ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจาก NHS Hartlepool ในอังกฤษอ้างจากผลการวิจัยว่าเฟสบุ๊กทำให้เกิดโรคซิฟิลิสเพิ่มขึ้นในเมืองทีเอสไซด์ เดอแฮม และซันเดอร์แลนด์ เนื่องจากทำให้คนสามารถพบปะและมีเพศสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น และจากกรณีโรคซิฟิลิสหลายกรณีพบว่ามาจากการพบปะคู่นอนจากเว็บไซต์นี้
สำนักข่าวเทเลกราฟก็ยังรายงานอีกว่า มีวัยรุ่นร้อยละ 25 ในเมืองดังกล่าว นิยมใช้เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ในอังกฤษ
เราคงเดากันได้ไม่ยากว่า การใช้บริการย่อ URL ให้สั้นลงหรือ URL shortener จะทำให้เข้าเว็บได้ช้าลง เพราะต้อง redirect ก่อนหนึ่งรอบ คำถามคือมันช้าแค่ไหน
มีบริษัทชื่อ WatchMouse ได้ทดสอบบริการ URL สั้นที่คนใช้กันเยอะๆ จำนวน 14 ชื่อ ผลออกมาว่าบริการ URL สั้นหลายอันเข้าขั้นแย่ ที่ห่วยสุดคือ fb.me ของ Facebook ซึ่งทำให้เราเสียเวลาเพิ่มถึงเกือบ 2,300 มิลลิวินาที (2.3 วินาที) บริการที่เป็นแชมป์คือ goo.gl และ youtu.be ของกูเกิล ใช้เวลาประมาณ 300 มิลลิวินาที
มีผู้ใช้ Facebook จำนวนหนึ่งรายงานว่าในหน้า profile ของพวกเขา มีลิงก์เกี่ยวกับ QR Code (บาร์โค้ดสองมิติ) เพิ่มเข้ามา
ลิงก์ทั้งสองคือ "View QR Barcode" และ "Generate Status QR Barcode" แม้ว่ามันยังใช้งานไม่ได้ และตอนนี้ถูกเอาออกไปแล้ว แต่มันก็บอกให้เรารู้ว่า Facebook มีแผนจะทำ QR Code ทั้งของ profile และของ status รวมไปถึงบอกให้เรารู้ว่า Facebook เริ่มจริงจังกับตลาดมือถือมากขึ้นด้วย
ภาพประกอบดูได้ตามลิงก์
ที่มา - TechCrunch
หลังจากที่มีแอพลิเคชันจำนวนหนึ่ง อ้างว่าสามารถแสดงได้ว่าใครกำลังเข้ามาดูหน้าประวัติของผู้ใช้อยู่ ทาง Facebook ก็ได้เขียนในหน้า (page) ของตนเองบนเว็บไซต์ว่าอย่าเชื่อแอพลิเคชันเหล่านี้ โดยมันทำงานไม่ได้จริง และทาง Facebook กำลังจัดการกับเหล่าแอพลิเคชันที่อ้างว่าทำได้
แอพลิเคชันที่ถูกระงับไปแล้วมี "Stalker Check" กับ "Who has visited my profile"
แอพลิเคชันเหล่านี้พยายามทำให้มีผู้ใช้มากๆ ซึ่งจะทำให้สามารถหารายได้จากการขายโฆษณาได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะมีลิงก์ที่มีไวรัสหรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ได้
จากตัวเลขเว็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองไทยนั้น Facebook ก็แซง Hi5 ได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม โดยยอดสมาชิกของ Hi5 จากทั่วโลกปัจจุบันมีอยู่ 47 ล้านคน ลดลงจากปีที่แล้วถึง 22% ซึ่งนอกจากเรื่องของการใช้งานที่ Hi5 ดูจะด้อยกว่าแล้ว (หลายคนมีไว้เม้นอย่างเดียว) อีกส่วนที่ต้องยอมรับคือโปรแกรมเสริมที่มีมาให้ใช้นั้น มีจำนวนและความน่าสนใจด้อยกว่า Facebook มากโดยเฉพาะเกมส์
ล่าสุด Hi5 ได้ประกาศปรับนโยบายของตัวเองใหม่โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
หลังจาก Facebook แซง Yahoo! กลายเป็นเว็บอันดับสองของสหรัฐ ได้ไม่นาน เว็บไซต์นับสถิติอีกแห่งหนึ่งคือ HitWise (ในข่าวเดิมคือ Compete) รายงานว่า Facebook สามารถแซงกูเกิลในแง่จำนวนผู้เข้าชมได้แล้ว โดย Facebook มีส่วนแบ่งผู้ชม 7.07% ส่วนกูเกิลมี 7.03%
อย่างไรก็ตาม อันดับสามและสี่เป็นยาฮูทั้งคู่ อันดับสามคือ Yahoo! Mail 3.8% กับ Yahoo! หน้าหลัก 3.67% ซึ่งรวมกันแล้วยังมากกว่า Facebook และอาจจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งได้
จากสถิติของอีกเจ้า ComScore บอกว่าอันดับหนึ่งยังเป็นกูเกิล ตามมาด้วยยาฮูและไมโครซอฟท์ ส่วน Facebook ยังเป็นอันดับสี่
จากข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ Facebook เตรียมเปิดบริการ Check-in แบบเดียวกับ Foursquare หนังสือพิมพ์ The New York Times ได้อ้างแหล่งข่าวภายในว่า Facebook จะเปิดตัวบริการนี้ในงานสัมมนา f8 ของบริษัทเอง ซึ่งจะจัดในเดือนเมษายน
บริการนี้จะมีทั้งอินเทอร์เฟซบนหน้าเว็บของ Facebook ให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลพิกัดของตัวเองออกไปกับ status update และมี API ให้โปรแกรมภายนอกอื่นๆ ได้เรียกใช้
Facebook ซุ่มทำโครงการนี้มาประมาณหนึ่งปีแล้ว และได้เตรียมความพร้อมไว้หลายอย่างแล้ว เช่น ปรับนโยบายด้านความเป็นส่วนตัว ว่าจะจัดการกับข้อมูลพิกัดอย่างไร เพื่อลดปัญหาการถูกฟ้องร้องในข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว
กองทัพอิสราเอลต้องยกเลิกแผนการเข้าจู่โจมหมู่บ้านแห่งหนึ่งในปาเลสไตน์ หลังจากที่เวลาและสถานที่ในแผนดังกล่าว ถูกเปิดเผยบน Facebook โดยทหารอิสราเอลเอง
โพสต์ดังกล่าว พูดถึงการ "clean up" ในวันพุธ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเวสต์แบงก์ ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกแผนการดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของหน่วยดังกล่าว
ทหารนายดังกล่าวถูกขึ้นศาลทหารและถูกตัดสินจำคุกสิบวัน
ความแรงของ Facebook ยังไม่ตกง่ายๆ ล่าสุดมีสถิติจาก Compete.com พบว่าถ้านับเฉพาะทราฟฟิกในสหรัฐเพียงอย่างเดียว Facebook สามารถแซง Yahoo! (รวมทุกโดเมนที่เป็น yahoo.com แต่ไม่รวม Flickr/Delicious) กลายเป็นเว็บอันดับสองได้แล้ว
สถิติดูได้จาก Compete จะเห็นว่า Facebook มีคนเข้าวันละประมาณ 133 ล้าน UIP ส่วน Yahoo! อยู่ที่ 132 ล้าน อันดับหนึ่งเดาไม่ยาก เป็นกูเกิลที่ 147 ล้าน
แต่ถ้าวัดปริมาณปฏิสัมพันธ์กับเว็บ Facebook ทิ้งคนอื่นไกล อัตรา attention ของ Facebook อยู่ที่ประมาณ 12% ส่วนคู่แข่งทั้งสองอยู่ที่ 4% เท่ากัน (ดูกราฟได้ในที่มา)
ไมโครซอฟท์ประกาศปลั๊กอินตัวใหม่สำหรับ Outlook ชื่อ "Outlook Social Connector" หน้าที่ของมันคือแสดงการอัพเดตสถานะของ social network ลงใน Outlook
ฟังดูธรรมดาตามสมัยนิยม แต่จุดเด่นของมันคือ เมื่อเราคลิกที่อีเมลฉบับใดฉบับหนึ่ง เจ้า Outlook Social Connector จะแสดง "ความเคลื่อนไหว" บน social network ของผู้ส่งให้เราเห็น นอกจากนี้ยังมีนัดหมายที่เกี่ยวข้อง ไฟล์แนบทั้งหมดที่เราเคยแลกเปลี่ยนกับบุคคลนี้ อีเมลเก่า ฯลฯ นับว่าช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นพอสมควร
ข่าวนี้เก่าแล้วครับ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา
Jonathan Heiliger ได้บันทึกไว้ใน Facebook ของเค้านะครับข้อความน่าสนใจ
จากเดิมที่โปรเจคตัว Facebook เริ่มในหอพัก ด้วยจำนวนเซิร์ฟเวอร์แค่เครื่องเดียวแถมยังไม่รองรับ รูปภาพหรือวิดีโอ แต่ตอนนี้ยอดผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 400 ล้านคนเข้าไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่า ทุกวันนี้ Facebook ใช้วิธีฝากเซิร์ฟเวอร์ไว้กับผู้ให้บริการหลายๆแห่ง แต่จากแนวโน้มปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างนี้ทาง Facebook ก็เลยเริ่มลงมือสร้าง Data Center เป็นของตัวเองขึ้นในเมือง Prineville รัฐ Oregon
มีเทคโนโลยีด้านการใช้พลังงานที่น่าสนใจอยู่สามสี่ข้อ
ก่อนหน้านี้เรามีวิธีการอัพโหลดภาพจากเดสก์ท็อปลงใน Facebook อยู่ 2 แบบ คือใช้ช่องอัพโหลดมาตรฐานของ HTML ซึ่งมีข้อเสียคืออัพได้ทีละไฟล์ หรือใช้ตัวอัพโหลดพิเศษของ Facebook ซึ่งเป็น Java applet ซึ่ง Facebook บอกว่าผู้ใช้งานบ่นถึงปัญหาในทางเทคนิคเป็นจำนวนมาก (ผมใช้แล้วมีปัญหาว่าเบราว์เซอร์จะค้างไว้ชั่วขณะหนึ่ง แต่สาวกจาวาเขาว่าไม่ค้างครับ :P)
ต่อจากข่าวเก่า เฟสบุ๊กหน้าตาใหม่ สามารถคอมเมนต์สถานะล่าสุดทางอีเมลได้ ซึ่งฟีเจอร์ตอบคอมเมนต์ทางเมลได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว คราวนี้ถึงเวลาของหน้าตาโฉมใหม่
สำหรับหน้าตาใหม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
อัพเดต: Facebook ประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการแล้ว รายละเอียดอ่านต่อด้านใน
ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีการยืนยันจากคนที่เห็นของจริงแล้วว่า Facebook ได้พัฒนาตัวแปลภาษา PHP ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ซึ่งช่วยให้การทำงานของ Facebook นั้นเร็วขึ้นมาก
PHP เป็นภาษาแบบ interpreter คือแปลภาษาทุกครั้งที่มีคนเรียกสคริปต์ ซึ่งทำให้เสียเวลาประมวลผล การเปลี่ยนมาใช้วิธี compiler ประมวลผลไว้ก่อนหน้าช่วยให้ประหยัดเวลาได้มาก แต่ก็มีข้อเสียว่าถ้าสคริปต์เปลี่ยนแปลงก็ต้องแปลภาษาใหม่อยู่ดี
เราเห็นตัวเลขสถิติผู้ใช้ทั้งหมดที่ลงทะเบียนของ Facebook อยู่เรื่อยๆ (ปัจจุบันอยู่ราวๆ 350 ล้านคน) แต่ไม่เคยมีตัวเลขของผู้ที่ใช้งานจริง (active user) มาก่อน
เว็บไซต์ TechCrunch ได้สัมภาษณ์ Sheryl Sandberg ซึ่งเป็น COO ของ Facebook เธอให้ข้อมูลว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ Facebook ทั้งหมด หรือประมาณ 175 ล้านคนนั้นเข้าเว็บทุกวัน
Sandberg ยังตอบในประเด็นอื่นๆ เช่น เรื่องข้อจำกัดว่ามีเพื่อนได้ไม่เกิน 5,000 คน และเธอเคยสัญญาว่า Facebook จะยกเลิกข้อจำกัดนี้ แต่ในปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น
ที่มา - TechCrunch
บริการแบบที่เรียกว่า location-based service กำลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน บริการที่เป็นเจ้าตลาดในตอนนี้ ไม่น่าจะมีใครเกิน Foursquare (ถ้าไม่รู้จัก อ่านรายละเอียดได้จาก ตะโกนบอกโลกให้รู้ว่าคุณอยู่ไหนกับ foursquare.com - Social Network สายพันธุ์ใหม่ โดย @pawoot)
แม้ว่าช่วงหลัง Foursquare จะเริ่มมีคู่แข่ง ทั้งบริษัทหน้าใหม่ และบริการที่มีลักษณะใกล้เคียงกันอย่าง Yelp แต่คงไม่มีคู่แข่งรายไหนน่ากลัวเท่ายักษ์ใหญ่อย่าง Facebook
คณะกรรมการด้านข้อมูลส่วนบุคคลของแคนาดาได้เริ่มทำการสอบสวนกรณีเว็บไซต์ Facebook บังคับให้ผู้ใช้ตั้งค่าความเป็นส่วนบุคคลใหม่เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2552 สืบเนื่องจากการร้องเรียนของผู้ใช้ Facebook ว่าค่าปริยายที่เว็บไซต์กำหนดให้ใหม่โดยอัตโนมัติทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเขาถูกเปิดเผยจนกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2552 รัฐสภาแคนาดาได้เคยเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ Facebook โดยได้แนะนำให้เว็บไซต์แก้ไขการกำหนดค่าบางรายการ เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกเปิดเผยโดยผู้ใช้ไม่ต้องการ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลับกลายเป็นการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้ไม่ต้องการเปิดเผยเป็นสาธารณะมากกว่าเดิม
มีหลายแหล่งข่าวยืนยันว่า ในเร็วๆ นี้ทวิตเตอร์จะออกชุดพัฒนาให้เว็บไซต์อื่นสามารถเชื่อมต่อฟีเจอร์และบริการของทวิตเตอร์เข้ากับเว็บไซต์เหล่านั้นได้โดยตรง ซึ่งจะมาต่อกรกับ Facebook Connect ที่ปล่อยมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
เฟสบุ๊กได้รายงานว่า มีมากกว่า 8 หมื่นเว็บไซต์เชื่อมต่อผ่าน Facebook Connect และผู้เข้าใช้ผ่านบริการดังกล่าวมากกว่า 60 ล้านผู้ใช้ในแต่ละเดือน
ถึงแม้ทวิตเตอร์จะมี Twitter API อยู่แล้ว แต่ก็ใช้งานยากกว่า Facebook Connect ที่รวมเป็นแพ็คเกจไว้อย่างดีและเป็น widget ด้วย
เฟสบุ๊กได้เพิ่มฟีเจอร์ retweet ให้กับการแชร์ลิงก์ของคนอื่นต่ออีกที โดยเมื่อคลิกปุ่ม Share (ปุ่ม แบ่งปัน) จะปรากฏข้อความ via ตามด้วยชื่อของคนที่เราจะไปแชร์ลิงก์ต่อ เมื่อโพสต์เรียบร้อยก็จะเห็นข้อความ via ตามด้วยชื่อคนของคนที่เราไปแชร์ลิงก์นั้นต่อ หน้าความคิดเห็นที่พิมพ์ลงไปเช่นกัน (ดูรูปได้ท้ายข่าว)
ทวิตเตอร์นั้นมีผลต่อเฟสบุ๊กมาก เห็นได้จากเฟสบุ๊กพยายามเพิ่มหรือปรับปรุงหลายฟีเจอร์ให้เหมือนกับทวิตเตอร์แต่รูปแบบแตกต่างกันออกมา
ที่มา: Neowin
Facebook จับมือกับ McAfee แจก McAfree Internet Security พร้อมอายุใช้งานฟรี 6 เดือน เพียงแค่กดเป็น fan ในหน้าของ McAfeeเท่านั้น (6 เดือนต่อจากนั้นได้ส่วนลด 30%)
ในหน้าของ McAfee บน Facebook ไม่มีประเทศไทยให้เลือก แต่ผมลองกดๆ ดูก็ดาวน์โหลดไฟล์ได้ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ต้องใส่ข้อมูลที่อยู่และบัตรเครดิตบ้างตามสมควร (ของฟรีนิ แต่ใส่มั่วๆ ได้นะ) ไฟล์ติดตั้งเป็น .exe ขนาด 1.2MB แปลว่าเป็น networked install โหลดไฟล์กันเพิ่มต่อไป นี่เป็นแผนการตลาดที่น่าสนใจอันหนึ่งของ McAfee
Facebook อาจจะเคยทำให้ชื่อเสียงใครบางคนเสื่อมเสีย อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เว็บไซต์ดังกล่าวได้ช่วยชีวิตนาย Philip Pain นักศึกษาชาวอังกฤษไว้
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมาขณะที่นาย Pain กำลังฉลองวันปีใหม่ โดยเขาได้ประสบอุบัติเหตุตกลงมาจากระเบียงโรงแรมในเม็กซิโก หลังจากเพื่อนได้นำเขาส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ลงความเห็นว่าว่าเขาน่าจะมีโอกาสรอดไม่มากเนื่องจากเลือดเขาเป็นกลุ่ม O-negative ซึ่งหาได้ยาก
คุณ nuntawat เคยรายงานข่าว เฟสบุ๊กกำลังทดสอบฟีเจอร์คอมเมนต์สถานะล่าสุดของบุคคลอื่น "ผ่านอีเมล" และ เฟสบุ๊กหน้าตาใหม่ สามารถคอมเมนต์สถานะล่าสุดทางอีเมลได้ ตอนนี้ Facebook เปิดฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการแล้วครับ
การใช้งานไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม ถ้าหากว่าเราตั้งให้แจ้งเตือนคอมเมนต์ใหม่ทางอีเมลอยู่แล้ว ก็สามารถกดปุ่ม reply เพื่อตอบกลับได้ทันที โดยที่เราไม่ต้องล็อกอินเข้าไปใน Facebook เลย
ที่มา - Facebook Blog
การดึงดูดให้นักศึกษาระดับหัวกะทิมาทำงานด้วย ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากอันหนึ่งของบริษัทขนาดใหญ่ และล่าสุด Facebook ก็ได้ดำเนินยุทธศาสตร์นี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้ที่ใช้ไอโฟนและติด Facebook หนึบ ๆ จนพลาดอัพเดทต่าง ๆ บน Facebook ไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวคงจะต้องดีใจ Facebook วันนี้ได้ทำการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่เป็นเวอร์ชั่น 3.1 และสนับสนุน Push notifications บนไอโฟนแล้ว
ใช่แล้ว นั่นหมายความว่าหากมีใครส่งข้อความมาหา เขียน Wall Post หรือแอดเข้ามาเป็นเพื่อน ก็จะรู้ได้ทันที
นอกจากนี้แล้ว Facebook for iPhone 3.1 ยังสามารถที่จะ Sync ข้อมูลจากใน Address Book ของไอโฟนเข้ากับ Friend List ของ Facebook ได้อีกด้วย
นโยบายของ Blognone ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจะพิสดารกว่าเว็บทั่วไปอยู่บ้าง เราถือคติว่า "ไม่จำเป็นต้องเข้ามายังตัวเว็บเพื่ออ่านเนื้อหา" แต่เราส่งเสริมให้เอาเนื้อหาของ Blognone ไปเผยแพร่ที่อื่นๆ ในวงกว้าง นอกจาก RSS Feed และ Twitter ตามสมัยนิยมแล้ว เรายังมีทางเลือกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างคือ รับข่าวทางอีเมล หรือหน้าเว็บสำหรับอุปกรณ์พกพา (ขอบคุณ scriptdd มา ณ ที่นี้)