ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าเพิ่มคุณค่าให้บริการ Xbox Game Pass โดยสมาชิกระดับ Ultimate จะได้บริการสตรีมมิ่ง Disney+ เป็นเวลานาน 30 วัน
ไมโครซอฟท์มีสิทธิพิเศษ (perks) ให้กับสมาชิก Game Pass Ultimate มานานแล้ว เช่น แถม Spotify Premium, Discord Nitro เป็นช่วงเวลาสั้นๆ รวมถึงแจกคอนเทนต์ฟรีในเกมของพาร์ทเนอร์อย่าง 2K หรือ Sega ด้วย
Disney+ แสดงคำเตือนเป็นคลิปสั้น 12 วินาที เตือนก่อนจะเข้าหนังและการ์ตูนคลาสสิคเก่าๆ ที่มีเนื้อหาเหยียด เลือกปฏิบัติ ตัวอย่างเช่นเรื่อง Dumbo, Peter Pan และ Donald Duck เป็นต้น
ตัวคลิปนั้นไม่สามารถกดข้ามได้ โดยประกอบด้วยเนื้อความว่า เนื้อหาต่อไปนี้มีการแสดงภาพเชิงลบและ / หรือ การปฏิบัติต่อผู้คนหรือวัฒนธรรมอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องผิด ซึ่งทางบริษัทไม่ได้ลบเนื้อหาออก แต่แสดงคำเตือนเพื่อให้ทราบถึงผลกระทบที่เป็นอันตราย และเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมมากขึ้น
Soul อนิเมชันจาก Pixar ทีมีกำหนดเข้าโรงในช่วงคริสต์มาสปีนี้กลายเป็นหนังโรงเรื่องที่ 4 ต่อจาก Mulan, Artenis Fowl และ Hamilton ที่ถูกย้ายขึ้นไปฉายบน Disney+ แทนด้วยปัญหาวิกฤติโควิด
อย่างไรก็ตาม Soul บน Disney+ จะไม่มีการเก็บเงินเพิ่มเพื่อรับชมเหมือนที่เก็บ 29.99 เหรียญสำหรับ Mulan ขณะที่ประเทศที่ Disney+ ยังไม่เปิดให้บริการ Soul ก็จะยังคงฉายในโรงเช่นเดิม แต่ยังไม่มีกำหนดวันฉายออกมา
ที่มา - Deadline
หลังโดนเลื่อนฉายตั้งแต่เดือนมีนาคมเพราะ COVID-19 หนังเรื่อง Mulan ก็มาฉายผ่านสตรีมมิ่ง Disney+ ในวันที่ 4 กันยายนนี้ ถ้าจะได้ดูต้องจ่ายแพ็กเกจพรีเมี่ยม ราคา 29.99 ดอลลาร์ โดยตัวหนังจะได้ฉายในตลาดที่โรงหนังยังสามารถเปิดได้ในตอนนี้ควบคู่กัน
Disney+ ในสหรัฐยกเลิกการทดลองให้ใช้งานฟรี 7 วันแล้วหลังเปิดให้บริการมาแค่ 7 เดือนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนสมาชิกตอนนี้อยู่ที่ 54.5 ล้านคนเข้าไปแล้ว ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างเร็ว
ด้าน Disney ชี้แจงว่ากำลังทดสอบการตลาดและโปรโมชันรูปแบบต่าง ๆ สำหรับ Disney+ อยู่ ขณะที่ค่าบริการของ Disney+ ก็ค่อนข้างถูกและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคอนเทนท์ ดังนั้นบริษัทจึงคิดว่าตัว Disney+ ค่อนข้างดึงดูดในตัวมันเองอยู่แล้ว
ดิสนีย์เปิดรับสมัครงานในตำแหน่ง Senior Manager, Manager และ PR & Communications ของ Disney+ โดยรับผิดชอบในตลาดอาเซียน ทำงานที่สิงคโปร์
เพิ่งจะเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองที่ Disney+ ประกาศมีผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านรายล่าสุดตัวเลขต้นเดือนพฤษภาคม มีผู้ใช้งาน 54.5 ล้านราย อัตราการเติบโตชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2024 จะมีผู้สมัครใช้งาน Disney+ อยู่ในช่วง 60-90 ล้านราย โดยตอนนี้ยังเปิดใช้งานไม่กี่ประเทศ มีเพียงสหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป อินเดีย
Disney+ ประกาศความสำเร็จหลังเปิดตัวในอินเดีย และ 8 ประเทศในยุโรปคือ สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ มาได้ 3 สัปดาห์ พบว่ามียอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านรายแล้ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Disney+ ประกาศว่าในไตรมาสแรกของปี ได้ยอดผู้ใช้งานมา 26.5 ล้านราย และในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มียอดผู้ใช้งาน 28.6 ล้านราย เท่ากับว่าการเปิดตัวในตลาดใหม่ช่วยดันยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
เพราะในห้วงเวลานี้ สตรีมมิ่งคือเพื่อนแท้ ผลจากการต้องกักตัวอยู่บ้าน ส่งผลพลอยได้ให้สตรีมมิ่งแต่ละเจ้ามียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ข้อมูลจาก Antenna ผู้รวบรวมและวิเคราะห์สตรีมมิ่งเฉพาะในสหรัฐฯ พบว่า Disney+ ได้ประโยชน์ที่สุดในช่วงนี้ เพราะตัวเนื้อหาดูได้ทั้งครอบครัว โดยพบว่ายอดผู้สมัครใช้งานในวันที่ 14-16 มีนาคม ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า
Disney+ มีกำหนดการเดิมคือจะเปิดตัวในยุโรป 31 มีนาคม และได้เลื่อนมาเปิดตัววันที่ 24 มีนาคม แต่ด้วยช่วงนี้ประชาชนต้องกักตัวลดการเผยแพร่โรค COVID-19 ทำให้มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตสูง Disney+ จึงยอมเปิดตัวในยุโรปด้วยการลดคุณภาพวิดีโอตามที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นทำ เพื่อลดความหนาแน่นการใช้งานอินเทอร์เน็ต
โรคระบาดทำหนังที่ตั้งเป้าว่าจะทำรายได้ Box Office ในช่วงฤดูนี้ต้องเลื่อนฉายกันหมด ก่อนหน้านี้ Universal Pictures แก้เกมด้วยการเอาหนังที่ตั้งใจฉายในโรง มาให้ดูทางออนไลน์เสียเลย ล่าสุด Pixar ก็ส่งหนังแอนิเมชั่น Onward ลงฉายในสตรีมมิ่ง Disney+ ด้วย ฉายวันที่ 3 เมษายนนี้ ทั้งๆ ที่หนังเพิ่งเข้าโรงเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ Disney+ ยังไม่เปิดตัวในไทยเสียที
Disney นำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ช่วงปลายปี 2019 สองเรื่องคือ Frozen 2 และ Star Wars: The Rise of Skywalker มาฉายบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเร็วกว่ากำหนดเดิม
Frozen 2 เริ่มมาขาย/ให้เช่าบนแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์อย่าง Apple TV, Google Play, Amazon มาได้สักพักแล้ว ล่าสุดเปิดให้ชมฟรีบน Disney+ บริการสตรีมมิ่งของ Disney เอง เร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 3 เดือน (กำหนดเดิมคือ 26 มิถุนายน)
ส่วน Star Wars: The Rise of Skywalker ก็นำมาขายบน Apple TV, Google Play, Amazon แล้วเช่นกัน เร็วกว่ากำหนดเดิม 17 มีนาคมเล็กน้อย
Disney อธิบายเหตุผลที่ดัน Frozen 2 มาฉายเร็วกว่ากำหนดว่า ต้องการให้ครอบครัวมีความสุขในช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างตอนนี้
Disney+ ถือเป็นสตรีมมิ่งรายใหม่ที่ประสบความสำเร็จกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังดูเหมือนว่า Disney+ ต้องพยายามอีกหลายอย่างเพื่อจะไล่ให้ทันความเร็วในการลงคอนเทนต์ของ Netflix เพราะหลังจากซีรีส์เรื่อง The Mandalorian จบลง คนก็ยังคงสงสัยกันว่า ซีรีส์เรือธงเรื่องต่อไปที่ควรดูของ Disney+ คืออะไร และยังมีข้อสงสัยจากนักลงทุนถาม Disney ว่า ทางเลือกคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ มีอะไรอีกบ้าง
Bob Iger ซีอีโอ Disney ยอมรับว่า ในการเปิดตัวสตรีมมิ่งจะยังมีคอนเทนต์ไม่มาก และการสร้างคอนเทนต์ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว ซึ่งในตอนนี้ การตัดสินใจของบริษัทจะดำเนินการอยู่บนคุณภาพ ไม่ใช่แค่ปริมาณเท่านั้น
ดิสนีย์เปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานบริการสตรีมมิ่ง Disney+ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส หลังเริ่มให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัครใช้งาน 26.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากวันแรกที่มีผู้สมัครใช้งาน 10 ล้านคน
ซีอีโอ Bob Iger บอกว่า 20% ของผู้สมัครใช้งาน เป็นการสมัครทดลองใช้งานฟรี 12 เดือน ของลูกค้า Verizon ขณะที่ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นการสมัครใช้งานผ่านเว็บไซต์ของ Disney+ โดยตรง
ตัวเลขนี้มากหรือน้อยอาจเทียบได้กับบริการสตรีมมิ่งตัวอื่นของดิสนีย์เช่นกัน โดย ESPN+ มีผู้สมัครใช้งาน 6.6 ล้านคน ส่วน Hulu มี 30.4 ล้านคน
บริการสตรีมมิ่ง Disney+ ประกาศบุกยุโรปอย่างเป็นทางการ โดยประเทศชุดแรกคือ สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มวันที่ 24 มีนาคมนี้ ค่าบริการรายเดือน 5.99 ปอนด์ หรือ 6.99 ยูโร
การเปิดบริการในยุโรปตะวันตกมาเร็วกว่ากำหนดเดิม 1 สัปดาห์ และมีจำนวนประเทศมากกว่าที่ประกาศไว้ตอนแรก
ดิสนีย์ยังประกาศว่าจะขยายจำนวนประเทศอีกครั้งช่วงกลางปี 2020 โดยครอบคลุมเบลเยียม โปรตุเกส และประเทศกลุ่มนอร์ดิกด้วย
Sensor Tower เผยข้อมูล คนอเมริกันดาวน์โหลดแอปสตรีมมิ่ง Disney+ กันมากที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2019 คือมีการดาวน์โหลดไป 30 ล้านครั้ง โดยเป็นการดาวน์โหลดผ่าน App Store 18 ล้านครั้ง และผ่าน Google Play 12 ล้านครั้ง
ในแง่รายได้ Disney+ ทำรายได้มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ใน 30 วันแรก เอาชนะคู่แข่งอื่นๆ เช่น HBO NOW และ Showtime และเมื่อรวมทั้งไตรมาส พบว่ารายได้ Disney+ มีส่วนแบ่งรายได้ 16% ของตลาด SVOD ทั้งหมดในสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ Disney+ เพิ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยมีรายได้มากกว่า Netflix ในช่วงเวลาเดียวกัน (Netflix มีส่วนแบ่งรายได้ 15%)
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นรายได้ที่นับเฉพาะผ่านช่องทางดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store และ Google Play เท่านั้น ไม่รวมรายได้จากการชำระเงินช่องทางอื่น
การแชร์รหัสผ่านบริการสตรีมมิ่งให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเป็นพฤติกรรมปกติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมนี้ของผู้ใช้งาน ไม่ส่งผลดีต่อรายได้บริษัทสตรีมมิ่ง
บริษัทวิจัยข้อมูล Parks Associates เผยว่า การแชร์รหัสผ่านสตรีมมิ่งร่วมกัน การเอารหัสผ่านไปขายต่อ ทำให้อุตสาหกรรมสตรีมมิ่งเสียรายได้ที่ควรจะได้ไปถึง 9.1 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2019 และจะสูงถึง 12.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
งานวิจัยจาก Hub Entertainment Research พบว่าร้อยละ 31 ของผู้ใช้งานสตรีมมิ่งทั้งหมด ให้รหัสผ่านแก่คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และเป็นพฤติกรรมกระจุกอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ช่วงอายุ 13-24 ปี
เว็บไซต์ Hollywood Reporter รวบรวมความเห็นจากคนในวงการหนังที่คลุกคลีกับฮอลลีวูดมานาน รวมทั้งนักลงทุน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ รวมกว่า 40 ราย ในการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2020 มีการคาดการณ์อนาคตสตรีมมิ่งด้วย โดยในข่าวนี้จะคัดเฉพาะที่น่าสนใจและเกี่ยวกับอนาคตวงการสตรีมมิ่งที่การแข่งขันจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี 2020 ที่จะถึงนี้
บริการสตรีมมิ่ง Disney+ ได้รับความร่วมมือมากมาย ก่อนหน้านี้มี Verizon ที่เปิดให้ลูกค้าชม Disney+ ฟรี 12 เดือนแล้ว กูเกิลก็ประกาศว่าลูกค้าที่ซื้อ Chromebook จะได้สิทธิ์ชม Disney+ ฟรี 3 เดือนด้วย
โปรโมชั่นนี้เฉพาะลูกค้าในอเมริกาที่ซื้อ Chromebook ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2019 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2020 และต้องเข้าไปรับสิทธิ์ที่ลิงค์นี้ ก่อนวันที่ 31 มกราคม 2020
Parrot Analytics บริษัทวิเคราะห์เผยว่า ซีรีส์เรื่อง The Mandalorian บน Disney+ โค่น Stranger Things ในฐานะที่เป็นซีรีส์อันดับ 1 ในสหรัฐฯ
Parrot Analytics มีการจัดอันดับซีรีส์รายสัปดาห์ ซึ่ง Stranger Things ของ Netflix ครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับได้ 21 สัปดาห์ จนกระทั่ง The Mandalorian ขึ้นนำไป โดย The Mandalorian มีการแสดงความต้องการหรือ Demand Expressions มากกว่า 100 ล้านครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Stranger Things มี 81 ล้าน
บริการสตรีมมิ่ง Disney+ เริ่มให้บริการในอเมริกาและอีกไม่กี่ประเทศไปแล้ว (อ่านรีวิว) โดยเตรียมขยายจำนวนประเทศที่ให้บริการเพิ่มเติมในวันที่ 31 มีนาคม ปีหน้า อย่างไรก็ตามคำถามที่หลายคนอยากทราบก็คือแล้วเมืองไทยจะมาเมื่อใด?
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง 2 ราย ระบุตรงกันว่าแผนเปิดตัว Disney+ ในต่างประเทศเพิ่มเติมนั้นวางไว้เป็น อินเดีย กับบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มให้บริการได้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังปี 2020 หรือปีหน้า
Disney+ เปิดใช้งานวันที่ 12 พ.ย. ทีผ่านมา เฉพาะในสหรัฐฯและแคนาดาเท่านั้น ถือว่าผลตอบรับดีเกินคาด โดย Disney+ ออกมาเผยตัวเลขคนลงทะเบียนใช้งานมี 10 ล้านรายแล้ว
Disney+ ตอนเปิดตัวใหม่ๆ มีปัญหาการใช้งานบ้าง เช่น เข้าหน้าลงทะเบียนไม่ได้ มีปัญหาตรงระบบล็อกอินเป็นต้น ก่อนหน้านี้ Disney เคยกล่าวกับนักลงทุนไว้ว่า เป้าหมายคืออยากให้มีคนมาใช้งาน 60 ล้านราย และไปให้ถึง 90 ล้านรายภายในปี 2024
Disney+ เปิดตัวในอเมริกาและแคนาดาแล้ว Blognone เองก็ได้รีวิวไปคร่าวๆแล้ว สามารถอ่านย้อนหลังกันได้ แม้ Disney+ จะยังมีคอนเทนต์ใหม่ไม่มาก แต่หนังการ์ตูนคลาสสิคเก่าๆ ถือว่ามีเพียบ
อย่างไรก็ตาม หนังการ์ตูนเก่าอาจมีเนื้อหาและวัฒนธรรมล้าสมัย เช่น ตัวละครแมววิเชียรมาศในหนังเรื่อง Lady and the Tramp ที่แสดงออกถึงเล่ห์เหลี่ยมเปรียบเทียบกับคนเอเชีย, ตัวละคร King Louie ใน Jungle Book ที่อาจตีความในลักษณะเหยียดสีผิว, ตัวละคร Jim Crow ในเรื่อง Dumbo เป็นต้น ซึ่ง Disney+ จะขึ้นคำเตือนไว้ตรงคำบรรยายเรื่องย่อของหนังดังกล่าวด้วย
วันนี้เป็นวันแรกที่ Disney+ ให้บริการอย่างเป็นทางการวันแรกในสหรัฐและแคนาดา ผมอาศัยอยู่ในสหรัฐและทดลองใช้บริการไปบ้างแล้ว เลยนำมาฝากเล็กเป็นมินิรีวิวนี้
หน้าโฮมหน้าแรก จะคล้าย Netflix ตรงนี้เป็นแบนเนอร์ใหญ่โปรโมทคอนเทนท์ออนิจินัลที่เป็นเรือธงของ Disney+ แตกต่างตรงเพียงว่าเป็นภาพนิ่ง ไม่ใช่วิดีโอตัวอย่าง ตามมาแถบสตูดิโอของ Disney ให้ผู้ชมเลือกหมวดหมู่ได้ว่าจะค้นหาภาพยนตร์หรือซีรีส์จากค่ายไหน
ถึงแม้ Disney+ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ 12 พฤศจิกายนนี้ แต่มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ได้ใช้ในวันนั้น (สหรัฐ, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์) และอีกอาทิตย์ต่อมาที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ประเทศนอกเหนือจากนี้ยังไม่มีกำหนดการออกมา
แต่ล่าสุดทางดิสนีย์ได้ออกมาประกาศว่าบริการ Disney+ จะเปิดให้บริการในอังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน (และจะประกาศเพิ่มเติมเร็วๆนี้) ในวันที่ 31 มีนาคม 2020 และคอนเทนต์อาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่ให้บริการ