การนำข้อมูลขนาดใหญ่ย้ายขึ้นคลาวด์ยังเป็นอุปสรรคสำคัญของการเปลี่ยนมาใช้คลาวด์อยู่เสมอ บางครั้งการนำข้อมูลใส่ฮาร์ดดิสก์แล้วส่งไปยังศูนย์ข้อมูล อาจเร็วกว่าการอัพโหลดผ่านเครือข่ายด้วยซ้ำ
ในอดีตเราเคยเห็น อเมซอนเปิดตัว Snowball ฮาร์ดดิสก์พร้อมส่งไปรษณีย์สำหรับโหลดข้อมูลเข้า AWS และล่าสุดฝั่งกูเกิลก็ประกาศทำแบบเดียวกันกับ Google Cloud Platform
Google Cloud Platform (GCP) ออกมาคุยว่าบริการ Virtual Private Cloud (VPC) ของตัวเองเหนือกว่าคู่แข่ง ตรงที่กูเกิลมีลิงก์ตรงระหว่างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ
Virtual Private Cloud คือบริการที่องค์กรสามารถสร้างคลาวด์ส่วนตัว (private cloud) ที่ใช้ภายในองค์กรเองเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วรันอยู่บนคลาวด์สาธารณะ (public cloud) อีกทีหนึ่ง
ข้อจำกัดของ VPC คือเครื่องบนคลาวด์เดียวกัน แต่ตั้งอยู่คนละศูนย์ข้อมูลกัน จะต้องส่งทราฟฟิกผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (ผ่าน VPN ที่เข้ารหัสเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล) ส่งผลให้มีความยุ่งยากและซับซ้อนในการคอนฟิก รวมถึงการจัดการหมายเลขไอพีระหว่างศูนย์ข้อมูลด้วย
Nutanix ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์แบบ hyperconverge สำหรับองค์กร ประกาศความร่วมมือกับ Google Cloud Platform เพื่อเชื่อมโยงโลกไอทีระหว่างเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรกับคลาวด์เป็น hybrid cloud
ความร่วมมือนี้ประกอบด้วย
ซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ประกาศจะพัฒนาเสร็จพร้อมใช้งานในไตรมาสแรกของปี 2018
Google App Engine บริการคลาวด์แบบ PaaS ของกูเกิล ประกาศรองรับ Java 8 แล้ว ช่วยให้แอพพลิเคชันสาย Java สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Java 8 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ของ Google Cloud Client Library for Java (ที่เป็น Java 8 อยู่แล้ว) ได้ทุกฟีเจอร์ด้วย
กูเกิลบอกว่า Java 8 เป็นฟีเจอร์ที่ลูกค้า App Engine เรียกร้องเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ (อีกอันคือ Python 3 ที่ยังไม่มี) หลังจากรอกันมานาน ตอนนี้ App Engine ก็รองรับ Java 8 สักที (ยังมีสถานะเป็น Beta) โดยนักพัฒนายังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ standard environment เป็น Java 7 หรือ Java 8
จากที่เคยประกาศไว้เมื่อปลายปี และเริ่มให้บริการแบบไม่เป็นทางการ มาตั้งแต่เดือนเมษายน วันนี้ Google Cloud Platform ก็ประกาศเปิดบริการเขตสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ
ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของพื้นที่สิงคโปร์คือ asia-southeast1 ถือเป็นเขต (region) ที่สามของกูเกิลในเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยเขตสิงคโปร์จะมีโซน (zone) ให้บริการ 2 โซน เพื่อกระจายความเสี่ยงจากปัญหาต่างๆ
กูเกิลบอกว่าการเปิดศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ ช่วยให้ลดค่า latency ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลง 51-98% (วัด round-trip time) เมื่อเทียบกับการเรียกข้อมูลที่ไต้หวันหรือโตเกียว
Google Cloud ประกาศเพิ่มซีพียู Skylake ในสามโซน คือ Western US, Western Europe, และ East Asia Pacific (ไต้หวัน) ทำให้ได้เปรียบกับซอฟต์แวร์ที่เร่งความเร็วกับชุดคำสั่ง AVX-512 กูเกิลให้ซีพียูรุ่นใหม่เป็นโปรโมชั่นสองเดือนโดยไม่คิดราคาเพิ่ม แต่หลังจากช่วงโปรโมชั่น เครื่อง Skylake จะแพงกว่าเครื่องปกติ 6-10%
ขณะที่ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดก็อัพเกรดซีพียูตามรอบโดยมีซีพียู Broadwell ทุกศูนย์ และสามารถสร้างเครื่องขนาด 64 vCPU ได้ทั้งหมดแล้ว
กูเกิลเปิดตัว TPU (Tensor Processing Unit) ชิปสำหรับประมวลผล deep learning รุ่นที่สอง พัฒนาจากรุ่นแรกที่ใช้เพื่อการคำนวณผลลัพธ์จากเครือข่ายนิวรอนเป็นหลัก รุ่นใหม่นี้จะมีความสามารถในการฝึกเครือข่ายนิวรอน (inference) ได้ด้วย พร้อมกับเปิดบริการ Cloud TPU รุ่น Alpha (ต้องขอเข้าร่วมทดสอบ)
TPU แต่ละชุดจะมีพลังประมวลผล 180 TFLOPS กูเกิลออกแบบระบบเป็นตู้ (pod) แต่ละตู้มี TPU 64 ชุด รวมพลังประมวลผล 11.5 PFLOPS โค้ด TensorFlow สามารถรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยเปลี่ยนโค้ดเล็กน้อย
ก่อนงาน Google I/O 2017 จะเริ่มขึ้นในคืนวันนี้ กูเกิลชิงเปิดตัวบริการใหม่ Google Cloud IoT Core สำหรับบริหารจัดการอุปกรณ์ IoT ผ่านกลุ่มเมฆ Google Cloud Platform
Cloud IoT Core เป็นบริการบนคลาวด์ที่เอาไว้เชื่อมต่อพูดคุยกับอุปกรณ์ IoT โดยตรง ทำงานทั้งฝั่งการรับข้อมูลจาก IoT ไปประมวลผลต่อบนคลาวด์ และฝั่งนำคอนฟิกจากคลาวด์ส่งไปยัง IoT
Cloud IoT Core รองรับทั้งโพรโทคอล MQTT ที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรม และ Android Things ของกูเกิลเอง ในกรณีที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่เป็น Android Things เราสามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์นั้นจากคลาวด์ได้อัตโนมัติ
กูเกิลประกาศว่าฐานข้อมูล Cloud Spanner ภายใต้บริการ Google Cloud Platform เข้าสถานะตัวจริง (GA หรือ General Availability) แล้ว หลังจากทดสอบรุ่นเบต้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
Cloud Spanner คือระบบฐานข้อมูลที่กระจายตัวอยู่ทั้งโลก ไม่ใช่แค่ทำสำเนาไว้ในศูนย์ข้อมูลเพียงไม่กี่แห่งในภูมิภาคเดียวกันเท่านั้น เทคโนโลยีนี้พัฒนาจากงานวิจัยของกูเกิลในปี 2012 ที่พยายามแก้ปัญหาเรื่อง latency หรือเวลาหน่วงของข้อมูลที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก
ตลาดคลาวด์ในปัจจุบันค่อนข้างชัดแล้วว่าผู้นำตลาดคือ AWS ตามด้วย Azure และ Google Cloud Platform (GCP) แต่ส่วนแบ่งตลาดของแต่ละรายก็ไม่ชัดเท่าไรนัก
Michael Crandell ซีอีโอของบริษัท RightScale ที่ทำธุรกิจช่วยย้ายระบบองค์กรไปสู่คลาวด์ ให้ข้อมูลว่าลูกค้าของเขา 60% ใช้ AWS, 30% ใช้ Azure และประมาณ 10% เท่านั้นที่ใช้ GCP แม้ว่าในมุมมองของเขาแล้ว บริการของ GCP เรียบง่ายที่สุดและมีโครงสร้างต้นทุนดีที่สุดก็ตาม
Crandell มองว่า GCP ยังเจาะตลาดองค์กรได้ไม่ดีนัก ต้องหันมาเน้นงานขายให้จริงจังกว่านี้ และอาจต้องใช้วิธีซื้อกิจการบริษัทอื่นเพื่อขยายช่องทางการรุกเข้าตลาดองค์กร
Google Cloud Natural Language API ประกาศเพิ่มความสามารถ จากเดิมที่ใช้งานได้เฉพาะภาษาอังกฤษ, สเปน, และญี่ปุ่น ตอนนี้ภาษาเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก โดยภาษาแถบเอเชียที่รองรับเพิ่มคือจีนและเกาหลี ที่เหลือได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, และโปรตุเกส
นอกจากการรองรับภาษาเพิ่มเติม API เวอร์ชั่นใหม่ยังเพิ่มฟีเจอร์การวิเคราะห์อารมณ์ของภาษา (sentiment) เฉพาะส่วนของข้อความ จากเดิมที่การวิเคราะห์ข้อความที่มีอารมณ์ขัดแย้งอาจจะสับสน เช่น "โทรศัพท์เครื่องนี้ดีแต่แบตเตอรี่ไม่ทน" ในเวอร์ชั่นใหม่จะสามารถแยกอารมณ์ออกเป็นสองส่วน และบอกได้ว่าเมื่อพูดถึงโทรศัพท์จะเป็นด้านดี แต่พูดถึงแบตเตอรี่ในด้านแย่
Google ประกาศลดราคาบริการเรนเดอร์สื่อสำหรับนักออกแบบมืออาชีพ Zync ที่รันบนเซิร์ฟเวอร์ Google Cloud Platform สูงสุดถึง 31% รวมถึงยังเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้ Zync อีกด้วย
สำหรับบริการที่ Zync มีให้ใช้ ก็มีตั้งแต่ Autodesk Maya, Maxon Cinema 4D และ SideFX Houdini และเพิ่มการรองรับ Arnold Render สำหรับ Cinema 4D เข้ามาด้วย โดย Arnold ถือเป็นตัวเรนเดอร์ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ภาพยนตร์, โฆษณา, VR ไปจนถึงรายการโทรทัศน์
กูเกิลปรับสถานะของ Cloud Speech API บริการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความ จากเดิมที่เป็น open beta เข้าสู่รุ่นจริง general availability แล้ว
Cloud Speech API คือการนำเทคโนโลยีแยกแยะเสียงพูด (speech recognition) ที่กูเกิลใช้งานอยู่แล้วใน Google Now, Google Assistant, Google Search) มาเปิดให้คนภายนอกใช้งานแบบคิดเงินผ่านคลาวด์ ข้อดีของมันคือเป็นระบบแยกแยะเสียงพูดที่กูเกิลเทรนมาเรียบร้อยแล้ว พิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง แถมทำงานได้แม้มีเสียงรบกวนมาก รองรับทั้งการแปลงเสียงแบบเรียลไทม์ และแปลงไฟล์เสียงที่อัดมาก่อนแล้ว
Google Cloud Platform ประกาศจะเปิดศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้ก็มีรายงานว่าผู้ใช้ Google Cloud Platform เริ่มสร้างเซิร์ฟเวอร์ในโซน asia-southeast1 หรือสิงคโปร์ได้แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้โซนที่ใกล้ที่สุดคือไต้หวัน (asia-east1)
สิงคโปร์จะมี 2 โซนตามประกาศก่อนหน้านี้ เทียบกับไต้หวันที่มี 3 โซน
สำหรับบริการในไทย การเปิดเซิร์ฟเวอร์ที่สิงโปร์น่าจะให้ประสบการณ์กับผู้ใช้ในไทยได้ดีที่สุดเพราะ latency อยู่ในช่วงประมาณ 30ms แทบไม่ต่างจากเซิร์ฟเวอร์ในไทย
กูเกิลเนเธอร์แลนด์เปิดเผยโครงการใหม่ล่าสุด โดยทีมวิศวกรของกูเกิลที่นั่นระบุว่า เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน แต่ปัญหาใหญ่ก็คือสภาพอากาศ เพราะมีฝนตกเฉลี่ยถึง 145 วันต่อปี ซึ่งควรได้รับการแก้ไข
โครงการนี้มีชื่อว่า Google Wind เริ่มดำเนินการในวันที่ 1 เมษายนปีนี้ แนวคิดคือ ควบคุมสภาพอากาศด้วยกังหันลม โดยกูเกิลจะเชื่อมต่อกังหันลมที่มีอยู่ทั่วเนเธอร์แลนด์เข้าด้วยกัน และใช้การประมวลผลผ่าน Machine Learning บน Google Cloud ให้กังหันหมุนในทิศทางที่ควบคุมพัดพาเมฆบนท้องฟ้า จนได้สภาพอากาศที่ปลอดโปร่งในวันที่ต้องการ ก็ทำให้ฝนตกเฉลี่ยน้อยลง
แล้วเนเธอร์แลนด์ก็จะเป็นดินแดนที่ท้องฟ้าสดใส
ในงาน Google Cloud Next นั้น Google ได้ประกาศเพิ่มความสามารถด้านความปลอดภัยใหม่ให้กับ Google Cloud Platform และ G Suite หลายอย่าง ดังนี้
Identity-Aware Proxy (IAP) สำหรับ Google Cloud Platform (ตอนนี้อยู่ในช่วงเบต้า) ให้ผู้ใช้จัดการการเข้าถึงแอพพลิเชั่นที่รันบน Google Cloud Platform ทีละตัวได้โดยขึ้นกับความเสี่ยง แทนที่จะใช้แนวคิดแบบ all-or-nothing
แนวคิดบริการคลาวด์แบบ serverless ไม่ต้องเปิดเครื่องรันทิ้งไว้ ทำงานเมื่อถูกเรียกใช้งาน กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจาก AWS Lambda ที่เปิดมาก่อนเพื่อน
ฝั่ง Google Cloud Platform ก็ออกบริการแบบเดียวกันในชื่อ Cloud Functions ที่เปิดตัวครั้งแรกช่วงต้นปี 2016 โดยยังจำกัดวงทดสอบแบบอัลฟ่า
เวลาผ่านมา 1 ปี บริการก็เปิดให้คนทั่วไปทดสอบแบบ public beta แล้ว
ในงาน Google Cloud Next 2017 กูเกิลประกาศของใหม่ให้ Google Cloud Platform (GCP) หลายอย่าง ที่น่าสนใจมีดังนี้
ในงาน Google Cloud Next 2017 กูเกิลประกาศของใหม่ให้บริการคลาวด์ของตัวเองหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ App Engine บริการคลาวด์แบบ PaaS สำหรับรันแอพ
เดิมที App Engine รองรับการรันแอพเพียงไม่กี่ภาษาเท่านั้น โดยเริ่มจาก Python แล้วตามด้วย Java และ Go แต่ช่วงหลังก็รองรับภาษาโปรแกรมเพิ่มขึ้นหลายตัว เช่น PHP, Node.js, Ruby และ .NET Core (C#) รวมทั้งหมด 7 ภาษา
Google ได้อัพเดต Firebase บริการ backend ครบวงจรสำหรับนักพัฒนาแอพ โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ Google บอกว่าเป็นการทำให้ Firebase เข้าใกล้กับ Google Cloud Platform มากยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์แรกคือ Cloud Functions for Firebase บริการรันโค้ดบนโดยไม่ต้องเปิดเซิร์ฟเวอร์ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ได้เข้าสู่ public beta แล้ว และ Cloud Functions จะแชร์โครงสร้างพื้นฐานของ Firebase และ Cloud ทำให้สามารถใช้ฟังก์ชันหรือเข้าถึงทรัพยากรข้ามกันไปมาได้
ถัดไปคือ Firebase Storage เปลี่ยนชื่อเป็น Cloud Storage for Firebase และขยายความสามารถจากเดิมที่สามารถเก็บไว้ที่ bucket หนึ่งในสหรัฐฯ ให้เก็บไว้ที่ bucket ของ Cloud Storage ที่ไหนก็ได้ในโลก
กูเกิลเคยเปิดบริการ Cloud Vision API ลูกค้าสามารถส่งไฟล์ภาพขึ้นคลาวด์ แล้วให้ AI ของกูเกิลแยกแยะกลับมาให้ว่าในภาพมีวัตถุอะไรบ้าง
ปีนี้ระบบของกูเกิลพัฒนาไปอีกขั้น เพราะมันสามารถแยกแยะวัตถุในวิดีโอได้แล้ว ภายใต้ชื่อว่า Cloud Video Intelligence API
หลักการของ Cloud Video Intelligence API ก็เหมือนกันคือใช้เอนจินเรียนรู้ deep-learning ของตัวเอง TensorFlow แล้วให้ฝึกเรียนรู้จากวิดีโอบน YouTube ตอนนี้มันเก่งพอที่จะแยกแยะเนื้อหาในวิดีโอได้แล้ว จากภาพตัวอย่างที่กูเกิลนำมาโชว์ มันสามารถแยกแยะได้ว่าในวิดีโอมี "เสือ" และถ้าค้นด้วยคำว่า Tiger เราก็จะได้คำตอบกลับมาเป็นช่วงเวลาทั้งหมดในวิดีโอที่มีเสืออยู่ในภาพ
กูเกิลประกาศความร่วมมือกับ SAP ในงาน Google Cloud Next 2017 หลายอย่าง ความร่วมมือหลักคือบริการคลาวด์ Google Cloud Platform (GCP) ได้รับการรับรอง (certified) ให้รันฐานข้อมูล SAP HANA อย่างเป็นทางการ โดยรองรับทั้งกรณีลูกค้ามีไลเซนส์แล้วนำมารันบน GCP และรุ่น Express Edition สำหรับนักพัฒนา
ส่วนอื่นในข้อตกลง เน้นการเชื่อมต่อกันระหว่างบริการของกูเกิลกับ SAP
กูเกิลประกาศซื้อ Kaggle ชุมชนคนทำงานด้าน data science ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะนำเข้าไปอยู่ในทีม Google Cloud
Kaggle เป็นเว็บไซต์ที่เปิดในปี 2010 ประกอบด้วยเว็บบอร์ด ประกาศหางาน ชุดข้อมูลที่นำไปใช้ต่อได้ เป็นแหล่งให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมาแลกเปลี่ยนโมเดล จัดการแข่งขันด้านวิเคราะห์ข้อมูลและ machine learning ระหว่างกัน ปัจจุบัน Kaggle มีสมาชิกเป็นคนทำงานด้านนี้หลักแสนคน
หลังการขายกิจการให้กูเกิลแล้ว Kaggle จะยังให้บริการตามปกติ ทางบริษัทระบุว่าการผนวกเอาชุมชน data scientist ที่ใหญ่ที่สุด กับบริการคลาวด์ด้าน machine learning รายใหญ่ที่สุด จะส่งผลให้ Kaggle ไปต่ออีกได้ไกล
ในอดีต เราอวดกันว่าคอมพิวเตอร์ของเราใช้ซีพียูรุ่นล่าสุดที่แรงกว่าใคร พอมาถึงในยุคสมัยของคลาวด์ที่เปลี่ยนจากการซื้อเครื่องมาเป็นการเช่าเวลา พฤติกรรมนี้อาจยังคงอยู่เหมือนเดิม
Google Cloud Platform ออกมาประกาศว่าเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ "รายแรก" ที่ใช้ Intel Xeon รุ่นล่าสุดบนสถาปัตยกรรม Skylake (Xeon v5 ตอนนี้ยังเปิดตัวเฉพาะรุ่น E3 แต่กูเกิลจะใช้รุ่นที่สูงกว่าที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้) ช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด และฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างชุดคำสั่ง Intel Advanced Vector Extensions (AVX-512) ประมวลผลข้อมูลทศนิยมขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น
Google Cloud เปิดตัวบริการ GPU ให้ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งการ์ด Tesla K80 เข้ากับเครื่องใดก็ได้ที่ต้องการ โดยเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องสามารถติดการ์ดได้ 8 ใบ
การ์ดแต่ละใบเป็น NVIDIA K80 มาพร้อมกับ CUDA core ทั้งหมด 2,496 คอร์ และแรม 12GB ราคาชั่วโมงละ 0.7 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ และ 0.77 ดอลลาร์ในยุโรปและเอเชีย
บริการเช่นนี้ตรงกับบริการ Elastic GPU ของ AWS ที่เปิดตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่จนตอนนี้ยังอยู่ในสถานะเบต้าวงปิด ส่วนกูเกิลเปิดเป็นเบต้าแบบเปิดให้ทุกคนใช้งานแล้ว