Facebook เปิดตัวช่องสำหรับ Live Stream ของตัวเองวันนี้ในชื่อว่า Facebook Live โดยจะมีการเชิญดารา คนมีชื่อเสียงมาที่ออฟฟิศของบริษัทและทำการถ่ายทำรายการ เปิดตัวสินค้าใหม่ๆ และกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นของ Facebook เอง มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ใช้จำนวนมหาศาลทั่วโลก 500 ล้านคนได้รับรู้ถึงสิ่งที่บริษัทกำลังทำได้ตลอดเวลา
ช่อง Facebook Live จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถาม อัพเดตสถานะส่วนตัวด้วยการแนบ Live Stream ไปด้วย เพิ่มใน Page ส่วนตัว และสามารถเก็บไว้เพื่อเรียกดูย้อนหลังได้
เมื่อวานนี้ Facebook ได้เพิ่มหน้าเว็บปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนมือถือ โดยให้ผู้ใช้เข้าไปที่ m.facebook.com/privacy โดยตรง หรือเข้าหน้า Settings แล้วคลิกลิงก์ Change ในหัวข้อ Privacy Settings
เท่าที่เห็นจากรูปในเว็บที่มา (เนื่องจากบัญชีผู้ใช้ของผมยังเข้าถึงหน้าเว็บดังกล่าวไม่ได้) เราสามารถเลือกได้ว่าเพื่อนกลุ่มใด (เพื่อนเท่านั้น เพื่อนของเพื่อน หรือทุกคน) จะสามารถมองเห็นคอนเทนต์ที่เราโพสต์ นอกจากนั้นยังสามารถเรียกดู (เข้าใจว่าแก้ไขได้ด้วย) การตั้งค่าไดเร็กทอรีข้อมูลพื้นฐานให้คนอื่นสามารถค้นหาเราได้ การตั้งค่าหน้าโปรไฟล์ที่จะปรากฏเมื่อมีคนค้นหาผ่านเสิร์ชเอนจิ้น รวมถึงรายชื่อผู้ที่ถูกบล็อคได้ด้วย
ช่วงนี้ Facebook มาแรงชนิดใครฉุดก็ไม่อยู่ เติบโตพรวดพราดทั้งในแง่ฐานผู้ใช้และรายได้ ล่าสุด Sheryl Sandberg COO ของบริษัทให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ลงโฆษณารายใหญ่ของ Facebook ได้อัดเงินโฆษณาเข้ามายัง Facebook คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่าตัว ถ้าเทียบกับรอบปีก่อน
บริษัทบางแห่งยังเพิ่มเงินที่มาลงโฆษณากับ Facebook สูงถึง 20 เท่าด้วยซ้ำ ปีที่แล้ว Facebook มีรายได้ประมาณ 700-800 ล้านดอลลาร์ ส่วนปีนี้คาดกันว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็น 1,400 ล้านดอลลาร์
สำหรับประเทศไทยก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะแบรนด์ใหญ่ๆ บ้านเราหันมาใช้ Facebook โฆษณาและจัดแคมเปญกันเยอะมากแล้ว
หลังจากที่ Mark Zuckerburg หันไปใช้ Android แล้ว คงจะเห็นว่าความยอดเยี่ยมของ Facebook for Android (ตัวเก่า) นั้นดีแค่ไหน ในวันนี้ได้มีอัพเดทออกมาในที่สุด ต้องยอมรับเลยว่ามีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไปดูรายละเอียดได้เลยครับ
หน้า Home มี Event และ Request เพิ่มขึ้นมา ส่วน Notification ย้ายลงไปอยู่ด้านล่าง และยังมี Photo Update เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
เส้นทางของบริษัทไอทีหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จก็คือการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น (ภาษาเทคนิคตลาดทุนเรียก IPO) ตัวอย่างบริษัทยุคหลังที่ผ่านช่วง IPO ได้แก่ยาฮูและกูเกิล
สำหรับบริษัทในยุคหลังที่น่าจับตามอง ย่อมหนีไม่พ้น Facebook และ Twitter ในฐานะที่ Facebook มาก่อนและมีผู้ใช้มากกว่ามาก จึงถูกถามเสมอว่าเมื่อไรจะทำ IPO เสียที ซึ่งนักวิเคราะห์คาดกันมาหลายปีแล้ว (และผิดทุกที) ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ปี 2011
Ron Bowes ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยเขียนสคริปท์เพื่อดูดข้อมูลจากโปรไฟล์บน Facebook ของผู้ใช้ที่ไม่ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้ซ่อนข้อมูลไว้ และปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่านทางเว็บ SkullSecurity.com จากนั้นก็มีคนเอาไปปล่อยบน The Pirate Bay ซึ่งก็เป็นที่สนใจอย่างรวดเร็ว (ขณะที่เขียนข่าวอยู่มี Seeder 2,308 และ Leecher 4,331 คน) ถึงตอนนี้ก็กระจายไปยังเว็บอื่นๆ อีกหลายสิบเว็บ
ตัวแทนของ Facebook กล่าวว่าข้อมูลในไฟล์เหล่านั้นเปิดเผยออนไลน์อยู่แล้ว ใครก็ตามที่ใช้ Facebook และเป็นเจ้าของข้อมูลนั้น ก็มีสิทธิ์ที่จะเผยข้อมูลนั้นตราบใดที่เขาต้องการ และก็ไม่ได้มีข้อมูลส่วนตัวใดๆ ถูกโจรกรรมไปจาก Facebook แต่อย่างใด
ที่มา - BBC
ก่อนหน้านี้มีข่าว Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook อัด iPhone ว่าเปลืองแบตและมีปัญหาสัญญาณ และกล่าวในหน้า Facebook ของตัวเองว่าถ้าไม่ไปใช้ Android เสียก่อน ก็ยังจะซื้อ iPhone 4 ต่อไป
ล่าสุดมีคนตาดีไปเห็น status ของ Zuckerberg ว่าเขาติดตั้งโปรแกรม Facebook for Android บนมือถือแล้ว แม้จะไม่รู้ว่ารุ่นอะไร แต่นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าถ้า Zuckerberg ได้ลองใช้ Facebook for Android แล้วพบว่ามันห่วย เราคงจะได้ใช้โปรแกรมรุ่นที่ดีขึ้นเสียที
ที่มา - Redmond Pie
Blognone เคยลงข่าว Facebook Questions เครื่องมือระดมสมองสำหรับคนใช้ Facebook ไปทีหนึ่งแล้ว มาวันนี้มันเข้าสู่สถานะ Beta และเริ่มเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ Facebook บางส่วนแล้ว
รูปแบบการทำงานของมันจะผสานเข้ากับฟีเจอร์ที่คนใช้ Facebook ใช้กันมากที่สุด ก็คือ Status Update นั่นเอง โดยเราจะสามารถโพสต์คำถามได้จากช่อง Status Update เลย (ดูภาพประกอบ) เพียงแต่คำถามของเราจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะเสมอ และเราสามารถใส่แท็กให้คำถามเพื่อแยกหมวดหมู่ได้
คำถามทั้งหมดจะถูกรวมไว้ในหน้า Facebook Questions ส่วนกลาง เพื่อให้คนที่สนใจสามารถค้นข้อมูลคำถาม-คำตอบได้ง่าย
ผมยังไม่ได้ความสามารถนี้ ใครได้แล้วช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับว่าเป็นไงบ้าง
ในที่สุด Facebook ก็มียอดสมาชิกแตะหลัก 500 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย
เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครั้งนี้ Facebook ได้เปิดหน้าพิเศษ Facebook Stories (ตามข่าวก่อนหน้านี้) ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถแชร์ "เรื่องราว" การใช้งาน Facebook ของตัวเองได้ ตอนที่ผมเขียนข่าวนี้มีเรื่องของเมืองไทยถูกส่งขึ้นไปแล้ว 8 เรื่อง และคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนของพนักงาน Facebook เองก็มีแคมเปญ Thanks ขอบคุณผู้ใช้งานทุกคน (เป็นโปรแกรม Cooliris 3D ต้องใช้ Flash ในการเล่น) ส่วนวิดีโอขอบคุณจาก Mark Zuckerberg ดูได้จากที่มาครับ
Facebook ซึ่งมียอดผู้ใช้เกือบแตะหลัก 500 ล้านรายเต็มที จึงเตรียมแถลงความสำเร็จด้วยแคมเปญชื่อ "Facebook Stories"
Randi Zuckerberg พี่สาวของ Mark Zuckerberg ซึ่งดูการตลาดให้ Facebook ได้อธิบายแนวคิดของแคมเปญรอบนี้ว่า เดิมที Facebook แถลงความสำเร็จด้วยตัวเลขล้วนๆ ในโอกาสที่ครบ 500 ล้านคนอย่างยิ่งใหญ่ บริษัทจึงอยากลองวิธีการฉลองแบบใหม่ๆ โดยจะถ่ายทอด "เรื่องราวประทับใจ" ของผู้ใช้ Facebook แทน
สำหรับคนที่อยากส่งเรื่องราวประทับใจไปยัง Facebook (เผื่อได้ลงแคมเปญ) ก็เข้าไปที่ User Stories
ต่อจาก The Social Network - ภาพยนตร์เล่าตำนาน Facebook ตอนนี้เทรลเลอร์มาแล้วครับ เนื้อหาจะเน้นความขัดแย้งระหว่างผู้สร้าง Facebook และการ "ขโมย" Facebook มาเป็นของตัวเองฝ่ายเดียวของ Mark Zuckerberg
ดูเทรลเลอร์กันเองตามสะดวก ภาพยนตร์เริ่มฉายที่สหรัฐเดือนตุลาคมนี้
ที่มา - Venture Beat
ไมโครซอฟท์เผยฟีเจอร์ใหม่ หากผู้ใช้เชื่อมต่อ Facebook เข้ากับ Windows Live Messenger ไคลเอนท์แล้ว จะสามารถพูดคุยกับเพื่อนใน Facebook ผ่าน Windows Live Web Messenger ได้เช่นกัน (ดูรูปท้ายข่าว)
ไมโครซอฟท์กล่าวว่าจะยังไม่เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในตอนนี้ คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีนี้
ที่มา: Inside Windows Live ผ่าน LiveSide.net
ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ลงใน Docs.com ดังนี้
ใครสนใจลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากไฟล์ PPT บน Docs.com
ที่มา: Neowin.net
คนที่มีบัญชี Facebook อาจเคยใช้เครดิต 1 เครดิตที่ Facebook แถมมาให้ตอนลงทะเบียน เพื่อซื้อของขวัญเสมือน (Virtual Gifts) ให้กับเพื่อนๆ ในวันเกิดหรือวันสำคัญ
แต่ว่า Facebook เตรียมยกเลิกบริการนี้แล้ว โดยให้เหตุผลว่าต้องการนำทรัพยากรไปทุ่มเทในเรื่องที่สำคัญกว่า ของขวัญเดิมจะยังคงอยู่บน Wall ตลอดไป แต่ของขวัญใหม่จะซื้อได้ถึงวันที่ 1 สิงหาคมนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าฟีเจอร์ของขวัญเสมือนของ Facebook เป็นต้นกำเนิดของ Facebook Credit ซึ่งเราจะเห็นมันเยอะกว่านี้ในอีกไม่ช้า
ที่มา - TechCrunch
ผู้ใช้ Blognone คงคุ้นเคยกับ Facebook Connect คงไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลา ระยะหลังๆ ที่ผ่านมาเราคงเห็นกันชัดเจนว่าเว็บใหญ่ทุกเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Twitter, LinkedIn, Google, Yahoo! หรือแม้กระทั่ง Windows Live ก็หันมาทำระบบล็อกอินให้เว็บอื่นใช้ด้วยกันทั้งนั้น
เว็บไซต์ Gigya ได้สำรวจว่าคนนิยมใช้ระบบล็อกอินอันไหนมากที่สุด คำตอบไม่น่าแปลกใจเพราะมันคือ Facebook Connect ด้วยส่วนแบ่ง 46% ตามมาด้วย Google Account 17% และ Twitter 16% (Windows Live ยังไม่มีข้อมูลเพราะเพิ่งเริ่มใช้)
ถ้าแยกเป็นหมวดเว็บ รายละเอียดเป็นดังนี้
ฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook มาแล้ว ผมรวบสองข่าวเลยนะครับ
ข่าวแรก คนใช้ Twitter คงคุ้นเคยกันดีว่าตอนสมัครใช้ครั้งแรก มันจะขึ้นหน้า suggested account ที่น่าสนใจหรือเป็นคนดังให้เรา follow ตอนนี้ Facebook มีฟีเจอร์แบบเดียวกันแล้ว โดยเรียกมันว่า interests ซึ่งจะแนะนำ Page ที่น่าสนใจให้เราติดตาม อันนี้เฉพาะคนที่สมัครใหม่เท่านั้นถึงจะเห็น - Facebook Blog
เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ Facebook ออกมาลดแรงต้านเรื่องความเป็นส่วนตัว นอกเหนือไปจาก เครื่องมือจัดการความเป็นส่วนตัวใหม่ (วิธีใช้) ตอนนี้ถึงคิวของหน้าต่างกำหนดสิทธิ์ (permission) ว่าจะให้แอพพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลอะไรของเราได้บ้าง
ก่อนหน้านี้หน้าต่างนี้จะงงๆ เพราะมีหลายหน้าจอมาก ตอนนี้ Facebook รวมมันเป็นหน้าจอเดียว และเปลี่ยนค่า default ให้เข้าถึงเฉพาะ public information ที่เรากำหนดไว้ใน profile เท่านั้น ถ้าแอพพลิเคชันต้องการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติม จะต้องขออนุญาตเราก่อนเสมอ
ที่มา - Facebook Blog
คงไม่มีใครนึกถึงบริการ social network ยอดนิยมอย่าง Facebook ในฐานะ search engine มากนัก แต่ถ้ามองข้ามล่ะก็ ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลอาจโดนโค่นได้เช่นกัน
เมื่อเดือนเมษายน Facebook ได้ประกาศแผนสำคัญ Open Graph ซึ่งจะทำให้หน้าเว็บเพจต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต กลายเป็นวัตถุและสิ่งของในจักรวาลของ Facebook ได้ผ่านการกดปุ่ม Like ของผู้ใช้ ตอนนี้เวลาผ่านไปสองเดือน มีเว็บจำนวนไม่น้อยที่รองรับ Open Graph (ของ Blognone รอหน่อยนะครับ ทำแน่) และ Facebook ก็มีข้อมูลของวัตถุเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล
Inside Facebook เว็บไซต์เกาะติดข่าวสารของ Facebook ได้ลงบทสัมภาษณ์ของคุณ Mark Zuckerberg ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งเขาได้กล่าวถึง Twitter ไว้อย่างน่าสนใจ
ทนายชาวปากีสถานได้กล่าวหาคุณ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอของ Facebook ว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการเผยแพร่ข้อความที่ดูหมิ่นเหยียดหยามชาวมุสลิม และต่อมารัฐบาลก็ได้ดำเนินการสืบสวนกรณีดังกล่าวแล้ว
ตอนนี้ Facebook กลายเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีผู้ชมเดือนละ 570 ล้านครั้ง มีคนมาดูภาพบน Facebook วินาทีละ 1.2 ล้านครั้ง แต่อัตราการล่มของ Facebook กลับน้อยมาก (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Twitter)
เว็บไซต์ Royal Pingdom จึงได้นำเสนอซอฟต์แวร์ที่ Facebook ใช้ทำเซิร์ฟเวอร์ว่ามีอะไรบ้าง? Facebook ทำอย่างไรจึงรองรับผู้ชมจำนวนมหาศาลนี้ได้
โดยภาพรวมแล้ว Facebook ยังใช้เทคโนโลยี LAMP เช่นเดียวกับเว็บไซต์ทั่วไป แต่ในรายละเอียด Facebook กลับพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองขึ้นมาอีกมากมาย
ซอฟต์แวร์ที่ Facebook ใช้ มีดังนี้
1 ตุลาคมนี้ เตรียมพบกับภาพยนตร์เรื่อง 'The Social Network' เล่าตำนานการสร้าง Facebook ของ Mark Zuckerberg
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือ The Accidental Billionaires: The Founding Of Facebook, A Tale of Sex, Money, Genius, and Betrayal ซึ่งแฉชีวิตอีกด้านของ Zuckerberg แน่นอนว่าทาง Facebook ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และ Mark Zuckerberg ตัวจริงคงไม่ไปดู
ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามองในระยะยาวไปแล้ว ท่าทีของ Facebook เองในช่วงหลังก็เปลี่ยนมาเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น (ซึ่งเป็นเรื่องดี) อย่างไรก็ตามผู้ใช้อย่างเราๆ สมควรศึกษาและ "รู้ทัน Facebook" ว่าข้อมูลอะไรของเราบ้างที่ถูกเก็บไว้เป็นส่วนตัว หรือให้คนอื่นดูได้ด้วย
วันนี้ Facebook ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการควบคุมความเป็นส่วนตัว มีใจความย่อๆ ดังนี้
เมื่อช่วงประมาณ ตี 4:40 ของวันนี้ (17/6/2010) พอเข้าไปหน้า Facebook ก็เจอ Notifications ใหม่แบบนี้ครับ
มีปุ่มเพิ่มขึ้นมาให้กดแล้ว ^-^
โอ้วเยี่ยมไปเลย XD
PS. อันนี้พิมพ์คุยกับเพื่อนขำๆ น่ะครับ ^^" แหมมันน่าจะมีให้กด Dislike นะครับ แล้วความดราม่าจะบังเกิดบนกระทู้แน่นอน 555
นี่อาจเป็นชนวนศึกระหว่างแอปเปิลกับ Facebook?
Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้โพสต์ข้อความลงหน้า profile ของเขาว่า เขาได้ iPhone มาใหม่เมื่อต้นสัปดาห์ แต่สุดท้ายแล้วเขาต้องซื้อสายชาร์จถึง 4 เส้น เพื่อชาร์จได้ในทุกที่ที่เขาอยู่ และเขาต้องติดโทรศัพท์บ้านแบบมีสายเพิ่ม เพื่อให้ "โทรศัพท์" ได้ (ในโพสต์ตั้งต้นเขาไม่ได้ระบุรุ่น ภายหลังบอกว่าเป็น iPhone 3GS)
นอกจากนี้เขาเขียนในคอมเมนต์ว่า เขาเปลี่ยนจาก BlackBerry มาเป็น iPhone เพราะ "เจ็บนิ้ว" และบอกว่าถ้าไม่เปลี่ยนไปใช้ Android เสียก่อน เขาจะซื้อ iPhone 4 แน่นอน
ถ้าผมเป็นแอปเปิล จะรีบส่ง iPhone 4 ไปให้ Zuckerberg โดยเร็ว
ที่มา - Gawker