Facebook เปิดตัวเครื่องมือใหม่สำหรับการจัดการการใช้เวลาในโซเชียลเน็ตเวิร์คใน Facebook และ Instagram โดยสำหรับ Facebook จะอยู่ในเมนู Your Time on Facebook และ Instagram จะอยู่ในเมนู Your Activity ใน Settings
ฟีเจอร์นี้จะแสดงแดชบอร์ดเวลาเฉลี่ยที่ใช้งานแอพบนอุปกรณ์นั้น สามารถแตะเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เวลาทั้งหมดสำหรับวันนั้นได้ และด้านล่างของแดชบอร์ดจะสามารถตั้งกำหนดเวลาใช้งานเพื่อให้แจ้งเตือนในตอนที่ใกล้หมดเวลาใช้งานแอพ และยังมีฟีเจอร์จำกัดการแจ้งเตือน คือภายใต้ Notification Settings สามารถกดปุ่ม Mute Push Notifications ได้ เพื่อให้ Facebook และ Instagram จำกัดการแจ้งเตือนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
Facebook ประกาศว่าได้พบบั๊กในระบบ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนค่าผู้ใช้บางคนที่ถูกบล็อกอยู่ให้กลายเป็นไม่ถูกบล็อก โดยบั๊กนี้พบในช่วงระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 5 มิถุนายน กระทบกับผู้ใช้งานราว 8 แสนคน ซึ่ง Facebook บอกว่าได้เริ่มแจ้งผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบนี้แล้ว
ลักษณะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น Facebook บอกว่า แม้จะถูกปลดบล็อกไป แต่คน ๆ นั้น ก็ยังไม่เห็นโพสต์ในระดับแชร์เฉพาะเพื่อน จะเห็นที่ระดับเพื่อนของเพื่อน (ซึ่งปกติต้องไม่เห็น) และ Facebook กล่าวขอโทษกับบั๊กดังกล่าว โดยยอมรับว่าการบล็อกนั้นเป็นเรื่องสำคัญของผู้ใช้งาน
จากที่ก่อนหน้านี้ Facebook ทดลองการใช้งานปุ่ม down vote เพื่ออำนวยความสะดวกในการรายงานความเห็นที่ไม่เหมาะสมในบางเพจ และไม่ได้แสดงผลเป็นจำนวน down vote นั้น
ล่าสุด Facebook ปรับปรุงรูปแบบการใช้งาน down vote ใหม่ ครั้งนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องกดรายงานความเห็นแล้ว (แต่หากต้องการก็ยังสามารถรายงานใน hamburger menu ได้ตามปกติ) และจำนวนความเห็นทั้งที่กด up vote และ down vote จะแสดงข้างปุ่มเป็นสีน้ำเงินและแดงตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ไม่สามารถดูรายชื่อผู้กด vote ได้ ต่างกับการกด reaction ที่รายงานชื่อแยกตามปุ่มที่กำหนดด้วย
เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ Instagram เปลี่ยนมาใช้อัลกอรึทึมเพื่อจัดลำดับฟีดโดยไม่เรียงตามลำดับเวลา ทำให้ผู้ใช้บางรายเกิดความสับสนต่อเนื้อหาที่ปรากฏบนฟีด
ล่าสุด Instagram ออกมาอธิบายว่ามีกระบวนเรียงลำดับฟีด โดยอาศัยปัจจัยหลักสามอย่าง ได้แก่
ทีมงาน TechCrunch ได้พบโค้ดของ Instagram บน Android โดยมีฟีเจอร์ที่ยังไม่เปิดตัวคือ Usage Insights ซึ่งเป็นการรายงานว่าเราใช้งาน Instagram มาก-น้อย-ถี่ แค่ไหน ซึ่งมาในทิศทางเดียวกันกับกูเกิลที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ลดการเสพติดมือถือ
Kevin Systrom ซีอีโอ Instagram ทวีตยืนยันเรื่องนี้ โดยบอกว่าเครื่องมือนี้จะช่วยให้คนในชุมชน Instagram เข้าใจเวลาและพฤติกรรมที่ตนใช้งาน Instagram มากยิ่งขึ้น และถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่ทำแอพเหล่านี้
ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าเมื่อมีการรายงานเวลาที่ใช้แล้ว ตัวแอพ Instagram เองจะให้คำแนะนำต่อผู้ใช้งานอย่างไร ก็ต้องรอดูฟีเจอร์นี้เปิดตัวเต็มรูปแบบอีกที
Klout บริการคิดคะแนนความนิยมทางโซเชียลที่อิงจากจำนวนผู้ติดตามในช่องทางต่างๆ บริการตัวนี้เคยฮิตในบ้านเราอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ล่าสุดประกาศปิดตัวแล้ว
Klout ถูกซื้อกิจการโดยบริษัท Litium ในปี 2014 ด้วยมูลค่าถึง 200 ล้านดอลลาร์ แต่เวลาผ่านไป 4 ปีก็ได้เวลาปิดตัวลง
ต้นสังกัด Lithium เป็นบริษัทด้านบริการลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียล โดย Lithium บอกว่าซื้อ Klout มาและได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้าน AI และ machine learning แต่ตัวบริการของ Klout กลับไม่สอดคล้องกับทิศทางในภาพใหญ่ของบริษัท จึงตัดสินใจปิดบริการในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
ประเด็นข้อมูลหลุดของ iTruemart บน S3 ยังเป็นที่สนใจของบ้านเรา แต่เคสแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกิดขึ้นมาแล้วบ่อยครั้ง
ล่าสุดมีนักวิจัยความปลอดภัย Chris Vickery จากบริษัท UpGuard ค้นพบสตอเรจบน S3 ที่เปิดเป็น public bucket และมีข้อมูลส่วนบุคคลเยอะถึง 48 ล้านบัญชี ขนาดไฟล์รวม 1.2TB
ข้อมูลนี้เป็นของบริษัทข้อมูลชื่อ Localbox ที่แทบไม่มีใครรู้จัก แต่ทำธุรกิจด้านเก็บสะสมข้อมูลผู้ใช้จากโซเชียลยี่ห้อต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn รวมถึงเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ Zillow ด้วย โมเดลธุรกิจของ Localbox ชัดเจนว่านำข้อมูลไปขายเพื่อการโฆษณา และหน้าเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่ามีอีเมลของผู้ใช้งาน 650 ล้านอีเมล ที่ยืนยันตัวตนได้ว่าเป็นใคร
ทางการ California ร่างกฎหมายที่จะบังคับผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter มีหน้าที่ต้องตรวจสอบและรายงานภาครัฐว่ามีบัญชีผู้ใช้ใดบ้างที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติไม่ได้มีคนเป็นผู้ใช้งานจริงๆ
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็มาจากประเด็นข่าวปลอมปั่นกระแสจากทางรัสเซียที่แพร่ระบาดบน Facebook ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบัญชี Facebook ปลอมที่ไม่ได้มีผู้ใช้งานจริง หากแต่เป็นบอตที่ทำหน้าที่เพียงคอยกระพือโหมการแพร่ข้อมูลและข่าวต่างๆ ซึ่งทางการ California มองว่าเจ้าของแพลตฟอร์มมีหน้าที่ต้องดูแลเรื่องนี้
จากประเด็นที่ Elon Musk ได้สั่งปิดเพจ Tesla และ SpaceX เพราะไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ข้อมูลผู้ใช้ Facebook หลุด 50 ล้านบัญชี เขาได้ทวีตพูดคุยกับผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกหลายทวีต และพอจะมีประเด็นที่น่าสนใจเลยเอามาสรุปอีกทีครับ
เรื่องแรกคือมีคนทวีตไปหา Elon โดยขุดข่าวเก่าที่ Facebook เคยว่าจ้าง SpaceX ให้ปล่อยดาวเทียมเมื่อเดือนกันยายน 2016 แต่จรวด Falcon 9 กลับระเบิดคาฐานระหว่างทดสอบติดเครื่อง (static fire test) ส่งผลให้ดาวเทียม Amos-6 ของ Facebook เสียหายทั้งหมด ซึ่ง Elon ก็ตอบกลับไปว่า "ผมผิดเองที่งี่เง่า แต่เราก็ได้ยิงจรวดให้ฟรีเป็นการตอบแทนแล้วนะ และพวกเขา [Facebook] น่าจะมีประกันแหละ"
จากเหตุการณ์อื้อฉาวของ Facebook ที่มีข้อมูลผู้ใช้หลุด 50 ล้านบัญชี ก่อให้เกิดกระแส #DeleteFacebook ชักชวนให้ปิดบัญชี Facebook ของเราทิ้ง
ล่าสุด Elon Musk ได้สั่งปิดเพจของ Tesla และ SpaceX แล้ว โดยเหตุการณ์เริ่มจากทวีตของ Brian Acton ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp ที่ออกมาสนับสนุนกระแส #DeleteFacebook เมื่อสามวันก่อน และ Elon Musk ได้ตอบทวีตของ Brian เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า "อะไรคือ Facebook?" จากนั้นมีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งท้ากลับไปหา Elon ว่า "ลบเพจของ SpaceX ออกจาก Facebook สิถ้าแน่จริง" ซึ่ง Elon ก็รับคำท้า และทวีตว่า "ผมไม่รู้นะว่ามีเพจนี้ด้วย จะลบมัน"
Snapchat เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Stories คือการแท็กผู้อื่นโดยการใช้ @ พร้อมกับลิงก์ไปยังโปรไฟล์ เพื่อให้สามารถเมนชั่นกันภายใน Stories ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ตัวแทนของ Snapchat ยืนยันกับ TechCrunch ว่ากำลังทดสอบฟีเจอร์นี้อยู่จริง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งฟีเจอร์นี้ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Snapchat ลอก Instagram หลังจากที่ทำไปก่อนหน้ากับฟีเจอร์ภาพเคลื่อนไหว GIF เพราะที่ผ่านมา Facebook และ Instagram ลอกฟีเจอร์จาก Snapchat ไปเยอะมากแล้ว
การลด reach ของเฟซบุ๊ก เริ่มมีผลกระทบต่อสื่อออนไลน์ต่างๆ แต่รายงานล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์สื่อออนไลน์ SocialFlow แสดงให้เห็นว่าทวิตเตอร์อาจจะเป็นความหวังของสื่อออนไลน์ในการดึงทราฟิกคนเข้ามายังเว็บ
SocialFlow ติดตามสื่อรายใหญ่กว่า 300 รายรวม 10.1 ล้านโพส และ 2,800 ล้านคลิกพบว่าเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนคลิกต่อโพสบนเฟซบุ๊กเฉลี่ยสูงถึง 470 คลิกต่อโพส ขณะที่ทวิตเตอร์นั้นมีประสิทธิภาพเพียง 100 คลิกต่อโพสเท่านั้น แต่แนวโน้มโดยรวมของทั้งสองแพลตฟอร์มกลับสวนทางกัน ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ประสิทธิภาพของเฟซบุ๊กกลับเหลือประมาณ 400 คลิกต่อโพส ขณะที่ทวิตเตอร์มีประสิทธิภาพดีขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึง 170 คลิกต่อโพสในเดือนมกราคม
Instagram ได้เพิ่มของใหม่ใน Feed นั่นคือโพสต์แนะนำ หรือ Recommended for You โดยจะแสดงโพสต์ที่ Instagram คิดว่าเราน่าจะสนใจจากคนที่เราไม่ได้ติดตาม และมีการแสดงข้อความประกอบว่าเป็นโพสต์แนะนำ ซึ่งเราสามารถกดซ่อนได้
ทั้งนี้ Instagram ไม่ได้ออกมาอธิบายการเปลี่ยนแปลงแบบทางการ มีเพียงในหน้า Help ที่อธิบายว่าที่บอกว่า Recommended for You จะแสดงโพสต์โดยคำนวณจากโพสต์ที่เราเคย Like ของคนที่เราติดตามอยู่ปัจจุบัน
ข่าวดีสำหรับคนที่รู้สึกว่า ปกติก็มีโพสต์โฆษณาแทรกอยู่แล้ว โพสต์แนะนำอย่างนี้จะเบียดเบียนพื้นที่หรือไม่? โฆษกของ Instagram ได้อธิบายส่วนดังกล่าวจะเริ่มแสดงขึ้นมาเมื่อเราดูโพสต์ทั้งหมดใน Feed ไปเรียบร้อยแล้ว
ในประเทศอินเดีย WhatsApp เป็นแอพที่ได้รับความนิยมสูงมาก ประเมินว่ามีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนสูงเกือบเท่ากับจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่นั่น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ WhatsApp มีผู้ใช้ในอินเดียสูงมากนั้น อาจจะมีคำตอบที่คุ้นๆ หน่อยคือ ผู้สูงอายุที่อินเดียชอบ WhatsApp มาก
Pranav Dixit ผู้สื่อข่าวของ BuzzFeed ได้พยายามหาคำตอบว่าทำไม ซึ่งพบว่าคนแก่นั้นพบว่า WhatsApp ช่วยให้พวกเขาพบเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ได้พูดคุยกับคนในครอบครัว ได้เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ ส่วนกิจกรรมหลักที่นิยมกันก็คือส่งต่อข้อความ ไม่ว่าจะเป็นภาพมีม, วิดีโอ, GIF ขำขัน, ภาพสวัสดีตอนเช้า ตลอดจนข้อความข่าวลือข่าวลวงทั้งหลาย
Snap เปิดตัวแอพบนเดสก์ท็อปแอพแรก Lens Studio ออกแบบมาเพื่อใช้งานเพื่อ Snapchat Lens โดยเฉพาะ ซึ่ง Lens ของ Snapchat นี้มีลักษณะเหมือนกับฟิลเตอร์บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ คือใช้ในการตกแต่งรูปภาพเพื่อสร้างความสนุกสนานในการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค
Lens Studio มีสำหรับทั้งบน Mac และ Windows โดยมาพร้อมกับเครื่องมือและคำแนะนำในการสร้าง Lens ใช้งานกับ Snapchat ใช้ได้ตั้งแต่ระดับนักเรียน, นักสร้างสรรค์ จนถึงนักพัฒนาโปรแกรม สร้างได้ตั้งแต่ภาพเคลื่อนไหวสองมิติธรรมดาไปจนถึงงานระดับโปร
เมื่อผู้ใช้สร้าง Lens จาก Lens Studio เสร็จแล้ว ก็จะมี Snapcode ให้ด้วย สามารถนำ Lens ที่สร้างเสร็จแล้วไปแชร์ที่ไหนก็ได้ผ่าน Snapcode เพียงสแกนด้วย Snapchat ก็สามารถเข้าถึง Lens ที่สร้างขึ้นมาได้ทันที
เมื่อเดือนที่แล้วมีข่าวว่า Twitter กำลังทดสอบฟีเจอร์ทวีตพร้อมกันเป็นชุดเดียว ล่าสุดได้เปิดให้ใช้งานกันได้อย่างเป็นทางการแล้ว
ผู้ใช้สามารถเชื่อมหลายๆ ทวีตให้กลายเป็นชุดเดียวกันได้ เมื่อพิมพ์ทวีตแรกเสร็จแล้ว หากต้องการเพิ่มทวีตใหม่ใน thread ให้กดปุ่มเครื่องหมาย + โดยแต่ละทวีตไม่เกิน 280 ตัวอักษร เมื่อสร้างชุดทวีตเสร็จแล้ว เพียงแค่กดปุ่ม Tweet all ระบบก็จะส่งทวีตชุดนี้เข้าไปให้ทันที ส่วนบนหน้าไทม์ไลน์หากทวีตนั้นเป็นชุดจะมีเมนู Show this thread ให้เข้าไปอ่านทวีตทั้งหมด และหากต้องการเพิ่มทวีตใหม่ในชุดนั้น กดปุ่ม Add another Tweet ก็สามารถเพิ่มเข้าไปได้
ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานแล้วบนแอพ Twitter บน iOS, Android และบนเว็บ Twitter.com
ที่มา : Twitter Blog
TechCrunch รายงานว่า Twitter กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ แสดงตัวเลขผู้ใช้ที่มี engagement กับโพสต์ซึ่งอาจเป็นโพสต์ของคนดังและคนที่มีผู้ติดตามมาก โดยรวบเอาจำนวนคนรีทวีตและคนตอบกลับมาไว้ด้วยกัน
ตัวเลขจะปรากฏขึ้นใต้โพสต์ Twitter แทนตำแหน่งจำนวนคนรีทวีต Dan Jackson โฆษก Twitter ระบุว่า การทดลองฟีเจอร์ดังกล่างเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Twitter ในการสำรวจวิธีการใหม่ๆ ในบริบทของโซเชียลมีเดียมากขึ้น
ปัจจุบันนี้หากต้องการทวีตเรื่องราวที่เกิน 280 ตัวอักษร ก็ต้องใช้การตอบ reply ทวีตของตัวเองเพื่อให้มันเป็นชุดทวีตเดียวกัน สามารถอ่านได้สบายขึ้น การทำแบบนี้ผู้ใช้ Twitter จะเรียกว่า twetstrome ล่าสุด เว็บไซต์ Android Police ค้นพบว่าแอพ Twitter บน Android เวอร์ชัน alpha กำลังมีการทดสอบให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ทวีตเป็น thread รอไว้ก่อนแล้วส่งไปพร้อมกันทีเดียวได้
ภายในหน้าจอของฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้จะสามารถสร้างทวีตให้เชื่อมต่อกัน โดยแต่ละทวีตยังคงใช้ตัวอักษรได้ไม่เกิน 280 ตัวอักษรเช่นเคย หากต้องการเพิ่มทวีตใหม่ใน thread ก็กดปุ่ม + ที่อยู่ข้างๆ ตัวบอกจำนวนทวีต และเมื่อจะส่งทวีตชุดนี้ กดปุ่ม Tweet all ได้เลย ทำให้ผู้ที่ติดตามสามารถอ่านทวีตชุดนี้พร้อมกันได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเจ้าของทวีตพิมพ์ทีละทวีตนั่นเอง
สำหรับฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงการทดสอบอยู่ อาจจะมีการเปิดให้ใช้งานกับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น และยังไม่มีกำหนดการเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ
ที่มา : Android Police
เป็นที่ทราบกันว่า Stories ใน Instagram สามารถเพิ่มภาพนิ่งที่ถ่ายไว้ในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หากรูปนั้นถ่ายไว้นานกว่านี้จะนำเข้ารุปลง Stories ไม่ได้ เพราะถือว่าเก่าแล้ว ไม่ตรง concept ของฟีเจอร์ที่ต้องการให้ผู้ใช้แชร์เรื่องราวใน 1 วันของตัวเอง
ล่าสุด ผู้ใช้สามารถเพิ่มรูปถ่ายที่ถ่ายไว้นานกว่า 1 วันลง Stories ได้แล้ว หรือสามารถใส่รูปใดก็ได้จากแกลอรี่รูปภาพไม่ว่าจะถ่ายไว้นานแค่ไหนก็ตาม
อย่างที่รู้กันดีว่า Facebook Lite เป็นแอพที่มีขนาดเบาและเร็ว จนบางคนที่ใช้แอพหลักหันมาใช้แอพรุ่น Lite เพราะทั้งประหยัดทั้งแรม, พื้นที่, แบตเตอรี่ หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ แต่ด้วยความประหยัด ต้องสูญเสียฟังก์ชั่นบางอย่างออกไป หนึ่งในนั้นคือ Stories
Stories ถูกใส่เข้ามาบนแอพ Facebook ตัวหลักตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเว็บบนเดสท็อปในเดือนสิงหาคม ตอนนี้มาถึงคิวของแอพ Facebook Lite ที่ตอนนี้มี Stories แล้วในเวอร์ชั่น 65
The Guardian เผย Facebook กำลังทดลองระบบใหม่บน News Feed โพสต์จากเพื่อนๆ และโฆษณา กับโพสต์จากเพจแยกออกจากกัน ทดลองใน 6 ประเทศคือ โบลิเวีย กัวเตมาลา กัมพูชา สโลวาเกีย เซอร์เบีย และศรีลังกา เริ่มทดลองตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ตุลาคม) ด้านผู้ใช้งานในพื้นที่พบยอด reach และ engagement บนสำนักข่าวและเพจเล็กๆ หายไปประมาณ 60-80%
Filip Struhárik นักข่าวจากสำนักข่าว Dennik N ในสโลวาเกียเผยว่า ยอด engagement บนเพจข่าวลดลงหมดทุกแห่ง CrowdTangle ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลระบุว่า ประมาณ 60 เพจพบยอด organic reach ลดลงเป็น 3 เท่าภายในไม่กี่วัน ด้านโพสต์ที่ได้รับการโปรโมทไม่พบว่าได้รับผลกระทบเหมือนเพจเล็กๆ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อกรณีแคมเปญโฆษณาจากรัสเซียบนโซเชียลมีเดียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ขณะนี้ออกกฎหมายการโฆษณาออนไลน์ออกมาโดยมีเนื้อหาคร่าวๆ คือ โซเชียลมีเดียนั้นๆ ต้องเปิดเผยสำเนาการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ข้อมูลผู้ใช้ที่ถูกกำหนดเป็นเป้าหมายของโฆษณาเหล่านี้ ข้อมูลองค์กรที่ซื้อโฆษณา และค่าใช้จ่าย เปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
Leila (นามสมมติ) เป็นผู้ใช้ Facebook มี 2 บัญชี บัญชีหนึ่งบรรจุข้อมูลจริงของเธอ ทั้งอีเมลที่ติดต่อได้ บริเวณที่อยู่อาศัย (แคลิฟอร์เนีย) มีความแอคทีฟและแชร์ข่าวสารบนไทม์ไลน์ตามปกติ ส่วนอีกบัญชีเธอสร้างขึ้นเพื่อติดต่อขายบริการทางเพศ ไม่ได้ใช้อีเมลและเบอร์โทรศัพท์เดียวกันกับบัญชีแรก และไม่โพสต์อะไรทั้งสิ้น
แต่ Facebook ก็ยังแนะนำบุคคลที่คุณอาจรู้จัก ที่เป็นบรรดาลูกค้าของเธอมาให้ ทั้งที่ใส่ข้อมูลอีกแบบหนึ่งลงไปตอนสมัครใช้งาน
Leila บอกกับนักข่าวผ่าน Skype ว่าไม่เพียงคนขายบริการทางเพศที่คอยระวัง ปิดบังตัวตนบนโซเชียลมีเดีย คนที่มาใช้บริการก็เช่นกัน บางครั้งพวกเขามีโทรศัพท์อีกเครื่อง ที่ใช้สำหรับซื้อบริการโดยเฉพาะ และฝันร้ายของพวกเรา คนขายบริการและคนซื้อ คือมีชื่อจริงตัวตนจริงไปโผล่ในโซเชียลมีเดีย และเชื่อมโยงคนอื่นๆ มาให้คุณรู้จัก แม้จะใช้เบอร์โทรและอีเมลต่างกัน แต่ทำไมเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้น
LinkedIn โซเชียลเน็ตเวิร์คภายใต้ Microsoft ได้เริ่มหาหนทางทำเงินใหม่ นั่นคือการขายโฆษณาในรูปแบบวิดีโอเล่นอัตโนมัติ
สำหรับวิดีโอโฆษณาแบบใหม่ของ LinkedIn นี้ จะปรากฏเหมือนกับวิดีโออื่น ๆ บน LinkedIn ซึ่งทางบริษัทกล่าวว่าวิดีโอนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าคอนเทนต์ในแบบอื่น ๆ บน LinkedIn โดยวิดีโอนั้นถูกแชร์บ่อยกว่าโพสต์แบบอื่นถึง 20 เท่า ซึ่งแน่นอนว่าโฆษณาแบบวิดีโอจะต้องแพงกว่าโฆษณาแบบอื่น
ไมโครซอฟท์เคยประกาศไว้ไม่นานนี้ว่า แว่น Mixed Reality จะรองรับการเล่นเกมบนแพลตฟอร์ม SteamVR ล่าสุดนักพัฒนาสามารถใช้งาน Windows Mixed Reality SteamVR รุ่นพรีวิวเพื่อทดสอบเกมของตัวเองได้แล้ว ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะเริ่มใช้งานได้ช่วงปลายปีนี้
สำหรับเกมที่ไม่อยู่บน SteamVR จะยังมีให้บริการบน Microsoft Store (ชื่อใหม่ของ Windows Store) อีกช่องทางหนึ่ง โดยจะเปิดบริการพร้อม Windows 10 Fall Creators Update ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ พร้อมกับแว่น Mixed Reality ของแบรนด์ต่างๆ ที่จะเริ่มส่งสินค้าในวันเดียวกัน