ต่อจาก พาทัวร์งาน REMIX 07 ที่สิงคโปร์ ตอนแรก
session ต่อมาจะเป็นเรื่องอนาคตของวงการสื่อ มาดูว่าไมโครซอฟท์มองตลาดโฆษณาออนไลน์อย่างไร จากนั้นพาไปดูฟีเจอร์ใหม่ใน Visual Studio 2008 "Orcas" และปิดท้ายด้วยมุมมองจากบล็อกเกอร์สิงคโปร์
งาน REMIX 07 เป็นงานที่จัดต่อยอดจากงาน MIX 07 ของไมโครซอฟท์เมื่อเดือนพฤษภาคม (ที่ลาสเวกัส) โดยไมโครซอฟท์จะขนทีมงานทั้ง developer, evangelist, business manager และทีมที่เป็น third party อื่นๆ เดินสายทั่วโลก เพื่อเล่าเรื่องที่พูดใน MIX 07 ใหม่อีกครั้งให้คนในแต่ละประเทศได้ฟัง ในส่วนของเอเชียแปซิฟิกนั้นก็ไปหลายประเทศ เช่น เกาหลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย ซึ่งผมได้รับคำชวนจากบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ให้ไปสังเกตการณ์ REMIX 07 ที่สิงคโปร์
คำถามที่เกิดขึ้นทันทีหลังการเปิดตัว Silverlight ก็คือบนลินุกซ์จะทำอย่างไร ซึ่งทุกคนมองไปที่โครงการ Mono เหมือนกันหมด
Miguel De Icaza ได้รับโจทย์จากไมโครซอฟท์ฝรั่งเศสให้ไปโชว์ Silverlight เวอร์ชัน Mono (หรือที่เรียกกันว่า Moonlight) ในงาน Remix โดยที่เขามีเวลาเตรียมตัว 21 วันแบบแทบจะไม่มีอะไรเลย เขาตัดสินใจระดมทีมนักพัฒนาหลัก Mono จากทั่วโลกมาสร้างของที่สามารถโชว์ได้ ผลสุดท้ายก็คือ Moonlight ที่สามารถรันเดโม Silverlight Airlines ที่ไมโครซอฟท์ใช้โชว์ใน Mix 07 ได้เกือบสมบูรณ์ รายละเอียดแบบวันต่อวันอ่านได้จากลิงก์ เห็นแว๊บๆ ว่าเรียกใช้ Cairo กับ Pango ด้วย
ช่วงนี้กระแส Rich Internet Application กำลังแรง เพราะค่ายซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ ต่างทยอยเปิดตัวโซลูชันของตัวเอง ผมได้ชวนคุณสุวิชชา จันทร แห่ง ThaiSharp.net ให้มาเขียนแนะนำ Silverlight ของค่ายไมโครซอฟท์ให้กับผู้อ่าน Blognone กันหน่อย นอกจากส่งบทความมาให้แล้ว คุณสุวิชชายังบอกว่าจะขึ้นพูดเรื่อง Silverlight ในงาน MSDN วันพรุ่งนี้ (อังคาร 22) ด้วย ถ้าใครสนใจก็ตามไปฟังกันได้ครับ
หมายเหตุ: สำหรับแฟนๆ Flex และ Java FX ถ้าสนใจมาเขียนประลอง ทางเราก็ยินดีรับเช่นกัน -- mk
จากข่าวเก่า ไมโครซอฟท์อาจประกาศโอเพนซอร์ส Silverlight ในงาน Mix '07 ซึ่งปรากฎว่าข่าวนี้ไม่จริง แต่ตัว Silverlight ที่ออกมาโชว์ก็ดึงดูดความสนใจไปได้เยอะอยู่
ถึงแม้จะไม่โอเพนซอร์ส แต่ Silverlight ที่ออกมาสู้กับ Flash (และ Flex) ของ Adobe ตรงๆ นั้นใช้งานได้กับ Firefox และ Safari ด้วย นั่นแปลว่าตัว Common Language Runtime (CLR) ของ Silverlight จะทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม
CLR เวอร์ชันที่มากับ Silverlight นี้จะไม่ใช่รุ่นเต็ม แต่จะตัดความสามารถที่ไม่จำเป็นกับงานบนเบราว์เซอร์ออกไป อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์สำคัญๆ อย่าง garbage collector, type system และ generics ยังอยู่ครบ ไมโครซอฟท์เรียกมันว่า Core CLR
ข้อดีของเว็บเซอร์วิสคือสามารถทำให้โปรแกรมต่างภาษา ต่างแพลตฟอร์ม ติดต่อทำงานร่วมกันได้ เว็บเซอร์วิสหนึ่งที่พัฒนาโดยคนไทยคือเว็บเซอร์วิสของ ปตท ซึ่งอยู่ที่ http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx โดยที่มีเอกสารที่อธิบายเว็บเซอร์วิส (WSDL) อยู่ที่ http://www.pttplc.com/pttinfo.asmx?WSDL
ี่เว็บเซอร์วิสของ ปตท พัฒนาโดยใช้ Microsoft .NET แต่ เราสามารถที่จะเขียนโปรแกรมทั้งในภาษา Java และ ภาษา PHP เพื่อดูราคาน้ำมันในปัจจุบันได้
// file call_pttws1.php
หลังจากที่รอคอยมา 13 เดือนจากรุ่น Release Candidate ตอนนี้ SharpDevelop ได้ฤกษ์ออกตัวสมบูรณ์ซะที ตัวมันเองเป็นเครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรม .NET แบบโอเพนซอร์ส ความสามารถหลัก ๆ ที่น่าสนใจก็คือ
โครงการ Mono ได้ประกาศความสำเร็จในการพอร์ต VB.NET ไปรันบนแพลตฟอร์มของ Mono ซึ่งมีทั้งบนแมคและลินุกซ์
การพอร์ตครั้งนี้ประกอบด้วย คอมไพเลอร์ ซึ่งมีฟีเจอร์เทียบเท่า VB8 และรับ API ของ .NET 2.0 กับรันไทม์ที่สนับสนุนทั้ง .NET 1.0 และ 2.0 ทั้งสองตัวจะมีให้ใช้ใน Mono เวอร์ชัน 1.2.3 ขึ้นไป
ทาง Novell ได้การันตีว่าถ้าโปรแกรมของคุณเป็น .NET 1.0 คุณจะสามารถนำไปรันบน Mono ได้ทันที แต่ถ้าเป็น 2.0 ต้องเช็คกับ Mono Migration Analyzer ก่อน
หนึ่งในสงครามใหญ่ที่ไมโครซอฟท์ใช้วิสต้าเป็นตัวเปิดทางนั่นคือ WPF/E (Windows Presentation Foundation/Everywhere) ที่โดยเนื้อในแล้วมันคือ Flash ที่สร้างขึ้นโดยไมโครซอฟท์นั่นเอง ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์พยายามผลักดันโครงการนี้ให้ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างอยู่แล้ว ด้วยการรองรับทั้ง IE และไฟร์ฟอกซ์แต่การออกซอฟต์แวร์รุ่นแมคตัวล่าสุดทำให้ชาวแมคมีทางเลือกที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ได้ทั้ง Safari และ Firefox
นับแต่ก่อนการเปิดตัววิสต้า ไมโครซอฟท์แถลงถึงเทคโนโลยีจำนวนมากที่กำลังเข้าสู่ตลาด ที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีเหล่านั้นไปชนกับสินค้าของ Abode ในตอนนี้เข้าอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็น Metro ที่ชนกับ PDF หรือ WPF/E นี้ที่ชนกับ Flash
จากการสำรวจในอเมริกาตอนเหนือของ Evans Data ได้ผลว่าภาษา VB กำลังลดความนิยมลงเรื่อยๆ โดยมีอัตราการใช้งานลดลงถึง 35% จากปีที่แล้ว ส่วนญาติๆ อย่าง VB.NET ก็เกาะๆ กันมา ลดลง 26% เช่นกัน สาเหตุหลักเป็นไปได้ว่าคนเลิกทำเดสก์ท็อปแอพลิเคชั่นแล้วหันไปหาเว็บแอพลิเคชั่นมากขึ้น จากการสำรวจก็ช่วยยืนยันทฤษฏีนี้ เมื่อพบว่านักพัฒนากว่า 80% กำลังพัฒนา RIA กันอยู่ และอัตราการเติบโตของเว็บ AJAX ก็เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว ผลสำรวจยังสรุปออกมาว่า ขณะนี้ Java ได้ส่วนแบ่งการตลาดกว่า 45% ตามมาติดๆ ด้วย C/C++ 40% และ C# 32% (งงเหมือนกันว่าทำไมบวกแล้วเกิน 100)
เมื่อวานนี้ Novell ได้ประกาศออก Mono 1.2 ซึ่งมีคุณสมบัติที่ทุกคนรอคอยมานาน นั่นคือการสนับสนุน Win.Forms เต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้การพอร์ตโปรแกรมจาก .NET ข้ามแพลตฟอร์มมาบน Mono ทำได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น (เวอร์ชันเก่าๆ สนับสนุนแค่ Web.Forms)
Mono 1.2 ทำงานเข้ากันได้กับ .NET 1.1 ทั้งหมด และสนับสนุนฟีเจอร์บางส่วนของ .NET 2.0 ด้วย (เช่น C# 2.0) ผู้ใช้ Windows, Mac, Red Hat และ SUSE สามารถดาวน์โหลดได้ทันที ส่วน Debian แพกเกจคงตามมาในอีกไม่นาน
Miguel De Icaza หัวหน้าทีม Mono แถลงการณ์ลงบล็อกว่าสัญญากับไมโครซอฟท์จะไม่มีผลต่อทิศทางการพัฒนาของ Mono เพราะระมัดระวังเรื่องสิทธิบัตรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ตะกี้คุณ deans4j บอกมาทาง IM ว่า .NET 3.0 ออกแล้ว (แต่เจ้าตัวเขียนข่าวนี้ไม่ได้เนื่องจากผิดนโยบาย ฮา) ผมเลยเขียนแทนให้ละกัน แฉมันหน้าแรกอย่างงี้แหละ
.NET Framework 3.0 ที่ออกมาก็มีให้ดาวน์โหลดหลายส่วน ตั้งแต่เฉพาะตัว runtime, SDK สำหรับ Vista และ extension สำหรับ VS2005 เผื่อใครจะไปซ้อมเขียน WPF, WCF อะไรพวกนี้
.NET 3.0 ต่างจาก 2.0 ยังไงบ้างนี่ผมเขียนไปหลายทีแล้ว อ่านได้ในข่าวเก่าๆ ที่แท็ก .NET ละกันครับ
ที่มา - NetFx3
ไมโครซอฟท์ออกชุด developer kit ของ .NET Micro Framework (.NET MF) สำหรับพัฒนาแอพพลิเคชันฝังตัว ผมอ่านดูแล้วคงไม่ชนกับ Java ME ตรงๆ เท่าไร เพราะ .NET MF มุ่งไปที่อุปกรณ์ขนาดเล็กจริงๆ เช่น อุปกรณ์วัดปริมาณกลูโคสในเส้นเลือดอะไรพวกนั้น ไม่เหมือนฝั่ง Java ที่รวมตลาดมือถือด้วย
.NET MF สนับสนุนโปรเซสเซอร์ตั้งแต่รุ่นเล็กๆ ที่ไม่มี MMU (Memory Management Unit) ต้องการแรมประมาณ 300K ตอนรัน และยังคงความเป็น Managed Code ไว้อย่างเต็มที่ พาร์ทเนอร์ของไมโครซอฟท์รอบนี้ก็มีผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังตัวดังๆ อย่าง Freescale เป็นต้น
eWeek ทำการสำรวจตามบริษัทจัดหางานต่างๆ เพื่อสรุปเกี่ยวกับภาษา 10 ภาษาที่ถ้าเรียนรู้จนเป็นแล้วจะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น, Resume น่าเป็นที่สนใจขึ้นมาดังนี้(ไม่เรียงตามลำดับ)ครับ
ในที่สุด IronPython ที่เป็น Python ที่ทำงานบน .NET Framework 2.0 ก็ออกเวอร์ชั่น 1.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ด้วยฝีมือ Jim Hugunin ผู้สร้าง Jython โดย IronPyton นี้ใช้ BSD license
ดาวน์โหลดได้ที่เวบ CodePlex ครับ
นอกจากนี้หนังสือ PC Magazine ยังมีรีวิว Turbo Explorer IDE ที่ Borland ตั้งใจกลับมาสืบสานตำนานอีกครั้ง ซึ่งผลทดสอบค่อนข้างดีเลยทีเดียวล่ะครับ อ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ
ไมโครซอฟท์ออก .NET Framework 3.0 RC1 ให้คนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดมาทดสอบได้แล้ว
.NET 3.0 (เดิมชื่อ WinFX) เป็น .NET 2.0 บวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Vista อย่าง Windows CardSpace, Windows Communications Foundation (Indigo เดิม), Windows Presentation Foundation (Avalon เดิม) เป็นต้น รายละเอียดอ่านในข่าวเก่า
ที่มา - Ars Technica
สำหรับผู้ที่ใช้ VS.NET 2003 ตอนนี้มี Service Pack ออกมาจนได้ซะที มีทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพ แก้ข้อผิดพลาดต่างๆ กว่า 400 รายการ ดูรายละเอียดได้ที่นี่
สำหรัีบ Service Pack ถือว่าออกมาช้ามากๆ เมื่อเทียบกับ VS.NET 2002 และยังออกหลัง VS.NET 2005 ด้วยซ้ำ โหลดได้ที่ Microsoft Download Center (คนละตัวกับ .NET Framework 1.1 Service Pack นะครับ)
หลังจากประกาศขายแผนก IDE ไปนาน ทาง Borland ได้ประกาศเปิดตัว IDE ใหม่ภายใต้ชื่ออันเป็นตำนานของตนอีกครั้ง "Turbo"
IDE ใหม่นั้นจะเป็น 1 ภาษาต่อ 1 IDE เท่านั้นประกอบไปด้วย Turbo Delphi for Win32, Turbo Delphi for .NET, Turbo C++ และ Turbo C# ซึ่งแต่ละตัวจะมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยมุ่งเน้นไปที่ นักเรียน นักศึกษา และผู้หัดเขียนโปรแกรมเป็นหลัก ดูรายละเอียดได้ที่เว็บ Turboexplorer ครับ
ออราเคิลได้ปล่อยเครื่องมือพัฒนาสำหรับชาว .NET ออกมาใหม่ 2 ตัวครับ ประกอบด้วย
แม้ว่าออราเคิลจะหากินกับ Java มายาวนาน แต่ด้วยจำนวนนักพัฒนา .NET ที่มากขึ้น ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีกว่าเปิดรับทั้ง 2 ฝ่าย ให้ใช้ Oracle 10g กันเยอะๆ ครับ
แฟนๆ จาวาอย่าเพิ่งมาโกรธผมนะครับ อันนี้เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ Bob Muglia รองประธานฝ่าย Server and Tools business ของไมโครซอฟท์เอง จะออกมาแนวๆ นี้คงไม่น่าแปลกใจมากนัก
Muglia พูดถึงแผนด้านซอฟต์แวร์สายนักพัฒนาของบริษัทในอนาคต เขาบอกว่า .NET ใช้เวลา 5 ปีที่ผ่านมาเอาชนะ Java EE และกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ตลาดองค์กรเลือก โดยช่วงแรกๆ .NET มีส่วนแบ่ง 25% แต่ตอนนี้มีถึง 60% แล้ว
สำหรับผู้ใช้ Eclipse และต้องการใช้ระบบควบคุมเวอร์ชั่นของ Microsoft Visual Studio 2005 Team Foundation Server ตอนนี้มีปลั๊กอิน Teamprise Client Suite ออกมารองรับแ้ล้วครับ
ที่มาของปลั๊กอินตัวนีืก็คือปัจจุบันหลายๆ บริษัทนั้นมีทั้งพัฒนาด้วย .NET และ Java กันทั้งคู่ จึงทำปลั้๊กอินนี้ออกมาขาย เพื่อที่จะใช้ Team Foundation Server จัดการตัวเดียวเลย ไม่ต้องแยกระบบกัน โดยเขียนปลั๊กอินด้วย Java(ใช้ SWT) สนับสนุน Eclipse 3.0 และ 3.1 สนนราคาอยู่ที่ $499 ต่อ 1 ผู้ใช้ครับ
สำหรับแฟนๆ MySQL โดยเฉพาะครับ เมื่อ MySQL AB ประกาศว่าได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในระดับ Alliance-level partner เรียบร้อยแล้ว และกำลังพัฒนาปลั๊กอินสำหรับเชื่อมต่อกับ Visual Studio 2005 ให้ทำงานร่วมกันได้มากขึ้นอยู่ครับ
ที่มา - Theserverside.NET
Sharpdevelop IDE สำหรับ .NET แบบเปิดเผยซอร์สโค้ด (ซึ่งเขียนด้วย C#) ออกเวอร์ชั่นใหม่เพื่อรองรับ .NET 2.0 แล้วครับ
Microsoft Pre-Release Software Microsoft .NET Framework 3.0 CTP ออกมาให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดไปลองเล่นและทดสอบกันดูแล้วครับ