รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
Chrome ทดสอบ UI แบบใหม่ของหน้ารายการไฟล์ที่ดาวน์โหลด โดยเปลี่ยนจากของเดิมที่เป็นรายชื่อไฟล์เรียงกันไปแบบธรรมดาๆ กลายเป็น Material Design ตามสมัยนิยมของกูเกิล
ในแง่การใช้งาน หน้าดาวน์โหลดแบบใหม่คงไม่มีอะไรต่างจากของเดิม แต่หลายท่านอาจขัดใจว่ามันแสดงชื่อไฟล์ในหนึ่งหน้าจอได้น้อยลง เพราะกินพื้นที่แนวตั้งมากขึ้นนั่นเอง
ตอนนี้หน้าดาวน์โหลดแบบใหม่ยังมีเฉพาะใน Chrome Dev โดยผูใ้ช้ต้องเปิดเองในหน้า chrome://flags ครับ
ที่มา - OMG Chrome
Mozilla ออกประกาศเตือนช่องโหว่ระดับ critical ค้นพบใหม่ใน Firefox เกี่ยวกับตัวอ่าน PDF ที่มาพร้อมกับเบราว์เซอร์ ช่องโหว่นี้เปิดให้ผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาขโมยข้อมูลในเครื่องของผู้ใช้ได้
ความน่ากลัวคือพบการโจมตีผ่านช่องโหว่นี้ในรัสเซียแล้ว โดยแฮ็กเกอร์ใช้วิธียิงโฆษณาบนเว็บไซต์ข่าวแห่งหนึ่ง เพื่อขโมยข้อมูลของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ข่าวแห่งนี้ด้วย Firefox ตัวอย่างข้อมูลที่ถูกขโมยคือไฟล์คอนฟิกต่างๆ ที่อาจมีรหัสผ่านเก็บอยู่ เช่น /etc/passwd, .ssh, .mysql_history รวมถึงไฟล์คอนฟิกของ Filezilla หรือ subversion
Mozilla ออกแพตช์แก้มาเป็น Firefox 39.0.3 และ Firefox ESR 38.1.1 แล้ว อัพเดตกันด่วนครับ
เมื่อไม่นานมานี้ กูเกิลกระชับวงล้อมความปลอดภัยของ Chrome โดยกำหนดให้ติดตั้งส่วนขยายผ่าน Chrome Web Store เท่านั้น
ฟังดูเหมือนปลอดภัย แต่จริงๆ แล้ว Chrome ยังมีวิธีการติดตั้งส่วนขยายอีกแบบที่เรียกว่า Inline Installation โดยเปิดให้ผู้ใช้ติดตั้งส่วนขยายจากลิงก์เว็บไซต์ของเราได้เลย ตัวไฟล์ส่วนขยายจะอยู่บน Chrome Web Store (คือกดจากเว็บไซต์ มีหน้าจอติดตั้งขึ้นมา ดึงไฟล์มาจากเซิร์ฟเวอร์กูเกิล)
ผู้ใช้ Chrome อาจเคยใช้ส่วนเสริมบางตัวที่ช่วยปิดแท็บที่ไม่ใช้งานไว้ชั่วคราวเพื่อประหยัดทรัพยากร (เช่น The Great Suspender) ล่าสุดฟีเจอร์นี้กำลังถูกเพิ่มเข้ามาใน Chrome แล้ว
Chrome เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Tab Discarding มันจะหยุดการทำงานของแท็บที่ไม่ใช่งาน (background tab) ไว้ชั่วคราวเพื่อนำทรัพยากรไปใช้อย่างอื่น โดย Chrome จะเป็นฝ่ายเลือกแท็บที่ไม่ใช้งานให้เอง ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และแท็บที่หยุดทำงานจะยังแสดงในรายการแท็บเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเราคลิกที่แท็บนั้น มันจะถูกโหลดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
การเข้าเว็บด้วยโหมดส่วนตัวอย่าง Private Browsing หรือ Incognito อาจจะทำให้เว็บไม่สามารถจดจำเราได้ง่ายๆ แต่กระบวนการระบุตัวตนผู้ใช้ก็มีแนวทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดนักวิจัยเสนอแนวทางการใช้ความจุแบตเตอรี่ในเครื่องเป็นข้อมูลระบุตัวตนผู้ใช้
แนวทางนี้อาศัย Battery Status API ที่ยังเป็นร่างของ W3C อยู่ โดยเบราว์เซอร์ที่รองรับในตอนนี้ได้แก่ โครม, ไฟร์ฟอกซ์, และโอเปร่า ล้วนเปิดให้เว็บเข้าใช้ API ได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้ล่วงหน้า ทำให้ผู้ใช้เว็บไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกร้องขอระดับพลังงานอยู่
Chrome และ Chromium เปลี่ยนไอคอนใหม่อีกรอบ ถ้าดูเผินๆ จะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ถ้านำไอคอนเก่าและใหม่มาวางเทียบกัน จะเห็นว่าของใหม่แบนลงกว่าเดิมอีก ลดการใช้แสงเงาที่ไม่จำเป็นลง และปรับเปลี่ยนมาใช้แนวทาง Material Design ของกูเกิลเอง
ไอคอนแบบใหม่ถูกใช้ใน Chrome for Android และ Chromium เรียบร้อยแล้ว เหลือรอใช้ใน Chrome เวอร์ชันพีซีต่อไป
ที่มา - OMG Chrome
ผู้ใช้ที่อัพเดตระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 คงพอทราบแล้วว่าไม่ว่าเดิมจะตั้งค่าดีฟอลต์เบราว์เซอร์ตัวไหนไว้ เมื่ออัพเดตวินโดวส์ใหม่ Microsoft Edge จะกลายเป็นดีฟอลต์ไปโดยปริยาย ซึ่งประเด็นนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ Chris Beard ซีอีโอของ Mozilla ถึงขั้นเรียกว่าเป็นการบังคับทางเลือกของผู้ใช้ที่อุกอาจมาก (aggressive move to override user choice)
เว็บไซต์ AnandTech นำเบราว์เซอร์ Microsoft Edge มารันเบนช์มาร์คเทียบกับเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ทั้ง Chrome, Firefox, IE11 รวมถึง Project Spartan รุ่นทดสอบ
ผลออกมาว่า Edge ทิ้งห่าง IE11 ในทุกการทดสอบ, พัฒนาขึ้นจาก Spartan หลายจุด และสามารถเอาชนะ Chrome กับ Firefox ได้ในการทดสอบบางตัว (เช่น Sunspider และ Octane)
ส่วนที่ Edge ยังตามหลัง Chrome/Firefox อยู่พอสมควรคือการรองรับมาตรฐานเว็บ (HTML5Test) แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมากจาก IE11 และ Spartan
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือตอนนี้ไมโครซอฟท์นับเวอร์ชันของ Edge เป็น 20.10240.16384.0 แล้ว คาดว่าใช้วิธีการนับรุ่นแบบเปลี่ยนตลอดเวลาเหมือน Chrome/Firefox ครับ
เมื่อไม่นานมานี้เราเห็นข่าว Mozilla เผยหน้าตา Firefox for Windows 10 ที่ดูเหมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่จากเอกสารภายในของ Mozilla กลับแสดงว่า Mozilla หวั่นใจไม่น้อยกับการโดน Edge ชิงส่วนแบ่งตลาด
เอกสารของ Mozilla ระบุว่าต้องพัฒนาให้ Firefox ทำงานบน Windows 10 ได้ดีตั้งแต่ช่วงแรกๆ ถึงแม้ว่า Firefox for Windows 10 จะเสร็จไม่ทันวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ แต่คาดว่าเราจะได้เห็นมันเสร็จทันใน Firefox 40 (ตั้งเป้าออก 11 สิงหาคม) หรือ Firefox 41 (21 กันยายน)
Chrome ออกเวอร์ชัน 44.0.2403.89 บนพีซีสามแพลตฟอร์ม โดยเวอร์ชันนี้ไม่มีฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ และเน้นไปที่การแก้บั๊ก ปรับปรุงเสถียรภาพและประสิทธิภาพ และออก API สำหรับส่วนเสริมต่างๆ เพิ่มเติม
ในฝั่งของความปลอดภัย Chrome 44 ยังแก้ช่องโหว่ความปลอดภัย 43 จุด ส่วนใหญ่เป็นช่องโหว่เกี่ยวกับหน่วยความจำที่ค้นพบจากการสแกนด้วยเครื่องมือ AddressSanitizer และ MemorySanitizer ของกูเกิลเอง
ที่มา - Chrome Releases
จากกรณีช่องโหว่ Flash ที่ค้นพบจากเอกสารของ Hacking Team จนสุดท้าย Adobe ต้องออก Flash เวอร์ชัน 18.0.0.209 มาแก้ไข ทางโครงการ Project Zero ของกูเกิลก็ออกมาอธิบายว่า Flash เวอร์ชันนี้ได้ปรับปรุงเทคนิคด้านหน่วยความจำหลายอย่าง ช่วยให้ Flash ปลอดภัยมากขึ้น
เทคนิคด้านหน่วยความจำเหล่านี้เป็นผลงานร่วมกันของกูเกิลกับ Adobe ทำให้มีเฉพาะ Chrome เท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากเทคนิคเหล่านี้อย่างเต็มที่ (เพราะ Chrome ใช้ Flash เวอร์ชันพิเศษของตัวเอง) ส่วนเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ จะใช้ได้เฉพาะเทคนิคของฝั่ง Adobe บางอันเท่านั้น
หมายเหตุ: ข่าวนี้อ้างถึงหลักการด้านหน่วยความจำ ผู้อ่านควรมีพื้นเรื่อง data structure มาบ้างครับ
ฟีเจอร์เด่นอย่างหนึ่งของ Chrome คือแสดงสัญลักษณ์บนแท็บที่กำลังใช้งานอุปกรณ์เสียง ตอนนี้ฟีเจอร์นี้กำลังจะตามมาใน Firefox บ้างแล้ว
ตอนนี้ Firefox รุ่นทดสอบสามารถแสดงแท็บที่กำลังเล่นเสียงอยู่ได้เฉพาะกรณีที่เป็น HTML5 เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถใช้กับเสียงจาก Flash ได้ เนื่องจากการทำงานของ Firefox จะมองเห็นว่าไฟล์ Flash กำลังทำงานอยู่ แต่ไม่รู้ว่าภายในไฟล์กำลังทำงานอะไรบ้าง ไม่สามารถบอกได้ว่ามีเสียงหรือไม่ (กรณีของ Chrome ใช้ Flash เวอร์ชันพิเศษที่ผนวกมากับ Chrome ทำให้ไม่มีปัญหานี้)
เมื่อต้นปีนี้ Google Safe Browsing เพิ่มการเตือนเว็บที่หลอกให้โหลดมัลแวร์-ซอฟต์แวร์น่ารำคาญ มาแล้วรอบหนึ่ง ล่าสุดกูเกิลออกมาประกาศว่า Chrome จะแสดงการแจ้งเตือนลักษณะนี้มากขึ้นกว่าเดิม
กูเกิลบอกว่าเป้าหมายหลักของ Safe Browsing คือปกป้องผู้ใช้จากมัลแวร์ ซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ และการหลอกหลวง (phising) แต่ Safe Browsing จะไม่ขึ้นเตือนผู้ใช้ในกรณีอื่นๆ
กูเกิลยังบอกว่าซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์จะถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยวิธีการหลายแบบ เช่น ad injection หรือแสดงผ่านเครือข่ายโฆษณาที่ไม่เข้มงวดมากนัก ซึ่ง Safe Browsing ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ช่วยปกป้องผู้ใช้จากอันตรายเหล่านี้
จากปัญหาช่องโหว่ Flash และ Java รอบล่าสุดที่เป็นช่องโหว่ร้ายแรง และต้นสังกัดยังไม่ออกแพตช์แก้ ทางออกของผู้ใช้งานที่เป็นไปได้ในตอนนี้คือปิดการทำงานของปลั๊กอินเหล่านี้
สมาชิก Blognone น่าจะปิดปลั๊กอินกันได้ไม่ยาก แต่ผมอ่านจากความเห็นในหลายๆ ที่พบว่ายังมีคนไม่รู้วิธีการปิดปลั๊กอินอีกมาก บทความนี้จึงเขียนเพื่อสอนการปิดปลั๊กอินบนเว็บเบราว์เซอร์ (อย่างละเอียดแบบมีภาพประกอบทุกขั้นตอน) โดยมุ่งเป้าไปยังคนที่ปิดไม่เป็นนะครับ ใครรู้อยู่แล้วข้ามไปได้เลย
Mozilla ออกเอกสารแนวทางการออกแบบ Firefox for Windows 10 ซึ่งเป็นครั้งที่เผยหน้าตาส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ของเบราว์เซอร์บนระบบปฏิบัติการล่าสุดจากไมโครซอฟท์
ผู้อำนวยการท่านหนึ่งจาก Mozilla กล่าวว่า ที่เบราว์เซอร์รุ่นใหม่มีหน้าตาคล้ายรุ่นปัจจุบันเพราะต้องการให้ผู้ใช้เดิมปรับมาใช้เบราว์เซอร์รุ่นใหม่ได้โดยสะดวก และทีมงานก็ปรับแต่งให้เบราว์เซอร์มีหน้าตาเข้ากับ Windows 10 แต่ยังคงความเป็น Firefox ไว้
การสนับสนุน Windows 10 จะถูกเพิ่มลง Firefox 40 ซึ่งขณะนี้เป็นรุ่นเบต้าอยู่ คาดว่าจะเป็นรุ่นสมบูรณ์ (stable release) ราวกลางเดือนสิงหาคม
นอกจากประเด็นเรื่อง Firefox เตรียมเลิกใช้ XUL แล้ว Dave Camp ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Mozilla ยังออกมาประกาศยุทธศาสตร์ภาพกว้างใหม่ของ Firefox ที่จะเน้น 3 เสาหลัก (Three Pillars) ดังนี้
Nolan Lawson นักพัฒนาเว็บและแอพรายหนึ่งเขียนบทความนำเสนอปัญหาของวงการเว็บ ว่าทุกวันนี้เบราว์เซอร์พัฒนาเรื่องเทคโนโลยีเว็บไปมาก ผู้สร้างเบราว์เซอร์หลายค่ายทั้ง Google, Mozilla, Opera, Microsoft ต่างเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างมาตรฐานเว็บกันเยอะ แต่ Safari ของแอปเปิลกลับแทบจะหยุดนิ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา
Chrome for Android กลายเป็นแอพล่าสุดบน Google Play Store ที่มียอดติดตั้งเกิน 1 พันล้านครั้ง เข้าทำเนียบ "แอพพันล้าน" ตามหลังแอพรุ่นพี่ๆ อย่าง Gmail, Google Maps, YouTube, Facebook, Messenger, WhatsApp ไปเรียบร้อยแล้ว
แอพชุดต่อไปที่มีโอกาสแตะหลักพันล้านได้คือ Google Street View และ Google Play Music ที่มียอดดาวน์โหลดเกิน 500 ล้านครั้งแล้ว แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะเข้าสู่หลักพันล้านได้ครับ
ที่มา - Talk Android
ภาพจากงาน Google I/O 2015
Mozilla ออก Firefox 39 ของใหม่ได้แก่
ไมโครซอฟท์ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า เบราว์เซอร์ Microsoft Edge จะไม่รองรับ Silverlight สืบเนื่องจากการหยุดสนับสนุน ActiveX และการเกิดขึ้นของโซลูชั่นเล่นมีเดียบนเว็บสมัยใหม่บนพื้นฐานของ HTML5 บริษัทแนะนำให้ผู้ที่ใช้ Silverlight หันไปใช้ MPEG DASH, Media Source Extensions (MSE), Common Encryption (CENC), Encrypted Media Extensions (EME) ซึ่งเป็นที่รองรับโดยเบราว์เซอร์ แพลตฟอร์ม และอุปกรณ์ในท้องตลาดแทน
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าจะสนับสนุน Silverlight บน IE11 ต่อไป แอพที่ทำจาก Silverlight ซึ่งรันนอกเบราว์เซอร์ก็จะยังใช้งานได้
ที่มา: Microsoft Edge Dev Blog
ทีม CyanogenMod เข้าร่วมวงทำเบราว์เซอร์บน Android ด้วยโครงการ Gello เบราว์เซอร์จากโอเพนซอร์ส Chromium
ฟีเจอร์ที่พบจากวิดีโอในขณะนี้
ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 ตัวใหม่ล่าสุด Build 10158 สำหรับกลุ่ม Windows Insider Fast Ring
หลังจากที่ผู้ใช้ร่วมกันเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์คงแถบที่อยู่ของ Microsoft Edge สำหรับโทรศัพท์ไปไว้ด้านล่างให้เหมือนกับ Internet Explorer บน Windows Phone
มาถึงตอนนี้ทางไมโครซอฟท์ก็ได้ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้อง โดยการย้ายแถบที่อยู่ลงมาไว้ด้านล่างเรียบร้อยแล้วครับ โดย Microsoft Edge รุ่นนี้จะมากับ Windows 10 Mobile build 10149 ที่เริ่มปล่อยให้อัพเดตในวันนี้ และยังเป็นรุ่นแรกที่เปลี่ยนชื่อจาก Project Spartan มาเป็น Microsoft Edge อีกด้วย
วิศวกรจากกูเกิล, ไมโครซอฟท์, Mozilla และ WebKit ร่วมกันเปิดตัว WebAssembly เทคโนโลยีฟอร์แมตไบนารี "แบบใหม่" สำหรับเว็บเบราวเซอร์
นักพัฒนาสามารถคอมไพล์ภาษาโปรแกรม (ปัจจุบันเน้นที่ C/C++ ในอนาคตจะเพิ่มภาษาอื่นเข้าไป เช่น Rust, Go หรือ C#) ให้มาอยู่ในรูปแบบของฟอร์แมตไบนารีสำหรับเว็บ ทำงานบน JavaScript เอนจินบนเบราว์เซอร์ได้เลยโดยไม่ต้อง parse โค้ด Javascript ที่เป็นข้อความอีกต่อไป ผลคือการประมวลผลเร็วขึ้น (ต้นแบบปัจจุบันทำงานได้เร็วกว่าการ parse asm.js โค้ด 23 เท่า) และข้อดีอีกอย่างคือขนาดของโค้ดที่คอมไพล์ให้อยู่ในรูปแบบของไบนารีฟอร์แมตจะมีขนาดเล็กกว่า JavaScript
กูเกิลออกมาประกาศว่าได้ปรับปรุง Chrome เวอร์ชันแมคไปหลายจุดตามเสียงบ่นของผู้ใช้ ผลคือ Chrome กินพลังงานน้อยลง และทีมงานก็ตั้งเป้าว่าจะปรับปรุงเรื่องการใช้พลังงานให้เทียบเท่ากับ Safari
แนวทางการแก้ไขที่กูเกิลทำ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ อย่างแรกคือลดความสำคัญของการเรนเดอร์เพจในแท็บที่ไม่ใช้งาน (background tab) ลงมา จากเดิมที่แท็บไหนๆ ก็จะได้สิทธิความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่
อย่างที่สองคือลดรอบการตื่น (wake) ของ Chrome สำหรับการเปิดใช้งานบางเว็บเพจ ให้ลงมาระดับเดียวกับ Safari ช่วยให้การใช้แบตเตอรี่ลดลงจากเดิม 30-66% แล้วแต่กรณี
ทีมงานกูเกิลยังสัญญาว่าจะทำงานเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาในจุดที่ผู้ใช้งานได้รับผลกระทบเยอะ และยืนยันว่าจะไม่นั่งเฉยๆ อย่างแน่นอน