สิทธิมนุษยชนผู้หญิงในซาอุดีอาระเบียอยู่ในขั้นตกต่ำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตผู้ชาย ทั้งเปิดบัญชี ไปเที่ยว แต่งงาน ความกดดันนี้ทำให้ผู้หญิงอยากหนีไปจากประเทศนี้ ล่าสุดถึงขั้นมีแอพพลิเคชั่นไว้ตามตัวผู้หญิงไม่ให้หนีออกนอกประเทศ
แอพดังกล่าวคือ Absher สามารถหาโหลดได้ตาม Google Play และ App Store ทำให้ทั้ง Google และ Apple ถูกวิจารณ์ว่าปล่อยให้มีแอพแบบนี้บนแพลตฟอร์มได้อย่างไร กลุ่มเคลื่อนไหวและ Human Rights Watch ก็กดดันให้แบนแอพนี้ออกไปเสีย
การทำงานของแอพ Absher คือสามารถกรอกข้อมูลของคนในปกครอง สามารถจำกัดสถานที่ที่เป็นแบลกลิสต์ได้ เช่น สนามบิน ถ้าคนในปกครองหรือผู้หญิงมีทีท่าว่าจะไปในสถานที่ต้องห้ามระบบก็จะแจ้งเตือน โดยวิธีที่ผู้หญิงมักใช้เวลาหนีคือ ขโมยโทรศัพท์ของผู้ชายที่ปกครองหรือเปลี่ยนรหัสผ่านไปเลย
Apple ออกกฎใหม่สำหรับนักพัฒนาแอปใน Apple Store ต้องอธิบายราคาสำหรับ subscription และเงื่อนไขในบริการของตนเองอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้สมัครสามารถจัดการหรือยกเลิกการสมัครสมาชิกได้ตามที่ต้องการ
รวมถึงต้องอธิบายเงื่อนไขให้ชัดเจนกรณีให้ทดลองใช้ฟรีว่าให้ใช้งานนานแค่ไหน และจะมีการคิดค่าใช้จ่ายเท่าใดเมื่อสิ้นสุดระยะทดลองใช้ฟรี
แอปเปิลประกาศสถิติใหม่ของ App Store ในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2018 ที่ผ่านมา โดยมียอดการจ่ายเงินรวม 1,220 ล้านดอลลาร์ ทั้งแอปและเกม โดยนับตั้งแต่วันคริสต์มาสอีฟจนถึงวันสิ้นปี
นอกจากนี้เฉพาะวันปีใหม่ 2019 มีการจ่ายเงินผ่าน App Store วันเดียวถึง 322 ล้านดอลลาร์ เป็นสถิติใหม่สูงสุดภายในหนึ่งวัน
แอปเปิลบอกว่าหมวดของแอปที่ได้รับความนิยมได้แก่ หมวดเกม และหมวดการดูแลตนเอง โดยกลุ่มเกมที่ได้รับความนิยมได้แก่ Fortnite และ PUBG
ช่วงกลางปีนี้ Netflix ส่งสัญญาณมาก่อนแล้วว่าจะปิดระบบจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่าน App Store ของแอปเปิล ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการโดนหักส่วนแบ่งรายได้ 30%
ล่าสุด Netflix เริ่มมาตรการนี้เป็นการถาวรแล้ว โดยสมาชิกใหม่จะไม่สามารถจ่ายค่าสมาชิกผ่านแอพบน iOS ได้ ต้องจ่ายผ่านเว็บไซต์ของ Netflix เท่านั้น ส่วนสมาชิกเก่าที่จ่ายผ่านแอพ iOS อยู่แล้วยังสามารถใช้วิธีการเดิมต่อได้ (สมาชิกเก่าที่หยุดจ่ายค่าสมาชิกไปนานเกิน 1 เดือน ก็จะถูกมองว่าเป็นเหมือนสมาชิกใหม่ ต้องจ่ายผ่านเว็บเช่นกัน)
ต่อจาก Google Play ก็มาถึงคิว iOS บ้าง โดยแอปเปิลได้ประกาศผลที่สุดแห่งปี 2018 (Best of 2018) ซึ่งมีทั้งแอป, เกม, เพลง, ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, Podcast และอื่น ๆ รายละเอียดดังนี้
ถ้าหากจำกันได้ หน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมของอินเดีย หรือตัวย่อ TRAI ได้ออกกฎระเบียบเพื่อลดปัญหาการโทรและส่งข้อความสแปม โดยบังคับสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศอินเดีย ต้องลงแอป Do Not Disturb ซึ่งเป็นแอปของหน่วยงาน TRAI สำหรับบล็อกเบอร์และรายงานปัญหา ซึ่งท่าทีของแอปเปิลตอนแรกไม่อนุมัติแอปดังกล่าวขึ้น App Store เนื่องจากมองว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน (Android มีแอปนี้ตั้งแต่ปี 2016)
อันเนื่องมาจากมีสองข่าวที่คาดว่าเกี่ยวข้องกันเลยขออนุญาตรวมอยู่ในข่าวเดียวกันครับ
Tumblr ถูกถอนออกจาก App Store เพราะมีเนื้อหาอนาจารเด็ก
แอพ Tumblr ถูกถอนออกจาก App Store บน iOS ไปตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา โดยทาง Tumblr ได้ออกมายืนยันผ่านเว็บไซต์ของตนเองแล้ว สาเหตุเกิดมาจากมีผู้ใช้โพสต์ที่เนื้อหาเนื้อหาอนาจารเด็ก
Apple ปล่อย App Store Connect API ให้นักพัฒนาใช้งานแล้ว เพื่อให้นักพัฒนาทำการ automate งานต่าง ๆ ที่ต้องทำบน App Store Connect ซึ่งจะช่วยให้ workflow ในการพัฒนา, ทดสอบ และรายงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Apple ระบุว่า App Store Connect API เป็น REST API ตอบกลับด้วยฟอร์แมต JSON และยืนยันตัวตนด้วย JSON web token ดังนั้นตัว API จึงพร้อมที่จะนำไปใช้งานกับเครื่องมือ automation ต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งฟีเจอร์ในช่วงแรกที่ปล่อยมาพร้อมกับ API เช่น
แอปเปิลประกาศขยายคุณสมบัติการขายแอปแบบยกชุด (bundle) บน App Store จากเดิมกำหนดให้เฉพาะแอปที่ต้องเสียเงินในระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้น มีรายละเอียดดังนี้
แอปที่ขายแบบยกชุดสามารถรวมได้สูงสุด 10 แอปเท่าเดิม ซึ่งเป็นขยายข้อกำหนด จากที่ก่อนหน้านี้แอปเปิลให้เฉพาะแอปเสียเงินและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในแอปอีก
แอปเปิลประกาศให้ทุกแอปที่ส่งแอปใหม่หรืออัพเดตตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมนี้ต้องยื่นนโยบายความเป็นส่วนตัวขณะส่งแอปด้วยเสมอ
ข้อกำหนดของนโยบายความเป็นส่วนตัวต้องกำหนดไว้อย่างน้อย 3 อย่าง ได้แก่
ร้านค้าแอพอย่าง App Stores, iTunes และ Google Play มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทที่มาลงขายแอพบนแพลตฟอร์ม แต่ใครจะยอมเสียค่าธรรมเนียมไปเรื่อยๆ ถ้าตัวเองสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาร้านค้าแอพก็ได้
ปฏิกิริยาต่อต้านร้านค้าแอพไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังสะสมจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยความพยายามหาช่องทางใหม่ในการเข้าถึงผู้ใช้งาน โดยเฉพาะบรรดาแอพเพื่อความบันเทิง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ Fortnite for Android จะไม่มีให้โหลดผ่าน Google Play และ Netflix ก็กำลังทดสอบระบบจ่ายเงินที่ไม่ต้องผ่าน iTunes และยังมี Spotify ที่ยกเลิกการจ่ายเงินผ่าน iTunes ไปแล้ว
เป็นเรื่องที่ทราบดีว่าระบบจ่ายเงินผ่าน App Store และ iTunes นั้น แอปเปิลจะหักค่าธรรมเนียม (30% หรือต่ำกว่า) จากนักพัฒนา ทำให้หลายแอปพยายามเลี่ยงการให้ผู้ใช้งานจ่ายเงินผ่าน iTunes โดยเฉพาะบริการประเภท Subscription รายเดือน และล่าสุด Netflix คือแอปที่กำลังทดสอบเรื่องดังกล่าว
โดย Netflix ใช้คำว่า การทดสอบระบบจ่ายเงินผ่าน iTunes แบบใหม่ โดยผู้สมัครใหม่จนถึงสิ้นเดือนกันยายน เมื่อจะจ่ายเงินผ่าน iTunes ก็จะถูก redirect ไปยังหน้าเว็บ Netflix เพื่อเลือกวิธีจ่ายเงินอื่นแทน ซึ่งทำให้ Netflix ได้รับเงินส่วนนี้โดยตรงทั้งหมด
การทดสอบนี้ทดลองใน 33 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย
Appsynth เอเจนซี่ด้านการพัฒนาแอพพลิเคชันในไทย สรุปสถิติยอดดาวน์โหลดทั้งหมดของแอพสัญชาติไทยบน App Store ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ว่าแอพตัวไหนมียอดดาวน์โหลดรวมเยอะที่สุด (ใช้ข้อมูลจาก App Annie ที่เป็นพันธมิตรกัน, ไม่รวมหมวดเกม)
แอพยอดนิยมสองอันดับแรกคือแอพธนาคาร โดย K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย SCB Easy ของธนาคารไทยพาณิชย์ตามมาเป็นอันดับสอง ใน Top 20 ยังมีแอพธนาคารและการจ่ายเงินของไทยติดอันดับอีกหลายตัว เช่น KTB netbank (อันดับ 4), Wallet by Truemoney (อันดับ 5), Bualuang mBanking (อันดับ 6), Krungsri (อันดับ 20)
เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี ของ App Store ในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ แอปเปิลได้รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นว่า App Store ที่เริ่มต้นวันแรกเมื่อปี 2008 โดยตอนนั้นมีเพียง 500 แอป ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงและปรากฏการณ์ต่อโลกอุปกรณ์พกพาอย่างไร
Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลกล่าวว่า ใน 10 ปีแรกของ App Store ได้เกิดแอปที่เป็นนวัตกรรมใหม่ออกมามากมาย หลายแอปกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้ใช้งาน และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น น่าสนใจว่าใน 10 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นสิ่งใดจากเหล่านักพัฒนาอีก โดยแอปเปิลได้รวบรวมเรื่องราวจากนักพัฒนารายสำคัญ มีประเด็นน่าสนใจดังนี้
บริษัทวิจัยตลาดแอพมือถือ App Annie ออกรายงานเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี App Store ของ iOS โดยจัดอันดับสถิติแอพต่าง ๆ พร้อมพาย้อนดูอดีตจนถึงปัจจุบันของ App Store มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ (ย้ำว่านี่เป็นข้อมูลจากบริษัทวิจัย ไม่ใช่แอปเปิล)
อัตราการเติบโตของยอดดาวน์โหลดใน App Store นั้นเฉลี่ย 6 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 15% แต่การใช้จ่ายนั้นโตมาก เฉลี่ยปีละ 52% หรือพูดง่าย ๆ ว่าสองปีที่ผ่านมาโตถึงสองเท่า โดยการใช้จ่ายส่วนมากก็อยู่ที่หมวดเกม
หากเทียบส่วนแบ่งกับ Google Play แล้ว App Store มีส่วนแบ่งที่ลดลงตลอด (ล่าสุดคือ 30%) แต่แนวโน้มการจ่ายเงินในช่วง 4 ปีให้หลัง มีส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้น และยังสูงกว่า Google Play (ล่าสุดคือ 66%)
มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook Messenger บน iOS ที่อัปเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด 170.0 เมื่อวานนี้ (15 มิถุนายน) โดยพบว่าแอปเด้งออกครั้งแรกเมื่อเปิดใช้งาน แต่ก็สามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้งโดยต้องกลับมาหน้าโฮมก่อน และวนเวียนเช่นนี้ตลอด
Facebook ยอมรับปัญหาดังกล่าวว่าแอปเวอร์ชันนี้มีบั๊ก และได้ส่งแอปเวอร์ชันแก้ไข 170.1 ซึ่งตอนนี้ตัวอัปเดตขึ้น App Store เรียบร้อยแล้ว (16 มิถุนายน)
ถึงแม้ Facebook ไม่ได้อธิบายสาเหตุ แต่เอาเป็นว่าใครที่อัปเดตไปเมื่อวาน ก็รีบอัปเดตตัวแก้ไขวันนี้เพื่อให้ความสุขในการใช้งานคืนกลับมาครับ
ที่มา: The Verge
แอปเปิลได้ออกนโยบายสำหรับนักพัฒนาใหม่ ที่สั่งแบนแอปประเภทที่มีกระบวนการทำงานเบื้องหลังที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวแอปโดยตรง (เช่นใช้ทรัพยากรเครื่องเพื่อขุดเงินคริปโต) ซึ่งนโยบายนี้หมายรวมถึงโฆษณาจาก Third-Party ภายในแอปด้วย
อย่างไรก็ตามแอปเปิลระบุว่าแอปจำพวก wallet กับทำธุรกรรมเงินคริปโตในบางตลาด อาทิ Bitcoin, Ethereum และ Monero ยังคงอนุญาตอยู่ ขณะที่แอปขุดจะอนุญาตเฉพาะกรณีที่ขุดผ่านคลาวด์และไม่ใช้ทรัพยากรเครื่องเท่านั้น
ซีอีโอ Pavel Durov ของ Telegram กล่าวผ่าน Durov’s Channel โดยเผยว่า Apple ไม่รับการอัพเดตใหม่ของ Telegram และมีผลกับ App Store ทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า Telegram ไม่สามารถออกอัพเดตแอพใหม่ได้ ซึ่งน่าจะมาจากการที่รัสเซียสั่งบล็อกแอพ Telegram
Durov กล่าวว่าผลกระทบจากที่แอพ Telegram ไม่สามารถส่งอัพเดตเวอร์ชันใหม่ได้ ก็มีตั้งแต่ฟีเจอร์บางอย่างเช่นสติ๊กเกอร์มีปัญหาใน iOS 11.4 ซึ่งเป็นอัพเดตล่าสุด รวมถึง Telegram ไม่สามารถอัพเดตแอพให้ปฏิบัติตามกฎคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของยุโรปหรือ GDPR ได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ GDPR มีผลบังคับใช้ไปแล้ว
แม้รัสเซียจะบล็อค Telegram ไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่สำเร็จเท่าที่ควร เพราะรัสเซียกำลังติดต่อ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือในการปิดกั้นการบริการแอพ Telegram แอพส่งข้อความที่เป็นที่นิยมในประเทศ เพราะสื่อสารแบบเข้ารหัส end-to-end
อย่างไรก็ตาม Telegram ปฏิเสธรัฐบาลรัสเซียในการเข้าถึงระบบแบบลับๆ หน่วยงานความมั่นคง Federal Security Service หรือ FSB อ้างว่า อาชญากรที่ก่อเหตุก่อการร้ายใช้ Telegram เป็นช่องทางสื่อสาร จึงเป็นสาเหตุให้รัสเซียบล็อคคนรัสเซียไม่ให้เข้าถึง Telegram ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
แต่การบล้อคก็ไม่สามารถปิดกั้นได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อ Roskomnadzor หน่วยเฝ้าระวังความปลอดภัยในประเทศบอกว่ารัฐบาลปิดกั้นการใช้งานได้เพียง 15 - 30% เท่านั้น รัฐบาลจึงยื่นเรื่องไปยัง Apple ให้หยุดบริการ Telegram บน App Store แก่คนรัสเซีย และยังขอให้หยุดการแจ้งเตือนจาก Telegram ด้วย
Alexander Zharov ผู้อำนวยการ Roskomnadzor ระบุในแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า Apple มีเวลาหนึ่งเดือนในการลบแอพออกจาก App Store "เราส่งจดหมายที่มีผลผูกพันตามกฎหมายและรอการตอบกลับที่ถูกต้องตามกฎหมาย"
จากประเด็นที่ Steam ออกมาบอกว่าแอปแคสต์เกม Steam Link ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้น App Store ของแอปเปิล ก็มีคนอีเมลไปสอบถามเรื่องนี้กับ Phil Schiller รองประธานฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ซึ่งเขาชี้แจงมาว่าเป็นเรื่องจริง
Schiller อธิบายว่าทีมตรวจสอบแอปพบว่าแอปดังกล่าว ละเมิดข้อกำหนดหลายอย่าง อาทิ เนื้อหาที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นมา (UGC), การซื้อของภายในแอพ (In-App Purchase) และอีกหลายข้อ ซึ่งแอปเปิลกำลังพูดคุยกับ Valve เพื่อหาทางออกให้แอปนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ App Store
ถึงแม้ Schiller จะไม่ได้อธิบายปัญหาทั้งหมด แต่ก็พอจะทำให้เข้าใจได้ว่าเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจ ก็น่าจะเป็นการซื้อสินค้าภายในแอปนั่นเอง
ถึงแม้ Steam จะประกาศเปิดตัวก่อนหน้านี้ว่าแอป Steam Link ที่ใช้แคสต์เกมจากพีซีไปบนสมาร์ทโฟน จะมีให้ใช้งานบน iOS ด้วย (ตอนนี้มี Android เวอร์ชันเบต้า) แต่ล่าสุด Steam แถลงว่าแอปเปิลได้ปฏิเสธที่จะให้แอปดังกล่าวขึ้น App Store แล้ว
Steam อธิบายลำดับเหตุการณ์ว่า ในวันที่ 7 พฤษภาคม แอปเปิลได้อนุมัติให้แอป Steam Link พร้อมดาวน์โหลด ซึ่ง Valve ก็แถลงข่าวในวันที่ 9 พฤษภาคม แต่จากนั้นแอปเปิลก็แจ้งถอดแอป โดยให้เหตุผลว่าแอปนี้มีข้อขัดแย้งในทางธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามกฎของ App Store ส่วนที่ตอนแรกแอปผ่านการตรวจสอบ ก็เพราะทีมเดิมนั้นไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้
แอปเปิลเริ่มส่งอีเมลแจ้งเตือนนักพัฒนา ที่มีแอพอยู่ใน App Store ประเทศจีน และมีการใช้งาน CallKit ที่ให้ใช้ฟังก์ชันโทรเข้า-รับสายได้เหมือนกับโทรศัพท์ โดยบอกว่าแอพที่อยู่ในจีนจะต้องปิดการเชื่อมต่อนี้ เนื่องจากข้อบังคับจากกฎหมาย หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องถอดแอพออกไปจาก App Store จีนเลย
ก่อนหน้านี้แม้แต่ WeChat แอพยอดนิยมของจีนก็รองรับ CallKit แต่ต่อมาได้ถอดคุณสมบัตินี้ออกไป ส่วนสาเหตุที่จีนห้ามนั้นไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าจีนต้องการควบคุมการใช้แอพโทรศัพท์แบบ VoIP เพราะแอพที่มีฟังก์ชันแบบนี้ชัดเจน ก็ล้วนถูกถอดออกจาก App Store ไปแล้ว
ก่อนหน้านี้แอปเปิลก็ได้ถอดแอพ VPN ทั้งหมดออกไปจาก App Store จีน ด้วยเหตุผลทางกฎหมายเช่นเดียวกัน
บริษัทวิจัย Sensor Tower รายงานผลการศึกษาหลังจากแอปเปิลได้ยกเครื่อง App Store ใหม่ทั้งหมดใน iOS 11 โดยพบว่าอัตราการลงแอพผ่านหน้าหลัก (Browse) มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่ถึง 10% มาเป็นมากกว่า 15% โดยเฉลี่ย
อย่างไรก็ตามช่องทางการดาวน์โหลดแอพของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ยังคงเป็นการเสิร์ช โดยคิดเป็น 65% ของการดาวน์โหลดแอพทั้งหมด
ตัวเลขที่น่าสนใจคือเมื่อแยกหมวด เป็นแอพเกม และแอพอื่นๆ พบว่าคนดาวน์โหลดแอพเกมผ่าน Browse ที่ 24% ส่วนแอพอื่นๆ อยู่ที่ 9% นั่นแปลว่าวิธีการตัดสินใจเลือกดาวน์โหลดเกมนั้น การคัดเลือกของบรรณาธิการเพื่อนำขึ้นหน้าแรกของ App Store มีผลมากทีเดียว