ทีมพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ของไมโครซอฟท์ ออกมาประกาศชัดเจนผ่านบล็อก IE ว่าใน Windows 10 for phones รุ่นจริง จะเหลือเบราว์เซอร์เพียงตัวเดียวคือ Project Spartan ส่วน Internet Explorer จะถูกตัดออกไป
ตอนนี้ใน Windows 10 for phones build 10051 รุ่นทดสอบล่าสุด ไมโครซอฟท์ให้เบราว์เซอร์มาสองตัวคือ IE และ Spartan เนื่องจาก Spartan ยังไม่เสถียรมากนัก และใส่เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้และนักพัฒนาทดสอบเท่านั้น
ส่วนกรณีของ Windows 10 สำหรับพีซี ไมโครซอฟท์เคยประกาศมาก่อนแล้วว่าจะให้เบราว์เซอร์มาทั้งสองตัว
อ้างอิงข่าวเก่า ไมโครซอฟท์อธิบายความต่างของเอนจิน IE11 กับ Spartan แผนเดิมของไมโครซอฟท์คือ Spartan จะมีเอนจินแสดงผลสองตัว EdgeHTML ของใหม่ และ MSHTML ของเดิม ส่วน IE ก็จะมีเอนจินทั้งสองตัวเช่นกัน
วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศปรับนโยบายนี้ให้เรียบง่ายกว่าเดิม โดยจะแยกกันชัดเจนว่า Spartan จะมีเอนจิน EdgeHTML เพียงตัวเดียว ส่วน IE11 จะมีเอนจิน MSHTML รุ่นเก่าเพียงตัวเดียวเช่นกัน
จากข่าวไมโครซอฟท์เตรียมใช้แบรนด์ใหม่แทน Internet Explorer สำหรับเบราว์เซอร์ใน Project Spartan ซึ่งแม้ตอนนี้จะยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการออกมา โดยบอกใบ้แค่อาจนำคำว่าไมโครซอฟท์ไปใส่หน้าชื่อ ล่าสุดบ่อนการพนันในออสเตรเลียได้เปิดให้ทายผลชื่อที่ไมโครซอฟท์จะเลือกใช้แล้ว
โดยชื่อที่มีอัตราเดิมพันต่ำที่สุด (แปลว่าทางบ่อนคาดว่าโอกาสถูกเลือกสูง) ก็คือชื่อ Spartan ในอัตรา 1:7.5 รองลงมาคือ Bing 1:11 และ Windowscape 1:16
ส่วนกลุ่มที่อัตราเดิมพันสูงมาก ก็เต็มไปด้วยชื่อที่คงไม่น่าจะถูกเลือกอาทิ Dora the Internet Explorer หรือ Google II ครับ
ปัญหาแบรนด์ Internet Explorer มีภาพลักษณ์ไม่ดีนักในบรรดาเบราว์เซอร์ แม้ไมโครซอฟท์จะปรับปรุงมันไปอย่างมากแล้วในช่วงหลัง ทำให้ไมโครซอฟท์เตรียมสร้างแบรนด์ใหม่ให้กับ Project Spartan จากก่อนหน้านี้ที่เคยพิจารณาจะใช้ชื่อเป็น Internet Explorer Edge
Internet Explorer เดิมจะอยู่ใน Windows 10 ต่อไปโดยมีเป้าหมายหลักคือลูกค้ากลุ่มองค์กร และติดตั้งมากับวินโดวส์แค่บางรุ่นเท่านั้น
ข่าวนี้มาจาก Chris Capossela หัวหน้าฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์เอง โดยเขายังรายงานถึงงานวิจัยแบรนด์ระบุว่า ผู้บริโภคชอบแบรนด์มากขึ้นเมื่อนำชื่อไมโครซอฟท์ไปใส่หน้าชื่อ
ไม่ใช่ว่าออกมาเป็น "Microsoft Windows Live Browser Ultimate Edition" นะครับ
จากข่าว ไมโครซอฟท์ยอมรับ ช่องโหว่ FREAK มีผลกับวินโดวส์ด้วย กระทบวินโดวส์ทุกรุ่น วันนี้แพตช์มาแล้วครับ
แพตช์ตัวนี้หมายเลข MS15-018 ชื่อที่แสดงให้ผู้ใช้เห็นคือ Cumulative Security Update for Internet Explorer (3032359) ความรุนแรงระดับ critical ครอบคลุม IE ทุกรุ่นตั้งแต่ IE6-IE11
ผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Mac OS X และ iOS จากค่ายแอปเปิล มักจะยืนยันถึงความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการของตนที่เหนือชั้นกว่าระบบปฏิบัติการ Windows และ Android อยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่จากข้อมูลล่าสุดที่ปรากฏดูเหมือนจะทำให้ผู้ใช้กลุ่มนี้เสียหน้ากันไปไม่น้อย
เมื่อวานนี้ (17 กุมภาพันธ์) ไมโครซอฟท์ประกาศออกมาว่า Internet Explorer รุ่นที่อยู่ใน Windows 10 Technical Preview ได้รองรับมาตรฐาน HSTS หรือ HTTP Strict Transport Security ที่ใช้บังคับให้เบราว์เซอร์ให้เชื่อมต่อกับเว็บไซต์แบบเข้ารหัสเสมอแล้ว
Jacob Rossi วิศวกรอาวุโสในทีม IE เขียนเล่าเบื้องหลังการสร้างเบราว์เซอร์ Project Spartan และเอนจินแสดงผล EdgeHTML ลงเว็บไซต์ Smashing Magazine มีใจความสำคัญดังนี้
ไมโครซอฟท์อธิบายความแตกต่างของเบราว์เซอร์ 2 ตัวบน Windows 10 คือ IE11 และ Project Spartan ดังนี้
เว็บไซต์ CNBeta ปล่อยภาพหน้าจอโหมดเดสก์ท็อป Windows 10 ซึ่งแสดงถึงทาสก์บาร์ (taskbar) รูปแบบใหม่ และเบราว์เซอร์ Spartan ที่มีภาพหลุดไปเมื่อวาน
จากภาพ (ดูได้ที่ท้ายข่าว) จะเห็นว่าทาสก์บาร์มีพื้นหลังเป็นสีดำ เริ่มจากปุ่ม Start, ช่อง "Ask me everything" (เข้าใจว่าเข้าถึง Cortana), Task View, ไอคอนแอพที่ถูกปักหมุดไว้หรือเปิดใช้งานอยู่, notification center, สถานะแบตเตอรี่, สถานะลำโพง และนาฬิกากับวันที่ ตามลำดับ
เว็บไซต์ Neowin ผู้เผยภาพและข้อมูลเบราว์เซอร์โค้ดเนม Spartan บน Windows 10 ตอบคำถามเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ตัวใหม่ตามข้อมูลที่ได้มา ดังนี้
ยังไม่ปรากฏว่า Spartan รองรับส่วนเสริม (extension) แบบ Chrome และ Firefox ตามข่าวลือก่อนหน้านี้ แต่เชื่อว่าเบราว์เซอร์ใหม่นี้จะรองรับส่วนเสริม
ZDNet รายงานข่าวลือว่าไมโครซอฟท์กำลังสร้างเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่ โดยใช้โค้ดเนมว่า "Spartan" และมันอาจไม่ใช่ IE 12
ตามข่าวบอกว่า Spartan จะมีหน้าตาคล้ายกับ Chrome/Firefox มากขึ้น โดยมันยังใช้เอนจินแสดงผล Trident และเอนจินจาวาสคริปต์ Chakra (แบบเดียวกับ IE) แต่เบราว์เซอร์จะมีขนาดเบา (lightweight) ใช้ได้กับทั้งเดสก์ท็อปและอุปกรณ์พกพา และรองรับส่วนขยายแบบเดียวกับ Chrome/Firefox อีกด้วย
แหล่งข่าวของ ZDNet ยังบอกว่า Windows 10 จะมีเบราว์เซอร์สองตัวคือ IE 11 และ Spartan โดยจะเก็บ IE 11 ไว้สำหรับแสดงผลเว็บเก่าๆ ที่เน้นความเข้ากันได้
ที่มา - ZDNet
จากกรณี POODLE ช่องโหว่ร้ายแรงใน SSL 3.0 เบราว์เซอร์หลายยี่ห้อเริ่มอัพเดตปิดการใช้งาน SSL 3.0 กันบ้างแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุดมาจากทีม IE ครับ
ไมโครซอฟท์เคยประกาศว่าจะปิด SSL 3.0 บน IE ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 แต่ระหว่างนี้ไมโครซอฟท์ออกแพตช์แก้ IE11 ให้สามารถเลือกปิดการทำงานของโหมด SSL 3.0 fallback (กลับไปใช้ SSL 3.0 อัตโนมัติ หากเว็บไซต์ไม่มีการเชื่อมต่อที่ใหม่กว่าอย่าง TLS) ได้เองก่อน
แพตช์ตัวนี้หมายเลข KB3008923 ออกแล้ว (ชื่อเต็มคือ December 2014 Internet Explorer Cumulative Update) หน่วยงานไหนที่ใช้ IE กับเว็บไซต์ในองค์กรที่อาจมีปัญหา SSL เก่าเกินไปก็สามารถอัพเดตแพตช์เพื่อไปทดสอบกันได้เลย
ไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจที่จะย้ายฟอรั่มถามตอบการพัฒนาเว็บบน Internet Explorer จากที่เคยอยู่ที่ฟอรั่ม MSDN ของไมโครซอฟท์เองไปใช้เว็บถามตอบปัญหาสำหรับโปรแกรมเมอร์อย่าง Stack Overflow แทน
ไมโครซอฟท์เริ่มเปิดบริการ Remote.IE ให้นักพัฒนาสามารถทดสอบเบราว์เซอร์รุ่นล่าสุดที่ไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาโดยไม่ต้องติดตั้งหรือดาวน์โหลดอิมเมจมารันเอง แต่เชื่อมต่อเข้าไปยัง Azure เพื่อทดสอบหน้าเว็บได้ทันที
เบราว์เซอร์ที่รันบน RemoteIE จะเหมือนของจริงทุกประการ ยกเว้น WebGL ที่จะใช้ซอฟต์แวร์ไม่มีฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วเหมือนที่เราใช้งานบนเครื่องจริง ส่วนการเรียกใช้สามารถเรียกใช้ผ่าน RemoteApp ที่รันได้จากทั้ง วินโดวส์, แมค, iOS, และแอนดรอยด์
ใช้งานได้ครั้งละ 60 นาที และจะถูกตัดการเชื่อมต่อเมื่อหยุดใช้งานไปแล้วสิบนาที หากคนใช้งานมากอาจจะต้องรอคนอื่นใช้งานเสร็จ แต่ไม่มีกำหนดว่าจะเข้าใช้งานได้กี่รอบ
Net Applications ได้เปิดเผยสถิติส่วนแบ่งอินเทอร์เน็ตในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปีนี้ (เฉพาะเดสก์ทอป) แยกโดยรวมทุกเบราว์เซอร์จะได้ดังนี้
ถ้าแยกส่วนแบ่งในแต่ละเบราว์เซอร์ IE คงจะดูน่าสนใจที่สุด เนื่องจากตอนนี้ IE11 มีส่วนแบ่ง 24.05% สามารถแซง IE8 ที่มีส่วนแบ่ง 17.31% มาเป็นเบราว์เซอร์ที่มีคนนิยมมากที่สุดในโลกได้แล้ว
เทคโนโลยี WebRTC คือการสร้างโพรโทคอลสื่อสารแบบเรียลไทม์ผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอิน เทคโนโลยีนี้ถูกผลักดันโดยกูเกิล และปัจจุบันใช้งานได้บน Chrome, Firefox, Opera
ท่าทีของไมโครซอฟท์ต่อ WebRTC พยายามหลีกเลี่ยงการสนับสนุนตรงๆ มาโดยตลอด (ข่าวเก่า) แต่ล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศว่าเตรียมพัฒนา IE ให้รองรับ WebRTC แล้ว
ใน Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคมนี้ ไมโครซอฟท์อัพเดต Internet Explorer 11 เล็กน้อยในด้านการค้นหาข้อมูล ดังนี้
สำหรับผู้ใช้หรือนักพัฒนาหลายคน อาจจะรู้จักช่องทางของไมโครซอฟท์ที่เรียกว่า "Dev Feedback" ที่เอาไว้แนะนำไอเดียหรือคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ควรมีในซอฟต์แวร์รุ่นถัดไป (เป็นระบบแบบกระทู้) ซึ่งก็มีสำหรับหลากหลายผลิตภัณฑ์ แต่ในส่วนของ Internet Explorer นั้น ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ที่มีนักพัฒนาหรือผู้ใช้นิรนามคนหนึ่ง โพสต์ข้อความในระบบว่า ขอให้ทางไมโครซอฟท์หยุดพัฒนา Internet Explorer เสีย
เว็บไซต์ Neowin อ้างว่าได้เห็น Internet Explorer 12 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาแล้ว รายละเอียดมีดังนี้
ทีม Internet Explorer ของไมโครซอฟท์เปิดตอบทุกคำถามผ่าน Reddit AMA มีสิ่งที่น่าสนใจ ดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มเติมเรื่องที่ Internet Explorer จะเริ่มบล็อค ActiveX คอนโทรลรุ่นเก่า (out-of-date) ตั้งแต่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า บริษัทตัดสินใจเลื่อนการเปิดฟีเจอร์นี้ไปเริ่มทำงานวันที่ 9 ก.ย. (Patch Tuesday รอบเดือนกันยายน) แทน ตามฟีดแบ็คจากลูกค้า
ไมโครซอฟท์ยังย้ำว่า ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้จาก Group Policy ตั้งแต่ 12 ส.ค. เป็นต้นมา หากติดตั้งอัพเดตล่าสุดแล้ว
ที่มา: IEBlog
เว็บไซต์รีวิวฮาร์ดแวร์ชื่อดัง AnandTech ได้ทำการนำเอาเว็บเบราว์เซอร์หลัก ๆ ในตลาดมาทดสอบโดยการติดตั้งลงบนโน้ตบุ๊ก Dell XPS 15 ที่รันวินโดวส์ 8.1 64 บิต แล้วทำการจำลองการใช้เว็บเบราว์เซอร์แต่ละตัวด้วยซอฟต์แวร์ทดสอบอัตโนมัติที่เขียนขึ้นเอง เพื่อหาว่าจะใช้เวลากี่นาทีก่อนที่แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 7%
สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นเหยื่อการทดสอบครั้งก็มีดังนี้ครับ
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า ตั้งแต่ 12 ส.ค. เป็นต้นไป Internet Explorer จะเริ่มบล็อค ActiveX คอนโทรลรุ่นเก่า (out-of-date) ไม่ให้ทำงานตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
หลักการทำงาน คือ IE8-IE11 บน Windows 7 SP1 และ IE บนโหมดเดสก์ท็อป บน Windows 8 หรือสูงกว่า จะตรวจสอบ ActiveX คอนโทรลที่จะถูกโหลดขึ้นมากับไฟล์รายชื่อที่บริษัทสร้างขึ้นและถูกดาวน์โหลดไปเก็บไว้ในเครื่องไคลเอนท์โดยอัตโนมัติ
สำหรับใครที่ใช้ Java รุ่นเก่าดังต่อไปนี้ เบราว์เซอร์จะทำการบล็อคโดยอัตโนมัติ (รายชื่อทั้งหมดดูได้จากที่นี่)
ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศนโยบายเลิกสนับสนุน IE รุ่นเก่าบนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันต่างๆ โดยจะมีผลในวันที่ 12 มกราคม 2016 หรืออีกประมาณ 1 ปีครึ่งนับจากนี้
หลังจากวันที่ 12 มกราคม 2016 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะสนับสนุนเฉพาะ IE รุ่นล่าสุดบนระบบปฏิบัติการแต่ละตัวเท่านั้น (ซึ่งต่างกันไปตามแต่ละระบบปฏิบัติการ) ได้แก่