เว็บไซต์หางานด้านไอทีชื่อดัง Dice.com เผยสถิติด้านแรงงานเทคโนโลยีระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2014 (เน้นตลาดแรงงานในสหรัฐ) ว่าอัตราว่างงานของอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในสหรัฐถือว่าต่ำมาก (2.8%) ลดลงจากอัตราว่างงาน 5.5% ในไตรมาสแรกของปี 2010 มาก แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมไอทียังมีความต้องการแรงงานอีกเยอะ
ส่วนทักษะอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังเป็น Java/J2EE ที่ตัวเทคโนโลยีหลักถึงแม้จะเก่าประมาณ 20 ปีแล้ว แต่ก็มีแอพพลิเคชันสาย Java เกิดใหม่ขึ้นหลายตัวในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ Hadoop
ทักษะอันดับสองคือ .NET ตามด้วย C++, C#, Senior (นักพัฒนาที่มีประสบการณ์), SQL, HTML, C, เว็บ, ลินุกซ์ ตามลำดับ
หลังจาก Java 8 เปิดตัวไม่นาน ค่าย Eclipse ก็ประกาศรองรับ Java 8 แล้ว
Eclipse เวอร์ชันที่รองรับคือ 4.3.2 (Kepler SR2) โดยมันจะถูกแพตช์เพิ่มเติมให้ใช้งานกับ Java 8 ได้อย่างเต็มที่ สำหรับคนที่มี Eclipse 4.3.2 อยู่แล้วก็ไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ทั้งตัว แต่ดาวน์โหลดแพ็กเกจ Java 8 เพิ่มเติมได้เอง
Eclipse จะรองรับ Java 8 อย่างเต็มรูปแบบในเวอร์ชันหน้า (Eclipse Luna) ที่จะออกเดือนมิถุนายน 2014
ก่อนหน้านี้ NetBeans 8.0 รองรับ Java 8 แล้วเช่นกัน
หลังจากออราเคิลออก Java SE 8 ตัวจริง ก็ถึงคิวของ IDE คู่บารมีอย่าง NetBeans ที่ออกเวอร์ชัน 8.0 ตามมา
ของใหม่ที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นการรองรับ Java 8 ยกชุด ทั้ง Java SE 8, Java SE Embedded 8, Java ME Embedded 8 ส่วนฝั่งของ Java EE ก็รองรับ PrimeFaces, Tomcat 8.0, TomEE
ฟีเจอร์อย่างอื่นคือการทำงานร่วมกับ Apache Maven, AngularJS, Apache Cordova 3.3+, PHP 5.5 และปรับปรุง UI ส่วนของการจัดการหน้าต่างและตัว editor
รายละเอียดของฟีเจอร์อ่านได้จาก NetBeans Wiki
หลังจากที่เป็น Release Candidate มากว่าเดือน ล่าสุด Oracle ก็ได้ฤกษ์ปล่อยตัว Java SE 8 ที่รอกันมานานแสนนานเสียที ในวันที่ 18 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ นั้นอ่านได้ในข่าวเก่าหรือเว็บไซต์ของ Oracleครับ
ที่มา: Oracle
Typesafe บริษัทผู้สร้างภาษา Scala ออกรายงานสำรวจนักพัฒนาจาวาจำนวน 2,800 คน ถึงความคิดเห็นต่อจาวารุ่น 8 พบว่านักพัฒนาส่วนมากถึง 65% มีแผนที่จะอัพเกรดแอพพลิเคชั่นไปใช้งานเวอร์ชั่น 8
นักพัฒนาที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าเวอร์ชั่นที่ใช้งาน 73% ใช้ ๋Java 7 ที่เป็นเวอร์ชั่นซัพพอร์ตหลัก ขณะที่อันดับสองคือ Java 6 ที่หมดอายุซัพพอร์ตไปแล้ว 22% (ตอนนี้อยู่ในช่วง Extended Support สำหรับลูกค้าออราเคิลเท่านั้น) อีก 3% ใช้ Java 8 ที่ยังไม่ออกเวอร์ชั่นจริง
สำหรับแผนการอัพเกรดนั้น 47% ของผู้ใช้ Java 6 ระบุว่าจะจะอัพเกรดไป Java 7 ขณะที่อีก 44% ระบุว่าจะข้ามไป Java 8 เลย มี 8% เท่านั้นที่บอกว่าจะอยู่กับ Java 6 ต่อไป และอีก 1% ระบุว่าจะรอ Java 9
เมื่อต้นปีที่แล้ว ออราเคิลประกาศเลื่อน Java 8 มาเป็นเดือนมีนาคม 2014
วันนี้เข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2014 สถานะของ Java 8 ก็ใกล้รุ่นจริงเข้ามาทุกที โดยออราเคิลเพิ่งออก Java 8 Release Candidate ตัวแรก (RC1) มาให้ทดสอบกันแล้ว
นโยบายของออราเคิลคือจะออก Java Development Kit 8 (JDK8) ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ถ้าไม่เจอบั๊กร้ายแรง ส่วนบั๊กย่อยอื่นๆ จะปล่อยผ่านและไปแก้ไขในรุ่น point release ต่อไปภายหลัง
ฟีเจอร์ใหม่ของ Java 8 อ่านได้ในข่าวเก่า
ที่มา - Phoronix
Cisco ออกรายงานสรุปสถานการณ์ความปลอดภัยประจำปี 2013 โดยอ้างอิงสถิติจากผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยของบริษัทที่ทำงานอยู่ทั่วโลก
เว็บไซต์ InfoWorld สรุปภาพรวมของตลาดการพัฒนาซอฟต์แวร์ในปี 2013 ไว้หลายข้อดังนี้
คดีสิทธิบัตรจาวาที่น่าจะเป็นคดีสำคัญที่สุดในบรรดาสิทธิบัตรแอนดรอยด์ ที่จบคดีในปีที่แล้ว ออราเคิลแพ้คดีสิทธิบัตรแทบทั้งหมด และชนะคดีชุดทดสอบเพียง 9 บรรทัด แต่ยังมีคดีหนึ่งที่ตัดสินไม่เด็ดขาด คือ ลิขสิทธิ์ของ API ที่ลูกขุนไม่สามารถตัดสินอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ผู้พิพากษา Alsup ต้องตัดสินเอง และจบคดีด้วยการยกฟ้องไปเพราะ Alsup ระบุว่า API นั้นไม่มีลิขสิทธิ์
ออราเคิลประกาศว่าจะอุทธรณ์ประเด็นนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาการสอบพยานใหม่
นักข่าวที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีระบุว่ากูเกิลอาจจะตกที่นั่งลำบากเพราะองค์คณะผู้พิพากษาทั้งสามคนมีแนวโน้มจะเห็นด้วยกับออราเคิล
แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ GlassFish กำลังจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของซัน (เดิม) อีกหนึ่งตัวที่ถูกออราเคิลทอดทิ้ง โดยออราเคิลจะหยุดทำ GlassFish เวอร์ชันสำหรับองค์กร (GlassFish JEE 7 Server) และขอให้ลูกค้าย้ายไปใช้แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์อีกตัวหนึ่งของออราเคิลคือ WebLogic แทน
ส่วน GlassFish เวอร์ชันโอเพนซอร์สจะยังพัฒนาต่อไป โดย GlassFish Server Open Source Edition 4.1 มีกำหนดออกในปี 2014 และจะตามด้วย GlassFish 5.0 สำหรับ Java EE 8 ในอนาคต
ที่มา - ZDNet
โครงการคอมไพเลอร์โอเพนซอร์ส GCC กำลังหารือกันว่าจะปิดการทำงานของคอมไพเลอร์ภาษา Java (GCJ) เนื่องจากไม่ค่อยได้พัฒนาแล้วในช่วงหลัง (เหตุเพราะงานพัฒนาสาย Java ย้ายไปอยู่ในโครงการ OpenJDK แทน)
ตามแผนของ GCC จะไม่ทิ้งคอมไพเลอร์ภาษา Java แต่จะปิดการทำงานมาเป็นดีฟอลต์แทน (รวมถึงไม่คอมไพล์ GCJ ในขั้นตอนของการคอมไพล์ GCC ทั้งชุดด้วย) และปรับสถานะของคอมไพเลอร์ Java เป็น maintenance mode ไม่ใช่ active development
ในโอกาสเดียวกัน ทางโครงการ GCC ยังหารือว่าจะยกระดับของคอมไพเลอร์ภาษาใดมาเป็นเปิดใช้โดยดีฟอลต์แทน ข้อเสนอมีทั้งภาษา Go และ ADA ครับ
ที่มา - Phoronix
กระบวนการชุมชนของจาวาใน Java Community Process นั้นประกอบไปด้วยออราเคิลเองซึ่งมีตำแหน่งถาวร ตัวแทนของบริษัทที่มีบทบาทสูงและได้รับการแต่งตั้งเช่น อินเทล, เรดแฮต, ไอบีเอ็ม, และเอริคสัน และตัวแทนบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้ง หมุนเวียนเข้ามาเป็นระยะ ในปีนี้มีสองบริษัทที่เข้ามาเป็นผู้บริหารในกระบวนการนี้ ได้แก่ ทวิตเตอร์ และ ARM
ทวิตเตอร์ได้รับเลือกให้เข้ามารับตำแหน่งเป็นเวลาสองปี และ ARM เข้ามาหนึ่งปี
ทวิตเตอร์นั้นเพิ่งเปลี่ยนไปใช้งานจาวาแทน Ruby on Rails เมื่อไม่นานมานี้ และกลายเป็นเว็บขนาดใหญ่ชื่อดังที่ใช้จาวาเป็นแกน ส่วน ARM นั้นกำลังรุกเข้าตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มตัวในปีหน้า ก็จะมีผลประโยชน์ที่ต้องการให้จาวารันบนซีพียูของตัวเองได้ดีขึ้น
เทคโนโลยี JavaFX ช่วงหลังๆ เงียบหายไปจากข่าว แต่ที่งาน JavaOne ของออราเคิลก็ยังมีการแสดงเทคโนโลยี JavaFX บน Raspbian โดยใช้ฮาร์ดแวร์เป็น Raspberry Pi ประกอบกับแบตเตอรี่, เซ็นเซอร์, จอ, และเคส ขึ้นมาเป็นแท็บเล็ตที่ชื่อว่า DukePad
ตัวซอฟต์แวร์แบ่งแต่ละแอพพลิเคชั่นเป็น JavaFX OSGi ทำงานอยู่บนเฟรมเวิร์ค Eclipse Equinox ข้อจำกัดสำคัญของซอฟต์แวร์คือมันต้องการหน่วยความจำกราฟิกค่อนข้างมาก ออราเคิลแนะนำว่าผู้ที่ต้องการทดลองให้แบ่งแรมไว้สำหรับกราฟิก 256MB หรือครึ่งหนึ่งของเครื่อง
ตัวซอฟต์แวร์ให้ดาวน์โหลดมาเล่นได้ฟรี ส่วนฮาร์ดแวร์มีต้นทุนรวม 367 ดอลลาร์
ทิศทางของโลกซอฟต์แวร์องค์กรในรอบ 2-3 ปีหลังนี้ชัดเจนมากว่า ซอฟต์แวร์องค์กรชื่อดังๆ เริ่มออกเวอร์ชันใช้งานบนกลุ่มเมฆ เพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการใช้งานแบบติดตั้งในองค์กร (on premise) ลักษณะเดิม
ค่าย Oracle เริ่มผลักดันยุทธศาสตร์กลุ่มเมฆของตัวเองในชื่อแบรนด์ Oracle Cloud ตั้งแต่ปีที่แล้ว (เจาะยุทธศาสตร์ Oracle Cloud) และปีนี้ก็ประกาศบริการเพิ่มอีก 10 ตัว
บริการทั้ง 10 ตัวแบ่งกลุ่มได้เป็นบริการประมวลผลลักษณะเดียวกับ Amazon Web Services, ฐานข้อมูลบนกลุ่มเมฆ, WebLogic บนกลุ่มเมฆ และบริการแอพพลิเคชัน ERP ต่างๆ ที่รันบนกลุ่มเมฆ
ออราเคิลประกาศในวันนี้ ยืนยันว่ากระบวนการพัฒนา Java 8 ยังคงทำได้ตามกำหนด และจะเปิดตัวเวอร์ชั่น SE ในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยสถานะการพัฒนาตอนนี้ จะเป็นช่วงให้นักพัฒนาทดลองใช้งาน (Developer Preview) หลังจาก JDK 8 รุ่นแรกที่ฟีเจอร์ครบตรมเสปคนั้นออกมาได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
Java 8 จะมีฟีเจอร์ใหม่เข้ามาอีกหลายอย่าง ที่สำคัญได้แก่
ปัญหาความปลอดภัยของ Java เกิดจากเหตุผลหนึ่งคือแอพหรือแอพเพล็ตเขียนขึ้นสำหรับ Java เวอร์ชันเก่าที่เลิกสนับสนุนไปแล้ว (ข่าวเก่า) แต่หน่วยงานก็ไม่ยินดีจะปรับแก้แอพเพื่อรับ Java เวอร์ชันใหม่ๆ ด้วยเหตุผลด้านการลงทุนหรือบุคคลากร
Oracle พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีการอื่นๆ แทน โดย Java 7 update 40 รุ่นล่าสุดที่เพิ่งออก ได้เพิ่มฟีเจอร์ Deployment Rule Set เพื่อให้แอดมินของเครื่องนั้นๆ สามารถกำหนดได้ว่าแอพหรือแอพเพล็ตตัวไหน สามารถรันเฉพาะบน JRE เวอร์ชันไหน เช่น แอพเก่าบางตัวรันบน Java 6 เท่านั้น ส่วนแอพที่ไม่ระบุให้รันบน Java 7 เป็นค่าตั้งต้น
Christopher Budd ผู้บริหารของบริษัทความปลอดภัย Trend Micro เปิดเผยข้อมูลผ่านบล็อกของบริษัทว่า ลูกค้าองค์กรที่ใช้งาน Java 6 (ที่ออราเคิลหยุดสนับสนุนไปแล้ว) กำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากบรรดาแฮ็กเกอร์มากขึ้น
Budd บอกว่าแฮ็กเกอร์ใช้วิธีนำแพตช์ของ Java 7 (ที่ออราเคิลยังสนับสนุนอยู่) มาแกะหรือ reverse engineering เพื่อดูว่ามีช่องโหว่อะไรบ้าง จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้ไปเจาะกับ Java 6 (ที่มีช่องโหว่ลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ถูกอุด) ซึ่งตอนนี้มีการโจมตีลักษณะนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว
สถาปัตยกรรมซีพียู ARMv8 แบบ 64 บิตกำลังใกล้เป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ และลูกค้าหลักของซีพียูกลุ่มนี้ย่อมหนีไม่พ้นตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรประหยัดพลังงาน (micro server) ซึ่งก็ใกล้เคียงกับกลุ่มลูกค้าสาย Java เดิม
ออราเคิลในฐานะเจ้าของ Java จึงเป็นเสือปืนไว ประกาศปรับปรุงประสิทธิภาพของ Java SE ให้ทำงานกับสถาปัตยกรรม ARM มากขึ้น (ทั้งรุ่น 32 และ 64 บิต)
ตามข้อตกลงนี้ ออราเคิลกับ ARM จะร่วมกันปรับปรุง Java ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความเข้ากันได้ของไลบรารีต่างๆ โดยเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มองค์กรและตลาดฝังตัวเป็นหลัก
ที่มา - ARM
นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท Security Explorations ค้นพบช่องโหว่ใหม่ของ Java 7 (มีผลกระทบกับ Java SE 7 Update 25 ซึ่งเป็นตัวล่าสุดด้วย)
ปัญหาอยู่ที่ส่วนของ Reflection API ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Java 7 แต่กลับเป็นต้นเหตุของรูโหว่ใน Java เป็นจำนวนมาก ช่องโหว่นี้เป็นเรื่องของ data type ที่ต่างกันระหว่าง integer/pointer ซึ่ง Security Explorations บอกว่าเปิดให้ถูกโจมตีแบบง่ายๆ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในยุคนี้
Security Explorations จึงตั้งคำถามกับกระบวนการด้านตรวจสอบความปลอดภัยของออราเคิลว่ามีประสิทธิภาพมากเพียงใด เพราะปัญหารูโหว่ใน Java ช่วงหลังมาจากโค้ดใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันหลังๆ นั่นเอง
เมื่อนักพัฒนาซอฟท์แวร์หนุ่มนามว่า Anthony Goubard รู้สึกไม่ถูกชะตากับชุดโปรแกรมออฟฟิศในตลาดอย่าง Microsoft Office, Libre Office หรือ Google Docs สิ่งที่เขาทำก็คือ ทำมันขึ้นมาเองเสียเลย
Joeffice เป็นชุดโปรแกรมออฟฟิศที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เวลาเพียง 1 เดือนบนแพลตฟอร์ม Java และใช้ไลบราลี Apache POI ในการเปิดไฟล์ของ Microsoft Office ซึ่งคุณ Goubard นั้นได้โพสต์วิดีโอรายวันระหว่างการพัฒนาชุดโปรแกรมนี้บน Google+ Profile ของเขาด้วย
ปัญหาความปลอดภัยของ Java Applet เป็นปัญหาต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ล่าสุดช่องโหว่ถูกปรับแต่งมาใช้เพื่อโจมตีคนไทยโดยเฉพาะ Ask Blognone ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านมาช่วยกันให้ข้อมูล ว่ายังมีบริการใดสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าฟรี, เสียเงิน, ต้องสมัครสมาชิก ฯลฯ (ไม่นับบริการภายในองค์กรที่ให้เฉพาะพนักงานใช้งาน) ที่ยังให้ผู้ใช้ต้องติดตั้ง Java เพื่อรัน Java Applet อยู่บ้าง
ข้อมูลที่ควรมี
เมื่อวันที่ 12-13 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักข่าวในประเทศไทยหลายแห่ง ได้ถูกเจาะระบบเพื่อฝังโทรจันที่โจมตีผ่านช่องโหว่ของ Java
โทรจันตัวนี้จะไปแก้ไขหน้าเว็บไซต์ของธนาคารออนไลน์ในประเทศไทย ให้แสดงลิงก์สำหรับใส่เบอร์มือถือเพื่อรับ SMS ดาวน์โหลดโปรแกรม AVG AntiVirus Mobile Pro สำหรับติดตั้งใน Android โดยโปรแกรมดังกล่าวเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสปลอม จุดประสงค์เพื่อขโมย SMS OTP จากธนาคาร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของโทรจัน รวมถึงวิธีการตรวจสอบและแก้ไข สามารถอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา: ThaiCERT
ปัญหาความปลอดภัยของ Java ในรอบปีสองปีที่ผ่านมาสร้างชื่อเสียงทางลบอย่างมาก จนออราเคิลต้องออกมาประกาศนโยบายด้านความปลอดภัยใหม่ของ Java ชุดใหญ่ ดังนี้
Oracle ออกมาประกาศว่า Java 8 ที่มีกำหนดออกเดือนกันยายนนี้ จะถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2014 (กำหนดเวลายังไม่ชัดเจน แต่น่าจะเป็นไตรมาสแรกของปี 2014)
เหตุผลที่เลื่อนเป็นเพราะปัญหาด้านความปลอดภัยของ Java ที่รุมเร้าอยู่ในตอนนี้ ทำให้ทีมงานต้องการเวลาเพิ่มเติมในการปรับปรุงกระบวนการพัฒนา Java ให้ปลอดภัยกว่าเดิม
ออราเคิลออก Java 7u21 และ Java 6u45 บนแพลตฟอร์มอื่นๆ ไปแล้ว ทางฝั่งแอปเปิลที่ออก Java 6 เวอร์ชันของตัวเองบน OS X ก็อัพเดตตามเรียบร้อย (สำหรับผู้ที่ใช้ Java 7 ต้องอัพผ่านระบบของออราเคิลกันเองเหมือนระบบปฏิบัติการอื่นๆ)
อัพเดตของแอปเปิลตัวนี้ใช้ชื่อว่า Java for OS X 2013-003 (สำหรับ Lion ขึ้นไป) หรือ Java for Mac OS X 10.6 Update 15 (สำหรับ Snow Leopard) ผู้ใช้แมคที่ยังใช้ Java 6 ก็อัพเดตกันได้ผ่าน Software Update เพื่อความปลอดภัยครับ
ในโอกาสเดียวกัน แอปเปิลยังออก Safari 6.0.4 (Lion ขึ้นไป) และ Safari 5.1.9 (Snow Leopard) ซึ่งเพิ่มตัวเลือกการปิด Java เป็นรายเว็บไซต์ด้วย