Amazon แจ้งฟีเจอร์ใหม่ของ Kindle ที่จะออกอัพเดตภายในปีนี้ นั่นคือการ "ยืม" หนังสือระหว่างผู้ใช้ Kindle ด้วยกัน โดยหนังสือหนึ่งเล่มสามารถยืมได้ 14 วัน ระหว่างนั้นเจ้าของหนังสือจะไม่สามารถอ่านหนังสือของตัวเองได้
ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องให้สำนักพิมพ์ (หรือเจ้าของลิขสิทธิ์) เป็นคนเลือกว่าหนังสือเล่มใดสามารถยืมได้ (คู่แข่งอย่าง Nook มีฟีเจอร์ยืมหนังสือมาก่อนแล้ว)
นอกจากนี้ Amazon ยังประกาศว่าลูกค้า Kindle ที่บอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร สามารถนำไปอ่านบนโปรแกรม Kindle บนอุปกรณ์อื่นๆ ได้ในไม่ช้า
ในแวดวงสิ่งพิมพ์นั้นมี "ช่องว่าง" ของงานเขียนขนาดกลาง ความยาวระหว่าง 10,000-30,000 คำ (ประมาณ 30-90 หน้า) เพราะเป็นงานเขียนที่ยาวเกินกว่าจะเป็นบทความในนิตยสาร แต่ก็สั้นเกินกว่าจะรวมเล่มเป็นหนังสือ ทางออกของเจ้าของเรื่องเหล่านี้มักเป็นการรวมงานหลายๆ ชิ้นเข้าเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องยืดความยาวออกไปให้พอดีกับจำนวนหน้าของหนังสือ ส่งผลให้บางทีคุณภาพของงานแย่ลง (เพราะยืดนั่นเอง)
Amazon เห็นช่องว่างในตลาดนี้ จึงประกาศ "Kindle Singles" สำหรับขายเรื่องขนาดสั้นเป็นเรื่องๆ โดยไม่ต้องรวมเล่ม Kindle Singles จะเป็นหมวดใหม่ใน Kindle Store แยกจากหนังสือโดยเฉพาะ และขาย-เปิดให้ดาวน์โหลดเหมือนอีบุ๊กอื่นๆ บน Kindle Store
สำหรับการรีวิวครั้งนี้ผมขอข้ามรายละเอียดทั่วไปนะครับ เพราะเกรงว่าจะทำให้คนอ่านเบื่อเพราะมีรีวิวออกมาสองชิ้นแล้ว (ของคุณ pittaya และของคุณ zybernav) เอาเป็นเขียนแนวอารมณ์ที่ได้ใช้งานว่ารู้สึกยังไงมากกว่า ไม่รอช้าเข้าเรื่องเลยดีกว่า
Kindle DX Graphite (ที่ในนี้หลังจากนี้ของเรียกย่อว่า Kindle DXG จะได้ดูไม่รกยาวไป) เปิดกล่องมาก็เป็นเช่นนี้ล่ะครับลองดูเทียบขนาดกับ Kindle 3 ดูบ้าง
เทียบกับขนาด Artbook ทั่วไป
Amazon ส่งเสริมการขายหนังสือบน Kindle Store ยิ่งๆ ขึ้น โดยออกแคมเปญ Kindle for the Web
Kindle for the Web คือการแปะโค้ด embed บนเว็บไซต์ทั่วไป แต่แทนที่จะเป็นโฆษณาหรือวิดีโอที่เราคุ้นเคยกัน กลับเป็นตัวอย่างหนังสือจาก Kindle Store แทน โดยหนังสือจะมีให้ทดลองอ่านฟรีเฉพาะบทแรกเท่านั้น ดูตัวอย่างท้ายข่าว
สำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกที่อยากหารายได้ ทาง Amazon ยังรวม Kindle for the Web เข้ากับโครงการ affiliate ที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าใครกดเข้าไปซื้อหนังสือผ่านตัวอย่างที่เราแปะเอาไว้ เราก็ได้ส่วนแบ่งจาก Amazon เช่นกัน
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสจับเจ้า Kindle 3rd gen ตัวเป็น ๆ หลังจากที่ได้ยินกิตติศัพท์มาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วครับ
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสจับแบบเต็ม ๆ และถ่ายรูป Kindle 3rd gen ตัวนี้ ได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ปรากฏรีวิวฉบับเต็ม เป็นที่เรียบร้อย entry นี้ก็เลยเป็นการจับมามองเป็นบางมุม และเปรียบเทียบกับ BeBook mini 5 ที่ผมตัดสินใจเป็นเจ้าของก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน
ในที่สุด Kindle ก็มี paid app ตัวแรกแล้ว มันคือเกมต่อคำ Scrabble นั่นเอง
เกมนี้พัฒนาโดย EA และเป็นเกมที่ใช้ชื่อ Scrabble อย่างเป็นทางการ ขายในราคา 4.99 ดอลลาร์ ทางเว็บไซต์ Wired ได้ลองเล่นแล้วพบว่าเกมออกแบบมาเหมาะกับระบบควบคุมของ Kindle เป็นอย่างดี และน่าจะเป็นเกมฮิตได้ไม่ยาก เพราะฐานแฟนๆ ของเกม Scrabble กับฐานลูกค้า Kindle มีส่วนซ้อนทับกันอยู่มาก
ส่วนข้อเสียของ Scrabble for Kindle คือเล่นได้คนเดียว ไม่มีระบบมัลติเพลเยอร์กับผู้เล่นคนอื่น ดังนั้นถ้าอยากเล่นสองคน มีวิธีเดียวคือต้องผลัดกันเล่นเท่านั้น
ที่มา - Wired
ในช่วงหลังนี้ สงครามในตลาด E-Book เริ่มดุเดือด ตั้งแต่ที่ Apple เปิดตัว iPad, B&N ลดราคา Nook จนเจ้าตลาดเดิมอย่าง Amazon ต้องออกมาตอบโต้ โดยหั่นราคา Kindle 2 ของตัวเองมาสู้ และเดือนที่ผ่านมาก็ได้เปิดตัว Kindle รุ่นใหม่ ที่ใครๆ ก็เรียกกันว่า “Kindle 3” ยกเว้นแต่ Amazon เองที่เรียกว่า “Kindle Latest Generation” ในที่นี้ขอเรียกสั้นๆ ตามที่ส่วนใหญ่เค้าเรียกกันว่า Kindle 3
สองยักษ์แห่งวงการอีบุ๊กเริ่มปะทะกันแล้ว เมื่อ Amazon ออกโฆษณาสำหรับ Kindle โดยแสดงให้เห็นแท็บเล็ตหน้าตาคุ้นหน้าคุ้นตาอันหนึ่ง ที่อ่านกลางแสงแดดจ้าๆ ไม่ดีเท่ากับ Kindle ที่ใช้จอ E Ink
ข่าวจบสั้นๆ แค่นี้ ที่เหลือดูวิดีโอโฆษณากันเอาเองครับ
ที่มา - CrunchGear
Amazon เริ่มส่งมอบเครื่อง Kindle 3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พร้อมระบุว่าเป็น Kindle รุ่นที่ขายดีที่สุด โดยตั้งแต่ช่วงที่เปิดตัว Kindle กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดบน amazon.com และ amazon.co.uk ชนิดว่าขายดีกว่าสินค้าชนิดอื่นๆ รวมกันเสียอีก อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่เปิดเผยยอดขายเป็นตัวเลขว่าขายได้แล้วเท่าไร
สำหรับ Kindle รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว (จะขอเรียกว่า Kindle 3 เพื่อความง่ายในการอ้างอิงนะครับ) แม้ว่าตัวเครื่องจะยังไม่ส่งมอบ แต่ทางเว็บไซต์ Kindle Chronicle ได้เยี่ยมสำนักงานของ Amazon และพบปะกับผู้บริหารของทีม Kindle ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
Amazon เปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (ตัวหนังสือ ไม่ใช่ตัว Kindle) เป็นครั้งแรก
Ian Freed หัวหน้าฝ่าย Kindle ของ Amazon ให้สัมภาษณ์กับ CNET ดังนี้
อเมซอนได้ออกมาประกาศ Kindle รุ่นใหม่แล้ว โดยรุ่นนี้จะใช้ชื่อวางขายเหลือแค่เพียง Kindle แทนการใช้ชื่อรุ่นย่อย (จากเมื่อก่อนที่มี Kindle 2, Kindle DX) โดย Kindle รุ่นใหม่นี้จะออกวางขายในวันที่ 27 สิงหาคมปีนี้
ตัวเครื่อง Kindle ใหม่นี้จะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม 21% และเบากว่าเดิม 15% เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ในขณะที่หน้าจอ E Ink นั้นจะสามารถรีเฟรชหน้าจอได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 20% และจะมีเครื่องให้เลือกสองสีระหว่างสีดำและสีขาว
Stieg Larsson นักเขียนนวนิยายเจ้าของผลงานชุด Millennium Trilogy กลายเป็นนักเขียนคนแรกที่สามารถขายหนังสือเวอร์ชัน Kindle ได้เกิน 1 ล้านเล่ม ซึ่งทาง Amazon มอบตำแหน่งสมาชิกคนแรกของ "Kindle Million Club" ให้เป็นที่ระลึก
หนังสือทั้งสามเล่มในชุดได้แก่ The Girl With the Dragon Tattoo, The Girl Who Played with Fire และ The Girl Who Kicked the Hornet's Nest
น่าเสียดายว่า Larsson ไม่มีโอกาสรับรู้ผลงานครั้งนี้ เพราะเขาเสียชีวิตในปี 2004 หลังเขียนต้นฉบับของหนังสือทั้งสามเล่มเสร็จไม่นาน
ที่มา - Amazon
นี่อาจเป็นข่าวประวัติศาสตร์ของทั้งวงการสิ่งพิมพ์ และวงการ e-book
Amazon ผู้ขายหนังสือรายใหญ่ของโลก ประกาศว่ายอดขายหนังสือในรอบ 3 เดือนล่าสุด พบว่าสามารถขายหนังสือเวอร์ชัน Kindle เทียบกับหนังสือปกแข็ง (hardcover) ได้ในอัตราส่วน 143:100 เล่ม และอัตราส่วนนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยรอบ 4 สัปดาห์ล่าสุดกลายเป็น 180:100 เรียบร้อยแล้ว ตัวเลขนี้ไม่รวมหนังสือฟรีบน Kindle นะครับ
ปัจจุบัน Amazon มีหนังสือขายบน Kindle ประมาณ 630,000 เรื่อง ส่วนหนังสือฉบับกระดาษมีมากกว่าเยอะ (เป็นหลักล้าน)
Amazon ได้รับสิทธิบัตร "เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบจอคู่" เรียบร้อยแล้ว
สิทธิบัตรชิ้นนี้ Amazon ยื่นจดกับทางสำนักสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2006 และเพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อเร็วๆ นี้
Amazon เลือกจดสิทธิบัตรชิ้นนี้เฉพาะในสหรัฐ ซึ่งทำให้ไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดของสิทธิบัตรต่อสาธารณะ (อันนี้ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน) จึงเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็น Kindle จอคู่ เพราะดูไม่ใช่การจดสิทธิบัตรเพื่อกันไว้ก่อนเสียแล้ว
เว็บไซต์ Engadget บอกว่าเนื้อหาแบบคร่าวๆ ของสิทธิบัตร อาจทำให้ Nook ซึ่งมีสองจอ มีความเสี่ยงจะโดน Amazon ฟ้องข้อหาละเมิดสิทธิบัตรได้ด้วย
จากรายงานของ Dr. Jakob Neilsen แห่ง Neilsen Norman Group บริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าได้พบจากการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้รักการอ่านหนังสือ 24 คน สามารถอ่านหนังสือได้บนกระดาษจริงเร็วกว่าอ่านหนังสือจาก Tablet อย่าง iPad และ Kindle 2 โดยพบว่าการอ่านหนังสือบนอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์นั้นช้ากว่าประมาณ 10.7 เปอร์เซ็นต์
แต่ที่น่าสนใจคือจากผลการศึกษานั้น ผู้อ่านกลุ่มตัวอย่างสามารถอ่านหนังสือบน iPad ได้เร็วกว่าบน Kindle 2 แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความต่างนี้เล็กจนไม่สามารถที่จะสรุปอะไรได้ตามหลักสถิติ ผู้ใช้ไม่ควรจะเปลี่ยนใจจากการซื้อ Kindle 2 มาซื้อ iPad ด้วยเหตุผลนี้
เมื่อ Barnes & Noble เริ่มต้นสงครามราคาไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกอย่างก็ดูจะหยุดไม่ได้แล้วหลังจากที่อเมซอนตัดราคา Kindle 2 ลงมาสู้หลังการลดราคา NOOK ไม่กี่ชั่วโมง วันนี้อเมซอนก็ทำราคาอีกครั้งด้วยการลดราคา Kindle DX ลงมาอีก 110 ดอลลาร์ เหลือ 379 ดอลลาร์หรือประมาณ 12,000 บาท
นอกจากลดราคาแล้ว Kindle DX ยังอัพเกรดเล็กน้อยด้วยการใส่ e-Ink รุ่นปรับปรุงที่อ่านได้ง่ายขึ้นและคอนทราสสูงขึ้น 50% ภายนอกนั้นเปลี่ยนเป็นสีกราไฟต์แทนสีขาวเดิม
หวังว่าของจีนจะลดราคาลงเหลือ 79-99 ดอลลาร์ในเร็ววัน
ที่มา - ArsTecnica
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและประธานของ Amazon ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune มีใจความคร่าวๆ ดังนี้
Amazon ส่ง Kindle for Android ตัวจริง โดยถือเป็นโปรแกรม Kindle บนมือถือแพลตฟอร์มที่สาม ต่อจาก iPhone/iPad และ BlackBerry
ฟีเจอร์ก็ตามมาตรฐาน Kindle ทั่วไปคือดาวน์โหลดหนังสือ อ่านหนังสือ และ sync ตำแหน่งที่อ่านบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับ Kindle ได้
ใช้กับ Android 1.6 ขึ้นไปครับ เท่าที่ดูยังไม่มีฟีเจอร์ audio-video แบบรุ่น iPhone ที่เพิ่งอัพเดตไป
ที่มา - Amazon
Amazon อัพเดตโปรแกรม Kindle App บน iPhone, iPod touch และ iPad โดยรุ่นใหม่รองรับหนังสือมัลติมีเดีย ที่ฝังไฟล์เสียง-วิดีโอไว้ในเล่มได้
ตัวอย่างหนังสือที่รองรับฟีเจอร์นี้ได้แก่ Rose's Heavenly Cakes หนังสือสอนทำเค้กที่เพิ่มวิดีโอสาธิตตอนลงมือทำไว้ด้วย และ Bird Songs ซึ่งมีไฟล์เสียงเพลงที่กล่าวถึงในหนังสือ
นอกจากนี้ Kindle for iPhone รุ่นใหม่ เพิ่มการรองรับจอ Retina Display ของ iPhone 4 ด้วย
อีกสักพัก Kindle App รุ่นบนพีซีและแมคน่าจะได้ความสามารถนี้เช่นกัน แต่น่าสนใจว่าเครื่อง Kindle ต้นฉบับจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้หรือไม่
ที่มา - Amazon
ปล่อยให้คู่แข่ง Barnes & Noble หั่นราคา NOOK ลงเหลือ 149 ดอลลาร์ ยังไม่ทันไร ฝั่ง Amazon ก็ตอบโต้โดยการหั่นราคาของ Kindle ลงมาสู้เช่นกัน
Amazon ลดราคา Kindle ลงมาอีก 70 ดอลลาร์ ตอนนี้ขายอยู่ 189 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,000 บาทเท่านั้น แม้เทียบกับ NOOK รุ่น Wi-Fi 149 ดอลลาร์แล้วจะแพงกว่า แต่ Kindle รุ่นนี้รวม 3G ที่ดาวน์โหลดหนังสือได้จากทุกที่ ในขณะที่ NOOK รุ่น 3G ขายอยู่ที่ 199 ดอลลาร์
ที่มา - Business Insider
สงครามราคา e-Book เริ่มแล้ว หลังจากที่ B&N ประกาศลดราคา Nook ลง Amazon ตัดสินใจเกทับประกาศหั่นราคาตาม โดย Kindle 2 Global จากเดิม 259 ดอลลาร์ลงมา 70 ดอลลาร์เหลือ 189 ดอลลาร์ โดยราคาต่ำกว่า Nook รุ่นที่เป็น 3G+Wi-Fi อยู่ 10 ดอลลาร์
สมุดโน้ต Moleskine จากประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงโด่งดังในแง่สเน่ห์และความลุ่มลึก และนิยมใช้ในหมู่นักเขียนรวมถึงปัญญาชนชื่อดังทั่วโลก ส่วน Kindle คงไม่ต้องอธิบายกันยาวว่ามันคือการปฏิวัติวงการหนังสือโดย Amazon ร้านขายหนังสือรายใหญ่
ล่าสุด Moleskine จับมือกับ Amazon ออก "ปกหนังสือ" ให้กับ Kindle แล้ว หน้าตายังคงอารมณ์ของ Moleskin ทุกประการ แต่ออกแบบมาให้พอดีกับขนาดของ Kindle แถมมีสมุดโน้ตเล็กๆ แถมมาให้ในชุด
ราคาชุดละ 39.99 ดอลลาร์ ใครมี Kindle อยู่แล้วก็ไปซื้อหากันได้ที่ Amazon
แม้ว่าอเมซอนได้ออกมาพูดว่า Kindle จอสีคงต้องรอกันอีกนาน แต่ดูเหมือนว่าคนที่รอซื้อ Kindle รุ่นที่ดีกว่ารุ่นปัจจุบันคงไม่ต้องรอกันนานแล้ว เพราะล่าสุด Bloomberg อ้างว่าจะมี Kindle รุ่นที่บางกว่าเดิมวางขายในเดือนสิงหาคมนี้
โดยรุ่นบางกว่าเดิมนี้จะมีหน้าจอที่คมกริบกว่าเดิม และสามารถตอบสนองได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ส่วนเรื่องราคา หน้าตา กับหน้าจอสัมผัสได้นั้นยังไม่มีใครทราบข้อมูลแต่อย่างใด
ที่มา - Engadget
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ตอบคำถามในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า การทำ Kindle จอสีนั้นยากมาก ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยี E-Ink ดังนั้นผู้ใช้ต้องรอกันอีกนาน
Bezos บอกว่าเขาเห็นจอ E-Ink แบบสีในห้องแล็บแล้ว แต่มันยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้เขายังบอกว่าผลิตภัณฑ์ในสาย Amazon Web Services มีศักยภาพที่จะเติบโต สร้างรายได้เทียบเท่าฝ่ายค้าปลีกของ Amazon เลยทีเดียว
ที่มา - AP