โซเชียลเน็ตเวิร์คไม่ได้จำกัดเอาไว้แต่หน้าจอมือถือแล้ว เพราะในงาน Oculus Connect 6 มีการเปิดตัว Facebook Horizons ที่เป็นโซเชียลสร้างด้วยระบบ VR ให้ผู้ใช้ Oculus เข้าไปพบเจอผู้อื่นได้

ระบบของ Facebook Horizons จะให้เราสร้าง Avatar ของเราแล้วเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนใน Horizons ได้ ไม่ว่าจะพูดคุยหรือทำกิจกรรมและเล่นเกมร่วมกันได้ และมี Tool อย่าง World Builder ให้เราใช้สร้างสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วย

ใครที่สนใจและมี Oculus อยู่สามารถลงทะเบียนเข้าทดสอบเวอร์ชั่น Close Beta ที่หน้าเว็บไซต์ของ Oculus ได้เลย โดยระบบจะเปิดให้เข้าทดสอบในต้นปีหน้า

ที่มา : Oculus

Facebook ประกาศเข้าซื้อกิจการ CTRL-labs สตาร์ทอัพจากนิวยอร์กที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอุปกรณ์สั่งงานด้วยคลื่นสมอง โดยทีมงานทั้งหมดจะเข้าไปร่วมกับทีม Facebook Reality Labs แผนกย่อยที่พัฒนาแว่นตา AR ของ Facebook

มูลค่าดีลนั้นไม่มีการเปิดเผย แต่ CNBC อ้างแหล่งข่าวที่รับทราบข้อมูล เผยว่าดีลอาจสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ แต่ Facebook ไม่แสดงความเห็นต่อข้อมูลดังกล่าว

ผลิตภัณฑ์ของ CTRL-labs ที่เปิดตัวออกมาแล้วคือสายรัดข้อมือที่มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ โดยผู้ใช้เพียงนึกคิดก็จะส่งคลื่นไฟฟ้ามาเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้

Facebook ประกาศว่าฟีเจอร์โพสต์ Stories ใน Groups จะปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนนี้ ในเวลา 23:00น. ตามเวลาในไทย โดยโพสต์ Stories ที่ยังอยู่แม้ยังไม่หมดอายุก็จะถูกลบไปทั้งหมด และไม่สามารถโพสต์ Stories ใหม่ได้อีก

หลาย Groups อาจมีการใช้ Stories อยู่เยอะ แต่ทั้งนี้เหตุผลที่ Facebook อธิบายในการปิดฟีเจอร์ก็คือ ต้องการให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ใน Groups ช่วยให้ผู้คนติดต่อหากันได้อย่างสนุกและมีประโยชน์ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานใน Facebook ทั้งนี้ Stories ในหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้แต่ละคนยังสามารถโพสต์ได้ตามปกติ

มีรายงานว่า Facebook ได้เข้าซื้อกิจการ Servicefriend สตาร์ทอัพจากอิสราเอล ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย

Servicefriend ก่อตั้งในปี 2015 เป็นผู้พัฒนาบอตสำหรับการแชทตอบโต้ลูกค้าด้วย AI ผ่านโปรแกรมส่งข้อความต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถเตือนให้ผู้ใช้งานเข้ามาดูข้อความได้ หากบอตประเมินแล้วว่าไม่สามารถสนทนาโต้ตอบได้ ทำให้ประสบการณ์ลูกค้าดีขึ้นกว่าการโต้ตอบด้วยบอตทั้งหมด

Facebook ยืนยันการซื้อกิจการนี้ แต่ใช้คำชี้แจงคล้ายกับแอปเปิลว่า Facebook มีการซื้อกิจการขนาดเล็กอยู่เป็นระยะอยู่แล้ว บริษัทจะไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับแผนงานดังกล่าว

พนักงานเฟซบุ๊กรายหนึ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่สำนักงานใหญ่ Menlo Park เลย ด้วยวิธีกระโดดจากตึกสูง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อัคคีภัยฉุกเฉินไปถึงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีการตอบสนองใดๆ

โฆษกเฟซบุ๊กออกมายืนยันการเสียชีวิตของพนักงานดังกล่าว พร้อมระบุว่าเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยบริษัทยังไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมได้ในตอนนี้

เฟซบุ๊กออก Portal รุ่นใหม่คือ Portal TV เป็นอุปกรณ์เสริมที่ให้ผู้ใช้งานสามารถคุยวิดีโอคอลบนจอทีวีได้โดยต่อสาย HDMI ราคาขายอยู่ที่ 149 ดอลลาร์

เมื่อต่อสายเข้ากับทีวีแล้ว จากนั้นก็ล็อกอินบัญชีเฟซบุ๊กถึงจะสามารถใช้งานวิดีโอคอลทั้งบน Facebook Messenger และ WhatsApp ได้ ในการเริ่มใช้งานให้สั่งการเสียงด้วยการพูดว่า Hey Portal เพื่อปลุกการใช้งาน สามารถใช้สติกเกอร์ AR เพื่อความสนุกสนานระหว่างคุยได้เหมือนคุยบน Messenger ตามปกติ ตัวกล้องจะจับความเคลื่อนไหวของคนในบ้านไม่ให้หลุดเฟรมด้วย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีมาก่อนแล้วใน Portal เวอร์ชั่นก่อนหน้า

เฟซบุ๊กประกาศฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับงานวิดีโอบนแพลตฟอร์มในงาน International Broadcasting Convention (IBC) ที่อัมสเตอร์ดัม มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังนี้

สำหรับ Facebook Live ในแฟนเพจ คนทำไลฟ์สามารถซ้อมไลฟ์ก่อน โดยเห็นกันเฉพาะแอดมินได้ เนื่องจากสื่อสมัยนี้นิยมใช้ Facebook Live ในการถ่ายทอดคอนเทนต์ข่าวสารมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถตัดต่อช่วงต้นคลิปออกได้ด้วย เพราะคลิปไลฟ์มักจะไม่เข้าที่เข้าทางตอนเริ่มต้นคลิป

ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นประหยัดเน็ตหรือ Facebook Lite ก็สามารถสร้างคลิปไลฟ์เองได้แล้วเช่นกัน จากที่ตอนแรกยังไม่มีฟีเจอร์นี้

ท่าทีของประเทศฝั่งยุโรปไม่เป็นมิตรกับ Libra ของ Facebook มาตั้งแต่แรก

ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส Bruno Le Maire กล่าวในงานประชุมด้านเงินคริปโตของกลุ่มประเทศ OECD แสดงท่าทีอย่างชัดเจน โดยเขาบอกว่า "ขอประกาศให้รู้กันชัดๆ ว่า เราไม่สามารถอนุญาตให้เกิด Libra บนแผ่นดินยุโรปได้" ภายใต้แนวทางของ Libra ในปัจจุบัน

Le Maire ยังบอกว่า เอกราชทางนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ กำลังถูกคุกคามจากภาคเอกชน โดยองค์กรเพียงแห่งเดียวที่มีอำนาจเหนือผู้ใช้ 2 พันล้านคน

ด้าน Damian Collins ประธานคณะกรรมาธิการด้านดิจิทัลของสภาผู้แทนราษฏรอังกฤษ ก็ให้สัมภาษณ์ว่า Libra เป็นความพยายามของ Facebook ในการตั้งตัวเป็นประเทศ

Facebook ประกาศปิด Account Kit บริการล็อกอินผ่านเบอร์โทรศัพท์สำหรับนักพัฒนาแอพภายนอก ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016

Account Kit ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Facebook ที่เรารู้จักกันดี แต่เป็นบริการ SDK ของบริษัท Facebook สำหรับสร้างระบบยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์ เน้นออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ในประเทศที่ Facebook อาจไม่ได้รับความนิยมมากนัก หรือคนนิยมใช้หมายเลขโทรศัพท์เป็น ID ยืนยันตัวตนมากกว่า แทนที่นักพัฒนาแอพมือถือจะต้องมาเขียนระบบนี้เอง ก็สามารถเรียกใช้ผ่าน Account Kit ได้

Facebook ได้เขียนบล็อกอธิบายเรื่องการเก็บข้อมูลพิกัดผู้ใช้งาน โดยเน้นไปที่ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนล่าสุด Android 10 ที่เริ่มออกอัพเดตแล้ว กับ iOS 13 ที่น่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดทั่วไปในเดือนนี้ ซึ่งต่างเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวละเอียดมากขึ้น แต่ก็มีผลกระทบข้างเคียงต่อประสบการณ์ใช้งาน Facebook ด้วย เช่นการแจ้งเตือนสำคัญในพื้นที่ ไปจนถึงการแสดงโฆษณาที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่อยู่

คนไทยได้ใช้งาน Facebook Dating มาสักพักแล้ว แต่บริษัทเพิ่งจะเปิดบริการนี้ในสหรัฐฯ วันนี้ และยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ด้วยคือ เพิ่มรูปภาพจากอินสตาแกรมของตัวเองเข้าไปในโปรไฟล์ Dating ได้ และสามารถเพิ่มชื่อเพื่อนในอินสตาแกรมเข้ามาเป็น Secret Crush หรือคนที่เราแอบชอบได้ด้วย จากเดิมที่ทำได้แค่เพื่อนในเฟซบุ๊กเท่านั้น

ส่วนอีกฟีเจอร์ที่กำลังจะมาคือ ผู้ใช้งานโพสต์ Stories เข้าไปยัง Facebook Dating ได้โดยตรง เฟซบุ๊กบอกว่าแต่ละวันมีคนโพสต์ Stories เป็นพันล้านคอนเทนต์ ฟีเจอร์นี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน Dating ในการแสดงตัวตนของตัวเอง

ขณะที่เฟซบุ๊กพยายามแก้ภาพลักษณ์และนโยบายเรื่องความเป็นส่วนตัวมาเป็นปี ๆ จากปัญหาข้อมูลหลุดซ้ำ ๆ ซาก ๆ เมื่อปีที่แล้ว ล่าสุด TechCrunch ค้นพบข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นเบอร์โทรศัพท์พร้อมด้วย Facebook ID ของแต่ละแอคเคาท์ที่ถูกเก็บไว้แบบไม่เข้ารหัส

ข้อมูลที่พบมีทั้งหมดกว่า 419 ล้านรายการ บางรายการมีระบุชื่อแอคเคาท์, เพศและประเทศด้วย โดยทาง TechCrunch ลองตรวจสอบความถูกต้องของเบอร์โทรศัพท์และ Facebook ID ที่เชื่อมกันอยู่พบว่าเป็นข้อมูลดังกล่าวถูกต้องและเป็นของจริง

เราเห็นความพยายามของเฟซบุ๊กในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความเป็นส่วนตัวให้มากยิ่งขึ้น ความพยายามล่าสุดคือการแจ้งเตือนให้กับผู้ใช้พร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับฟีเจอร์ Facial Recognition พร้อมตัวเลือกว่าจะเปิดหรือปิด

ตัวเลือก Facial Recognition จะมาแทนที่ Tag Suggestions เดิมที่ให้ผู้ใช้เลือกแค่ว่าจะให้เฟซบุ๊กแนะนำการแท็กในรูปคนอื่นหรือไม่ ทำให้ผู้ใช้ควบคุมการจดจำใบหน้าของตัวเองบนเฟซบุ๊กทั้งหมด เฟซบุ๊กบอกว่าหากผู้ใช้เลือกจะปิด Facial Recognition อัลกอริทึมจะไม่ตรวจจับใบหน้าของผู้ใข้และไม่แนะนำการแท็กในรูปใด ๆ เลย เพื่อนผู้ใช้ต้องเป็นคนพิมพ์ชื่อเพื่อแท็กเอง

เฟซบุ๊กประกาศว่าจะแนะนำให้ผู้ใช้รายใหม่และผู้ใช้ที่เปิดโหมดการจดจำใบหน้าไว้ สามารถปิดการใช้งานได้ และบอกข้อมูลด้วยว่า เฟซบุ๊กเอาข้อมูลใบหน้าที่ผู้ใช้เปิดตั้งค่าไว้ไปทำอะไรบ้าง

หากยังจำกันได้ ตอนนี้ Facebook กำลังทดลองซ่อนยอดไลค์ ใน Instagram ใน 7 ประเทศ คือ แคนาดา ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น บราซิล ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์

แต่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา Jane Manchun Wong สาวฮ่องกงที่ชอบแงะโปรแกรมเป็นชีวิตจิตใจ ได้ไปแกะเจอโค้ดซ่อนจำนวนไลค์ ฝังอยู่ในแอพ Facebook บน Android ด้วย โดยเธอได้เขียนลง blog ส่วนตัว และถ่าย screenshot ตัวอย่างโพสทิ้งไว้ใน Twitter ให้ดูด้วย

นักวิจัยสายแกะแอปเจ้าเก่า Jane Manchun Wong เผยแพร่ข้อมูลว่าพบโค้ดในแอป Facebook ที่อาจใช้เพื่อทดสอบการซ่อนจำนวนไลก์ใต้โพสต์ โดยสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะเห็นข้อมูลเพียงชื่อหนึ่งคนที่กดไลก์ และไม่ระบุจำนวนไลก์ทั้งหมด มีเพียงเจ้าของโพสต์เท่านั้นที่เห็นจำนวนไลก์

Facebook ยืนยันว่าพิจารณาการทดสอบดังกล่าวอยู่ แต่ยังไม่ได้เริ่มให้มีผลกับผู้ใช้งาน

Jane Manchun Wong นักวิจัยจากฮ่องกงรายงานถึงการตรวจสอบแอปเฟซบุ๊กบนแอนดรอยด์ พบว่าตัวแอปพยายามสแกนไลบรารีต่างๆ ในเครื่อง หลังจากนั้นก็ส่งค่าแฮชของไลบรารีเหล่านี้ กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ และบางครั้งก็อัพโหลดทั้งไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์

Jane ระบุว่าไม่แน่ชัดว่าเฟซบุ๊กต้องการตัวไลบรารีในระบบไปเพื่ออะไร ความเป็นไปได้ คือ เฟซบุ๊กพยายามตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่อง หรือตรวจสอบความเข้ากันได้กับฟีเจอร์ต่างๆ แต่ที่แย่คือไม่มีตัวเลือกปิดการทำงานของโมดูลอัพโหลดไลบรารีนี้

มีรายงานว่าหน่วยงานสรรพากรของประเทศญี่ปุ่น ได้ตรวจสอบพบว่าหน่วยงาน Facebook ในญี่ปุ่น แจ้งรายได้ต่ำกว่าความจริงไป 500 ล้านเยน โดยให้ปรับแก้ไขตัวเลขรายได้ปี 2017 ใหม่ ผลดังกล่าว Facebook จึงต้องเสียภาษีนิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีกราว 100 ล้านเยน หรือประมาณ 29 ล้านบาท

ในการตรวจสอบพบว่า Facebook ในญี่ปุ่น ใช้วิธีบันทึกรายได้จากโฆษณาไปที่สำนักงานในไอร์แลนด์ เพราะมีอัตราภาษีต่ำกว่าของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นวิธีการที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่นิยมทำกันอยู่แล้ว แล้วให้บริษัทในไอร์แลนด์จ่ายเงินกลับเข้ามาที่สำนักงาน Facebook ญี่ปุ่น เพื่อเป็นค่าจ้างดำเนินการโฆษณา โดยจ่ายให้สูงกว่าต้นทุนเพียงเล็กน้อยเพื่อให้หน่วยงานในญี่ปุ่นมีกำไรไม่มาก

The Verge รายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังซุมทำแอพพลิเคชั่น Threads เป็นแอพแชทแยก ไว้ให้ผู้ใช้แชร์โพสต์ต่างๆ ร่วมกันกับเพื่อนสนิทเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสเตตัส รูปภาพ พิกัด ความเร็วเน็ต ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือจากอินสตาแกรม

เฟซบุ๊กเคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า อนาคตของการแชทคือความเป็นส่วนตัว (future is private) การพัฒนาแอพพลิเคชั่น Threads ดูจะช่วยให้เฟซบุ๊กไปถึงเป้าหมายนั้นได้

โครงการเงินคริปโต Libra ของ Facebook สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากทีเดียวตั้งแต่เริ่มเปิดตัว โดยเฉพาะท่าทีจากหน่วยงานรัฐบาลหลายประเทศที่แสดงความกังวล และต้องการเข้ามากำกับดูแลอย่างเข้มข้น ส่งผลให้พันธมิตรในโครงการ Libra หลายรายเริ่มต้องการปรับท่าทีในการสนับสนุน

Financial Times รายงานว่ามีพันธมิตรในโครงการ Libra อย่างน้อย 3 บริษัท ได้เริ่มเจรจากับ Facebook เพื่อขอแยกตัวออกมาจากโครงการดังกล่าว เนื่องจากกังวลจากท่าทีของหน่วยงานรัฐที่ต้องการตรวจสอบ จนอาจกระทบต่อโครงการลงทุนอื่นของบริษัท

หลังจากเมื่อวานนี้ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กออกมาแบนบัญชีที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยมุ่งเป้าโจมตีการประท้วงในฮ่องกง วันนี้สื่อรัฐบาลจีนหลายรายอย่าง Global Times, China Daily, และ People's Daily ก็ลงบทความประณามแนวทางนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

เฟซบุ๊กเปิดตัวฟีเจอร์ Off Facebook Activity Control ให้ผู้ใช้เข้าตรวจสอบข้อมูลจากภายนอกที่เฟซบุ๊กได้รับมาผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น pixel ติดตามผู้ใช้, Facebook SDK, และ Facebook Login

เฟซบุ๊กรับรู้ข้อมูลการรับชม ผ่าน SDK เหล่านี้ เป็นข้อมูล การเปิดแอป, การดูเนื้อหาต่างๆ, การค้นหา หรือบางเว็บไซต์หรือบริการอาจจะส่งข้อมูลระดับลึกให้เฟซบุ๊ก เช่น การเพิ่มสินค้าลงตระกร้า, การซื้อขาย, และการบริจาคเงิน

เฟซบุ๊กระบุว่าที่ผ่านมาใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อแสดงโฆษณาให้ตรงเป้าหมาย, แนะนำแบรนด์หรือบริการให้กับผู้ใช้ ไปจนถึงการป้องกันผู้ใช้ที่อาจถูกโจมตี

จากประเด็นมีข้อสังเกตที่ว่า ทวิตเตอร์แสดงโฆษณาที่ได้รับการโปรโมทจากสื่อ Xinhua ของจีน มีเนื้อหาโจมตีผู้ประท้วงชาวฮ่องกง ทวิตเตอร์ก็ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการประกาศห้ามไม่ให้สื่อรัฐบาล (state-controlled news media) ซื้อโฆษณาเนื้อหาของตัวองได้อีกต่อไป

ทวิตเตอร์ยังบอกด้วยว่าทางแพลตฟอร์มได้ระงับ 936 บัญชีที่มีพฤติกรรมเผยแพร่ข่าวปลอมที่มีเนื้อหาบั่นทอนความชอบธรรมของการประท้วงในฮ่องกง และจากการตรวจสอบอย่างละเอียด ทวิตเตอร์มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าบัญชีเหล่านั้นมีการสนับสนุนจากรัฐ

จากที่ Facebook ประกาศไว้ในงาน F8 เมื่อต้นปีนี้ว่าจะผลักดันฟีเจอร์ Groups สุดตัว โดยเน้นการใช้ Groups เพื่อสนทนาในกลุ่มปิดขนาดเล็กๆ มากขึ้น

เดิมที Groups ของ Facebook แบ่งได้เป็น 3 แบบคือ Public (ใครก็ได้เข้าร่วมได้), Closed (คนทั่วไปเห็นว่ามีกลุ่มนี้แต่จำกัดเฉพาะคนที่ได้รับเชิญ) และ Hidden (กลุ่มลับที่ไม่มีใครมองเห็นยกเว้นสมาชิก)

Nate Mitchell ผู้ร่วมก่อตั้ง Oculus ประกาศลาออกจาก Facebook แล้ว

Mitchell ประกาศข่าวนี้ในกระทู้บน Reddit ว่านับตั้งแต่ประกาศระดมทุนแว่น Oculus ในปี 2012 จนมาถึงตอนนี้ โลก VR มาไกลกว่าที่เขาคิดมาก เพราะตอนแรกนั้นเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถระดมทุนได้ตามเป้า 250,000 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ

เขาบอกว่าหลังจากทำงานมา 7 ปี ก็ได้เวลาพักเบรก ท่องเที่ยว และชาร์จไฟตัวเองบ้าง เขามั่นใจว่าทีมงาน Oculus จะสามารถพาโลก VR เดินต่อไปได้โดยไม่ต้องมีเขา