ต่อจากข่าว หน่วยงานรัฐหลายประเทศสั่งตรวจสอบโครงการเงินคริปโต Libra ของ Facebook ล่าสุดคณะกรรมาธิการด้านธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ (U.S. Senate Banking Committee) เรียกตัวแทนของ Facebook เข้าให้การแล้ว มีนัดหมายกันวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
คาดว่า David Marcus หัวหน้าทีม blockchain ของ Facebook จะเป็นคนที่เข้ามาให้การ แต่ตอนนี้ยังไม่คำยืนยันจาก Facebook ว่าจะส่งใครมากันแน่
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (House Financial Services Committee) ก็มีแผนจะเรียกผู้บริหารของ Facebook เข้ามาให้การในลักษณะเดียวกัน
หลังจากที่ Facebook เปิดตัวโครงการเงินคริปโตสกุล Libra ออกมา หน่วยงานรัฐในหลายประเทศก็แสดงท่าทีกังวลต่อประเด็นนี้ทันที โดยประเด็นสำคัญคือการตรวจสอบและควบคุมนั่นเอง
เริ่มที่ตัวแทนคณะกรรมการเงินของสภาผู้แทนฯ สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเรียกร้องให้ Facebook ระงับโครงการนี้ไปก่อน จนกว่าผู้บริหารจะเข้าชี้แจงกับสภาฯ โดยเฉพาะความปลอดภัยในการใช้งานและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งกังวลว่าผลกระทบอาจเกิดในวงกว้าง อ้างจากฐานผู้ใช้งานระดับพันล้านคนของ Facebook และปัญหาในอดีตที่ Facebook รับมือได้ไม่ดีมากพอ
ต่อเนื่องจากข่าว Facebook และ 27 หน่วยงาน เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล Libra ซึ่งนักพัฒนาสามารถเขียนบริการมาเชื่อมต่อใช้งานได้ ในส่วนของ Facebook ก็มีหน่วยงานใหม่สำหรับพัฒนาบริการทางการเงินในชื่อว่า Calibra
Calibra จะเป็นบริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับเงินสกุล Libra ซึ่งสามารถรับส่งเงินได้ผ่าน Facebook Messenger, WhatsApp ตลอดจนแอปของ Calibra เอง มีกำหนดให้บริการในปี 2020
Facebook เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลโอเพ่นซอร์สในชื่อ Libra โดยเป็นแกนนำจัดตั้งหน่วยงานอิสระที่ไม่แสวงหากำไร The Libra Association มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
The Libra Association มีผู้ร่วมก่อตั้ง 28 หน่วยงาน อาทิ Facebook, Mastercard, PayPal, Visa, eBay, Spotify, Uber, Lyft, กลุ่ม Vodafone, กองทุน Andreessen Horowitz ฯลฯ ทั้งนี้เป้าหมายของโครงการคือมีผู้ร่วมก่อตั้งอย่างน้อย 100 ราย ก่อนการเปิดตัวใช้งานในปีหน้า
ในยุคที่การทำไลฟ์เป็นเรื่องปกติ และสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแอพโซเชียลชื่อดังแทบทุกตัว สิ่งที่ต้องระวังอาจเป็นเรื่องฟิลเตอร์หรือลูกเล่นต่างๆ ที่กดใช้ผ่านในแอพได้ง่าย (เกินไป?)
Shaukat Yousafzai นักการเมืองจากประเทศปากีสถานก็เป็นอีกรายที่ใช้การไลฟ์เป็นเครื่องมือเข้าถึงประชาชน แต่สิ่งที่เขา (หรือทีมงาน) ทำพลาดไปคือเผลอไปกดเปิดฟิลเตอร์ AR เวอร์ชันหูแมว ทำให้คนที่รับชมการไลฟ์เห็นเขามีหูแมว จมูกแมว มีหนวด และมีแก้มสีชมพูด้วย ก่อนที่ฟิลเตอร์จะถูกกดปิดไปในเวลาไม่กี่นาทีให้หลัง
ตัวของ Yousafzai เองก็ยอมรับความผิดพลาดในเรื่องนี้ โดยบอกว่าจะกำชับกระบวนการไลฟ์ของทีมงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น
Facebook ประกาศปรับเปลี่ยนการจัดอันดับคอมเมนท์บนโพสต์สาธารณะใหม่ โดย Facebook ระบุว่าวิธีใหม่นี้จะใช้สัญญาณหลาย ๆ อย่างช่วยระบุคุณภาพและจัดอันดับคอมเมนท์บนโพสต์สาธารณะ
Facebook ระบุว่า การจัดอันดับคอมเมนท์จะใช้สัญญาณต่าง ๆ เช่น
มีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแผนการเปิดตัวเงินคริปโตของ Facebook โดย The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวระบุว่า Facebook ได้บริษัทภายนอกหลายราย ที่ตกลงจะมาใช้งานเครือข่ายเงินคริปโตนี้แล้ว ซึ่งมีทั้ง Uber, Visa, Stripe (บริการจ่ายเงินออนไลน์), MasterCard และ Booking.com
ตามรายงานก่อนหน้านี้ บริการเครือข่ายเงินคริปโตของ Facebook จะมี node ไม่เกิน 100 node คิดค่าไลเซนส์ 10 ล้านเหรียญต่อ node ซึ่งบริษัทที่ระบุมาข้างต้นได้ตัดสินใจร่วมลงทุนไปแล้ว ตามชื่อโครงการภายในว่า Project Libra นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า Facebook จะแถลงข่าวเปิดตัวเงินคริปโตดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
ครบรอบ 1 ปี Facebook Watch ซึ่งเป็นแท็บแยก รวมเอาวิดีโอที่น่าสนใจจากเพจและข่าวสารต่างๆ มาไว้ในช่องทางนี้ ถือเป็นช่องทางคู่แข่ง YouTube โดยตรง
และในโอกาสครบรอบ Facebook ออกมาเผยตัวเลขผู้ใช้งาน Facebook Watch ว่า มียอดแอคทีฟรายเดือน 720 ล้านราย มี 140 ล้านคนต่อวันที่ใช้เวลาอย่างน้อย 1 นาทีดูคลิปใน Facebook Watch และโดยเฉลี่ย แต่ละคนดูคลิป 26 นาทีต่อวัน
ดูเหมือนว่า Facebook ยังไม่ยอมแพ้กับการเก็บข้อมูล ล่าสุดเปิดตัวแอพใหม่ Study from Facebook เป็นแอพให้ผู้ใช้งานไปติดตั้งและขอเก็บข้อมูลโดยมีเงินตอบแทน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
โดยข้อมูลที่ Study from Facebook จะขอเก็บคือ แอพที่ผู้ใช้งานติดตั้งมีอะไรบ้าง, เวลาที่ใช้ไปกับการใช้โทรศัพท์, ประเทศที่ผู้ใช้งานอาศัย เครือข่ายที่ใช้งานอยู่ อุปกรณ์อะไร, แอพที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น โดย Facebook ระบุว่าสิ่งที่แอพจะไม่เก็บคือ ข้อมูล ID-password, รูป, ข้อความ, วิดีโอ และยืนยันจะไม่ขายข้อมูลให้บุคคลที่สามเด็ดขาด
ศิลปินร่วมมือกับเอเจนซี่ สร้างคลิป deepfake มาร์ค ซักเคอเบิร์ก โดยใส่คำพูดที่เป็นลางร้ายและเป็นคำพูดที่มาร์คไม่มีทางพูดเองว่า ผู้ที่ควบคุมข้อมูลและขโมยข้อมูลคนเป็นพันล้านคนได้นั้น เป็นเสมือนผู้กุมอนาคตของพวกเขาด้วย
วิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปิน Bill Poster และ Daniel Howe โดยร่วมมือกับบริษัทโฆษณา Canny ใช้ฟุตเทจ มาร์ค นั่งอยู่หลังโต๊ะ ซึ่งเป็นวิดีโอจริงในสมัยปี 2017 ที่เขาออกมาชี้แจงเรื่องข่าวปลอมแทรกแซงการเลือกตั้ง แต่ใช้เทคโนโลยีการแทนที่เสียงหรือ video dialogue replacement ใส่คำพูดใหม่เข้าไป และปากขยับตามคำพูดนั้น
แม้จะยังไม่มีรายละเอียดว่า Portal หน้าจอวิดีโอคอลของ Facebook ทที่เป็นฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกนั้นขายออกไปเท่าไร แต่ Andrew Boz Bosworth รองประธานฝ่าย AR/VR ของ Facebook เผยว่าฮาร์ดแวร์เวอร์ชั่นสองกำลังจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
ช่วงนี้การค้นหาโพสต์เก่าๆ บนสังคมออนไลน์หรือที่เรียกกันว่า 'ขุด' กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เรียกได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นถ้าหากไม่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ให้ดี ก็อาจหนีไม่พ้นอาจกลับมาส่งผลเสียต่อเจ้าของโพสต์เองได้ ซึ่งหากจะมานั่งไล่ลบทีละโพสต์ก็คงจะเหนื่อยน่าดูถ้าหากใช้งานมาหลายปี หรือหากจะลบบัญชีทิ้งไปก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุด ดังนี้เรามีวิธีจัดการโพสต์เก่าๆ บนสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter มาแนะนำกันครับ
Facebook ยืนยันข่าวการตัดสัมพันธ์กับ Huawei โดยสมาร์ทโฟนของ Huawei ที่จะวางขายในอนาคต จะไม่สามารถพรีโหลดแอพของ Facebook (รวมถึง WhatsApp และ Instagram) ได้อีกต่อไป แต่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Huawei ยังสามารถดาวน์โหลดและใช้งานแอพเหล่านี้ได้ตามปกติ
สมาร์ทโฟนของ Huawei ในบางประเทศยังพรีโหลดแอพ Twitter และ Booking.com แต่ทั้งสองบริษัทยังไม่ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้พรีโหลดเหมือนกรณีของ Facebook หรือไม่
เรียกได้ว่าสถานการณ์คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ถือหุ้นใน Facebook จำนวนไม่น้อย โหวตให้มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ออกจากการเป็นประธานบริษัท และให้คนอื่นที่เป็นประธานอิสระมาทำแทน โดยผลโหวตมีมากถึง 68% ของจำนวนผู้ถือหุ้น แต่ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นตัวเลขจากการวิเคราะห์ภายนอกจาก Open Mic องค์กรที่ทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นเพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการใหญ่ในอเมริกา ยังไม่ใช่ตัวเลขทางการ
ไม่นานมานี้ BBC รายงานว่าเฟซบุ๊กจะเปิดตัวสกุลเงินคริปโตภายในปี 2020 ล่าสุด The Information รายงานตรงกันข้ามโดยอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยว่า สกุลเงินคริปโตจะถูกเปิดตัวภายในเดือนนี้แทน
The Information ระบุด้วยว่า node บนเครือข่ายคริปโตของเฟซบุ๊กจะมีไม่เกิน 100 node เท่านั้น และเปิดให้บริษัทข้างนอกเข้ามาเชื่อมต่อโดยคิดค่าไลเซนส์ 10 ล้านเหรียญต่อ node โดยจะนำก้อนนี้มาใช้แบ็กสกุลเงินของตัวเอง ขณะเดียวกันเฟซบุ๊กได้เข้าไปพูดคุยกับบริษัทเทคและสถาบันการเงินหลายรายแล้วด้วย
บริษัทขนาดใหญ่มักจัดงานแข่งขันด้านเทคโนโลยีคล้ายๆ กันในรอบปี เช่น งานเขียนโปรแกรมอย่าง Google Code Jam หรืองานแข่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในกลุ่ม Capture the Flag (CTF) เมื่อวันที่ 1 ถึง 3 มิถุนายนที่ผ่านมาเฟซบุ๊กก็เพิ่งจัดงาน Facebook CTF ไป แต่ความน่าแปลกใจคือทีมที่ชนะที่หนึ่งคือทีม "Visit g.co/ctf" ที่เป็น URL ไปยังเว็บงานแข่งขัน Google CTF ที่กำลังจัดในวันที่ 22-23 มิถุนายนนี้
หลังจากนั้นบัญชีทวิตเตอร์ @GoogleVRP ผู้จัดงาน Google CTF ก็ออกมาแสดงความยินดีกับผู้ชนะ
ผู้ใช้งานอาจกำลังสงสัยว่า Facebook ดักฟังเราทางโทรศัพท์หรือไม่ เพราะมีผู้ใช้งานตั้งคำถามถึงโฆษณาที่เจอบนหน้าไทม์ไลน์หลังจากที่เพิ่งพูดคุยกัน
ล่าสุด Facebook ยืนยันว่า Facebook ไม่ได้ฟังบทสนทนาของคุณผ่านไมโครโฟนของโทรศัพท์ โฆษณาและโพสต์ถูกแสดงอยู่บนฟีดข่าวตามความสนใจของผู้ใช้และข้อมูลอื่นๆบนโปรไฟล์ของพวกเขา หากผู้ใช้สงสัยว่าทำไมบางโพสต์จึงปรากฏขึ้นมาบนฟีดข่าวของคุณก็สามารถกดเข้าไปดูที่ปุ่ม “ทำไมฉันจึงเห็นโพสต์นี้” ที่อยู่ด้านขวาบนของโพสต์ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของเนื้อหานั้น เช่น เห็นโพสต์เพราะไปกดไลค์ไว้ ไปกดติดตามบุคคลนี้ไว้ เป็นต้น
Elizabeth Warren ผู้สมัครประธานาธิบดีปี 2020 จากพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งมีความแข็งขันในนโยบาลลดอิทธิพลบริษัทไอที ล่าสุด เธอขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่ตอกย้ำถึงนโยบายของเธอถึงถิ่นบริษัทเทคโนโลยีในซานฟรานซิสโกเลย
ป้ายบิลบอร์ดระบุว่า Break Up Big Tech เป็นป้ายเดี่ยวที่ดูไม่ได้โดดเด่นมาก และตั้งอยู่ในจุดที่ไม่ได้มีคนสัญจรไปมาเยอะ แต่สถานที่ตั้งนั้นเป็นจุดที่ไม่ไกลจากสถานี Caltrain มีบริษัทเทคโนโลยีทำงานอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น Lyft Dropbox และในบริเวณนั้นก็เป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่กูเกิล เฟซบุ๊กด้วย เรียกได้ว่าจุดที่ป้ายบิลบอร์ดตั้งอยู่ คนทำงานบริษัทเทคโนโลยีจะต้องเห็น
เราได้ยินข่าวเรื่อง Facebook มีความสนใจในเทคโนโลยี Blockchain มาก และยังมีข่าวว่าอาจออกสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาเองระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด BBC รายงานว่า Facebook มีแผนเปิดตัวระบบเงินดิจิทัลของตนเองภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 หรือปีหน้า โดยช่วงแรกจะเปิดให้บริการราว 10 ประเทศ ซึ่งจะมีการทดสอบระบบช่วงปลายปี ตอนนี้มีชื่อเรียกกันภายในว่า GlobalCoin
ราวต้นเดือนพฤษภาคม Chris Hughes เขียนบทความยาวลง New York Times ว่าถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องแยก Facebook และบริษัทลูกที่เข้าซื้อมาทั้งหมดออกจากกัน ความเห็นของ Hughes อาจไม่แข็งแรงและไม่น่าสนใจพอถ้าเขาไม่ใช่คนที่ร่วมก่อตั้ง Facebook มาด้วยกันกับมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กตั้งแต่แรก และยังเป็นรูมเมทในหอพักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
โฆษณาการเมืองใน Facebook เป็นหนามยอกอก Facebook มาตั้งแต่ปี 2016 ที่รัสเซียใช้ช่องทางในการซื้อแคมเปญโฆษณาแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่าสุด Wall Street Journal รายงานว่า Facebook จะงดให้ค่าคอมมิชชั่นพนักงานที่ขายโฆษณาการเมืองได้
Katie Harbath ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเลือกตั้งระดับโลกของ Facebook กล่าวว่า แนวทางใหม่ของ Facebook ในการขายโฆษณาทางการเมืองนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดแรงจูงใจให้พนักงาน ในการพยายามจะผลักดันแคมเปญโฆษณาการเมืองใหม่ๆ โดยตอนนี้ช่องทางซื้อโฆษณาส่วนใหญ่ให้บริการตัวเองโดยมีเจ้าหน้าที่ Facebook คอยให้ความช่วยเหลือในการลงทะเบียนเพื่อซื้อโฆษณา แต่พนักงานขาย จะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นหากขายโฆษณาการเมืองได้ ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ
Harbath กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ตอนนี้ Facebook มองว่าธุรกิจโฆษณาการเมืองเป็นความรับผิดชอบของพลเมือง มากกว่าจะเป็นตัวผลักดันรายได้
ฝ่ายวิจัย AI ของ Facebook ได้โอเพ่นซอร์ส Pythia เฟรมเวิร์คแบบ plug-and-play สำหรับนักวิทยาการข้อมูลเพื่อการสร้าง, ทำสำเนา และวัด benchmark ของ AI model โดยเฟรมเวิร์คนี้พัฒนาบน PyTorch อีกชั้นหนึ่ง
Facebook ระบุว่า Pythia รองรับ distributed training และดาต้าเซ็ทหลายแบบ รวมถึง custom loss, metrics, scheduling และ optimizers แบบปรับแต่งเอง ซึ่งตัวเฟรมเวิร์คออกแบบมาให้เหมาะกับงานประเภท vision และงานด้านภาษา เช่น การสร้างแคปชั่นของภาพ เป็นต้น
Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมการแสดงผลใน News Feed อีกครั้ง โดยอาศัยการจัดอันดับเนื้อหาที่ถูกแสดงจากแบบสำรวจผู้ใช้งาน ว่าใครที่เรากำหนดว่าเป็นเพื่อนสนิท จากนั้นจึงนำมาปรับการแสดงผลใหม่ดังนี้
เฟซบุ๊กประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์ @facebook ระบุว่ากำลังนำฟีเจอร์ "View as Public" ที่ปิดไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้วกลับมาอีกครั้ง ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่าคนทั่วไปเมื่อเข้ามาหน้าโปรไฟล์แล้วจะเห็นข้อมูลอะไรบ้าง
ฟีเจอร์นี้มีมานาน แต่ปีที่แล้วเฟซบุ๊กถูกแฮกผ่านฟีเจอร์นี้ทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลถึง 50 ล้านคน จนเฟซบุ๊กต้องปิดบริการนี้ไปอย่างเร่งด่วน การนำฟีเจอร์นี้กลับมายังเพิ่มปุ่ม "Edit Public Details" ให้ผู้ใช้แก้ไขว่าคนทั่วไปควรมองเห็นข้อมูลอะไรบ้าง
ผมเองลองทั้งเว็บและแอปแอนดรอยด์ยังไม่ได้รับฟีเจอร์นี้ หากใครได้บนระบบไหนแล้วมาบอกกันได้ครับ
แม้ว่า F8 ปี 2019 นี้ Facebook จะยังไม่เปิดตัวฟีเจอร์ Clear History ระบบล้างข้อมูลเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำให้ผู้ใช้ Facebook สามารถแยกประวัติการเข้าชมออกจากโปรไฟล์ได้ แต่ก็มีความท้าทายทางเทคนิคมากจึงทำให้ฟีเจอร์นี้ยังไม่ปล่อยออกมาให้ใช้งานจริง