รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
Microsoft ออกอัพเดตเบราว์เซอร์ Edge ที่ใช้ Chromium เป็นฐานเวอร์ชัน 80 โดยฟีเจอร์สำคัญของเวอร์ชันนี้คือรองรับ Windows 10 บน ARM และ Dolby Vision
Microsoft ได้เริ่มทดสอบเบราว์เซอร์ Edge Chromium บน ARM มาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการทำซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับซีพียู ARM โดยเฉพาะ จะให้ผลดีกว่าการใช้เวอร์ชัน x86 ทั้งด้านประสิทธิภาพและการใช้งานแบตเตอรี่
Microsoft เองก็เคยบอกไว้ว่างานบน Windows 10 ราว 50% คือเว็บเบราว์เซอร์ ดังนั้นถ้ามีเบราว์เซอร์แบบเนทีฟ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ Surface Pro X รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ Windows 10 ARM อย่างมาก
Chrome เริ่มบล็อคโฆษณา "ที่น่ารำคาญ" มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 โดยอ้างอิงนิยามของกลุ่ม Coalition for Better Ads ที่กูเกิลร่วมกับเฟซบุ๊กก่อตั้งในปี 2016 เพื่อตอบโต้ซอฟต์แวร์บล็อคโฆษณา
ล่าสุดกลุ่ม Coalition for Better Ads ขยายผลเรื่องโฆษณาที่น่ารำคาญมายังวิดีโอ โดยนิยามโฆษณาวิดีโอที่ผู้ใช้ไม่ชอบ 3 รูปแบบ จากการสำรวจความเห็นของผู้ใช้ 45,000 คนใน 8 ประเทศ
Microsoft Edge เวอร์ชัน Beta เพิ่มตัวเลือกบล็อคการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ (unwanted apps) ซึ่งหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เป็นมัลแวร์ แต่ทำให้รำคาญ เช่น มีโฆษณาแทรก หรือพวกทูลบาร์ต่างๆ
ปัจจุบัน เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Chrome หรือ Firefox มีระบบบล็อคการดาวน์โหลดมัลแวร์อยู่แล้ว (โดยใช้ฐานข้อมูล Safe Browser ของกูเกิล) ส่วน Edge เดิมก็มีระบบ SmartScreen Filter ทำงานแบบเดียวกัน แต่เป็นฐานข้อมูลของไมโครซอฟท์เอง
ไมโครซอฟท์มีระบบบล็อคซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์อยู่ก่อนแล้ว แต่เดิมทีใช้กับ Windows Defender Advanced Threat Protection เวอร์ชันจ่ายเงินสำหรับลูกค้าองค์กรเท่านั้น ล่าสุดคือเริ่มนำมาให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานผ่าน Edge กันแล้ว
Mozilla และ Google ในฐานะสองผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รายใหญ่ แบนส่วนขยาย (extension) จำนวนมากที่อาจสร้างปัญหาให้ผู้ใช้
Mozilla แบนส่วนขยายของ Firefox ไปเกือบ 200 ตัวด้วยเหตุผลต่างกันไป แต่ส่วนขยายจำนวน 129 ตัวมาจากบริษัทเดียวกันชื่อ 2Ring ที่มีพฤติกรรมดาวน์โหลดโค้ดจากเซิร์ฟเวอร์อื่นมารันอีกที ซึ่งขัดกับนโยบายของ Mozilla
ส่วนทีมงาน Chrome ประกาศว่าพบส่วนขยาย (แบบเสียเงิน) จำนวนมากที่มีพฤติกรรมละเมิดผู้ใช้งาน จนต้องปิดรับการส่งส่วนขยายแบบเสียเงินขึ้น Chrome Web Store ชั่วคราว เพื่อหาโซลูชันที่ดีกว่าในระยะยาว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักว่ามีส่วนขยายใดบ้างที่เข้าข่าย
หลังจากไมโครซอฟท์ได้ประกาศแผนที่จะปล่อย Microsoft Edge ตัวใหม่ที่ใช้เอนจิน Chromium ให้กับ Windows 10 ผ่าน Windows Update ได้ไม่นาน ทางบริษัทก็ได้ออกเอกสารเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับลูกค้ากลุ่มองค์กร ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาความเข้ากันได้กับเว็บแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานอยู่เดิม หากพีซีในองค์กรได้รับการอัพเกรดไปใช้ Edge ตัวใหม่
โดยในเอกสารได้ระบุว่า อุปกรณ์ที่เข้าข่ายการใช้งานภายในองค์กร ซึ่งหมายรวมถึง
เว็บไซต์ VentureBeat ทดสอบเบนช์มาร์ค วัดประสิทธิภาพของเว็บเบราว์เซอร์ 4 ตัวคือ Chrome, Firefox, Edge (ตัวใหม่) และ Brave
การทดสอบใช้ Surface Laptop ที่ติดตั้ง Windows 10 Pro ใหม่, ติดตั้งเบราว์เซอร์ทั้ง 4 ตัวที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วรันเบนช์มาร์คชื่อดัง เช่น SunSpider, Octane, Kraken ฯลฯ รวมทั้งหมด 8 ตัว ผลคือ
เมื่อกลางปีที่แล้ว Mozilla ประกาศ "ยกเครื่อง" Firefox for Android ใหม่ ใช้เอนจินใหม่ GeckoView, ดีไซน์หน้าตาใหม่ และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง แต่เนื่องจากมันเพิ่งเริ่มพัฒนา จึงแยกมันเป็นแอพอีกตัวชื่อ Firefox Preview ที่ต่างจาก Firefox for Android ตัวปัจจุบัน
ล่าสุด Firefox Preview พัฒนามาพอสมควร ทีมงาน Mozilla จึงเริ่มขยับมันเข้ามาใน Firefox for Android ตัวหลักแล้ว แต่ยังเฉพาะในรุ่นทดสอบแบบ Nightly เท่านั้น หลังจากทดสอบจนพอใจแล้วจะค่อยๆ ขยับมันเข้ามาในรุ่น Beta ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไป) และออกเป็นรุ่น Stable ภายในครึ่งแรกของปี 2020 นี้
เว็บเบราว์เซอร์ทุกวันนี้มักอาศัย cookie เพื่อติดตามตัวผู้ใช้ โดย cookie เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เว็บสามารถให้บริการที่ต้องล็อกอินล่วงหน้าได้ แต่ขณะเดียวกันความสามารถในการติดตามตัวผู้ใช้นี้ก็มีปัญหาการติดตามตัวผู้ใช้เกินความจำเป็น ล่าสุดกูเกิลประกาศว่ามีแผนจะยกเลิกการรองรับ cookie นอกเว็บปัจจุบัน หรือ third-party cookie ออกทั้งหมดภายในสองปีข้างหน้า
วันนี้ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Microsoft Edge ตัวใหม่พลัง Chromium ที่เป็นเวอร์ชันเสถียร (จากที่ออกรุ่น Dev/Beta มาสักพักใหญ่ๆ) โดยไมโครซอฟท์อธิบายกระบวนการดาวน์โหลด/อัพเดต Edge ตัวใหม่ดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนเอนจินใน Microsoft Edge มาเป็น Chromium ตั้งแต่ปลายปี 2018 แม้ที่ผ่านมาจะเวอร์ชั่นเบต้าให้ทดสอบเรื่อยๆ แต่วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ปล่อยตัวจริงสู่สาธารณะ
ฟีเจอร์ในเวอร์ชั่นแรกถือว่าครบถ้วนตามที่สัญญาไว้ เช่น ซิงก์ด้วยบัญชีไมโครซอฟท์ (AAD), โหมด Internet Explorer, รองรับการสตรีมมิ่งระดับ 4K, วาดภาพลงไฟล์ PDF, และรองรับส่วนขยายจาก Chrome
เวอร์ชั่นแรกรองรับ Windows (Windows 7 ก็ยังรองรับ), macOS, iOS, และ Android
ที่มา - Windows Blog
Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในวันอังคารหน้า 14 มกราคม 2020 แม้ไมโครซอฟท์ชักจูงให้คนอัพเกรดเป็น Windows 10 มากแค่ไหน แต่ก็ยังมีผู้ใช้ Windows 7 อีกเป็นจำนวนมาก (สถิติของ Blognone เองยังมีคนใช้ Windows 7 ประมาณ 4.5% ของผู้ชมเว็บทั้งหมด และคิดเป็น 20% ของผู้ใช้ Windows ทั้งหมดในรอบ 30 วันล่าสุด)
กูเกิลในฐานะเจ้าของเบราว์เซอร์ยอดนิยม จึงประกาศซัพพอร์ต Chrome บน Windows 7 ต่อไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน (ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2021) เพื่อให้ผู้ใช้ (โดยเฉพาะฝั่งองค์กร) มีเวลาปรับตัว และยังได้ใช้เบราว์เซอร์ที่อัพเดตแพตช์ความปลอดภัย แม้ตัวระบบปฏิบัติการไม่มีแพตช์ให้อีกแล้ว
ป๊อปอัพแจ้งเตือนขอสิทธิของเว็บเบราว์เซอร์ (permission notification) สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้งานเว็บไม่น้อย ล่าสุด Firefox 72 เพิ่งปรับหน้าจอนี้ให้น่ารำคาญน้อยลง โดยแสดงเป็นไอคอนใน URL bar อย่างเดียวเท่านั้น (ไม่แสดงป๊อปอัพบังหน้าจอ)
ฝั่งของ Chrome ก็ออกมาประกาศนโยบายเดียวกัน (เรียกว่า quiet messaging) โดยจะเริ่มใช้กับ Chrome 80 เวอร์ชันถัดไปที่จะออกในเร็วๆ นี้
UI แบบใหม่ของ Chrome จะบล็อคการแจ้งเตือนให้อัตโนมัติ แสดงเฉพาะไอคอนรูปกระดิ่งใน URL เท่านั้น โดย Chrome 80 จะบล็อคการแจ้งเตือนให้อัตโนมัติใน 2 กรณี
มอซิลล่าประกาศ Firefox 72 ตามรอบ โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือบล็อคการติดตามผู้ใช้แบบ fingerprint ซึ่งหมายถึงการติดตามโดยที่ไม่ได้ใช้กลไกตามปกติ เช่น cookie แต่กลับอาศัยข้อมูลอื่น เช่น เวอร์ชั่นเบราว์เซอร์, ขนาดหน้าจอ, ระบบปฎิบัติการ
โดเมนที่ถูกตรวจสอบว่าพยายามติดตามผู้ใช้ด้วยเทคนิค fingerprint จะถูกใส่ไว้ในรายชื่อแบน เว็บเหล่านี้จะไม่สามารถรันจาวาสคริปต์เพื่อรับรู้ข้อมูลของผู้ใช้, การโหลดข้อมูลจะไม่ส่ง User-Agent ไปให้, และเบราว์เซอร์จะปิดบังแม้แต่หมายเลขไอพีของผู้ใช้
ปัญหาการเล่นวิดีโอหรือเพลงอัตโนมัติบนเว็บนั้น เป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้และผู้ผลิตเบราว์เซอร์ต่างก็พยายามจะจัดการกับปัญหานี้ เพราะสื่อที่เล่นอัตโนมัติหลายครั้งก็หาปุ่มปิดยาก ล่าสุด Chrome ได้เพิ่มปุ่มใหม่ที่จัดการสื่อทั้งหมดที่เล่นในเบราว์เซอร์เพื่อช่วยบรรเทาปัญหานี้
ปุ่มใหม่บน Chrome นี้ เป็นรูปหน้าตาสามขีดและตัวโน้ต เมื่อคลิกแล้วจะแสดงสื่อทั้งหมดเป็น drop-down บอกว่ามีสื่ออะไรกำลังเล่นอยู่บ้าง ถ้าเป็นวิดีโอบน YouTube ก็จะมีแสดงพรีวิวด้วย ซึ่งทั้งหมดจะมีปุ่มใช้กดเพื่อเล่น, หยุดชั่วคราว, ย้อนกลับ หรือไปข้างหน้า ถ้าไม่ต้องการให้สื่อปรากฏที่ drop-down นี้ก็สามารถกดกากบาทมุมขวาบนได้
ไมโครซอฟท์จะเปิดให้ดาวน์โหลด Microsoft Edge เวอร์ชันเสถียรในวันที่ 15 มกราคม 2020 (หลัง Windows 7 หมดอายุ 1 วัน) แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากนัก ว่าจะอัพเดตให้ผู้ใช้งาน Edge ตัวเดิมอย่างไรบ้าง
เอกสารล่าสุดของไมโครซอฟท์มีข้อมูลเหล่านี้
กูเกิลเผยสถิติการเข้าร่วมพัฒนาโครงการ Chromium ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ตุลาคม 2018 ถึงตุลาคม 2019) กูเกิลยังเป็นอันดับหนึ่งทั้งจำนวนการคอมมิตโค้ด (92%) และจำนวนบุคคลที่เข้าร่วมส่งโค้ด (80%)
จุดที่น่าสนใจคือ Chromium มีนักพัฒนานอกกูเกิลเข้าร่วมเป็นสัดส่วนเกือบ 20% แล้ว และองค์กรที่ส่งคนมาร่วมพัฒนา Chromium มากเป็นอันดับสองคือไมโครซอฟท์ (5.9%) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก เมื่อดูจากยุทธศาสตร์ใหม่ของ Microsoft Edge ที่หันมาเข้าร่วมพัฒนา Chromium แทนการทำเอนจินเอง
ถ้านับตามจำนวนการคอมมิต องค์กรที่ส่งโค้ดเป็นอันดับสองคือ Igalia บริษัทคอนซัลต์จากสเปน ที่เชี่ยวชาญเรื่องเอนจินของเบราว์เซอร์ ส่วนไมโครซอฟท์อยู่อันดับสามในแง่จำนวนการคอมมิตโค้ด
Microsoft Edge ยุค Chromium มีกำหนดออกรุ่นเสถียรให้ใช้งาน 15 มกราคม 2020 ทำให้ตอนนี้ไมโครซอฟท์เตรียมความพร้อม ด้วยการเปิดเว็บรวมส่วนขยาย (Addon) สำหรับ Edge ตัวใหม่ไว้รอแล้ว
ก่อนหน้านี้ เว็บรวมส่วนขยายของ Edge เปิดให้บริการมาสักระยะ แต่ยังระบุว่าเป็นส่วนขยายสำหรับผู้ทดสอบกลุ่ม Insider ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นเว็บไซต์สำหรับคนทั่วไปใช้งานแล้ว แต่ยังขึ้นสถานะ Beta อยู่
Chrome 79 ออกรุ่นเสถียร โดยเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลายอย่าง
Opera ออกเวอร์ชัน 55 บน Android แล้ว โดยจุดเด่นในอัพเดตครั้งนี้คือ night mode ที่รีดีไซน์ใหม่เพื่อลดมลภาวะของแสงที่เกิดจากมือถือให้มากที่สุด
จุดเด่นสำหรับ night mode ของ Opera for Android อัพเดตนี้ คือการปรับให้เว็บไซต์โทนสว่างเป็นโทนมืดได้ แม้ว่าตัวเว็บจะไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นสีมืดตั้งแต่แรกก็ตาม โดย Opera จะปรับ CSS ของเว็บให้อัตโนมัติ
นอกจากเรื่องการปรับเว็บให้เป็น night mode โดยอัตโนมัติแล้ว Opera ยังเพิ่มฟีเจอร์ night mode อีกหลายอย่าง เช่น
Mozilla สั่งถอดส่วนขยาย Firefox ที่พัฒนาโดยบริษัทด้านความปลอดภัย Avast และบริษัทลูก AVG หลังมีรายงานพบว่าส่วนขยายเหล่านี้มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานมากเกินจำเป็น
สำหรับส่วนขยายที่ Mozilla สั่งถอดมีอยู่ 4 ตัว คือ Avast Online Security, AVG Online Security, Avast SafePrice และ AVG SafePrice ซึ่งส่วนขยายสองตัวแรกจะแจ้งเตือนหากผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ปองร้ายหรือน่าสงสัย อีกสองตัวหลังสำหรับผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ ใช้เพื่อการเทียบราคา, ดีล และคูปองในแต่ละเว็บ
Mozilla ออก Firefox 71 มีของใหม่ดังนี้
หลัง Surface Pro X วางขาย เสียงวิจารณ์จากรีวิวต่างๆ ชี้ประเด็นเรื่องซอฟต์แวร์ ที่ยังมีปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างซอฟต์แวร์ x86 กับซีพียู ARM64 แม้แต่ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์เองหลายๆ ตัว เช่น Edge Chromium ก็ยังไม่รองรับ ARM64 ทำให้ต้องใช้เวอร์ชัน x86-32 จนมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ-แบตเตอรี่อย่างไม่ควรจะเป็น
สัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ทยอยแก้ปัญหานี้ด้วยการออก Edge เวอร์ชัน ARM64 แล้ว โดยตอนนี้ยังอยู่ใน Canary channel และจะทยอยขยับมายัง Dev/Beta channel ต่อไป
Opera ประกาศออกเวอร์ชัน 65 อย่างเป็นทางการ โดยฟีเจอร์ที่สำคัญในการอัพเดตรอบนี้คือแสดงรายการตัวติดตามที่เบราว์เซอร์บล็อค, address bar ดีไซน์ใหม่ และบุ๊คมาร์กย้ายมาอยู่ในส่วน sidebar
ฟีเจอร์แรกคือระบบบล็อคบนเบราว์เซอร์ Opera ได้เพิ่มความสามารถให้แสดงว่าระบบได้ทำการบล็อคอะไรไปแล้วบ้างบนเว็บไซต์นี้ โดยจะแสดงว่าตัวติดตามแต่ละตัวทำหน้าที่อะไร ซึ่ง Opera ระบุว่าข้อมูลเหล่านี้นำมาจาก EasyPrivacy Tracking Protection List
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สโดยอดีตซีอีโอ Mozilla ที่ชูจุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัวได้ประกาศออกเวอร์ชันเต็ม 1.0 อย่างเป็นทางการแล้วบนแพลตฟอร์ม Windows, macOS, Linux, Android และ iOS
Brave ผ่านช่วงเบต้ามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 โดยตัวเลขผู้ใช้งานล่าสุดของ Brave นั้นอยู่ที่ราว 8 ล้านคน และตัวเบราว์เซอร์พัฒนาบน Chromium เหมือนเบราว์เซอร์อื่น ๆ
ตัวเบราว์เซอร์ Brave นั้น ชูจุดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัว คือ Brave Shield ที่จะบล็อคโฆษณา, ตัวติดตามจากบุคคลที่สาม และระบบวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้ Brave โหลดหน้าเว็บไวขึ้น 3-6 เท่า และประหยัดพลังงานกว่าเบราว์เซอร์อื่น
Google กำลังเริ่มทดสอบการใส่สีหรือสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกเว็บไซต์โหลดช้าบน Chrome เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รับทราบว่าเว็บไซต์นี้โหลดช้า ซึ่งตอนนี้ทางทีม Chrome กำลังทดสอบวิธีการแสดงผลที่เหมาะสมที่สุดอยู่
สำหรับวิธีการระบุว่าเว็บไซต์ไหนโหลดช้า Google จะใช้ค่า load latency ในอดีตมาระบุว่าเว็บไซต์ไหนโหลดช้า และทีม Chrome ก็จะตรวจสอบว่าไซต์นั้นโหลดช้าเนื่องจากฮาร์ดแวร์หรือการเชื่อมต่อเครือข่าย
ส่วนวิธีการแสดงว่าหน้าเว็บโหลดช้า ทีม Chrome กำลังทดสอบหลาย ๆ วิธี เช่น แสดงเป็นข้อความเตือนในหน้ารอโหลด หรือแสดงเป็น progress bar ถ้าเว็บไหนโหลดเร็วจะใช้สีเขียว โหลดช้าจะใช้สีแดง เป็นต้น