กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Google Maps ขณะนำทาง โดยจะแจ้งเตือนปัญหาสภาพจราจร (traffic alert) เพื่อให้เราสามารถเลี่ยงเส้นทางได้
เดิมที Google Maps แสดงสภาพการจราจรได้อยู่แล้ว แต่ไม่แจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานทราบ ต้องกดดูแผนที่กันเอง แต่ของใหม่จะมีข้อความแจ้งเตือนโผล่มาด้านล่างของหน้าจอ โดยให้รายละเอียดว่าข้างหน้ารถติดหรือเกิดอุบัติเหตุ บอกระยะเวลาคร่าวๆ ที่จะต้องรอเพื่อผ่านรถติด และเส้นทางอื่นที่เป็นไปได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ขับขี่ด้วย
กูเกิลไม่ได้ระบุชัดว่า Google Maps ในประเทศไหนบ้างจะได้ฟีเจอร์นี้ครับ
ที่มา - Google Lat Long
ระยะหลังเราเห็นปัญหา Google Maps ที่เกิดจากการเปิดให้ผู้ใช้แก้ไขข้อมูลเองหลายครั้ง ตัวอย่างคือ Edward Snow Den โผล่ที่ "ทำเนียบขาว" และ พบหุ่นเขียวปัสสาวะใส่โลโก้ Apple ที่อาจดูเป็นเรื่องเล่นตลกที่ผิดที่ผิดทางไปบ้าง
แต่ปัญหาใหม่ล่าสุดของ Google Maps ร้ายแรงกว่านั้น เพราะมีคนไปค้นพบว่าถ้าค้นหาสถานที่ด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดคนผิวสี (เช่น nigga/nigger ที่มาจากคำว่า nigro) แล้วใส่คำว่า house เข้าไปด้วย ผลลัพธ์จะกลายเป็น "ทำเนียบขาว" ซึ่งหมายถึงการเหยียดผิวต่อประธานาธิบดีโอบามา
จากกรณี Edward Snow Den โผล่ที่ "ทำเนียบขาว" และ พบหุ่นเขียวปัสสาวะใส่โลโก้ Apple กูเกิลยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการสแปม Google Maps และบอกว่าจะหาวิธีแก้ไขต่อไป
ล่าสุดกูเกิลออกมาชี้แจงว่าปัญหาภาพหุ่นเขียวปัสสาวะ เกิดจากสมาชิกในชุมชนผู้ใช้โปรแกรม Map Maker ที่ได้รับการยอมรับในผลงาน เกิดอยากเล่นตลกกับแผนที่ขึ้นมาซะอย่างนั้น กูเกิลจึงตัดสินใจปิดระบบการตรวจสอบข้อมูลแผนที่โดยชุมชนชั่วคราว และใช้พนักงานของกูเกิลตรวจสอบแทนทั้งหมด
จากกรณี Edward Snow Den โผล่ที่ "ทำเนียบขาว" และ พบหุ่นเขียวปัสสาวะใส่โลโก้ Apple ส่งผลให้กูเกิลถูกวิจารณ์ในเรื่องระบบข้อมูลของ Google Maps
โฆษกของกูเกิลออกมายอมรับว่าระบบของ Google Maps ยังมีช่องโหว่ในส่วนที่ให้ผู้ใช้แก้ไขข้อมูลเองได้ กูเกิลจะพัฒนามาตรการใหม่ๆ ในการป้องกันการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดลักษณะนี้ ปัจจุบันกูเกิลใช้มาตรการหลายอย่างร่วมกัน ทั้งการดูแลโดยชุมชน การแจ้งปัญหาของผู้ใช้ และอัลกอริทึมอัตโนมัติ
ที่มา - TechCrunch
มีผู้ใช้รายหนึ่งบนเว็บไซต์ Hacker News ตาดีไปพบหุ่นแอนดรอยด์สีเขียวกำลังปัสสาวะใส่โลโก้ Apple บน Google Maps ซะงั้น โดยตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในประเทศปากีสถาน ปรากฏเฉพาะมุมมองแผนที่เท่านั้น เมื่อเปลี่ยนเป็นมุมมองดาวเทียมจะไม่เห็น
โฆษกของกูเกิลได้บอกกับเว็บไซต์ Mashable ว่ารูปดังกล่าวเกิดจากการสร้างด้วยเครื่องมือ Map Maker ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเพิ่มข้อมูลลง Google Maps ได้ ซึ่งแม้จะมีระบบการตรวจสอบการแก้ไขแผนที่แล้ว บางครั้งก็อาจมีการหลุดรอดไปได้บ้าง ขณะนี้กูเกิลกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่
ถ้าลองค้นคำว่า "edwards snow den" ใน Google Maps จะพบข้อมูลที่น่าตกใจว่าพิกัดไปโผล่อยู่ใน "ทำเนียบขาว" ของสหรัฐอเมริกา
แน่นอนว่า Edward Snowden ไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาวจริงๆ หรือกูเกิลจงใจเปลี่ยนพิกัดประท้วงรัฐบาลสหรัฐ แต่มีใครสักคนใช้วิธีเพิ่มข้อมูลธุรกิจของตัวเองลงใน Google Maps โดยผ่านระบบตรวจสอบของกูเกิล และย้ายพิกัดของร้าน "Edwards Snow Den" (ชื่อสะกดไม่เหมือนกัน) ที่บอกว่าเป็นร้านขายสโนว์บอร์ด ไปยังทำเนียบขาวได้สำเร็จ
คาดว่ากูเกิลคงลบข้อมูลพิกัดออกในเร็วๆ นี้ ตอนที่เขียนข่าวนี้ข้อมูลยังปรากฏอยู่ ใครอยากดูก็รีบๆ เข้านะครับ
เหมือนจะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว เมื่อทุก ๆ ปีในช่วง April Fools' Day เราจะพบกับกิจกรรมแปลก ๆ ที่จัดขึ้นบน Google Maps เมื่อปีก่อนมีการจับโปเกมอนทั่วโลกกันมาแล้ว
ในปีนี้ก็มีเกมให้เราเล่นอีกเช่นเคย นั้นคือเกม Pac-man เชื่อว่าทุกคนคงเคยเห็นหน้าตามาแล้วแน่ ๆ
วิธีเล่น คือ เข้าไปที่หน้าเว็บของ Google Maps ที่มุมล่างซ้ายจะมีรูป Pac-man ให้เราสามารถกดเข้าไปเล่นได้เลย
ใครลองเล่นบ้างแล้วก็มาอวดคะแนนกันได้นะครับ
เพิ่มเติมจากคุณ i2ans ครับ :: ในเกม Ingress ก็หน้าตาเปลี่ยนเป็น Pac-man เช่นกัน
หลัง Google Maps ปรับปรุงเป็นเวอร์ชันใหม่ในปี 2014 ก็ทำฟีเจอร์ของเวอร์ชันเก่าหายไปหลายอย่าง ฟีเจอร์หนึ่งที่หายไปคือการสร้างแผนที่ของตัวเอง ซึ่งถูกย้ายไปอยู่ในแอพอีกตัวคือ Maps Engine Lite (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น My Maps แทน)
การแยกบางฟีเจอร์ออกไปมีผลเสียคือใช้งานยาก และหลายคนอาจไม่รู้ว่าต้องใช้แอพแยก ทำให้ล่าสุดกูเกิลค่อยๆ ผนวกฟีเจอร์ของ My Maps กลับเข้ามาใน Google Maps โดยเริ่มจากการให้ Google Maps สามารถดูแผนที่จาก My Maps ได้แล้ว (ถ้าจะแก้ไขแผนที่ยังต้องทำผ่าน My Maps) ช่วยให้คนที่สร้างแผนที่ของตัวเองไว้เวลาไปเที่ยว สามารถดูแผนที่เส้นทางขับรถหรือสถานที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก
กูเกิลออก Google Places API ให้นักพัฒนาบน Android และ iOS สามารถเข้าถึงข้อมูลสถานที่ในระบบของกูเกิล แล้วแปลงไป-กลับจากพิกัดได้ง่าย
นักพัฒนาแอพสามารถฝัง Place Picker เพื่อให้ผู้ใช้แอพเลือกสถานที่ที่ตัวเองอยู่ในขณะนั้นได้เลย (ไม่ต้องเขียนเอง) นอกจากนี้ยังมีระบบ Autocomplete ช่วยเดาชื่อสถานที่ได้แบบเดียวกับ Google Search, รายละเอียดของสถานที่นั้น เช่น หมายเลขโทรศัพท์ แบบเดียวกับที่แสดงบน Google Maps
ก่อนหน้านี้กูเกิลเคยมี Places API แต่รองรับเฉพาะการเรียกผ่านเว็บเซอร์วิส และเรียกผ่านจาวาสคริปต์เท่านั้น ตอนนี้ขยายมายัง Android/iOS เพื่อให้ใช้กับแอพมือถือได้ง่ายขึ้น (สถานะของ Android เป็นรุ่นจริงแล้ว, iOS ยังเป็นเบต้า)
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม (เมื่อวาน) ที่ผ่านมาทางกูเกิลได้ทำการอัพเดตแอพ Google Maps เวอร์ชัน 4.4.0 สำหรับ iOS โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ดังนี้
ที่มา: BGR
เมื่อวานนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว (8 ก.พ. 2005) กูเกิลเปิดตัว Google Maps ระบบแผนที่บนเว็บเบราว์เซอร์ ที่มาพร้อมจุดเด่นคือแผนที่แบบ AJAX สามารถเลื่อนหรือซูมแผนที่ได้โดยไม่ต้อง reload หน้าเว็บใหม่ ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากบริการแผนที่แบบเดิมๆ ในเวลานั้น (เช่น MapQuest)
ต้นกำเนิดของ Google Maps เกิดจากการซื้อบริษัทชื่อ Where 2 ในปี 2004 จากนั้นก็ซื้อบริษัทแผนที่ดาวเทียม Keyhole ในปี 2005 (ซอฟต์แวร์ Keyhole กลายร่างเป็น Google Earth) และปิดท้ายด้วยบริษัทข้อมูลจราจรออนไลน์ ZipDash เทคโนโลยีของทั้งสามรายรวมกันเป็น Google Maps
กูเกิลประกาศว่าจะหยุดการสนับสนุนบริการแผนที่สำหรับองค์กรบางตัวในปีหน้า ดังนี้
บริษัทแนะนำให้ลูกค้าองค์กรไปใช้ Maps API จากบริการ Google Maps for Work แทนครับ
Google Maps สำหรับ Android กำลังขยับสู่รุ่น 9.3 ซึ่งจะมีฟีเจอร์สำคัญคือผู้ใช้สามารถแบ่งปันข้อมูลเส้นทางการเดินทางผ่านทางแอพอื่นได้แล้ว
ด้วยฟีเจอร์ที่ว่านี้จะทำให้การบอกเส้นทางให้เพื่อนผ่าน SMS, แอพสนทนา หรือโพสต์บอกผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็จะสามารถทำได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือแม้แต่จะเก็บข้อมูลเส้นทางไว้เพื่ออ่านภายหลังก็ได้เช่นกัน โดยการแบ่งปันข้อมูลเส้นทางนี้จะเป็นการจัดเก็บ/ส่งข้อมูลในลักษณะข้อความอธิบายขั้นตอนการเดินทาง พร้อมลิงก์เพื่อเปิดดูเส้นทางบนเว็บ Google Maps (ไม่ใช่ไฟล์ภาพแผนที่ หรือข้อมูลพิกัดตำแหน่งของระบบ GPS)
Google จะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ Android สามารถอัพเดต Google Maps รุ่น 9.3 ในอีกไม่ช้า
Google Maps เริ่มแสดงแผนที่ภายในอาคารในประเทศไทยแล้ว จากการตรวจสอบในกรุงเทพคร่าวๆ พบว่าอาคารที่มีแผนที่ภายในอาคารล้วนเป็นห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, เทอร์มินอล 21 ฯลฯ
ส่วนในต่างจังหวัดพบในห้างฯ เช่นกันคือที่เดอะมอลล์ โคราช และเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาครับ
อย่างไรก็ตามข้อมูลแผนที่ที่ออกมาในปัจจุบันยังมีจุดผิดพลาดอีกมาก แต่คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในไม่ช้าครับ
ที่มา - พบด้วยตนเอง
เกิลเพิ่มเอกสารอีกประเภทเข้ามาในบัญชี Google Drive คือแผนที่ My Maps ที่เราเคยสร้างผ่านแอพ Google My Maps (ชื่อเดิมคือ Maps Engine Lite ซึ่งใช้สร้างแผนที่แบบปรับแต่งเองบน Google Maps)
เดิมทีแผนที่ในระบบ My Maps ถูกเก็บแยกต่างหาก แต่คราวนี้กูเกิลผนวกรวมข้อมูลในบัญชี My Maps ของเรามารวมไว้ใน Google Drive เพื่อให้เข้าถึงได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
ที่มา - Google Lat Long
Google Maps สำหรับ Android มีการปรับปรุงเล็กน้อย โดยเพิ่มการแสดงข้อมูลทั่วไปของสถานที่ที่ผู้ใช้ค้นหาใน Google Maps พร้อมแสดงข้อมูลสภาพอากาศของพื้นที่ดังกล่าวในเวลานั้นด้วย
การแสดงข้อมูลทั่วไปนั้นจะคล้ายคลึงกับการแสดงผลการค้นหาผ่านเว็บ โดยจะดึงเอาข้อมูลจาก Wikipedia มาแสดงผล เป็นต้นว่าอธิบายว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตเมืองหรือประเทศอะไร มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่บริเวณไหน ขนาดพื้นที่หรือจำนวนประชากรมีเท่าใด ส่วนข้อมูลสภาพอากาศนั้นจะใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่งร่วมกัน อันได้แก่ The Weather Channel, Weather Underground และ AccuWeather
เมื่อวานนี้ภาพยนต์ The Mocking Jay part 1 ฉายวันแรกทางกูเกิลก็ปล่อย Google Maps แสดงอาณาเขตของแต่ละเขตการปกครอง (district) ออกมา
แผนที่เป็นไปตามนิยายคือ Panem นั้นตั้งอยู่บริเวณสหรัฐฯ และแคนาดา ตัว The Capitol นั้นตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาร็อกกี ส่วนเขต 13 นั้นตั้งออกไปไกลที่สุด
ใครอยากไปเที่ยวเขตไหนก็วางแผนกันได้ครับ
ที่มา - +Google Maps
Google Maps สำหรับ Android และ iOS เริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้งานส่วนติดต่อผู้ใช้งานใหม่ตามแนวทาง Material Design เหมือนกับแอพตัวอื่นๆ ของ Google ที่เปลี่ยนมาก่อนหน้า โดยตัวแอพ Google Maps ในแบบ Material Design นั้นมาในโทนสีน้ำเงิน ผู้ใช้สามารถกดแผ่นข้อมูลสถานที่บริเวณด้านล่างของหน้าจอก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลรีวิวและรูปภาพของสถานที่นั้นได้ทันที
Google เพิ่มชุดภาพถ่าย Street View ของทะเลทราย Liwa และโอเอซิสชื่อเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Google ตัดสินใจสำรวจพื้นที่ดังกล่าวด้วยเหตุผลที่ว่า ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ด้วยเป็นพื้นที่ดั้งเดิมในการตั้งรกรากของผู้คนในแถบอาหรับมาตั้งแต่สมัยปลายยุคหิน ส่วนโอเอซิส Liwa ที่ตั้งอยู่ภายในทะเลทรายแห่งนี้ ก็ถือเป็นโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ
Google ได้เล่าเบื้องหลังการเก็บภาพถ่ายกลางทะเลทรายชุดนี้ว่าได้มาจากการติดตั้งกล้อง Trekker ไว้บนหลังอูฐเดินฝ่ากลางทะเลทรายนั่นเอง
หนึ่งในภาพที่สะท้อนสังคมอีกแง่มุมหนึ่งของบราซิลได้ดี คือภาพของชุมชนแออัดที่ทอดตัวไล่ตามพื้นที่ไหล่เขาเขตชานเมืองใหญ่ โดยคำที่ใช้เรียกชุมชนลักษณะนี้ในบราซิลก็คือ "favela" ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาจกล่าวได้ว่า favela เป็นเมืองขนาดย่อมที่แปลกแยกออกจากโลกภายนอก ด้วยความที่มีผู้คนอาศัยรวมตัวกันหนาแน่น ทั้งยังมีความซับซ้อนของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ดังกล่าว จนพื้นที่บางส่วนกลายเป็นแหล่งเพาะบ่มปัญหาอาชญากรรม
Google Maps เพิ่มฟังก์ชันระบบนำทางให้กับแผนที่ในอีก 19 ประเทศ อันได้แก่ แองโกลา, บาฮามาส, โบลิเวีย, บอสซาวานา, ฟิจิ, เกียนา, ฮอนดูรัส, จาไมกา, มาดากัสการ์, มาลาวี, มาลี, มอลตา, มอริเชียส, โมซัมบิค, นามิเบีย, เนปาล, ศรีลังกา, แทนซาเนีย และ ตรินิแดดแอนด์โตบาโก
เท่ากับว่าตอนนี้ระบบนำทางของ Google Maps สามารถใช้งานได้แล้วใน 96 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
ที่มา - +Google Maps
Google ได้เพิ่มชุดภาพถ่ายชุดใหม่สำหรับการมองแบบ Street View ซึ่งจะพาผู้ใช้ไปสำรวจหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ นั่นคือมหาพีระมิดแห่งกีซา รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอื่นที่โดดเด่นในด้านอารยธรรมอียิปต์โบราณ
เมื่อปีก่อน กูเกิลเปิดให้บุคคลภายนอกมาช่วยเพิ่มข้อมูลของ Google Street View ด้วยการให้ยืม Trekker กล้องถ่าย 360 องศาแบบสะพายหลังสำหรับถ่ายภาพนอกสถานที่ และวันนี้กูเกิลเปิดตัวอุปกรณ์แบบเดียวกันสำหรับทำแผนที่ภายในอาคารแล้วในชื่อ Cartographer
Cartographer เป็นเป้สะพายหลังที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสำหรับระบุตำแหน่งภายในอาคาร (SLAM) ซึ่งทำงานร่วมกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์ ให้ผู้ใช้สามารถแตะที่แท็บเล็ตเมื่อเดินไปถึงจุดที่น่าสนใจ เพื่อเพิ่มเข้าไปในแผนที่ได้
พร้อมกับการเปลี่ยนแนวทางไปสู่แอพแนะนำสถานที่ของ Foursquare กูเกิลก็ปล่อยฟีเจอร์ใหม่บน Google Maps ออกมาชนจังๆ ด้วยการเริ่มแนะนำสถานที่น่าสนใจรอบๆ ตัวในขณะนั้น แทนของเดิมที่เน้นการนำทางมากกว่า
ฟีเจอร์ใหม่นี้เรียกว่า Explore ซึ่งจะแนะนำสถานที่น่าสนใจ แบ่งตามช่วงเวลา (เช้า เที่ยง บ่าย เย็น ค่ำ เป็นต้น) แบ่งตามระยะทางจากตำแหน่งล่าสุด รวมถึงจัดหมวดหมู่เอาไว้ให้เรียบร้อยว่าเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ เป็นต้น
Explore จะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้บน iOS และ Android ได้ใช้ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยผู้ใช้ Android จะพิเศษกว่าตรงที่สามารถแก้ไขรายละเอียดของสถานที่ดังกล่าวเพื่อให้ข้อมูลถูกต้องมากขึ้นอีกด้วย
ฟีเจอร์การวัดระยะทางเคยมีอยู่ใน Labs ของ Google Maps เวอร์ชันเก่า แต่เมื่อกูเกิลเปลี่ยนเวอร์ชัน Google Maps เป็นของใหม่ ฟีเจอร์นี้ก็หายสาบสูญไป
วันนี้มันกลับมาแล้วใน Google Maps เวอร์ชันเว็บครับ วิธีใช้งานแค่คลิกขวาบนแผนที่ เลือก Measure Distance แล้วคลิกจุดมุ่งหมายเพื่อวัดระยะทางระหว่างจุดได้เลย ถ้าไม่พอใจยังสามารถลากจุดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งได้ด้วย
ที่มา - +Google Maps