ไมโครซอฟท์ปล่อยแอพ Remote Desktop สำหรับ macOS ตัวใหม่ โดยได้ยกเครื่องดีไซน์ของแอพใหม่เพื่อปรับปรุงให้สามารถจัดการการรีโมทเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์หลายเครื่องได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่มีพีซีและเซิร์ฟเวอร์ในความดูแลจำนวนมาก

สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในแอพตัวใหม่พอสรุปได้ดังนี้

จากปัญหา macOS High Sierra ที่สามารถล็อกอินได้ด้วย root แบบไม่ต้องใส่รหัสผ่าน และแอปเปิลออกอัพเดตแก้ไขในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนปัญหานี้ก็ยังไม่ปิดสมบูรณ์เสียทีเดียว หากผู้ใช้อัพเดตตัวแก้ไม่เป็นไปตามลำดับที่แอปเปิลต้องการให้เป็น

นักวิจัยของ Wired พบว่าตัวอัพเดตของแอปเปิลนั้น ระบุว่าสามารถลงได้ทั้ง macOS High Sierra 10.13.0 และ 10.13.1 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด แต่ในกรณีที่ผู้ใช้ลงอัพเดตแก้ ขณะที่เป็นเวอร์ชัน 10.13.0 แล้วจากนั้นได้ทำการอัพเดตต่อเป็น 10.13.1 ปัญหา root จะกลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นต้องลงตัวอัพเดตนี้ซ้ำอีกที

จากปัญหาช่องโหว่ร้ายแรงใน macOS High Sierra ที่สามารถพิมพ์ผู้ใช้ชื่อ root โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านก็ล็อกอินเข้าไปได้ ซึ่งแอปเปิลได้ออกอัพเดตแก้หลังมีรายงานข่าวออกมาภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็ดูเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วมาก แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมปัญหานี้ถึงเพิ่งมาถูกค้นพบ (High Seirra ออกมาตั้งแต่กันยายน) และจริงๆ แล้วมีคนรู้ปัญหานี้มาก่อนหน้าหรือไม่?

Apple ได้ออกอัพเดต Security Update 2017-001 เพื่อแก้ปัญหาช่องโหว่ที่เปิดให้ใครก็ได้รับสิทธิ์ root บน macOS เพียงพิมพ์ชื่อผู้ใช้เป็น root และไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน (CVE-2017-13872)

สำหรับผู้ใช้ macOS 10.13.1 สามารถอัพเดตได้ทันทีผ่านเมนูอัพเดตทาง App Store โดย Apple แจ้งว่าผู้ใช้ macOS 10.12.6 หรือต่ำกว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ (ดังนั้นผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นผู้ใช้ที่ติดตั้ง High Sierra เท่านั้น)

ที่มา - Apple Support

จากปัญหาช่องโหว่ใหญ่บน macOS High Sierra ที่สามารถล็อกอินและได้สิทธิ์ด้วยผู้ใช้ root โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านนั้น ล่าสุดแอปเปิลได้ชี้แจงว่ากำลังออกตัวแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอัพเดตถัดไป

ส่วนวิธีป้องกันปัญหานี้เบื้องต้น แอปเปิลแนะนำให้ตั้งรหัสผ่าน root ขึ้นมา ซึ่งผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนการเปิดใช้ root และตั้งรหัสผ่านได้ในหน้า support https://support.apple.com/th-th/HT204012 (เวอร์ชันภาษาอังกฤษ)

นักพัฒนา Lemi Orhan Ergin ได้ออกมาเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาได้ค้นพบช่องโหว่ใหญ่บน macOS High Sierra โดยที่ผู้ใช้สามารถรับสิทธิ์ root (ระดับสิทธิ์ที่สูงที่สุดของเครื่อง) เพียงแค่พิมพ์ชื่อผู้ใช้ root และไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน และตัวระบบปฏิบัติการจะมอบสิทธิ์ root ให้โดยอัตโนมัติ โดยมีผู้ใช้ (รวมถึงตัวผู้เขียน) หลายคนสามารถทำตามได้

ในขณะนี้บัญชีฝ่ายช่วยเหลือของแอปเปิลได้ขอติดต่อกับผู้ค้นพบช่องโหว่ผ่านข้อความตรงในทวิตเตอร์ และยังไม่มีประกาศใดอย่างเป็นทางการจากแอปเปิลในเรื่องนี้

แอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์ชุดใหญ่ในวันนี้ในทุกระบบปฏิบัติการ มีรายละเอียดดังนี้

• iOS 11.1: เพิ่มอีโมจิกว่า 70 รายการ และแก้ปัญหากับปรับปรุงต่างๆ รวมทั้งช่องโหว่ KRACK
• watchOS 4.1: เพิ่มความสามารถสตรีมเพลงจาก Apple Music บน Apple Watch Series 3 แบบ cellular
• macOS High Sierra 10.13.1: ปรับปรุงการซิงก์ข้อความ Microsoft Exchange และแก้ปัญหา KRACK
• tvOS 11.1: แก้ปัญหา KRACK และอื่นๆ
• iTunes 12.7.1: แก้ไขและปรับปรุงประสิทธิภาพเล็กน้อย

ที่มา: Apple Insider [1], [2], [3], [4], [5]

Apple ได้ออก macOS High Sierra 10.13 Supplemental Update โดยออกมาเพื่อแก้ปัญหาหลักหลายอย่าง และปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากในอัพเดตครั้งนี้คือคำใบ้รหัสผ่านล็อกดิสก์ที่แสดงออกมาเป็นรหัสผ่าน

สำหรับปัญหานี้เกิดกับ Apple File System (APFS) ซึ่งเป็นระบบไฟล์แบบใหม่ของ Apple โดยจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ล็อกรหัสผ่านดิสก์ คือ Apple บันทึกคำใบ้ของรหัสผ่านเป็น “รหัสผ่าน” ที่ผู้ใช้กรอกจริง ๆ แทนที่จะบันทึกคำใบ้ของรหัสผ่านดิสก์

Apple ปล่อย macOS 10.13 High Sierra ให้ดาวน์โหลดแล้ว Mac ที่รองรับสามารถอัปเกรดได้ฟรี โดยมีฟีเจอร์หลักๆ เช่น

macOS High Sierra จะมาพร้อมระบบไฟล์แบบใหม่คือ Apple File System หรือ APFS ซึ่งฟีเจอร์นี้จะยังคงจำกัดเฉพาะ Mac ที่ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลแบบแฟลชเท่านั้น หมายความว่า iMac และ Mac mini ที่ใช้ Fusion Drive ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ แม้ว่าในช่วงทดสอบเบต้านั้น Apple ได้แปลงดิสก์ที่ใช้ Fusion Drive ให้เป็น APFS แต่ว่าในเบต้าหลัง ๆ นั้น Apple ได้ถอดฟีเจอร์นี้ออกไป

นอกจากนี้ Apple ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ Mac ที่ทดสอบ macOS High Sierra เวอร์ชันเบต้าที่ได้แปลง Fusion Drive เป็น APFS แล้วให้แปลงกลับมาเป็น HFS+ เช่นเดิม โดยจะต้องแบคอัพข้อมูลทั้งหมด และใช้ Disk Utility เพื่อทำการฟอร์แมต Fusion Drive แล้วค่อยลง macOS ใหม่

แอปเปิลประกาศวันออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดทั้งหมด หลังจากปล่อยรุ่นทดสอบสำหรับนักพัฒนาตั้งแต่งาน WWDC ที่ผ่านมา ดังนี้

• iOS 11 ออกอัพเดตวันที่ 19 กันยายน
• macOS High Sierra ออกอัพเดตวันที่ 25 กันยายน
• watchOS 4 ออกอัพเดตวันที่ 19 กันยายน
• tvOS 11 ออกอัพเดตวันที่ 19 กันยายน

นอกจากนี้แอปเปิลยังปล่อยอัพเดตเวอร์ชันสุดท้าย หรือ Golden Master ออกมาให้กับนักพัฒนาด้วยในวันนี้

ที่มา: TechCrunch [1], [2]

ล่าสุดวันนี้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple มีอัพเดตซอฟต์แวร์ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป ดังนี้

• iOS 10.3.3 แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ และปรับปรุงความปลอดภัยของ iPhone และ iPad
• tvOS 10.2.2 แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ปรับปรุงความปลอดภัย และการปรับปรุงอื่น ๆ
• watchOS 3.2.3 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ เน้นแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ และปรับปรุงความปลอดภัย
• macOS Sierra 10.12.6 ปรับปรุงความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบ

ในส่วนของการอัพเดต iOS 10.3.3 จะมีอุปกรณ์ที่รองรับ ได้แก่

McAfee Labs ออกรายงาน Threats Report ประจำไตรมาสที่ผ่านมา มีข้อมูลน่าสนใจว่าจำนวนมัลแวร์ใหม่ที่พบบน macOS เพิ่มขึ้นสูงถึง 50% โดยในไตรมาสแรกของปี 2017 มีจำนวน 250,000 ครั้งที่ค้นพบ เทียบกับสองปีก่อนในปี 2015 มีการพบอยู่ 50,000 ครั้ง

ในรายงานระบุว่าประเภทของมัลแวร์ที่พบบน macOS ส่วนมากเป็น adware

แม้อัตราการเติบโตจะสูง แต่ถ้านับเป็นจำนวนครั้งแล้วก็น้อยกว่า Windows มาก ซึ่งถูกพบทั้งหมด 30 ล้านครั้งในไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องส่วนแบ่งในตลาดระบบปฏิบัติการก็มีผลต่อตัวเลขจำนวนด้วยเช่นกัน

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

แอปเปิลเปิดตัว macOS รุ่นใหม่ในชื่อ High Sierra ซึ่ง Craig Federighi รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์บอกว่าเพื่อทำให้ macOS Sierra สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือหันมาใช้ File System ใหม่ของแอปเปิลที่ชื่อ Apple File System - APFS ซึ่งมาเป็นดีฟอลท์ และมาพร้อม Metal 2 API กราฟิคเวอร์ชันใหม่ ที่รองรับชิปกราฟิคนอก, Machine Learning และ VR แล้วทั้งแพลตฟอร์ม Steam VR, Unity และ Unreal Engine

ในวันนี้ แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์หลายรายการ มีรายละเอียดดังนี้

• iOS 10.3.2 แก้ไขบั๊ก ปรับปรุงความปลอดภัย
• macOS 10.12.5 แก้ปัญหาหูฟัง usb, รองรับการลง media-free บน Windows 10 ผ่าน Boot Camp
• watchOS 3.2.2 ปรับปรุงการทำงานทั่วไป
• tvOS 10.2.1 ปรับปรุงการทำงานทั่วไป
• iTunes 12.6.1 ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป

ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4], [5]

หลังจากที่ macOS Sierra ได้ออกอัพเดตครั้งใหญ่ (1G กว่าๆ) โปรแกรม Transmit ซึ่งเป็นโปรแกรมเชื่อมต่อ FTP แบบเสียเงินของทางฝั่ง macOS ก็ได้ออกอัพเดตเพื่อแก้ปัญหาการใช้งานและรองรับการทำงานให้ดียิ่งขึ้นใน macOS 10.12.4 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้

รายละเอียดการอัพเดตมีดังนี้

นอกจาก iOS ที่ออกอัพเดต 10.3 วันนี้ แอปเปิลยังออกอัพเดตซอฟต์แวร์อีก 2 รายการด้วย นั่นคือ macOS และ watchOS มีรายละเอียดดังนี้

• macOS 10.12.4: เพิ่มโหมด Night Shift แบบ iOS, Dictation ภาษาจีนสำเนียงเซี่ยงไฮ้, Siri รองรับการถามคะแนนคริกเกต และปรับปรุงการแสดง PDF
• watchOS 3.2: เพิ่มโหมด Theater ซึ่งจะปิดเสียงและปิดการทำงานของ Raise to Wake ทำให้ไม่มีแสงออกมาเวลาขยับแขน มีประโยชน์เวลาชมภาพยนตร์

ที่มา: MacRumors [1] และ [2]

ท่าทีของไมโครซอฟท์ในช่วงหลังชัดเจนมาก ว่าวางตำแหน่งของ Surface ให้จับตลาดผู้ใช้แมค ทั้งการนำ Surface Book ไปเทียบกับ MacBook Pro โดยตรง หรือแคมเปญนำเครื่องแมคเก่ามาเทิร์นเป็น Surface

ล่าสุดไมโครซอฟท์ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการออกซอฟต์แวร์บน macOS ชื่อว่า Surface Migration Assistant ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่ใช้แมคอยู่แล้ว อยากย้ายข้อมูลในเครื่องไปยัง Surface เครื่องใหม่ได้สะดวกสบายมากขึ้น

แอพตัวนี้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีคนพบไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ และสามารถดาวน์โหลดมาทดลองใช้บนแมคได้แล้ว

เฟรมเวิร์คสร้างแอพบนเดสก์ทอปอย่าง Electron เข้าสู่เวอร์ชัน 1.6.3 beta แล้ว ในเวอร์ชันนี้ได้รองรับการทำงานของ Touch Bar บน macOS เรียบร้อย

นักพัฒนาสามารถเพิ่มเมนูต่างๆ ใน Touch Bar ลงไปในแอพเดสก์ทอปของตัวเอง โดย Touch Bar API ที่อยู่ใน Electron จะมีปุ่ม, ข้อความ, ตัวเลือกสี, แถบเลื่อนและช่องว่างให้เลือกใช้งาน นอกจากนี้สามารถเขียน Touch Bar แสดงสิ่งต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ รวมถึงเพิ่มคำสั่งลงไปในวัตถุเหล่านั้นได้อีกด้วย

Nate Mitchell หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Oculus ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch เนื่องในประเด็นการลดราคาฮาร์ดแวร์ หัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือแผนการซัพพอร์ต macOS (Mitchell ใช้ MacBook Pro รุ่นล่าสุดเป็นเครื่องทำงาน) คำตอบคือบริษัทอยากซัพพอร์ตแมคอยู่แล้ว แต่ยังไม่อยู่ในแผนอย่างน้อยก็ใน 6 เดือนข้างหน้า

Apple ได้ปล่อย beta1 ของ macOS Sierra เวอร์ชัน 10.12.4 แล้ว โดยในเวอร์ชันนี้ได้เพิ่มฟีเจอร์ Night Shift ลงไป ทำให้ผู้ใช้ Mac สามารถปรับความสว่างและปรับค่าสีบนหน้าจอ อีกทั้งตั้งเวลาในการแสดงผลได้เหมือน iOS นั่นเอง

การใช้งาน Night Shift บน Mac นั้น ให้เข้าไปที่การตั้งค่าหน้าจอ จะปรากฎเมนู Night Shift ในแท็บที่ 3 ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน ตั้งค่าการแสดงผลและตั้งเวลาให้เริ่มทำงานได้จากที่นี่

นอกจากฟีเจอร์ Night Shift แล้ว ในเวอร์ชันนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใหม่เพิ่มเติมได้แก่ Dictation รองรับภาษาจีนสำเนียงเซี่ยงไฮ้, ถาม Siri เกี่ยวกับคะแนน ตารางแข่งขันและผู้เล่นคริกเกตจากข้อมูลของ Indian Premier League และ International Cricket Council, อัพเดต PDFKit APIs ให้แสดงผลไฟล์ PDF ได้ดีขึ้น

ที่มา : 9To5Mac

วันนี้แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ชุดใหญ่ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• iOS 10.2.1 - ระบุว่าเป็นการแก้ไขปัญหาทั่วไปเล็กน้อยและปรับปรุงความปลอดภัย
• macOS 10.12.3 - แก้ไขปัญหากราฟิกบน MacBook Pro รุ่นล่าสุด และปัญหาอื่นๆ
• watchOS 3.1.3 - ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป
• tvOS 10.1.1 - ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป
• iTunes 12.5.5 - ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4], [5]

ระยะหลังเริ่มมีกระแสการตั้งคำถามถึงอนาคตของอุปกรณ์สาย Mac ของแอปเปิลออกมามากมาย จน Tim Cook ต้องออกมายืนยันว่ายังให้ความสำคัญ อย่างน้อยๆ ก็กับ iMac ล่าสุดมีข้อมูลวงในเพิ่มเติมจาก Bloomberg ว่าแท้จริงแล้ว แอปเปิลได้ปรับทิศทางของบริษัท และลดความสำคัญในการพัฒนาอุปกรณ์แมคมาแล้วระยะหนึ่ง

Apple ได้ออกอัพเดต macOS 10.12.2 สำหรับผู้ใช้ Mac แล้ว โดยการอัพเดตครั้งนี้มาพร้อมกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ ตามที่ Apple แจ้งไว้ เช่น

Google เปิดตัวแอพ Featured Photos แอพ Screen Saver สำหรับอุปกรณ์ macOS ซึ่งจะแสดงรูปภาพธรรมชาติต่างๆ โดยดึงมาจากรูปภาพความละเอียดสูงบน Google+ ที่เข้าเกณฑ์พร้อมให้เครดิตคนถ่ายด้านล่าง

Google ระบุด้วยว่าหากต่อหน้าจอจากเครื่องแม็คมากกว่า 1 หน้าจอ รูปภาพที่แสดงก็จะไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งนอกจากบนแม็คแล้ว Google ยังปล่อยแอพ Wallpaper บนแอนดรอยด์ ที่ดึงเอาทั้งภาพธรรมชาติและ Cityscape มาใช้เป็นภาพพื้นหลังในลักษณะเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์เปลี่ยนภาพให้อัตโนมัติในทุกๆ วันด้วย