หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการขายกิจการมาระยะหนึ่ง ในที่สุดวันนี้ Pebble ได้ประกาศผ่านทาง Kickstarter Update และบล็อกของบริษัทโดยมีเนื้อหาสำคัญว่า Fitbit ได้ตกลงที่จะเข้าซื้อ "สินทรัพย์ที่สำคัญ" ของ Pebble ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป และตัดสินใจที่จะปิดตัวลง โดยที่ Pebble จะหยุดการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมทั้งยุติการรับประกันสินค้าที่ถูกจำหน่ายไปแล้วด้วย
สำหรับผู้สนับสนุนการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ยังไม่ได้รับสินค้า (Pebble Time 2 และ Pebble Core) จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนภายใน 4-8 สัปดาห์
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากข่าว Fitbit เตรียมซื้อกิจการ Pebble โดยหลายแหล่งข่าวยืนยันว่าดีลใกล้ยุติและเตรียมเปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมีข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมดังนี้
ที่มา: Bloomberg
The Information รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายว่า Fitbit ได้ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Pebble ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่าที่ไม่สูงมาก ซึ่ง Engadget บอกว่าอยู่ราว 34-40 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มากพอที่จะให้ Pebble ไปชำระหนี้สินที่ค้างกับซัพพลายเออร์ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าวว่า Pebble ประสบปัญหาทางการเงินมาตลอด จนต้องปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง
ดีล Pebble นี้อาจไม่สวยนัก เพราะก่อนหน้านี้ Pebble เคยได้รับข้อเสนอขอซื้อกิจการจาก Citizen เมื่อปี 2015 ถึง 740 ล้านดอลลาร์ และล่าสุดเป็นข้อเสนอจาก Intel มูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการยุติโครงการ Pebble 2 ซึ่ง Pebble บอกปัดทั้งสองข้อเสนอ แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ Fitbit นั่นเอง
ตัวแทนของทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ออกมายืนยันใดๆ แต่ Twitter @Pebble ก็ทวีตข้อความต่อข่าวนี้ว่า ¯_(ツ)_/¯ (ล่าสุดทวีตถูกลบไปแล้ว)
ที่มา: Engadget และ TechCrunch
Fitbit ผู้ผลิตอุปกรณ์ wearable computer เพื่อสุขภาพ จับมือกับ 2K Games ผู้พัฒนาเกมซีรีส์ NBA 2K เกมแนวบาสเกตบอลชื่อดัง มอบโบนัสพิเศษสำหรับผู้ที่เล่นเกม NBA 2K17 และสวมใส่ Fitbit เมื่อเดินได้ครบ 10,000 ก้าวต่อวัน
โบนัสพิเศษจะสามารถใช้งานได้ในโหมดการเล่น MyPlayer ของเกม (คาดว่าจะเป็นไอเท็มช่วยเพิ่มค่าพลังต่างๆ ของนักกีฬา) โดยจะเริ่มกิจกรรมในวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้เล่นเกม และสร้างแรงจูงใจให้ออกมาทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่าเดิม
ที่มา - Business Wire via The Verge
ช่วงหลังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ล้วนแล้วแต่ยังไม่พบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้นจริงเสียเท่าไหร่ มาวันนี้มีงานวิจัยอีกชิ้นเผยให้เห็นว่า อุปกรณ์ยี่ห้อดังอย่าง Fitbit นั้นมีไว้ใช้เฉยๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
วันนี้ Fitbit ประกาศข่าว เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ Flex 2 และ Charge 2 รวมถึงเพิ่มตัวเลือกให้กับ Alta และ Blaze โดยเพิ่มความหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ (ขอสรุปรวบเป็นข่าวเดียว)
เว็บไซต์ The Register รายงานการวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่เกี่ยวกับความถูกต้องของการตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจของอุปกรณ์สวมใส่ออกกำลังกายอย่าง Fitbit ผลปรากฎว่า อัตราการเต้นหัวใจที่อุปกรณ์ Fitbit แสดงผลนั้น ผิดจากไปความเป็นจริงที่เฉลี่ย 25 ครั้งต่อนาที
การทดลองครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมทดสอบทั้งหมด 43 คน แต่ละคนจะถูกติดเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และสวม Fitbit Charge HR และ Fitbit Surge ไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้าง ก่อนที่ผู้เข้าร่วมทดสอบจะออกกำลังกายนาน 65 นาที ซึ่ง ดร. Edward Jo และ ดร. Brett A. Dolezal ผู้ทำสำรวจระบุว่า เทคโนโลยี PurePulse ที่วัดชีพจรอย่างต่อเนื่องของ FitBit ไม่มีการแสดงผลที่ถูกต้อง และยิ่งไม่น่าเชื่อถือ หากนำไปใช้ขณะออกกำลังกายช่วงฮาร์ทเรทระดับกลางจนถึงระดับสูง
Fitbit ประกาศว่าบริษัทเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Coin สตาร์ทอัพด้านการชำระเงินที่พยายามทำบัตรใบเดียวแทนบัตรเครดิตและบัตรสมาชิกต่างๆ (universal card) อย่างเป็นทางการแล้ว (ว่าง่ายๆ คือซื้อไปเป็นบริษัทย่อย)
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะมีผลกระทบกับผู้ใช้ Coin และนักพัฒนาที่อยู่บนแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยโปรแกรมสะสมแต้มจูงใจของบัตรที่เรียกว่า Coin Rewards และโปรแกรมสำหรับนักพัฒนา Coin Developer Program จะปิดตัวลง ส่วนตัวอุปกรณ์จะใช้ได้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแบตเตอรี่ในบัตรหมดลง ส่วนอุปกรณ์ใหม่ก็จะไม่มีขายแล้ว
ด้าน Fitbit ระบุว่าจะไม่มีการรวมเอาเทคโนโลยีของ Coin เข้ามาอยู่ในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ครับ
เครื่องมือวัดชีพจรง่ายๆ อย่าง Fitbit Charge อาจจะได้ช่วยเหลือให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มีผลต่อชีวิตของชายคนหนึ่งเอาไว้ได้ครับ
Fitbit ออกมาประกาศยอดส่งมอบ Fitbit Blaze และ Fitbit Alta ว่ามีตัวเลขออกมาดีกว่าที่บริษัทเคยประเมินกันภายในก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานของ IDC ระบุว่า Fitbit ยังครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ครับ
ที่มา: Fitbit
บริษัทวิจัยตลาด IDC รายงานส่วนแบ่งการตลาดอุปกรณ์สวมใส่ (wearable computing) ทั่วโลก ของไตรมาสที่ 4 ปี 2015 โดยในภาพรวมนั้นตลาดมีการเติบโต 126.9% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และภาพรวมตลอดปี 2015 เติบโต 171.6%
IDC ระบุว่าอุปกรณ์สวมใส่มีการส่งมอบรวม 27.4 ล้านชิ้น โดย Fitbit ยังคงรักษาส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ไว้ได้ที่ 29.5% แต่ก็ลดลงไปมากจากปี 2014 ซึ่งอยู่ที่ 43.9% สาเหตุก็มาจากเบอร์สองคือแอปเปิล ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งไป ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 15.0% โดย IDC ประเมินว่า Apple Watch ขายไปได้ 4.1 ล้านเรือน
ช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้โดยเฉพาะสมาร์ทวอทช์ และสายรัดข้อมือเริ่มไปสู่จุดที่ฟีเจอร์แต่ละเจ้าไม่ต่างกัน แต่ไปเน้นออกแบบให้แตกต่างแทน ตอนนี้ Fitbit ผู้นำตลาดรายแรกๆ ของตลาดที่หลายคนบอกว่าออกแบบได้ "เห่ย" ก็เริ่มหันมาสนใจทำอุปกรณ์ที่หน้าตาดูดีบ้างแล้วในชื่อรุ่น Alta
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สถาบันการศึกษาจะมีมาตรการสำหรับตรวจสุขภาพประจำปีของนักศึกษาภายใน แต่สำหรับระเบียบใหม่ของมหาวิทยาลัยโอรัล โรเบิร์ตส ในรัฐโอคลาโฮมาอาจจะดูล้ำไปอีกระดับด้วยการให้นักศึกษาใหม่ต้องใช้ Fitbit เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าวแล้ว
ระเบียบใหม่นี้ถูกรายงานโดยสำนักข่าว Washington Post โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยโอรัล โรเบิร์ตส จะให้นักศึกษาใหม่กว่าพันคนสวมสายรัดข้อมือ Fitbit Charge HR เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพ และส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย (ไม่มีข้อมูลส่วนตัว) ซึ่งตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ นักศึกษาใหม่จะต้องเดินอย่างน้อย 10,000 ก้าวต่อวัน ออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยสถิติเหล่านี้จะมีผลกับเกรดของวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา
มีเรื่องราวของ Koby Soto นักศึกษาสาขากฎหมายจากอิสราเอล (และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ตอัพ Guesty ระบบดูแลบ้านที่ให้เช่าบน Airbnb) ที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจในวันที่ถูกแฟนหนุ่มตัดความสัมพันธ์ จากการที่เขาสวมใส่อุปกรณ์ wearable tech อย่าง Fitbit Charge HR ตลอดวันนั้น พบว่าตั้งแต่เช้า ชีพจรเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 88bpm จนถูกบอกเลิกทางโทรศัพท์ แม้ไม่ได้ออกกำลังกายใดๆ ชีพจรวิ่งขึ้นไปถึง 88 และ 118bpm ตามลำดับ กว่าจิตใจจะสงบก็เป็นช่วงค่ำเข้าไปแล้ว ...ร่างกายไม่เคยโกหก และอุปกรณ์พวกนี้ก็ช่วยบันทึกเรื่องราวชีวิตของผู้ใช้ได้ในรูปแบบกราฟอย่างจริงจัง
ในงาน CES 2016 ค่าย Fitbit ได้นำ Fitness Watch ตัวใหม่มาร่วมเปิดตัวภายในงานด้วย โดย Fitness Watch ตัวนี้มีชื่อว่า Blaze โดยตั้งอยู่ในระดับระหว่าง Charge HR และ Surge ทีเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน
ของใหม่ใน Blaze คือหน้าจอแสดงผลแบบ LCD สี (Surge เป็น E-Ink) และความสามารถในการเปลี่ยนสายโดยการถอดตัวบอดี้ชั้นในเท่านั้น (Surge ต้องส่งศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยน) ซึ่งสายเสริมที่มีมาให้เลือกจะมีทั้งสายหนังและสายเหล็ก ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้ตามโอกาส
บริษัทวิจัยตลาดไอที IDC ออกรายงานยอดขายอุปกรณ์สวมใส่ (wearable computing) ของทั่วโลก ประจำไตรมาส 2/2015 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ Apple Watch วางขาย ผลคือแอปเปิลสร้างผลงานได้ดี เปิดตัวด้วยยอดขาย 3.6 ล้านชิ้นต่อไตรมาส ขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับสองในตลาด wearable ทันที
ส่วนอันดับหนึ่งยังเป็นแชมป์เก่า Fitbit ที่ขายได้ 4.4 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขายได้ 1.7 ล้านชิ้น (โตขึ้นเกือบสามเท่า) ครองส่วนแบ่งตลาด 24.3%
อันดับสาม Xiaomi Mi Band ขายได้ 3.1 ล้านชิ้น อันดับสี่ตามมาห่างๆ คือ Garmin 0.7 ล้านชิ้น และอันดับห้า Samsung 0.6 ล้านชิ้น
ที่มา - IDC
Fitbit เปิดตัวแอพสำหรับ Windows 10 แบบ universal app เบื้องต้นรองรับพีซี, แท็บเล็ตและแล็ปท็อป ส่วนของ Xbox One และ Windows 10 Mobile จะตามมาช่วงท้ายปี
แอพสำหรับ Windows 10 มีคุณสมบัติเด่นๆ ดังนี้
Fitbit เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยขนทุกรุ่นที่วางขายมาพร้อมกันตั้งแต่รุ่นราคาเบาๆ อย่าง Fitbit Zip ไปจนถึงสมาร์ทวอทช์ตัวท็อปอย่าง Fitbit Surge หรือแม้แต่ที่ชั่งน้ำหนักดิจิทัลอย่าง Fitbit Aria ก็มาด้วย
รุ่นเด่นที่นำมาโชว์ในงานวันนี้คือ Fitbit Surge สมาร์ทวอทช์ตัวแรกที่ของบริษัทที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานเพื่อสุขภาพ มี GPS และเซ็นเซอร์หลายชนิดทั้ง accelerometer, gyroscope, เข็มทิศดิจิทัล, เซ็นเซอร์วัดความสูง (altimeter), เซ็นเซอร์วัดความสว่าง รวมถึงเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และยังควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วยหน้าจอสัมผัสอีกด้วย
หุ้นของ Fitbit เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากยื่นเอกสารไฟลิ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยตัวย่อ FIT ที่ราคาไอพีโอ 20 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ในชั่วโมงแรกของการซื้อขายราคาหุ้นบวกขึ้นไปถึงกว่า 31 ดอลลาร์ต่อหุ้น และปิดการซื้อขายวันแรกที่ 29.68 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 48.4% ทำให้มูลค่ากิจการของ Fitbit อยู่ที่ราว 4 พันล้านดอลลาร์
ซีอีโอ James Park ให้สัมภาษณ์ว่าเขาเชื่อว่าบริษัทสามารถแข่งขันได้ในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ แม้ตอนนี้จะมีคู่แข่งรายใหญ่ลงมาเล่นตลาดนี้กันมากขึ้น โดย Fitbit จะยังคงจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งคือเน้นว่าเป็นอุปกรณ์ตรวจจับการออกกำลังกาย
Fitbit ผู้ผลิตอุปกรณ์ติดตามสถานะการออกกำลังกาย เติบใหญ่ถึงขั้นเตรียมขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) แล้ว (ใช้ตัวย่อหุ้นว่า "FIT")
การยื่นเอกสารจดทะเบียนขายหุ้นทำให้ Fitbit เผยผลประกอบการทางการเงินสู่สาธารณะ เราจึงทราบว่าปี 2014 บริษัทมีรายได้ 745 ล้านดอลลาร์ และมีกำไร 132 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเติบโตจากปี 2013 ที่มีรายได้ 271 ล้านดอลลาร์ (โตประมาณ 3 เท่าตัว) และขาดทุน 52 ล้านดอลลาร์
Fitbit ยังเผยข้อมูลว่าปีที่แล้วบริษัทขายสินค้าได้ 10.9 ล้านชิ้น ถือว่ามีส่วนแบ่งเกินครึ่งของอุปกรณ์สายรัดข้อมือฟิตเนส (fitness band) คาดว่าบริษัทจะระดมทุนจากการขายหุ้นประมาณ 100 ล้านดอลลาร์
เมื่อปลายปีที่แล้ว Fitbit ได้เปิดตัวอุปกรณ์ของตนเอง ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้จะดูธรรมดาๆเหมือนเช่นเคย ถ้า Fitbit ไม่ได้ใส่เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งบอกว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ 5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และที่สำคัญคือ ยังคงขายราคาเท่าเดิมเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Fitbit Force ที่ซึ่งวางขายได้ไม่นานก็ต้องเรียกสินค้าคืนทั้งหมด เพราะผู้ใช้งานมีการแพ้เมื่อสวมใส่
ในงาน CES 2015 หลากหลายยี่ห้อก็ขนนาฬิกาอัจฉริยะของตัวเองมาเปิดตัวกันหลายหลายรุ่น แต่ยังมีอีกบริษัทหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมวงกับเขาด้วย นั่นก็คือ Fitbit ที่ได้เปิดตัว Fitbit Surge ไปเมื่อปีที่แล้ว โดยทาง CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท James Park ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Engadget โดยยืนยันว่าเขาไม่มีแผนที่จะทำนาฬิกาอัจฉริยะและเขาไม่ต้องการที่จะเคลือบสายรัดข้อมือของเขาด้วยคริสตัลจาก Swarovski โดยข้อมูลแบบเต็มๆ สามารถอ่านได้จากคลิปยาว 16 นาที ในที่มาครับ
จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาได้สักพัก ในที่สุดอุปกรณ์สวมใส่แบรนด์ Fitbit ทั้งหมดก็ถูกนำออกจาก Apple Store และ Apple Online Store ในวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ จึงเดาได้ว่าอุปกรณ์ Fitbit ใหม่ๆ อย่าง Charge, Charge HR และ Surge ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่มีจำหน่ายที่ Apple Store ในอนาคตอันใกล้เช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนจากทางฝั่งแอปเปิลหรือ Fitbit ก็ตามที แต่กรณีหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากคือก่อนหน้านี้ทาง Fitbit ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะยังไม่มีแผนการสนับสนุน HealthKit ของแอปเปิลในระยะเวลาอันใกล้ แต่ก็ยังจะติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอาจเปลี่ยนทิศทางในอนาคตหากมีความต้องการของลูกค้ามากพอ
Fitbit ออกอัพเดตแอพสำหรับ Windows Phone ครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 1-2 เดือน โดยสิ่งที่เพิ่มมาอย่างชัดเจนมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น การรองรับผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Cortana อย่างเป็นทางการ โดยการเพิ่มการรองรับ Cortana นั้นทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มกิจกรรมที่เพิ่งทำเสร็จ (เช่น ออกกำลังกาย, อาหารที่เราเพิ่งรับประทานไป)
หลังจากที่ หลุดภาพ มาทั้งหมด สามตลบ ไปแล้ว ในที่สุด Fitbit ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Fitbit Surge, Fitbit Charge และ Fitbit Charge HR อย่างเป็นทางการแล้ว
Fitbit Charge ถือเป็นรุ่นปรับปรุงจากตัว Fitbit Force ที่มีปัญหาเรื่องการระคายผิวต่อผู้ใช้ไปภายหลังจากที่เปิดขายไป โดย Fitbit Charge เป็นรุ่นที่พอร์ตความสามารถจาก Fitbit Force มาเต็ม ๆ ส่วนแบตเตอรี่อยู่ได้ 7 วันเท่าเดิมเช่นกัน