Farhad Manjoo คอลัมนิสต์ด้านเทคโนโลยี และผู้เขียนหนังสือ "True Enough: Learning to Live in a Post-Fact Society" ว่าด้วยความพยายามครอบโลกธุรกิจของ Apple, Amazon, Facebook และ Google โดย Farhad Manjoo เขียนบทความว่าปี 2017 เป็นปีแห่งจุดเปลี่ยนของบริษัทเทคโนโลยี โดยปี 2017 มีหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีต้องมีส่วนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออฟไลน์ ไม่ว่าบริษัทจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

Facebook ประกาศปรับปรุงวิธีการแสดงผลใน News Feed อีกครั้ง คราวนี้เน้นไปที่โพสต์จากบุคคลหรือจากเพจที่ใช้วิธีการ Engagement Bait โดยพยายามกระตุ้นให้คนอ่านกดไลค์, แชร์, แสดงความคิดเห็น หรือกระทำการอื่นๆ เพื่อเพิ่มค่า Engagement ตัวอย่างเช่น "กด Like เลย ถ้าคุณอยู่ราศีเมษ" ซึ่ง Facebook บอกว่าคนมักมองโพสต์แนวนี้ว่าเป็นสแปม

Facebook บอกว่าเพื่อให้ระบบตรวจหาโพสต์ประเภทดังกล่าวได้อัตโนมัติ ก็ได้ทำการรวบรวมรูปแบบโพสต์แนวนี้แล้วใช้ Machine Learning เพื่อแยกแยะออกมา โดยโพสต์ที่เข้าข่ายก็จะถูกลดน้ำหนักการแสดงผลบน News Feed

Facebook ประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน News Feed ชื่อว่า Snooze โดยสามารถ Unfollow เพื่อน, เพจ และกลุ่ม ได้ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน วิธีการก็เหมือนฟีเจอร์แนวเดียวกันคือกดที่ปุ่มมุมบนขวาของโพสต์เพื่อ Snooze

แนวคิดของฟีเจอร์นี้ Facebook ยกตัวอย่างสถานการณ์เช่น คุณลุงกำลังเห่อแมวใหม่และอัพรูปทั้งวัน หรือเพื่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอวดรูปอาหารตลอดเวลา ซึ่งบางทีก็มากเกินไป แต่จะให้ Unfollow หรือ Unfriend ไปเลยคงไม่ใช่ทางออก Snooze จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยเราไม่ต้องเห็นโพสต์จากเพื่อนคนนั้นๆ เป็นระยะเวลาหนึ่ง และสามารถแก้ไขค่าคืนได้ทุกเมื่อ

Facebook ทำฟีเจอร์ใหม่ Snooze ให้ผู้ใช้มีอำนาจควบคุม News Feed ของตัวเองมากขึ้นนอกเหนือจากฟีเจอร์ Hide, Report, Unfollow โดยผู้ใช้สามารถกดเลิกติดตามเพื่อนได้ชั่วคราวเป็นระยะเวลา 30 วัน

วิธีการใช้งานคือกดตรงจุดสามจุดช่วงขวาบนของโพสต์เพื่อนคนนั้น จากนั้นเลือกเมนู Snooze โพสต์ของเพื่อนคนนั้นจะไม่ปรากฏบนหน้า News Feed 30 วัน และระบบจะแจ้งเตือนเมื่อใกล้ครบกำหนด

จากข่าว Facebook เตรียมหยุดจ่ายเงินจ้างเว็บดัง-เพจดังทำวิดีโอ เปลี่ยนโมเดลเป็นโฆษณาแทน ล่าสุด Facebook ออกมาแถลงข้อมูลอย่างเป็นทางการ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องวิดีโอ 3 อย่างดังนี้

Facebook ประกาศ 2017 Year in Review ของ Messenger โดยรวบรวมสถิติสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน โดยมีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

• Facebook Messenger มีคนใช้งานจำนวนกว่า 1.3 พันล้านคนแล้วทั่วโลก
• มีการสนทนาบน Messenger โดยเฉลี่ยวันละ 7 พันล้านครั้งในปีนี้
• มีการเปิดหน้าสนทนา (conversation thread) ใหม่โดยเฉลี่ยวันละ 260 ล้านครั้ง

ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา Facebook หันมาทุ่มให้กับวิดีโอมาก จนถึงขนาดยอมจ่ายเงินให้ publisher ดังๆ ผลิตวิดีโอเพื่อโพสต์ลง Facebook ให้ผู้ใช้คุ้นเคย

ล่าสุดมีข่าวจาก publisher บางราย ระบุว่า Facebook เตรียมหยุดจ่ายเงินค่าวิดีโอแล้ว โดยสัญญาฉบับเดิมของ Facebook จะจ่ายค่าจ้างทำวิดีโอให้ถึงสิ้นปี 2017 และบริษัทจะไม่ต่อสัญญาในปี 2018

รูปแบบการจ้างของ Facebook คือให้ publisher ผลิตวิดีโอทั้งแบบวิดีโอปกติ (ยาวขั้นต่ำ 90 วินาที) และการถ่ายวิดีโอ live (ยาวขั้นต่ำ 6 นาที) โดย Facebook จะจ่ายเงินให้ขั้นต่ำต่อเดือนตามที่ตกลงกัน เป้าหมายของ Facebook คือเปลี่ยนโมเดลจากการจ่ายเต็ม มาเป็นการจ่ายส่วนแบ่งโฆษณาที่จะแทรกมาช่วงกลางวิดีโอ (mid-roll) แทน

Facebook ออกแถลงการณ์ตอบโต้คำกล่าวของ Chamath Palihapitiya อดีตผู้บริหารฝ่ายดูแลการเติบโต ที่บอกว่าโซเชียลมีเดียเป็นอันตรายต่อสังคมโลก โดยมีรายละเอียดดังนี้

Chamath Palihapitiya อดีตผู้บริหารใน Facebook บอกว่าโซเชียลมีเดียเป็นอันตรายต่อสังคมโลก แบ่งแยกสังคมออกจากกัน เขายังบอกอีกว่าเขารู้สึกผิดอย่างร้ายแรงที่เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งโซเชียลมีเดียด้วย

Chamath Palihapitiya เข้ามาทำงานใน Facebook ตั้งแต่ปี 2007 ในหน้าที่ดูแลการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งาน

เขาไปพูดบรรยายที่ Stanford Graduate School of Business ในหัวข้อการเงิน ในตอนหนึ่งเขาบอกว่าเขารู้สึกผิดอย่างร้ายแรง ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโซเชียลมีเดียเป็นอันตรายต่อสังคม ไม่เพียง Facebook แต่รวมถึงโซเชียลมีเดียทุกราย และไม่ใช่แค่เรื่องของข่าวปลอมในสังคมอเมริกัน แต่รวมถึงสังคมทั่วโลก

เขายกตัวอย่างข้อมูลผิดๆ ที่แชร์กันในอินเดียจนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายคนในชีวิตจริง และวิกฤตชาวโรฮิงญาในพม่าที่ข้อมูลปลอมใน Facebook มีส่วนช่วยกระตุ้นให้วิกฤตรุนแรงขึ้น

Parse.ly บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ออนไลน์ เปิดเผยข้อมูลการสำรวจสัดส่วนทราฟฟิคเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ตลอด 10 เดือนของปี 2017 ที่ผ่านมา พบว่าทราฟฟิคจากเฟสบุ๊คสูงกว่ากูเกิลในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนที่ช่วงครึ่งปีหลัง ทราฟฟิคจากกูเกิลจะแซงและและสูงกว่าเฟซบุ๊กถึงเกือบเท่าตัว

ช่วงเดือนมกราคา เฟซบุ๊กเป็นช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ที่ราว 40% ส่วนกูเกิลอยู่ที่ 34% ขณะที่เดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนที่สุดที่มีการเก็บข้อมูล ทราฟฟิคจากกูเกิลขึ้นสูงที่ราว 44% ส่วนเฟสบุ๊คตกลงไปที่ 26% เท่านั้น โดยเว็บไซต์ที่ถูกสำรวจก็เป็นเว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง Wall Street Journal, Time, Mashable และ Huffington Post เป็นต้น

The Next Web เผยแพร่ภาพหน้าจอ Facebook ที่แสดงให้เห็นว่า Facebook กำลังทดลองฟีเจอร์ใหม่ คอมเมนท์ใต้โพสต์ของเพื่อนโดยตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคอมเมนท์นั้นๆ ได้

การตั้งค่าทำได้ 4 แบบ เพื่อนและเจ้าของโพสต์เท่านั้นที่เห็น, เพื่อนเท่านั้น, เจ้าของโพสต์และผู้ใช้ที่คอมเมนท์โพสต์นั้นๆ, คนอื่นๆ The Next Web ระบุว่าฟีเจอร์นี้ยังมีไม่กี่คนที่ได้ใช้ แต่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ที่อยากคอมเมนท์แสดงความคิดเห็นแต่กังวลว่าจะถูกโจมตีจากผู้ใช้รายอื่นที่ไม่รู้จัก

ไมโครซอฟท์ประกาศหยุดสนับสนุนการเข้าใช้งาน Skype ผ่าน Facebook Login โดยจะเริ่มมีผลในเดือนมกราคมปี 2018 หลังจากนั้นผู้ใช้จะสามารถเข้าใช้งาน Skype ได้ด้วยบัญชี Microsoft Account เท่านั้น

สำหรับเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไมโครซอฟท์ได้ยกตัวอย่างข้อดีของการใช้ Microsoft Account เพื่อทำ single sign-on กับบริการอื่นๆ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องล็อกอินใหม่ทุกครั้งเมื่อเข้าใช้งานบริการของไมโครซอฟท์อย่าง Skype, Office Online, Outlook, OneNote, OneDrive ฯลฯ

จากการขึ้นมาของสื่อออนไลน์ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา เม็ดเงินโฆษณาจากเอเจนซี่ก็ค่อยๆ เทมาจากสื่อเดิมอย่างทีวีหนังสือพิมพ์มาออนไลน์กันมากขึ้น โดยมีเฟซบุ๊กและกูเกิลเป็นผู้เล่นหลักๆ

ล่าสุด Statista บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเปิดเผยว่า เม็ดเงินโฆษณาบนสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทั่วโลกลงกูเกิลและเฟซบุ๊กรวมกันถึง 25% แล้ว
เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทั้งสองบริษัทมีส่วนแบ่งรวมกันอยู่ที่ 20% โดยเฟซบุ๊กมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 7% และกูเกิลที่ 18% ขณะที่ฝั่งออนไลน์ สองบริษัทนี้มีส่วนแบ่งรวมกันถึง 61% เข้าไปแล้ว แบ่งเป็นเฟซบุ๊ก 18% และกูเกิล 44%

ที่มา - Statista

Facebook เปิดตัวเกมบน Messenger และแพลตฟอร์ม Instant Games มาแล้วครบ 1 ปี ซึ่งตอนนี้ Messenger มีเกมกว่า 70 เกมจากนักพัฒนาหลากหลายคนทั่วโลก และในโอกาสครบรอบ 1 ปี Facebook ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับเกม ดังนี้

ฟีเจอร์แรกคือไลฟ์สตรีมมิ่ง ซึ่งใช้งานผ่าน Facebook Live ให้ผู้ใช้เล่นและแชร์ประสบการณ์ในการเล่นเกมบน Messenger ได้ โดยวิธีใช้งานคือขณะเล่นเกมให้กดปุ่มกล้องซึ่งจะอยู่มุมบนขวา จากนั้นเลือกผู้ชมที่ต้องการส่งวิดีโอไลฟ์สตรีมมิ่งให้ เขียนอธิบายวิดีโอเล็กน้อย และกดปุ่ม Start Live Video เพื่อเริ่มการอัดวิดีโอได้ทันที และเมื่อวิดีโอไลฟ์สตรีมมิ่งจบแล้วตัววิดีโอจะถูกโพสต์ขึ้นบนเพจหรือโปรไฟล์อัตโนมัติ

Open Neural Network Exchange (ONNX) ฟอร์แมตกลางสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลโมเดล deep learning ระหว่างเฟรมเวิร์คหลากหลายค่าย ที่ริเริ่มโดย Microsoft/Facebook และภายหลังได้พันธมิตรเข้าร่วม หลายราย ออกเวอร์ชัน 1.0 แล้ว

ตอนนี้ ONNX รองรับเฟรมเวิร์ค Caffe2, Microsoft Cognitive Toolkit, Apache MXNet, PyTorch, NVIDIA TensorRT และชุมชนนักพัฒนากำลังพยายามรองรับ TensorFlow ของกูเกิล (ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพันธมิตร) ต่อไป

เฟซบุ๊กเปิดตัวลูกเล่นใหม่ในการแชร์เรื่องราวของตัวเองในชื่อ Did You Know เป็นการ์ดคำถามสั้นๆ บนหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้ โดยเจ้าของโปรไฟล์สามารถตั้งคำถามและคำตอบได้ด้วยตัวเอง และเปิดให้คนที่เข้ามาดูโปรไฟล์ได้ตอบคำถามเหล่านั้น

ตัวคำถามทางเฟซบุ๊กจะกำหนดเป็นชุดมาให้ ผู้ใช้สามารถกด New Question เพื่อเปลี่ยนคำถามที่ต้องการไปได้เรื่อยๆ หรือจะเลือก Add Answer เพื่อทิ้งคำตอบเอาไว้ก็ได้ เมื่อเลือกแล้วคำถามนั้นๆ ก็จะปรากฎอยู่ในแท็บ Did You Know บนหน้าโปรไฟล์

ที่มา - TechCrunch

Facebook ประกาศ 2017 Year in Review ซึ่งรวบรวมเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นบน Facebook โดย 3 เหตุการณ์ที่คนพูดถึงกันมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่

• วันสตรีสากล (International Women’s Day)
• ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 51
• เหตุการณ์ความรุนแรงที่ลาสเวกัส

เหตุการณ์ที่ผู้คนต่างให้ความช่วยเหลือกันและกันมากที่สุด ได้แก่

• แผ่นดินไหวที่เม็กซิโก
• พายุเฮอร์ริเคน Harvey
• เหตุการณ์ความรุนแรงที่แมนเชสเตอร์

นอกจากนี้ Facebook ยังสรุปเหตุการณ์ (Event) ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ดังนี้

Sports Business Journal อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า Facebook กำลังอยู่ระหว่างจ้างบุคลากรเพื่อมาทำหน้าที่เจรจาซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาโดยเฉพาะ มูลค่าในท้ายที่สุดอาจสูงถึงหลักพันล้านดอลลาร์ แม้เป็นตัวเลขที่ไม่แปลกสำหรับการซื้อลิขสิทธิ์เพื่อมาลงโทรทัศน์ แต่สำหรับช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะนั้น ถือเป็นเม็ดเงินมหาศาลทีเดียว

Facebook เปิดตัวแอพ Messenger Kids ซึ่งเป็นแอพที่จับกลุ่มเด็ก ๆ โดยเฉพาะ เน้นการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ และมีฟีเจอร์ให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมบุตรหลานของตัวเองได้ อย่างเช่นการระบุบัญชีที่อนุญาตให้ติดต่อได้ เพื่อให้เด็ก ๆ ใช้งานได้อย่างปลอดภัย

Messenger Kids ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายรูปแบบ อย่างเช่นวิดีโอคอล, แชท, แต่งรูป ในลักษณะเดียวกับ Messenger ทั่วไป ให้การติดต่อสื่อสารกันภายในครอบครัวทำได้สนุกขึ้น และด้วยการที่ Facebook ได้พูดคุยกับองค์กรอย่าง National PTA และ Blue Star Families เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารออนไลน์ ทางบริษัทจึงทำฟีเจอร์ด้านการควบคุมผ่าน Messenger Kids ให้ผู้ปกครองสามารถใช้งานได้อย่างง่าย ๆ

Australian Competition and Consumer Commission หรือ ACCC หน่วยงานกำกับดูแลด้านการผูกขาดของออสเตรเลียเตรียมการสืบสวน Facebook และ Google ในข้อหาทำให้เสียระบบต่อสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นอันตรายต่อฝ่ายสำนักข่าวและผู้บริโภค โดยคาดว่าการสืบสวนจะแล้วเสร็จใน 18 เดือน

คำสั่งการสืบสวนของออสเตรเลียนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปสื่อ ท่ามกลางความกังวลของอาชีพสื่อสารมวลชนและคุณภาพของข่าวในอนาคต หลังจากที่ทุกวันนี้สำนักข่าวตกอยู่ในช่วงลำบาก มีผลกำไรน้อยลงและต้องปลดพนักงาน รวมถึงยังมีปัญหาข่าวปลอมตามมาอีกมาก โดยทุกวันนี้สื่อออสเตรเลียรวมถึงสื่อทั่วโลกต่างก็ตกอยู่ในชะตาคล้าย ๆ กัน เพราะรายได้จากการโฆษณาไปตกอยู่ที่ผู้ให้บริการอย่าง Facebook, Google หมด

ต่อเนื่องจากที่ Facebook Messenger Platform 2.2 เพิ่ม Customer Chat Plugin ซึ่งก่อนหน้านี้ Facebook ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งานได้ ได้แต่เพียงแค่ลงชื่อแสดงความสนใจไว้เท่านั้นครับ

เมื่อวานนี้ (30 พฤศจิกายน 2560) ผมได้รับอีเมล์จาก Messenger Platform Team ส่งมาแจ้งว่า Customer Chat Plugin สามารถใช้งานได้แล้ว โดยตอนนี้ตัวปลั๊กอินยังเป็นเวอร์ชั่น beta อยู่ครับ ซึ่งยังไม่รองรับ Internet Explorer และ In-app browser สำหรับมือถือ

Facebook ประกาศเตรียมยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ระดมทุนขอรับเงินบริจาคผ่านแพลตฟอร์มของ Facebook รวมถึงจะตั้งกองทุน Facebook Donations Fund ที่มีเงิน 50 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อบริจาคด้วย

ปัจจุบัน Facebook หักส่วนแบ่ง 5% ของยอดบริจาคทั้งหมดผ่านเว็บไซต์หรือแอพ ซึ่งการยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับการรับบริจาค น่าจะทำให้ Facebook ต้องไปเก็บค่าธรรมเนียมจากบริการทั่วไปแพงขึ้น โดยจะเก็บค่าดำเนินการ 6.9% ของจำนวนเงินทั้งหมด บวกอีก 30 เซนต์ต่อรายการ ซึ่งปัจจุบันเว็บไซต์ระดมทุนนั้นเก็บค่าธรรมเนียมการระดมทุนอยู่ที่ 6-8%

ขออนุญาตเอาข่าวเก่ามาเล่าใหม่ก่อนนะครับ

Facebook Messenger Platform เวอร์ชั่น 2.2 ได้ประกาศไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมาครับ โดยฟีเจอร์หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นคือ Customer Chat Plugin ที่นักพัฒนาสามารถเอา Facebook Messenger ไปแปะไว้บนเว็บไซต์อื่นๆ นอกจาก Facebook ได้ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราสามารถแชตกับเจ้าหน้าที่แอดมินเพจได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนมาเข้า Facebook หรือเปิดมือถือ

ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ก็มีเรื่องของการพัฒนาการจัดการเพจ, ประสบการณ์ในการคุยบนแชตซึ่ง Facebook จะมี media template ให้ธุรกิจต่างสามารถเข้าไปใช้เวลาส่งรูปหรือวิดีโอให้ลูกค้าครับ

Mark Zuckerberg ประกาศว่า Facebook ได้อัพเกรดเครื่องมือ AI สำหรับการระบุความคิดในการฆ่าตัวตายบน Facebook เพื่อให้ป้องกันเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที (Facebook ประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปี) ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว AI สามารถช่วย Facebook ตอบสนองกับปัญหาได้เร็วกว่าเดิม 100 เท่า

มีผู้ใช้ Facebook Messenger พบว่าเขาได้รับข้อความเตือนจากแอพ ให้พยายามสนทนากับเพื่อนอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยใน 2 วัน เพื่อให้ได้รับอีโมจิรูปสายฟ้าต่อท้ายชื่อ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวคล้ายกับฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Snapstreaks ในแอพ Snapchat

ตัวแทนของ Facebook ยืนยันการทดสอบนี้ โดยบอกว่าเพื่อให้การสนทนาผ่าน Messenger สนุกมากยิ่งขึ้น อีโมจิรูปสายฟ้าจะปรากฏท้ายชื่อคู่สนทนา ที่เราส่งข้อความหากันต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 วัน พร้อมแสดงตัวเลขนับว่ามีการสนทนากันต่อเนื่องยาวนานกี่วันแล้ว ซึ่งการทดสอบจะดูผลตอบรับเบื้องต้นก่อน และยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมจากนี้