็น 5 กิกะบิตต่อวินาทีนั้นหลายๆ คงก็อาจจะคาดว่ามันจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้เหมือนเดิม
แต่ปัญหาอาจจะกำลังเกิดขึ้นเมื่อทาง C|Net ได้รายงานข่าวว่ามีแหล่งข่าวภายใน AMD และ NVIDIA ออกมาระบุว่าอินเทลกำลังพยายามถ่วงเวลาที่จะปล่อยสเปคของ USB 3.0 ของทางอินเทลออกมา ซึ่งจะสุดท้ายแล้วจะสร้างความได้เปรียบให้กับอินเทลที่จะมีอุปกรณ์มาวางขายล่วงหน้าคู่แข่งอยู่หลายเดือน และสุดท้ายแล้วอาจจะเป็นการบีบให้ทาง AMD และ NVIDIA ต้องพัฒนามาตรฐานของตัวเองมาใช้กันเอง
ปัญหานี้ยังไม่มีการแถลงการอย่างเป็นทางการจากทุกบริษัททั้ง AMD, อินเทล, และ NVIDIA
AMD ออกสเปกพีซีมาตรฐานสำหรับเกมเมอร์ ภายใต้แบรนด์ "AMD Game!" กับ "AMD Game! Ultra" โดยมีผู้ผลิตพีซีอย่าง Acer และ Alienware รวมถึงผู้ผลิตพีซีสำหรับตลาดเกมเมอร์โดยเฉพาะเข้าร่วมโครงการ
ตรา "AMD Game!" นี้จะคล้ายๆ กับสัญลักษณ์ Vista Ready ของไมโครซอฟท์หรือแบรนด์ Centrino ของอินเทล คือใช้ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ตามมาตรฐานที่ AMD กำหนด เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อพีซีสำหรับเล่นเกม ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (ถ้าลูกค้าเชื่อในแบรนด์ AMD Game! เหมือนกับ Centrino)
สเปกขั้นต่ำของทั้งสองระดับมีดังนี้
เมื่อ 40 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คนเข้าใจว่าวงจรไฟฟ้าธรรมดานั้นสามารถจดจำข้อมูลได้แม้จะไม่มีไฟฟ้าเลี้ยง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ของ HP ได้ออกมาแถลงว่าการพัฒนาวงจรไฟฟ้าชนิดใหม่นั้นสำเร็จแล้ว ซึ่งมีผลทำให้คอมพิวเตอร์ไม่ต้องบูตอีกต่อไป
โดยวงจรไฟฟ้าชนิดใหม่ในนาม Memristor ที่มาจาก Memory Resistor นั้นได้นำทฤษฎีวงจรไฟฟ้าที่สามารถจดจำข้อมูลได้โดยไม่มีไฟเลี้ยงของ Leon Chua แห่ง University of California-Berkeley จนในที่สุดสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าสามารถใช้งานได้จริง
แม้ช่วงนี้ทาง Seagate จะมีปัญหากับผู้ผลิต Solid State Disk (SSD) อยู่หลายคดี แต่ข่าวด้านดีๆ ก็ยังมีออกมาให้ชื่นใจเมื่อทางบริษัทประกาศตัวเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ส่งมอบฮาร์ดดิสก์ได้ครบหนึ่งพันล้านตัว รวมเป็นความจุประมาณ 79 ล้านเทราไบต์ นับแต่ส่งมอบฮาร์ดดิสก์ตัวแรกของบริษัทเมื่อ 29 ปีที่แล้ว
ฮาร์ดดิสก์ตัวแรกของ Seagate นั้นคือ ST506 ที่มีความจุ 5 เมกกะไบต์ น้ำหนักรวม 2.2 กิโลกรัม และมีราคา 1,500 ดอลลาร์ เทียบกับทุกวันนี้ที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 500 กิกะไบต์มีราคาประมาณสามพันบาทหรือหนึ่งร้อยดอลลาร์เท่านั้น
ผมจำได้ว่าฮาร์ดดิสก์ตัวแรกในบ้านผมนั้นขนาด 10 เมกกะไบต์ และไม่เคยเต็มตลอดอายุการใช้งานของมัน มองเครื่องตัวเองตอนนี้ 250 กิกะไบต์เพิ่งเต็มไป ได้เวลาซื้อเพิ่มอีกตัว
ก่อนหน้านี้ทาง ATI ได้เปิดเผยสเปกของฮาร์ดแวร์ เพื่อให้สร้างไดรเวอร์โอเพนซอร์สได้ง่ายขึ้นไปแล้ว ([ข่าวเก่า](ATI ก้าวเข้าสู่โอเพนซอร์สชัดเจน ปล่อยเอกสารสเปคแล้ว)) ตอนนี้ถึงคิวของ VIA บ้าง
VIA ได้ประกาศในงาน Linux Foundation Collaboration Summit ว่าในขั้นแรกจะเปิดเว็บไซต์ใหม่คือ http://linux.via.com.tw (ตอนที่เขียนนี้เว็บยังไม่ขึ้นนะครับ) ซึ่งจะมีเอกสาร ไดรเวอร์ และซอร์สโค้ดของชิปเซ็ต VIA จำนวนหนึ่ง ได้แก่ CN700, CX700/M, CN896 และ VX800 ให้สาธารณชนได้ดาวน์โหลด ส่วนขั้นต่อไป VIA จะทำงานร่วมกับชุมชนนักพัฒนาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างไดรเวอร์โอเพนซอร์สที่สนับสนุน 3 มิติและการเล่นวิดีโออย่างเต็มที่
หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายต่อหลายรอบ AMD K10 (Barcelona) ก็เปิดตัวแล้วในวันนี้ และกำลังจะส่งมอบในเดือนหน้า และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราคงได้เห็นทั้ง เอชพี, เดลล์, และไอบีเอ็ม เตรียมส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิปตัวนี้กัน
ที่น่าสนใจคือเอชพีนั้นเปิดตัว ProLiant DL785 มาพร้อมๆ กับชิปตัวนี้ โดยความสามารถสูงสุดคือ 8 ซีพียู (32 คอร์) พร้อมกับหน่วยความจำ 256 กิกะไบต์ และรองรับ 512 กิกะไบต์ เมื่อใช้แรมแบบ 8 กิกะไบต์ต่อแถว
การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นหลังอินเทลเพิ่งเปิดตัวชิป Dunnington ไปไม่นานนัก ในเรื่องนี้ทางผู้บริหารเอเอ็มดีก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทเชื่อว่าชิป Barcelona นี้แข่งขันกับชิปตระกูลใหม่ของอินเทลได้อย่างแน่นอน
หลังการรวมตัวกับ Gateway และ Packard Bell มาได้ แบรนด์เอเชียอย่างเอเซอร์ก็สามารถขึ้นแท่นที่สองของตลาดโน้ตบุ๊กโลกได้ในที่สุด ด้วยยอดการส่งมอบโน้ตบุ๊กในไตรมาสสี่ปี 2007 ที่ 5.25 ล้านชุด ตามหลังที่หนึ่งอย่างเอชพีที่ส่งมอบได้ 6.66 ล้านชุด และดันเอาเดลล์ซึ่งส่งมอบได้ 4.64 ล้านชุดไปอยู่ลำดับสาม
ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในไตรมาสสี่ปี 2007 นั้นมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 33.09 ล้านชุด โตขึ้นจากปี 2006 ขึ้นมาถึงร้อยละ 41 ที่น่าสนใจคือมีแบรนด์หลักๆ ที่เติบโตทันตลาดรวมคือ เอชพีและ Asus เท่านั้น ส่วนอันดับที่เติบโตน้อยที่สุดคือโตชิบาที่เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 24 และฟูจิซึ-ซีเมนส์ที่โตขึ้นมาร้อยละ 30
ที่มา - Digitimes System
บริษัท MetaRAM ได้เปิดตัวสินค้าชิ้นแรกของบริษัทคือ MetaSDRAM ชิปเซ็ตซึ่งจะเพิ่มความจุของแรมที่รองรับได้ในซ็อกเก็ต R-DIMM ทำให้แรมหนึ่งแถวสามารถรองรับความจุได้ถึง 16 กิกะไบต์ โดยยังสามารถใส่กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ R-DIMM ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเครื่องแต่อย่างใด
ทาง MetaRAM อ้างว่ามีคู่ค้าบางรายเตรียมตัววางตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของทาง MetaRAM ทำให้จะมีเซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมกับแรม 256 กิกะไบต์ (พิมพ์ไม่ผิดนะครับ กิกะไบต์) วางตลาดในราคาประมาณ 50,000 ดอลลาร์หรือประมาณหนึ่งล้านห้าแสนบาทเท่านั้น และเทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสให้เซิร์ฟเวอร์อาจจะมาพร้อมกับแรมได้มากถึง 500 กิกะไบต์ได้ในราคาที่สูงขึ้นตามลำดับ
จากข่าวเก่า NVIDIA เข้าซื้อ AGEIA รวบเทคโนโลยีชิปฟิสิกส์ PhysX ตอนนี้มีความคืบหน้าแล้ว โดย Jen-Hsun Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาให้ข้อมูลว่าบริษัทกำลังพอร์ต PhysX ไปบน Compute Unified Device Architecture (CUDA) ซึ่งเป็น API ภาษาซีของ GPU ของ Nvidia อยู่ และข่าวดีก็คือ GeForce 8 ทุกตัวสนับสนุน CUDA
ดังนั้นเจ้าของ GeForce 8 ทุกคนจะสามารถดาวน์โหลดเอนจิน PhysX (ซึ่งทำงานบน GPU ของ Nvidia) ผ่านซอฟต์แวร์อัพเดตได้ Jen-Hsun Huang ยังกล่าวเสริมด้วยว่าความสามารถนี้อาจช่วยกระตุ้นให้คนซื้อการ์ดจออันที่สองมาต่อ SLI โดยใช้เป็นการ์ดประมวลผลฟิสิกส์กันมากขึ้น
เกิดไฟไหม้ขึ้นที่โรงงงานผลิตจอ LCD ของทางบริษัท Lite-On Technology ส่งผลให้สายการผลิตจอ LCD ต้องหยุดการทำงานถึง 14 สายการผลิต รวมถึงความเสียหายต่ออุปกรณ์ในสายการผลิต โครงสร้างอาคาร และสินค้าในสต็อกจำนวนหนึ่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นสูงกว่าสองพันล้านบาท
ลูกค้าหลักของโรงงานแห่งนี้ได้แก่ เดลล์, เอชพี, และ เลอโนโว อาจจะทำให้ผู้ผลิตทั้งสามต้องเผชิญกับภาวะจอภาพขาดตลาด โดยทาง Lite-On เป็นผู้ป้อนจอ LCD ให้กับทาง เอชพีเป็นสัดส่วนร้อยละ 22 ของจอภาพที่ทางเอชพีวางจำหน่าย ส่วนทางเดลล์ และเลอโนโวนั้นสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 20 และ 19 ตามลำดับ
ตลาดชิปประหยัดพลังงานกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการใช้งานของอุปกรณ์เช่น เครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์มือถือ ล่าสุดทางบริษัท Texas Instrument ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย MIT ผลิตชิปต้นแบบที่อาศัยสถาปัตยกรรมของ MSP430 ที่ใช้อยู่เป็นวงกว้าง มาผลิตชิปที่ทำงานที่ไฟเลี้ยงเพียง 0.3 โวลต์เท่านั้น
การลดระดับความต่างศักย์ของไฟเลี้ยงช่วยให้ชิปต้นแบบนี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก แต่กระบวนการผลิตชิปที่ทำงานที่ความต่างศักย์ต่ำขนาดนี้ก็ต้องการความแม่นยำที่สูงมาก จนอาจจะยังคงอีกนานกว่าเทคโนโลยีในการผลิตจะสูงพอที่เราจะได้เห็นชิปแบบนี้ในตลาด
แม้เรายังไม่ค่อยได้เห็นเทคโนโลยีชิปฟิสิกส์ในเกมทั่วๆ ไปมากนัก แต่วันนี้ทาง NVIDIA ก็ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัท AGEIA ผู้ผลิตชิป PhysX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาการคำนวณผลทางฟิสิกส์ในเวลาจริง
แพลตฟอร์ม PhysX นั้นสร้างขึ้นมาโดยมุ่งหวังตลาดเกมเป็นหลัก แม้ในตอนนี้จะมีเกมไม่มากนักที่รองรับระบบนี้ แต่แนวโน้มในอนาคตการแยกการทำงานของส่วนฟิสิกส์ไปในชิปเฉพาะทางก็มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยคาดกันกว่าน่าจะไปอยู่ในรูปแบบของการรวมตัวเข้ากับชิปกราฟิก ซึ่งหากทาง NVIDIA ได้เทคโนโลยีในส่วนนี้ไป เราอาจจะได้เห็นชิปที่รวมความสามารถทั้งกราฟิกและฟิสิกส์ไว้ในตัวเดียวกัน
แม้ทางฝั่งซีพียูจะออกอาการเป๋ไปเยอะ แต่ข่าวล่าก็น่าจะทำให้แฟนๆ เอเอ็มดีใจชื้นไปได้เยอะ เมื่อตัวเลขการส่งมอบชิปกราฟิกสำหรับโน้ตบุ๊กของเอเอ็มดีนั้นอยู่ที่ร้อยละ 55 ถึง 60 ของตลาดรวมในไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยมีหัวหอกในการบุกตลาดคือชิป M82 และ M86
ก่อนหน้านี้ตัวเลขของชิป ATI นั้นยอดขายตกต่ำไปอยู่ที่ร้อยละ 20 ถึง 30 เท่านั้น เนื่องจากความกังวลจากการเข้าซื้อของทางเอเอ็มดี ที่อาจจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับอินเทล และในตอนนั้นเองทาง ATI ยังมีปัญหาในการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ อยู่
หวังว่าการเปิดสเปคชิปทั้งหมดให้โลกโอเพนซอร์สเข้าถึงได้จะมาพร้อมๆ กับตัวเลขยอดขายที่มากขึ้นไปด้วย
ที่มา - DigiTimes