Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม รายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิป Wi-Fi และบลูทูธ ที่แอปเปิลออกแบบพัฒนาเอง ซึ่งเคยมีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าชิปนี้มีโค้ดเนมเรียกภายในว่า Proxima จะเริ่มใช้กับ iPhone 17, Apple TV และ HomePod mini ที่ขายในปีหน้า 2025 เป็นสินค้ากลุ่มแรกก่อน แล้วขยายไปที่ iPad กับ Mac ในปี 2026
รายงานนี้จึงทำให้ได้ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมว่าแอปเปิลจะออก Apple TV และ HomePod mini รุ่นใหม่ในปีหน้าด้วย (ส่วน iPhone 17 ไม่ต้องเดาก็รู้)
Mark Gurman แห่ง Bloomberg มีรายงานเพิ่มเติมจากข่าวชิปโมเด็ม 5G ที่แอปเปิลพัฒนาขึ้นเอง จะเริ่มใช้กับ iPhone SE ในปีหน้า โดยบอกว่าเมื่อแอปเปิลมีเทคโนโลยีนี้ของตนเอง ทำให้บริษัทกำลังศึกษาแนวทางนำชิปเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ไปใส่ในฮาร์ดแวร์อื่นที่ไม่เคยมีฟีเจอร์เชื่อมต่อเครือข่าย 5G มาก่อนเพิ่มเติม
สินค้าหลักที่แอปเปิลสนใจเพิ่มการเชื่อมต่อ 5G เข้าไปก็คือ Mac ซึ่งแม้การที่แล็ปท็อปจะต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะไม่ใช่ของใหม่ในอุตสาหกรรม แต่สำหรับ Mac นั้นเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามถ้ามี Mac ต่อ 5G ได้จริง เร็วที่สุดก็น่าจะเป็นปี 2026 ตามแผนการออกชิปโมเด็มรุ่นถัดมาที่จะใช้กับ iPhone 18 ด้วย
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานความก้าวหน้าของการพัฒนาชิปโมเด็ม 5G ของแอปเปิล โดยชิปมีความพร้อมในการใช้งานและได้แก้ไขปัญหาสำคัญที่เคยพบก่อนหน้านี้แล้ว ชิปจะผลิตโดย TSMC เช่นเคย สินค้าแรกที่จะใช้ชิป 5G ออกแบบเองคือ iPhone SE 4 ที่คาดว่าจะเริ่มขายต้นปีหน้า
หลังจากนั้นสินค้าถัดไปที่จะใช้ชิปโมเด็มของแอปเปิลคือ iPad รุ่น Entry-level ตัวใหม่ และ iPhone 17 รุ่นเครื่องบางที่เรียกว่า iPhone Air
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าใหม่แอปเปิลสายซัพพลายเชน รายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านชิป Wi-Fi ในอุปกรณ์ต่าง ๆ จากปัจจุบันที่ใช้ชิปจาก Broadcom มาเป็นชิปที่แอปเปิลพัฒนาออกแบบขึ้นเอง คาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2025
iPhone 17 คือสินค้าที่ Kuo บอกว่าแอปเปิลจะใช้ชิป Wi-Fi และบลูทูธของแอปเปิลเองเป็นตัวแรก ชิปจะผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 7 นาโนเมตร รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 7
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On โดยคราวนี้ว่าด้วยแผนพัฒนาชิปโมเด็มของแอปเปิล
ประเด็นนี้เคยมีรายงาน ว่าแอปเปิลตั้งทีมเพื่อพัฒนาชิปโมเด็มเอง นำโดย Johny Srouji หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชิป มาตั้งแต่ปี 2018 เป็นผลต่อเนื่องจากการมีคดีฟ้องร้องกับ Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปโมเด็มให้แอปเปิล ทำให้บริษัทพยายามลดการพึ่งพาลง
Qualcomm เปิดตัวชิปสื่อสาร 2 รุ่นใหม่ในงาน MWC 2024
จากข่าวก่อนหน้าที่ Qualcomm ประกาศต่อสัญญาจัดส่งชิปโมเด็ม 5G ให้กับแอปเปิลต่อไปอีก 3 ปี ทำให้ความพยายามของแอปเปิลที่จะยกเลิกการพึ่งพาชิปโมเด็มของ Qualcomm ยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ แม้จะมีข่าวว่าแอปเปิลตั้งทีมพัฒนาชิปโมเด็มภายในมาหลายปี
Qualcomm เปิดตัวชิปโมเด็มรุ่นใหม่ Snapdragon X75 Modem-RF Systems ที่ชูจุดขายว่าเตรียมรองรับมาตรฐาน 5G Advanced เวอร์ชันใหม่ของการเชื่อมต่อ 5G
มาตรฐาน 5G Advanced มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ 3GPP Release 18 มีกำหนดออกสเปกสุดท้ายในช่วงไตรมาส 4/2023 โดยเพิ่มฟีเจอร์ระดับสูงเข้ามาจาก 5G ปัจจุบัน เช่น การใช้ machine-learning เข้ามาช่วยเรื่องการส่งข้อมูล
นอกจากการรองรับ 5G Advanced แล้ว โมเด็ม X75 ยังปรับสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ระหว่างตัวโมเด็ม-เสาอากาศใหม่ ช่วยให้การรับส่งคลื่น mmWave sub-6GHz ทำได้ดีขึ้น ขนาดบอร์ดเล็กลง 25% และใช้พลังงานลดลงสูงสุด 20%
Snapdragon X75 จะเริ่มใช้งานกับสมาร์ทโฟนที่วางขายในครึ่งหลังของปี 2023 เป็นต้นไป
Bloomberg รายงานว่า Apple กำลังเปิดรับวิศวกรมาร่วมงานที่สำนักงานในเมือง Irvine ตอนใต้ของ LA เพื่อพัฒนาชิปสื่อสารและรับส่งสัญญาณวิทยุ สัญญาณไร้สายภายในอุปกรณ์ของตัวเองทั้งหมด แทนที่ชิปที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่สั่งจาก Broadcom และ Skyworks
ปีที่แล้วก็มีรายงานว่า Apple กำลังพัฒนาชิป Modem ของตัวเอง เพื่อใช้แทนชิป Qualcomm หลังจากประสบความสำเร็จพัฒนาชิปสื่อสารของตัวเองไปแล้วบางส่วน นอกจากชิป M1 อันลือลั่นก็มีชิป U1 สำหรับระบุระยะห่างระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้ใน AirTags และ H1 ที่มาช่วยเรื่องการเชื่อมต่อบลูทูธ
บริษัทความปลอดภัย Check Point Security ออกมาเผยข้อมูลช่องโหว่ชิปโมเด็ม Qualcomm Mobile Station Modem (MSM) ที่กระทบสมาร์ทโฟน Android เป็นจำนวนมาก
ชิป MSM ถูกรันด้วยระบบปฏิบัติการ QuRT (Qualcomm real-time OS) ฝังใน TrustZone แยกต่างหากจาก Android ทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงไม่ได้ แต่ทีมวิจัยของ Check Point ไปเจอช่องโหว่ที่โปรโตคอลส่งข้อมูล QMI ที่ใช้ส่งข้อมูลกันระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ในโมเด็ม
Bloomberg รายงานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาชิปโมเด็ม 5G ของตัวเอง เพื่อใช้แทนชิปของ Qualcomm ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดย Johny Srouji กล่าวกับพนักงานในงานภายในว่าเริ่มพัฒนาชิปเครือข่ายตัวแรกของบริษัทแล้ว
ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะแอปเปิลเพิ่งซื้อธุรกิจชิปโมเด็มจากอินเทลในปี 2019 ได้พนักงานประมาณ 2,220 คนไปทำงาน พร้อมทั้งสิทธิบัตรและเครื่องจักรต่างๆ ช่วยลดระยะเวลาของแอปเปิล ไม่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์
Mediatek เปิดตัวชิปโมเด็ม 5G รุ่น MediaTek T700 ที่เซ็นสัญญาสร้างกับ Intel เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ชิปจะรองรับทั้ง 4G LTE และ 5G แบบ dual-mode (stand alone, non-standalone) ในย่านความถี่ต่ำกว่า 6GHz และใช้ซ็อคเก็ต M2 ในโน้ตบุ๊ก
เราเห็น Qualcomm ออกชิปโมเด็ม 5G มาสักระยะแล้วคือ Snapdragon X50 ชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่รองรับ 5G ตามด้วย Snapdragon X55 รุ่นอัพเกรด
วันนี้ Qualcomm ออกชิปโมเด็มรุ่นที่สามคือ Snapdragon X60 ที่ขยายการรองรับ 5G ให้ครอบคลุมคลื่นความถี่หลากหลาย (mmWave, sub-6 GHz, low-band), รูปแบบการสื่อสาร (FDD/TDD) และวิธีการติดตั้งเครือข่าย (SA และ NSA)
การที่เครือข่ายยุค 5G ใช้ความถี่หลากหลายย่าน ทำให้โอเปอเรเตอร์จำเป็นต้องผสมการใช้คลื่นเข้าด้วยกัน (เช่น 5G บนความถี่ LTE เดิม) ซึ่งโมเด็ม Snapdragon X60 ก็รองรับการผสมคลื่นในลักษณะนี้ (เช่น 5G FDD-TDD carrier aggregation) ช่วยให้รองรับความเร็วสูงสุดได้ดีกว่าเดิม
เมื่อกลางปีนี้ เราเห็นข่าวอินเทลขายธุรกิจชิปโมเด็มให้แอปเปิล ด้วยมูลค่าราว 1,000 ล้านดอลลาร์ กรณีของแอปเปิลนั้นชัดเจนว่าต้องการสร้างชิปโมเด็ม 5G ของตัวเอง แทนการพึ่งพา Qualcomm ที่เป็นคดีความกัน
แต่ในฝั่งของอินเทลก็เกิดคำถามว่า อินเทลยังสนใจธุรกิจชิปโมเด็มอีกหรือไม่ แม้ธุรกิจทำชิปโมเด็มในมือถือของอินเทลไม่ประสบความสำเร็จนัก (มีแอปเปิลเป็นลูกค้าอยู่รายเดียว) แต่ทิศทางของตลาดโน้ตบุ๊กก็เริ่มผนวกชิปโมเด็มเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน (อินเทลมี Project Athena ที่เป็นข้อกำหนดว่าโน้ตบุ๊กต้องมีชิปโมเด็ม)
ธุรกิจชิปโมเด็มดูจะไม่ใช่ที่ทางของอินเทลสักเท่าไร บริษัทเริ่มเข้ามาขายชิปโมเด็ม LTE ในปี 2013 โดยมีลูกค้าสำคัญคือแอปเปิลที่ใช้ใน iPhone แต่ก็มีปัญหามากมาย ทั้งคดีสิทธิบัตรที่ Qualcomm ฟ้องแอปเปิล และปัญหาของอินเทลเอง ที่มีข่าวว่าแอปเปิลจะเลิกสั่งซื้อ
ล่าสุด อินเทลประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะถอนตัวจากธุรกิจชิปโมเด็ม 5G สำหรับสมาร์ทโฟน และจะพิจารณาว่าจะทำชิปโมเด็ม 4G/5G สำหรับอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ (เช่น พีซี/IoT) ต่อหรือไม่ แต่บริษัทยืนยันว่าจะลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์เครือข่าย 5G ต่อไป
Huawei เปิดตัวชิปโมเด็ม 5G ในชื่อ TIANGANG โดยระบุว่าจะทำให้สถานีฐานใช้พลังงานน้อยลง 21%,ขนาดเล็กลง 50%, น้ำหนักเบาขึ้น 23% และใช้เวลาติดตั้งเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับสถานีฐานแบบ 4G
แม้ขนาดเล็กลง แต่ชิป TIANGANG มีพลังประมวลผลสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 2.5 เท่าตัว รองรับช่องสัญญาณ 64 ช่อง และแถบคลื่นความถี่ถึง 200MHz
เว็บไซต์ Calcalist รายงานข้อมูลจากเอกสารหลุดและแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด ระบุว่า Apple ได้แจ้งกับ Intel ว่า บริษัทจะไม่ใช้โมเด็ม 5G ในชื่อ Sunny Peak ที่กำลังพัฒนาในเวลานี้กับ iPhone รุ่นปี 2020 ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวทำให้ Intel ต้องหยุดแผนการพัฒนาโมเด็มรุ่นดังกล่าวในทันที พร้อมย้ายทีมงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลในส่วนอื่นแทน