ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา วงการ NFT ค่อนข้างเป็นที่คึกคัก ได้รับความสนใจทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยเฉพาะการถูกนำมาเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายผลงานศิลปะ ให้ศิลปินมีช่องทางการขายและสร้างชื่อเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่นักสะสมก็สามารถแสดงเป็นเจ้าของผลงานศิลปะนั้นได้จริงๆ
แต่หากกลับมามองในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ทั้งศิลปินและนักสะสม ยังต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็อาจมีอุปสรรคและปัญหาในหลายๆ ส่วน ไม่รวมวงการศิลปะเองที่กำลังเผชิญปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ ผลงานถูกขโมยและนำไปวางขายในแพลตฟอร์มต่างประเทศ ยากแก่การดำเนินเรื่อง ขณะที่แพลตฟอร์มเองก็ยากที่จะพิสูจน์ว่าผลงานดังกล่าวเป็นของผู้ที่วางขายจริงหรือไม่
ในงาน “THE METAMORPHOSIS" Regional Business Townhall & Press Conference 2021 งานทาวน์ฮอลล์ระดับภูมิภาคของธนาคารกสิกรไทยปีนี้ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG (Group Chairman – KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP) บรรยายถึงความสำคัญและความก้าวหน้าของการตั้งบริษัท KTECH ที่ก่อตั้งบริษัทและมีความก้าวหน้าต่อเนื่องแม้จะเป็นช่วงวิกฤติ COVID-19 ก็ตามที และเตรียมเปิด KBTG ในเวียดนามต่อไป
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย แถลงความคืบหน้าของการขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม โดยใช้แนวทางการมีสาขาจำนวนไม่มาก แต่ช่องทางดิจิทัลให้บริการลูกค้าแทน ด้วยแอพ K PLUS ที่พัฒนาโดย KBTG และคนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว
นายภัทรพงศ์ ยังให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน KBank ในประเทศลาว มีผู้ใช้งานแอพของธนาคารแล้ว 2 แสนราย
ด้านนายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KASIKORN Business-Technology Group (KBTG) ระบุว่าตอนนี้เปิด KBTG Vietnam แล้วเพื่อดึงดูดนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากประเทศเวียดนามมาทำงานด้วย สำนักงานตั้งอยู่ที่เขต 12 ในเมืองโฮจิมิห์นซิตี้ ตั้งเป้ามีพนักงาน 80 คนในปี 2022 และขยายเป็น 350 คนในปี 2026
ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นผลงานสำคัญของ KBTG ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินหลากหลายรูปแบบที่ใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตของคนทั่วไป ทั้งขุนทอง แชทบอทช่วยเก็บเงินจากกลุ่มเพื่อนผ่านไลน์, Eatable แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกให้คนทำธุรกิจร้านอาหาร
จากประเด็น KASIKORN X บริษัทลงทุนในเครือ KBTG เปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ทำให้มีการตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใด KBTG ถึงเปิดแพลตฟอร์ม NFT ได้ ท้งที่มีบางบริษัทจะเปิด NFT มาก่อนหน้านี้กันแต่ ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ยังไม่อนุญาต
ล่าสุด ทางสำนักข่าว อีไฟแนนซ์ไทย สอบถามไปยัง ก.ล.ต. ได้คำตอบกลับมาทางอีเมลว่าที่สามารถเปิดได้เพราะไม่เข้าข่ายเป็นโทเค็น หรือ Crypto Currency
KBTG จัดงาน The Next Chapter of KBTG แถลงกลยุทธ์สำคัญของบริษัท พร้อมทั้งเปิดตัวอภิมหาโปรเจกต์มากมายที่จะสร้าง Impact ต่อโลกธุรกิจ การเงิน และเทคโนโลยีในประเทศไทย
ภายในงานมีการเปิดตัวกลยุทธ์อย่างเป็นทางการของ KASIKORN X หรือ KX บริษัทลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่ ที่มีภารกิจสร้าง Fintech Unicorn รายแรกของประเทศไทยให้ได้ และเปิดตัว Coral แพลตฟอร์มซื้อขายงานศิลปะในรูปแบบ NFT ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ KBTG ก้าวเข้าสู่โลกใหม่ทางการเงินอย่างสินทรัพย์ดิจิทัลและ Decentralized Finance (DeFi) หลังจากก่อนหน้านี้เปิดตัวบริษัทลูก Kubix ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านบล็อกเชนไปแล้ว
KX หรือ KASIKORN X บริษัทลงทุนที่มุ่งผลิตสตาร์ทอัพด้าน Decentralized Finance and Beyond ออกสู่ตลาด อยู่ในเครือ KBTG เปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace หนุนศิลปินไทยและเอเชียขายผลงานศิลปะ NFT สามารถใช้เงินธรรมดาอย่างเงินบาท หรือเงินดอลลาร์สหรัฐฯหรือ Fiat money ซื้อได้ และสามารถซื้อได้ผ่านบัตรเดบิต เครดิตและแอปธนาคาร แต่ยังซื้อผ่าน Cryptocurrency ไม่ได้
ก่อนโควิด-19 เรามักจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ คนในวงการเทคโนโลยี นักธุรกิจและผู้ประกอบการ ต่างอยากรู้อยากเห็นและคาดการณ์เทรนด์เทคโนโลยีไว้ล่วงหน้า 10 ปี 20 ปี เพื่อที่จะได้ตั้งรับและปรับตัวได้ทัน ในแง่การลงทุนก็เช่นกัน นักลงทุนมองหาเทรนด์ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อบริหารความมั่งคั่ง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในเมกะเทรนด์ หรือเทรนด์ที่จะมามีส่วนสำคัญในธุรกิจกระแสหลักในอนาคตอันใกล้
ในช่วงที่ประชาชนประสบปัญหาจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนคนจำนวนไม่น้อยต้องหันไปพึ่งพาสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ที่ไม่ใช่บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มีปัญหาด้านดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด และการจ่ายหนี้นอกระบบตามมา
KBTG, LINE BK และ dtac จึงร่วมมือกันผลักดันโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” เพื่อเปิดช่องทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็ก (nano loan) ที่สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที
ในช่วงที่ประชาชนประสบปัญหาจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนคนจำนวนไม่น้อยต้องหันไปพึ่งพาสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ที่ไม่ใช่บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มีปัญหาด้านดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด และการจ่ายหนี้นอกระบบตามมา
KBTG, LINE BK และ dtac จึงร่วมมือกันผลักดันโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” เพื่อเปิดช่องทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็ก (nano loan) ที่สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที
ภาคการศึกษากำลังเผชิญความท้าทายจากระบบการศึกษาที่พัฒนาและปรับเปลี่ยนหลักสูตรการสอนไม่ทันต่อเทรนด์โลก ผลิตคนไม่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม และยังมีความท้าทายเรื่อง reskill ในสาขาอาชีพเสี่ยงตกงานตามความต้องการในตลาดแรงงาน เราจึงเห็นองค์กรใหญ่เข้าไปทำงานกับสถาบันการศึกษา เพื่อระบุทักษะสำคัญในโลกจริงแล้วนำไปปรับใช้ในการพัฒนาหลักสูตร เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
KBTG ถือเป็นองค์กรที่ตื่นตัวในเรื่องนี้มาตลอด เห็นได้จากการทำโครงการ Tech Kampus เข้าไปร่วมพัฒนาหลักสูตรในและร่วมทำงานวิจัยกับมหาวิทยาลัย เตรียมความพร้อมนักศึกษาสู่ตลาดอุตสาหกรรมจริง รวมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานรีสกิลตัวเองอยู่เสมอ
KBTG บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทยออกแถลงชี้แจงถึงข่าวที่ระบุว่าบริษัท Kubix กำลังจะออกสกุลเงินดิจิทัลและเปิดตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตว่าไม่เป็นความจริง
แถลงยังระบุว่า Kubix นั้นตั้งขึ้นมาเพื่อให้บริการระบบเสนอขายโทเค็นที่มีสินทรัพย์รองรับ (asset backed) ต่อนักลงทุน โดยทำหน้าที่คัดกรองธุรกิจที่จะเสนอขายโทเค็น ประเมินแผนธุรกิจและประเมินผลตอบแทนที่คาดว่านักลงทุนจะได้รับ
ที่มา - Facebook: KBTG
KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย นำโดย นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือกระทิง ประธาน KBTG จัดแถลงวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ระบุว่า ตอนนี้ KBTG กำลังเข้าสู่การปรับตัว หรือ Digital Transformation เฟสสองแล้ว หลักๆคือ การนำระบบ Automation มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์, สร้าง AI Factory และการเข้าสู่วงการ DeFi หรือ Decentralized Finance
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของวงการไอทีคือ ขาดแคลนบุคลากร นักพัฒนาซอฟต์แวร์, วิศวกร, คนทำ AI, คนทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งที่ตลาดงานต้องการสูง แต่การเตรียมความพร้อมบุคลากรยังไม่สามารถป้อนตลาดงานได้ทัน
KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทยเห็นปัญหานี้ ได้เปิดตัวโครงการ Tech Kampus เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย สร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่เปี่ยมศักยภาพ โดย KBTG จะเข้าไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาหลักสูตร ยกระดับคุณภาพการศึกษาในสาขา Data Science และ Artificial Intelligence (AI) รวมทั้งต่อยอดและผลิตงานวิจัยใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยี
KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวโครงการ Tech Campus ร่วมกับมหาวิทยาลัยช่วยพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับ Data Science, AI ผลิตบุคลากรให้ตอบโจทย์เชิงธุรกิจด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งส่งนิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงานจริงใน KBTG
โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการคือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
KBTG บริษัทเทคภายใต้ธนาคารกสิกรไทย ประกาศตั้งบริษัท คิวบิกซ์ (Kubix) ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านบล็อกเชน ตั้งเป้าเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาการลงทุนและให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยถึอหุ้นในสัดส่วน 100% ผ่านบริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัดที่เป็นบริษัทในเครือ KBTG
ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้เติบโตอยู่ที่ประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว แต่ตั้งเป้าใหญ่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาทางธนาคารเริ่มขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศจีน สปป.ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ในรูปแบบธนาคารท้องถิ่น ธนาคารร่วมลงทุน และสาขาของธนาคาร
KBTG บริษัทเทคโนโลยีภายใต้ธนาคารกสิกรไทยจึงต้องคิดสูตรใหม่ เฟ้นหาระบบที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวแผนก Software Development Excellence มาพัฒนา Automate Tools เพื่อให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพสูงสุด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ประกาศพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร โดยร่วมมือกับ KBTG บริษัทเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทยเป็นพาร์ทเนอร์รายแรก ในการเข้ามาร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มและหาโซลูชั่น นวัตกรรมใหม่ๆ ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
ตัวแพลตฟอร์มใช้เทคโนโลยีประมวลผลและจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology) เพื่อเพิ่มโอกาสความหลากหลายของการระดมทุนและการลงทุน ตอบสนองพฤติกรรมของการลงทุนในยุคดิจิทัล สร้างโอกาสการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจจริง ไม่ใช่การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์
ช่วงโรคระบาด KBTG ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีเครือธนาคารกสิกรไทย ปล่อยของออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขุนทอง แชทบ็อททวงเงินผ่าน LINE, Eatable แพลตฟอร์มช่วยร้านอาหารในยุคโควิด, Contactless Technology โซลูชั่นทำธุรกรรมโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสอุปกรณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างขึ้นภายในเวลาเพียงแต่ไม่เกินสามเดือน
“เพราะโควิด เร่งการ transformation จากสองปี เหลือเพียงสองเดือน” เรืองโรจน์ พูนผล หรือ กระทิง ประธาน KBTG เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งเปิดตัวบริการใหม่ๆ ในช่วงโรคระบาด
ล่าสุด Blognone ได้เข้าร่วมงานประชุมใหญ่ KBTG คือ ONE KBTG: The New Chapter of ONE ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญ มีการเผยยุทธศาสตร์ของบริษัทในอนาคต และเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง คือไม่สามารถอยู่รอดคนเดียวได้ แต่ต้องพาคนไทยและธุรกิจรายย่อยรอดไปด้วยกัน รวมถึงเป้าหมายระยะยาวคือการเป็นที่หนึ่งในอาเซียน
ก่อนหน้านี้ KBTG กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย มีสำนักงานอยู่ที่เมืองทองธานี ล่าสุด KBTG เปิดตัวอาคารสำนักงานแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่สามย่าน (ติดกับอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในชื่อตึกว่า "K+"
การเปิดสำนักงานเพิ่มเติมที่สามย่าน มีจุดหมายเป็นพื้นที่พัฒนานวัตกรรมแห่งใหม่ และสอดคล้องกับแผนขยายทีมอีกเป็นจำนวนมากถึง 700 คนในอีก 5 ปีข้างหน้า
กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG เปิดเผยยอดผู้ใช้งาน K PLUS ล่าสุดที่ 14 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 13 ล้านคนที่แถลงเมื่อเดือน มิ.ย. และคาดว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้า 15 ล้านคนได้ไม่ยาก
สถิติอื่นที่เปิดเผยคือ ขุนทอง แชทบ็อตทวงเงิน มีคนใช้งานแล้ว 5 แสนราย, ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง Make (เมฆ) ตั้งเป้าผู้ใช้ 30,000 บัญชี และ Eatable โซลูชันสำหรับร้านอาหาร ตั้งเป้าผู้ใช้ 10,000 ร้าน
ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน เวลา 15.00 น. HUAWEI CLOUD ประเทศไทย จะจัด Cloud Diary Special Session ซึ่งเป็นการสัมมนาออนไลน์ฟรีผ่านการสตรีมสดบนหน้า Facebook (@HuaweiCloudTH) หัวข้อนี้มีชื่อว่า “KBTG x HUAWEI CLOUD: Eatable by KBank Food Ordering Platform in the New Normal” โดยมีวิทยากรพิเศษคือ คุณเจนวิทย์ จันทรโชติ (โอ๊ต) หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีของกลุ่มเทคโนโลยีธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย (KASIKORN Business-Technology Group) จะมาบรรยายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการสั่งอาหารแบบใหม่ “Eatable” ซึ่งรองรับทางเลือกในการสั่งอาหารทุกประเภท ตั้งแต่การสั่งเพื่อจัดส่งไปรับประทานที่บ้านหรือในร้านอาหาร
ในช่วงระยะเวลาเพียง 1-2 เดือนที่ผ่านมา KBTG บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็น Contactless Technology เปิดทางสู่การทำธุรกรรมการเงินโดยไม่ต้องจับอุปกรณ์ใดๆ และ Eatable แพลตฟอร์มสำหรับร้านอาหารยุค New Normal, ขุนทอง แชทบ็อทเก็บเงินผ่านไลน์ ฯลฯ
ล่าสุด KBTG เปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่อีกครั้งคือ MAKE by KBank เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้งาน Mobile Banking กันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาพร้อม 3 ฟีเจอร์หลักคือ Pop Pay บริการโอนเงินผ่านบลูทูธ, Chat Banking บันทึกประวัติการทำธุรกรรมในรูปแบบโซเชียลแชท และ Cloud Pocket ช่องทางจัดเก็บเงินตามความต้องการ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทดสอบการใช้งานกันภายในองค์กรร่วมหมื่นคน และจะเปิดตัวเต็มรูปแบบ ในไตรมาส 4 ปี 2020 นี้
มาดูแต่ละฟีเจอร์ว่าช่วยให้ทำธุรกรรมบนมือถือได้สะดวกกว่าเดิมได้อย่างไรบ้าง
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือกระทิง ประธาน KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เผยยุทธศาสตร์รวมถึงสิ่งที่จะทำในอนาคตช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ ไปจนถึงปีถัดๆ ไป หนึ่งในนั้นคือ Regional Expansion หรือการขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้งานในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มี development center หรือศูนย์พัฒนาที่เวียดนามแล้ว ตั้งเป้ามีพนักงาน 100 ราย
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา KBTG/KBank ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการตู้ “บุญเติม” เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้า (Face Recognition) ของ KBTG บนตู้บุญเติม 1,500 ตู้ตามร้านสะดวกซื้อ ก่อนทยอยขยายไปสู่จุดอื่นในอนาคต
KBTG จะใช้ระบบวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อการยืนยันตัวตนแบบ e-KYC จะใช้ยืนยันตัวตน e-wallet, การทำธุรกรรมสำหรับประกันภัย และการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่นอีกมากในอนาคต โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาธนาคาร และใช้เพียงบัตรประชาชนกับใบหน้าในการยืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติมใกล้บ้านได้เลย