Apple เดินหน้าฟ้อง Samsung เรื่องการละเมิดสิทธิบัตรอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ของ Samsung ที่เกี่ยวข้องอีก 6 รายการ โดยตัวชูโรงอย่าง Galaxy S III และ Galaxy Note II อยู่ในข่ายด้วย
หลังจาก Samsung ร่ำๆ ว่าจะเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ Apple ในคำฟ้องของตน ฟาก Apple ก็จัดการเพิ่มคำฟ้องผลิตภัณฑ์ของ Samsung อีก 6 รายการ โดยนอกเหนือจาก 2 รายการเด่นแล้ว ยังมี Galaxy Tab 8.9 WiFi, Galaxy Tab 2 10.1, Rugby Pro และ the Galaxy S III Mini รวมอยู่ในคำฟ้องครั้งนี้ด้วย
มีผู้ไปพบว่า ไมโครซอฟท์ได้จดสิทธิบัตรแว่นตาลักษณะเดียวกับ Google Glass ของกูเกิล โดยสิทธิบัตรดังกล่าวระบุว่าผู้ใช้จะใช้แว่นตานี้ในการรับชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ณ เวลานั้น อาทิ การแข่งขันกีฬา เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมของวัตถุหรือคนที่อยู่ในแนวสายตาที่ผู้ใช้มองไปได้ อาทิ ภาพรีเพลย์ของการแข่งขันกีฬา หรือการแปลภาษาได้
เช่นเคย หน้าตาของฮาร์ดแวร์ดังกล่าวจะเป็นอย่างใดเชิญชมได้ที่ท้ายข่าว
ที่มา: USPTO
ในการไต่สวนคดีที่ Microsoft ละเมิดสิทธิบัตรของ Google ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าด้วยเทคโนโลยีของสิทธิบัตรดังกล่าว อาจสร้างรายได้ให้แก่ Microsoft ได้มากถึง 94 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2017
สิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาทนี้ว่าด้วยการรับชมวิดีโอบนเว็บผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งเดิมทีเป็นของ Motorola ก่อนเปลี่ยนมือมาสู่ Google ภายหลังถูกซื้อกิจการ โดยเรื่องนี้กำลังอยู่ในชั้นศาลเพื่อหาข้อสรุปเงินชดเชยที่ Microsoft จะต้องจ่ายให้แก่ Google ซึ่งเรียกร้องเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ Microsoft ซึ่งมีท่าทีว่าต้องการเจรจากลับเห็นว่า Google เรียกร้องมากเกินไป โดยยินดีจ่ายแค่ 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น
Samsung เพิ่งจะเพิ่ม iPhone 5 ลงในคำฟ้องคดีสิทธิบัตรต่อ Apple ไปหยกๆ ก็เตรียมยัดผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Apple อีก 3 รายการลงในคำฟ้องด้วย ทั้ง iPad (4th Gen), iPad mini และ iPod touch
ในขณะที่ยังไม่มีข่าวคืบหน้าใดๆ ในการอุทธรณ์คดีของ Samsung ภายหลังคำตัดสินของศาล California ให้ Samsung แพ้คดีฐานละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้งาน และการออกแบบตัวเครื่อง กลับเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Samsung พยายามตอบโต้ Apple ทุกช่องทางด้วยการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรด้านอื่นๆ และล่าสุด สินค้าใหม่ทุกรายการของ Apple ที่เปิดตัวในปี 2012 นี้ ก็อยู่ในข่ายเพ่งเล็งของ Samsung
หลังจากที่มีข่าวว่า HTC และแอปเปิลตกลงยุติสงครามสิทธิบัตร โดยตกลงเป็นสัญญาใช้สิทธิบัตรร่วมกันยาวถึง 10 ปี หลังจากนั้นก็มีการวิเคราะห์โดยสื่อว่า HTC จะจ่ายค่าสิทธิบัตรให้กับแอปเปิลมูลค่า 6-8 ดอลล่าร์ต่อการขายอุปกรณ์ที่รันแอนดรอยด์หนึ่งเครื่อง
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา LG Displayได้ยื่นฟ้อง Samsung ฐานละเมิดสิทธิบัตรหน้าจอ OLED ทว่าล่าสุด Samsung ได้ฟ้องกลับให้สิทธิบัตรดังกล่าวเป็นโมฆะโดยอ้างเหตุผลว่าขาดความเป็นนวัตกรรม
Samsung ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อต่อสู้ในคดีที่ถูกฟ้องว่าผลิตภัณฑ์ 5 รุ่น อันได้แก่สมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy S และกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ต Galaxy Tab ละเมิดสิทธิบัตรหน้าจอ OLED ของ LG Display จำนวน 7 รายการ
ทั้งนี้หน้าจอ OLED ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทั้งในการผลิตสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และทีวี เนื่องจากการเลือกใช้ OLED ทำให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ให้บางลงเมื่อเทียบกับการใช้หน้าจอ LCD ที่ต้องอาศัย backlight ช่วยในการทำงาน
แอปเปิลยังคงลุยจดสิทธิบัตรอย่างต่อเนื่องไม่หยุดไม่หย่อนเลยครับ ล่าสุดที่จดไปคือสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเอฟเฟคการเปลี่ยนหน้ากระดาษครับ
โดยสิทธิบัตรตัวนี้แอปเปิลขอจดเอาไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะได้รับอนุมัติเมื่อไม่กี่วันมานี้ครับ รายละเอียดของมันก็คือเป็นเอฟเฟคสำหรับการเปลี่ยนหน้าหนังสือ E-book ที่เราเห็นกันประจำนั่นแหละครับ โดยที่การเปลี่ยนหน้ากระดาษนั้นจะตอบสนองกับนิ้วของเราด้วยอย่างเช่นถ้าเลื่อนเร็วๆ หน้ากระดาษก็จะวิ่งอย่างเร็ว แต่ถ้าเลื่อนช้าๆ หน้ากระดาษก็จะติดนิ้วเราไปนั่นเองครับ
รายละเอียดนอกเหนือจากนั้นก็ดูได้จากที่มาครับ
บลูมเบิร์กรายงานว่าคำร้องที่แอปเปิลและโมโตโรล่า (ซึ่งมีกูเกิลเป็นเจ้าของ) ได้ยื่นต่อศาลครั้งล่าสุด มีเนื้อความระบุว่าทั้งสองบริษัทมีความสนใจที่จะหาทางออกทางอื่นกรณีฟ้องร้องกันเรื่องเกี่ยวกับสิทธิบัตร โดยทั้งสองบริษัทบอกว่าอย่างน้อย ทั้งสองต้องการที่จะตกลงกันเกี่ยวกับสิทธิบัตรที่ถือว่าเป็นสิทธิบัตรที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องการตกลงเรื่องสิทธิบัตรทั้งหมดไปเลยทีเดียว
จากในรายงาน ทั้งสองบริษัทใช้วิธีเสนอข้อตกลงต่าง ๆ หากันเรื่อย ๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน และจะใช้บุคคลที่สามเป็นพยานในการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด และตัดสินว่าทั้งสองบริษัทจะมีภาระผูกพันกันทางกฎหมายแทนการให้ศาลเป็นผู้ตัดสินแทน
และแล้ว โนเกียก็ทำตามที่เคยประกาศไว้ ว่าจะเข้ายื่นฟ้องเอชทีซีในหลายๆ ประเทศ โดยยกประเด็นที่ว่าเอชทีซีลอกเลียนงานออกแบบของโนเกียมาเป็นหัวข้อหลัก ข่าวนี้คือจุดเริ่มต้นของคู่สงครามคู่ใหม่ครับ
โดยโนเกียได้ยื่นเข้าฟ้องต่อศาลในประเทศเยอรมนี ว่าเอชทีซีได้ละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบตัวเครื่องกว่า 32 รายการ ซึ่งประกอบไปด้วยระบบการลดพลังงานของตัวชาร์จแบตเตอร์รี่, การซิงค์ข้อมูลของตัวเครื่องด้วย Data range, การทำ Tethering และระบบวิธีการเปลี่ยนภาพต่างๆ เป็นต้น
โดยศาลได้นัดเปิดพิจารณาคดีในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ และจะพยายามให้จบภายในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ครับ
จากรายงานใน Apple Press ระบุว่า 10 พฤศจิกายน 2012 เอชทีซีและแอปเปิลตกลงหยุดสงครามสิทธิบัตรซึ่งกันและกัน โดยข้อตกลงนี้จะมีผลครอบคลุมทั้งบริษัทเอชทีซีและแอปเปิลทั่วโลก ซึ่งข้อตกลงระบุถึงการหยุดกระบวนการด้านกฏหมาย โดยจะมีผลบังคับใช้สิบปี ข้อตกลงนี้มีผลกับสิทธิบัตรทุกใบทั้งในปัจจุบันและอนาคตของทั้งสองบริษัท ภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงที่เป็นความลับ
Peter Chou ซีอีโอของเอชทีซีกล่าวว่า
เอชทีซียินดีที่จะแก้ไขข้อพิพาทกับแอปเปิล และเอชทีซีจะพุ่งเป้าไปที่นวัตกรรมใหม่ ๆ แทนกระบวนการทางกฏหมาย
ส่วน Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิลกล่าวสั้น ๆ ว่า
เรายินดีในการบรรลุข้อตกลงกับเอชทีซี
ต่อจากข่าว Apple แพ้คดีสิทธิบัตร FaceTime ถูกปรับมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ทางบริษัท VirnetX ที่ฟ้องชนะคดีแอปเปิลก็ยังเดินหน้าต่อไป โดยยื่นฟ้องคดีใหม่ เพิ่มสินค้าใหม่ๆ ของแอปเปิลอย่าง iPhone 5, iPad mini, iPad 4 และแมคอินทอชที่เพิ่งเปิดตัว
VirnetX ให้เหตุผลว่าสินค้ารุ่นใหม่ๆ ของแอปเปิลก็ใช้เทคโนโลยี FaceTime ที่ละเมิดสิทธิบัตรของตัวเองเช่นกัน ก่อนหน้านี้ VirnetX เคยชนะคดีไมโครซอฟท์มาแล้วในปี 2010 ได้เงินจากไมโครซอฟท์ไปแล้ว 200 ล้านดอลลาร์ และนอกจากนี้ก็ฟ้อง Cisco, Avaya, Siemens ด้วยสิทธิบัตรชิ้นเดียวกัน คดีของสามบริษัทนี้จะเริ่มไต่สวนในเดือนมีนาคม 2013
คดีนี้เป็นคนละคดีกับที่คณะลูกขุนตัดสินให้ซัมซุงแพ้นะครับ แต่เป็นคดีที่แอปเปิลยื่นฟ้องซัมซุงในสหรัฐและอยู่ในศาลเดียวกันด้วย
ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของคดีนี้คือ ซัมซุงเพิ่ม iPhone 5 ลงในคำฟ้องสิทธิบัตร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา และล่าสุดแอปเปิลก็เตรียมยื่นเอกสารต่อศาล ขอเพิ่ม Galaxy Note 10.1 และ Galaxy Nexus รุ่นที่ใช้ Jelly Bean ลงในคำฟ้องด้วย นอกจากนี้แอปเปิลยังระบุว่าอยากเพิ่มอุปกรณ์อีก 17 รุ่นลงในคำฟ้อง โดยอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้มาพร้อมปากกาสไตลัสแต่สามารถใช้สไตลัสได้ (ไม่บอกว่ามีอะไรบ้าง)
เส้นทางของคดีนี้ยังอีกยาวไกลมาก เพราะศาลนัดไต่สวนปี 2014 นู่นเลยครับ
Apple ถูกสั่งปรับเงิน 368.2 ล้านดอลลาร์ หลังแพ้คดีสิทธิบัตรกรณีการใช้ระบบสนทนา FaceTime
บริษัท VirnetX ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ได้ยื่นฟ้องต่อศาล Texas และกล่าวหาว่าระบบสนทนา FaceTime ของ Apple ซึ่งมีใช้งานทั้งบน iPhone, iPod Touch, iPad และเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ละเมิดสิทธิบัตรของตน 4 รายการ โดยเรียกร้องค่าเสียหาย 708 ล้านดอลลาร์
สิทธิบัตรของ VirnetX นั้นครอบคลุมการใช้งานโดเมนเนมเพื่อสร้างเครือข่ายส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเดิมที VirnetX ตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยจะช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และใช้เป็นช่องทางติดต่อสนทนากับลูกค้าอย่างปลอดภัย
Microsoft เพิ่งได้สิทธิบัตรใหม่เรื่องเทคนิคการตรวจสอบและนับผู้ชมรายการทีวีโดยการ"มอง"ผู้ชมผ่านทางกล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าของเนื้อหารายการสามารถเก็บสถิติ และควบคุมการรับชมเนื้อหา โดยอาศัยกล้องที่ติดอยู่กับอุปกรณ์แสดงผลและเซนเซอร์อื่นๆ
สิทธิบัตรนี้มิใช่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ หากแต่เป็นเทคนิคใหม่ในการตรวจสอบและนับผู้ชมรายการทีวี ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ใช้กล้องหน้าสำหรับอุปกรณ์พกพา, กล้องชนิดอื่นๆ หรือ Kinect สำหรับทีวีจอใหญ่, รับสัญญาณการทำงานจากแว่นตาชนิดพิเศษที่ผู้ชมรายการสวมใส่ เป็นต้น
วันนี้ (6 พ.ย. 2012) Apple ได้สิทธิบัตรเพิ่มอีก 29 รายการ โดยมีสิทธิบัตรเด่นๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้
Google เพิ่งได้สิทธิบัตรสำหรับสิ่งประดิษฐ์ใหม่เป็น "แผ่นรองจมูกสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ซึ่งปรับความแข็งได้ด้วยระบบไฟฟ้า" ซึ่งคาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนที่ตั้งใจทำมาเพื่อเสริมการใช้งาน Google Glass
Google กล่าวถึงที่มาของสิทธิบัตรนี้ว่าจะช่วยให้อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ศีรษะ โดยเฉพาะส่วนแสดงผลที่อยู่ใกล้ดวงตากระชับและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้ยิ่งขึ้น
ตามข้อมูลในสิทธิบัตร ผู้ใช้จะสามารถปรับความแข็ง-อ่อนของวัสดุส่วนที่เป็นแผ่นรองจมูกได้ด้วยสัญญาณไฟฟ้า โดยยกตัวอย่างการสั่งงานผ่านทางแถบสัมผัสซึ่งอยู่บริเวณขาแว่น
คดีนี้เป็นคดีที่แอปเปิลยื่นฟ้องโมโตโรลาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2010 (ก่อนกูเกิลซื้อโมโต) โดยยื่นฟ้องข้อหาโมโตโรลาละเมิดสิทธิบัตรต่อศาลเขตวิสคอนซิน (ข่าวก่อนหน้านี้ Apple จะยอมจ่ายค่าใช้งานสิทธิบัตรไร้สายของ Motorola แค่ 1 ดอลลาร์ต่อเครื่อง)
คดีอยู่ระหว่างการรอไต่สวนโดยทนายความจากฝั่งแอปเปิล แต่ยังไม่ทันไต่สวน ศาลก็พิพากษา "ยกฟ้องโดยห้ามให้ฟ้องใหม่" (dismiss with prejudice) ในศาลเขตอื่นๆ (แต่ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเขตนี้ได้)
ตัวแทนของกูเกิลออกมาแสดงความยินดีกับผลการตัดสินของศาล ส่วนตัวแทนของแอปเปิลปฏิเสธการให้ความเห็น
เมื่อศาลบอกว่าแอปเปิลต้องแก้หน้าเว็บใน 48 ชั่วโมง (ข่าวเก่า) ตอนนี้แอปเปิลก็ได้ลบหน้าเว็บเรียบร้อยแล้ว (หากเข้าไปตามลิ้งก์จะ redirect ไปยังหน้าหลัก) และซื้อพื้นที่โฆษณาลงคำขอโทษซัมซุงในหนังสือพิมพ์ The Guardian ฉบับเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยแอปเปิลลงไว้ใจความว่า
หลังจาก Motorola ยินยอมออกไลเซนส์สำหรับสิทธิบัตรเทคโนโลยีไร้สายให้ Apple ล่าสุดทาง Apple ออกมาบอกว่ายินดีจ่ายค่าไลเซนส์ให้แก่ Motorola ที่ราคา 1 ดอลลาร์ ต่อ iPhone 1 เครื่องเท่านั้น
มูลค่าไลเซนส์ที่ Apple ยินดีจ่ายนี้ น้อยกว่าตัวเลขที่ Motorola ต้องการอยู่ไม่น้อย โดยก่อนหน้านี้ Motorola ได้แสดงความต้องการส่วนแบ่ง 2.25% ของรายได้จากการขาย iPhone ทั้งหมด
SurfCast บริษัทพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ตั้งอยู่ที่เมืองพอร์ตแลนด์ในสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องไมโครซอฟท์ที่ละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Live Tiles โดยระบุว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้ละเมิดสิทธิบัตรนั้นประกอบด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 8/RT, Windows Phone และแท็บเล็ต Surface with Windows RT นอกจากนั้น SurfCast ยังระบุว่าแอพที่ถูกส่งขึ้น Windows Store จะละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าวอีกด้วย
Apple เพิ่งได้รับสิทธิบัตรฉบับใหม่สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (30 ต.ค. 2012) ว่าด้วยเรื่องอุปกรณ์, วิธีการ, และส่วนติดต่อผู้ใช้งาน ของแผนที่, การระบุตำแหน่ง และระบบนำทาง สำหรับอุปกรณ์หน้าจอสัมผัส ซึ่งสิทธิบัตรฉบับนี้ถูกยื่นขอไปตั้งแต่ปี 2008 ก่อนการเปิดตัว iPhone 3G เพียงเล็กน้อย
ในช่วงเวลาที่ Apple ยื่นขอสิทธิบัตร การใช้งานแผนที่และระบบนำทางสำหรับอุปกรณ์พกพาจำเป็นต้องพึ่งปุ่มกดต่างๆ ซึ่งทำให้อุปกรณ์ดูเทอะทะและยุ่งยากต่อการใช้งาน ทำให้ Apple คิดที่จะทำส่วนติดต่อผู้ใช้งานแบบใหม่โดยนำจุดเด่นของจอสัมผัสที่สามารถสั่งการได้หลายรูปแบบและง่ายต่อการจดจำมาแทนปุ่มกดแบบเดิมๆ
บริษัท Dynamic Advances (ซึ่งว่ากันว่าเป็นบริษัทที่หากินกับการไล่ฟ้องสิทธิบัตร) ยื่นฟ้องแอปเปิลว่า Siri ละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing) ของตัวเอง
อย่างไรก็ตามสิทธิบัตรหมายเลข 7,177,798 ที่อยู่ในคำฟ้องไม่ใช่สิทธิบัตรที่คิดค้นโดย Dynamic Advances แต่บริษัทซื้อมาจากสถาบัน Rensselaer Polytechnic Institute ในนิวยอร์กอีกทึหนึ่ง
ที่น่าสนใจคือสิทธิบัตรใบนี้ออกในปี 2007 ให้กับอาจารย์และนักศึกษาของสถาบันในขณะนั้น ซึ่งนักศึกษาเป็นคนไทยชื่อ Veera Boonjing ด้วยครับ
ที่มา - The Register
อีกหนึ่งคดีระหว่างซัมซุงกับแอปเปิลในเนเธอร์แลนด์ครับ คดีนี้เกี่ยวกับสิทธิบัตรมัลติทัช ซึ่งแอปเปิลกล่าวหาว่าซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร pinch-to-zoom ของตัวเอง
ศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินเมื่อวานนี้ว่า ซัมซุงไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของแอปเปิลในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผลการตัดสินแบบเดียวกับศาลอังกฤษและเยอรมนีต่อสิทธิบัตรชิ้นเดียวกัน
ที่มา - รอยเตอร์ส
TiVo ยื่นฟ้อง Motorola ในความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี DVR (ย่อมาจาก digital video recorder หรือเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิทัล) พร้อมระบุว่าหาก TiVo ชนะคดีนี้อาจได้รับการการชดเชยความเสียหายมูลค่าสูงหลายพันล้านดอลลาร์
คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการที่ TiVo ได้ยื่นฟ้อง Motorola และ Cisco ในความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี DVR ด้วยการผลิตกล่องเซ็ตท็อปให้แก่ Time Warner Cable ซึ่งในภายหลังศาลมีความเห็นให้แยกคดีออกเป็น 2 ส่วน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการพิจารณาคดี และล่าสุด TiVo ได้ยื่นฟ้อง Motorola เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Metro ของอังกฤษว่า "วัฒนธรรมการฟ้องสิทธิบัตร" ในโลกไอทีกำลังทำลายนวัตกรรมและสังคมลง และเขาเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ออกกฎหมายเรื่องสิทธิบัตรใหม่ ปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อปิดโอกาสไม่ให้เกิดสงครามสิทธิบัตรขึ้นอีก
เขายังบอกว่าเขารักเทคโนโลยี รักการประดิษฐ์ รักความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวงการนี้ ตอนนี้ถือเป็นยุคทองของอุปกรณ์พกพาและอุปกรณ์ไร้สาย ไม่ควรมีอะไรขวางกั้นนวัตกรรมเหล่านี้
ที่มา - Metro