เหตุการณ์วันนี้แสดงความจำเป็นของการอัพเกรดบล็อกอีกครั้ง จากการรายงานข่าวเดียวกัีนถึงสามครั้ง และมีรายงานครั้งแรกก่อนรายงานที่ได้ขึ้นหน้าแรกกว่าสามชั่วโมง
ผมได้คาดคิดไว้ก่อนแล้วว่าจะมีปัญหานี้เกิดขึ้น และกำลังวางแผนการแก้ไข โดยการให้สมาชิกที่มีสิทธิเขียนข่าวอยู่แล้ว สามารถย้ายเอกสารขึ้นหน้าแรกได้อย่างอิสระ พร้อมกันการใส่ Category ให้กับข่าวนั้นๆ แต่ข่าวในวันนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการอัพเกรดที่วางแผนไว้นี้
หลังจากโดนกลุ่มแฮกเกอร์มือดีที่ใช้ชื่อว่า TheSpecialist ประกาศความสำเร็จในการแฮก Xbox 360 ให้เล่นแผ่นไรต์ได้ไปก่ิอนหน้านี้ ด้วยการแฮกเฟิร์มแวร์บนไดร์ฟออปติคอล ผู้ที่ซื้อ Xbox 360 รุ่นใหม่ๆ จะพบว่าบนบอร์ดไดร์ฟดีวีดีนั้นถูกทากาวสีดำไว้บนตัวเฟิร์มแวร์เรียบร้อยแล้ว
แม้ความพยายามนี้จะมีเพื่อป้องกันการแฮกในอนาคต แต่เชื่อได้ว่าวิธีการง่ายๆ อย่างนี้ไม่น่าจะทำให้เหล่าแฮกเกอร์ที่จ้องหาทางอยู่้หมดหวังแต่อย่างใด
เมื่อการแข่งขันกำลังรุนแรงและตลาดแสดงศักยภาพอย่างเห็นได้ชัด ตลาดวีดีโอออนไลน์ก็เริ่มแผ่รัศมีของเม็ดเงินจำนวนมหาศาล มาให้เราได้เห็นกันเรื่อยๆ ล่าสุดเริ่มมีข่าวลือถึงการที่กูเกิลเข้าเจรจาซื้อ YouTube ด้วยมูลค่าถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ทาง YouTube ปฎิเสธที่จะไม่ให้ความเห็นใดๆ ต่อข่าวลือ
โครงการ Defective by Design ประกาศให้เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นวันต่อต้าน DRM สากล ด้วยการหาแนวร่วมให้กระจายความรู้ว่าการใช้ DRM นั้นมีข้อเสียอย่างไรบ้าง โดยผู้ที่เข้าร่วมจะใส่ชุดกันเชื้อโรคเพื่อเผยแพร่ความรู้นี้ไปทั่วโลก
โครงการ Defective by Design นี้ก่อตั้งโดย Free Software Foundation ที่รู้กันว่าริชาร์ด สตอลแมนนั้นเกลียด DRM อย่างมาก ถึงกับใส่ส่วนที่ทำให้ GPLv3 ไม่เข้ากับการใช้ DRM อย่างเต็มรูปแบบ
เรื่องแปลกๆ เรื่องหนึ่งคือคำขวัญของโครงการนี้ เป็นคำพูดของ Peter Lee ผู้บริหารดิสนีย์ ที่ระบุว่า
"If consumers even know there's a DRM, what it is, and how it works, we've already failed" - Peter Lee.
ทุกวันนี้หลายๆ คนอาจจะริปดีวีดีไว้ดูในเครื่องกันเป็นเรื่องปรกติ ทั้งที่แผ่นดีวีดีนั้นมีมาตรฐานการเข้ารหัสที่ค่อนข้างแน่นหนา เรื่องนี้สำเร็จได้เพราะชาวนอร์เวย์ที่ชื่อว่า Jon Lech Johnasen หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า DVD Jon ในเวลานั้นเขาถูกฟ้องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างหนัก แต่สุดท้ายก็หลุดจากข้อกล่าวหานั้นมาได้
ในตอนนี้ DVD Jon ก็กลับมาอีกครั้ง ด้วยการแกะมาตรฐาน FairPlay ของแอปเปิล แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้แกะมาตรฐานนี้เพื่อที่จะถอดระบบป้องกันการทำสำเนานี้แต่อย่างใด แต่เป็นการแกะมาตรฐานเพื่อขายให้บริษัทที่ต้องการขายบริษัทที่ต้องการให้เพลง หรือภาพยนตร์ของตนสามารถใช้งานบนไอพ็อดได้โดยไม่ต้องผ่านทางแอปเปิลอีกต่อไป
ปัญหาสิทธิบัตรไฟล์ GIF นั้นเป็นปัญหาเรื้อรังกันมานาน เนื้องจากตัวฟอร์แมตและอัลกอลืธึ่มนั้นติดสิทธิบัตรจากทางบริษัท Unisys และ IBM ก่อนหน้านี้ทาง Unisys เคยพยายามเรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาโปรแกรมที่ใช้อัลกอลิธึ่มในไฟล์ GIF มาแล้ว แต่สิทธิบัตรของทาง Unisys นั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อสองปีก่อน
แต่ด้วยเหตุผลบางประการไอบีเอ็มนั้นได้รับสิทธิบัตรในอัลกอลิธึ่มเดียวกันในภายหลัง แม้ไอบีเอ็มจะไม่มีการแสดงท่าทีว่าจะพยายามเรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาเช่น Unisys แต่การมีสิทธิบัตรในฟอร์แมตทำให้โลกฝั่งโอเพนซอร์สจำนวนมากไม่ยอมรับไฟล์ GIF ไป แต่นับจากวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเป็นวันสิ้นสุดของการเรียกร้องให้ลดการใช้ไฟล์ GIF อย่างแท้จริง เนื่องจากสิทธิบัตรทั้งหมดจะหมดอายุลง
หลังจากที่เมื่อเช้ากูเกิลก็ประกาศเปิดตัว Google Reader โฉมใหม่ แม้อาจจะไม่สามารถเรียกเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ได้ เพราะตัวแรกของกูเกิลนั้นอินเทอร์เฟชแย่มากจนใช้งานจริงแทบไม่ได้ แต่การกลับมาครั้งนี้ อาจจะเป็นการแสดงความสามารถของกูเกิลอีกครั้งในการดึงผู้ใช้จากบริการคู่แข่ง เช่น Bloglines เช่นเดียวกับที่ Gmail ได้ดึงผู้ใช้จาก Yahoo!
ดูไปแล้วเริ่มเข้าใจว่าสองสตีฟนี่ต่างกันจริงๆ สงสัยต้องไปหา iWoz มาอ่านมั่ง แต่ท่าจะอ่านภาษาอังกฤษดีกว่า เจอ The Google Story กับ iCon เข้าไปแล้ว เซ็งคุณภาพการแปล ลาขาดเลย..
เคยมีคนถามไปยังโครงการ OCW ของ MIT ว่าทำไมไม่เปิดให้ดาวน์โหลดวีดีโอเยอะๆ เพราะค่อนข้างมีประโยชน์ ทาง MIT ระบุว่าเป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการอัพโหลดวีดีโอขึ้นเว็บนั้นแพงมาก
Berkeley ใช้ Google Video แทนน่าจะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้เยอะ ส่วนกูเกิลเองนั้นก็คอนเทนต์เจ๋งๆ ไปเพียบ...
คำถามหนึ่งที่ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สไม่สามารถตอบได้ตลอดมา คือข้อสงสัยที่ว่าไลเซนส์แบบโอเพนซอร์สนั้นมีสภาพบังคับใช้จริงเพียงใด เนื่องจากยังไม่เคยมีคดีที่กฏหมายบังคับใช้จริงเลย
แต่จากนี้ไป อย่างน้อยๆ ในประเทศเยอรมนี ไลเซนส์แบบ GPL ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลบังคับใช้จริง เมื่อแฮกเกอร์คนหนึ่งชื่อ Harald Welte ได้ติดตามการละเมิด GPL แล้วพบว่าทางบริษัท D-Link นั้นได้ละเมิดไลเซนส์แบบ GPL เป็นจำนวนหลายรายการ
การละเมิด GPL ของ D-Link นั้นเกิดจากการที่ทาง D-Link นั้นไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นเป็นซอฟต์แวร์ GPL อีกทั้งไม่ได้ให้หนทางเข้าถึงซอร์สโค้ดไว้อย่างชัดเจน
หลังจากพยายามเหนี่ยวนำให้สมาิชิกโพสบทความเป็นครั้งแรกในฟอรั่มก่อนที่จะขึ้ันหน้าแรก ผมพบว่าความพยายามนั้นค่อนข้างจะไม่ได้ผล อาจจะเป็นเพราะความไม่สะดวกอะไรหลายๆ อย่าง
อีกเรื่องหนี่งคือ Blognone ยังมีความเป็นผมกับมาร์คมากจนเกินไป ตรงนี้ยังขัดใจผมตลอดมาเพราะผมเองเชื่อว่า Blognone ควรเติบโตไปในทางที่มีร่วมมือกันเป็นปริมาณสูง ที่ผมเชื่อคือคนที่มาแบ่งปันกันใน Blognone ควรได้ผลตอบแทนในส่วนที่เขาทำตามสมควร ชื่อเสียงทั้งหมดไม่ควรตกมาอยู่กับคนดูแลเว็บเพียงเท่านั้น
โครงการ Blog@Blognone จะเป็นแนวทางใหม่ในการทำระบบ "หลังบ้าน" ของ Blognone ด้วยการเปิดโอกาสให้สมาิชิกจำนวนมาก เขียนเรื่องราวต่างๆ โดยมีกติิกาที่ "หลวม" กว่าหน้าบ้านมากๆ โดยไม่มีการ Moderate แต่อย่างใด
เราอาจจะกำลังได้เห็นการแตกแยกครั้งใหญ่ที่สุดของโลกโอเพนซอร์ส เมื่อกลุ่มนักพัฒนาลินุกซ์ได้รวมตัวกันออกเอกสารแสดงจุดยืนของตนกับ GPLv3 ขึ้นมา โดยเอกสารนี้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
จุดสำคัญที่ทางกลุ่มนักพัฒนาลินุกซ์ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาใน GPLv3 ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องของ DRM, เงื่อนไขความเข้ากันได้กับไลเซนส์แบบอื่นๆ ไปจนถึงเรื่องของสิทธิบัตร