ตอนนี้ Spotify กำลังเริ่มทดสอบแพลนสมัครสมาชิกแบบคู่หรือ Premium Duo สำหรับผู้ใช้ที่อยู่ร่วมกันสองคน ซึ่ง Premium Duo นี้จะคิดราคา 12.49 ยูโรต่อเดือน ถูกกว่าซื้อ Premium แยกรายคนที่ 9.99 ยูโรต่อเดือน และ Family Plan ที่ 14.99 ยูโรต่อเดือน โดยมีคำเตือนว่าสมาชิกคู่นี้จะต้องอยู่ร่วมกันเท่านั้น
นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกลงแล้ว Spotify Premium Duo ยังมีฟีเจอร์เฉพาะอย่างเช่น Duo Mix เพลย์ลิสต์ที่สร้างจากเพลงที่คู่สมาชิกชอบ, แชร์ไลบรารีของเพลงที่บันทึกไว้ทั้งหมด และ Duo Hub สำหรับจัดการการบัญชีและการตั้งค่า ซึ่งตอนนี้ Premium Duo ยังคงทดสอบอยู่ในโคลัมเบีย, ชิลี, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์ และโปแลนด์เท่านั้น
Spotify ประกาศปรับปรุงเพลย์ลิสต์แบบที่มีทีมงานคอยคัดเลือกเพลง (curated) โดยเพลงที่ถูกเลือกมาปรากฏในเพลย์ลิสต์นั้น จะแสดงผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน ให้เข้ากับแนวทางการฟังเพลงของผู้ใช้คนนั้นมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ Spotify จะมีเพลย์ลิสต์แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เพลย์ลิสต์แบบที่มีทีมงานคอยคัดเลือกเพลงเข้าออกเป็นระยะ (เช่น Songs to Sing in the Car) กับเพลย์ลิสต์แบบที่คัดเลือกด้วยโปรแกรมให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคน (เช่น Your Release Radar) การปรับปรุงเพลย์ลิสต์นี้ ทำให้เพลย์ลิสต์เดิม ยังใช้คนคัดเลือกเพลงต่อไป แต่เพลงจะถูกเลือกแสดงผลด้วยการคัดเลือกด้วยโปรแกรมอีกทีนั่นเอง
Spotify เริ่มแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อตัวบล็อกโฆษณามากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดทางบริษัทได้อัพเดตข้อตกลงการใช้บริการใหม่ที่กำหนดว่าผู้ที่ใช้ตัวบล็อกโฆษณากับ Spotify อาจถึงขั้นถูกระงับบัญชีได้
Spotify ระบุว่าหากผู้ใช้หลีกเลี่ยงหรือบล็อกโฆษณาใน Spotify หรือสร้างและกระจายเครื่องมือที่ออกแบบมาให้บล็อกโฆษณาใน Spotify อาจทำให้ผู้ใช้ถูกระงับบัญชี Spotify ได้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวรได้ในทันที
Genius เว็บไซต์บริการเนื้อเพลงและข้อมูลเพลง ประกาศความร่วมมือกับบริการฟังเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music เพื่อนำเนื้อเพลง และข้อมูลเพลงที่น่าสนใจ มาแสดงผลสำหรับผู้ใช้ Apple Music
ก่อนหน้านี้ Genius ก็ประกาศความร่วมมือกับ Spotify ในการนำเนื้อเพลงไปใส่ในแพลตฟอร์ม จึงเท่ากับว่า Genius สามารถเป็นพันธมิตรได้ทั้งสองข้างที่เป็นคู่แข่งกัน
ที่น่าสนใจสำหรับดีลนี้คือ Genius เองก็ประกาศว่า ตัวเล่นเพลงหลักในเว็บและแอปของ Genius จะเปลี่ยนมาใช้ Apple Music ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันนั่นเอง
ที่มา: Genius
Tencent Music Entertainment บริษัทในเครือ Tencent ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเตรียมไอพีโอเข้าตลาดหุ้นในอเมริกา (ยังไม่ระบุว่าจะเข้าตลาดใด) โดยมีแผนระดมทุนเพิ่มราว 1 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่ากิจการปัจจุบันราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์
บริการของ Tencent Music มีอยู่ 4 แอป ได้แก่ QQ Music, Kugou Music, Kuwo Music และ WeSing ซึ่งทั้งหมดทำตลาดเฉพาะในประเทศจีน ประเมินส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ราว 75% ของแพลตฟอร์มฟังเพลงทั้งหมดในจีน และ Tencent ก็ระบุว่าจำนวนผู้ใช้งานรวมกันทั้งหมดมีราว 800 ล้านคน
SiriusXM ผู้ให้บริการรายการวิทยุผ่านดาวเทียมรายใหญ่ของอเมริกา ประกาศเข้าซื้อกิจการหุ้นทั้งหมดของ Pandora บริการวิทยุออนไลน์ ด้วยมูลค่ารวมราว 3,500 ล้านดอลลาร์ โดยหลังการควบรวม ทั้งสองแบรนด์ Pandora และ SiriusXM จะกันดำเนินงานในชื่อเดิมต่อไป
SiriusXM บอกว่าการควบรวมนี้ทำให้บริษัท กลายเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟังเพลงที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา (SiriusXM 36 ล้านคน, Pandora 70 ล้านคน) และช่วยเสริมทัพให้ SiriusXM ที่ยังมีฐานผู้ฟังรายการในรถยนต์อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งออนไลน์สตรีมมิ่งยังเจาะไม่เข้า
รายได้วงการเพลงนั้นมาจากสองส่วนสำคัญคือ ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ซึ่งยอดสตรีมก็เป็นบวกมากขึ้นจนสามารถทำรายได้แซงการดาวน์โหลดในปี 2015 ล่าสุด สมาคมอุตสาหกรรมสื่อบันทึกแห่งอเมริกาหรือ RIAA รายงานตัวเลขรายได้ของการจำหน่ายเพลงของสหรัฐฯ ว่า 75% ของรายได้ มาจากสตรีมมิ่ง
โดยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10% เป็น 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 75% ของรายได้มาจากสตรีมมิ่ง มีเพียง 12% ที่มาจากดาวน์โหลดผ่านดิจิทัล ซึ่งยอดได้ตกลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เท่าการขายแผ่นที่มีเพียง 10%
มีผู้ใช้งาน Spotify พบว่าในโปรแกรมที่อัพเดตล่าสุดนั้น สามารถดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในอุปกรณ์เพื่อฟังแบบออฟไลน์ได้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ Spotify จำกัดเอาไว้ที่ 3,333 เพลงต่ออุปกรณ์ และสูงสุด 3 อุปกรณ์ต่อบัญชี
โดย Spotify ยืนยันว่าได้ขยายลิมิตของจำนวนเพลงออฟไลน์ มาเป็น 10,000 เพลงต่ออุปกรณ์ และสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 5 อุปกรณ์ต่อบัญชี
ถึงแม้รูปแบบการดาวน์โหลดเพลงมาเก็บฟังแบบออฟไลน์อาจจะสะดวกสำหรับผู้ใช้งาน แต่ต้องไม่ลืมว่าบริการสตรีมมิ่งที่เสียเงินนั้น ผู้ใช้ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของคอนเทนต์เพลงนั้น แต่อยู่ในรูปการจ่ายเหมาและเช่ายืมฟัง
ที่มา: Rolling Stone
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ Fast Company เกี่ยวกับบริการเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music และอุตสาหกรรมเพลงในภาพรวม โดยเขาให้มุมมองน่าสนใจว่า การให้อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์เป็นตัวคัดเลือกเพลงล้วน ๆ นั้น เป็นการทำลายจิตวิญญาณของวงการดนตรี
ประโยคดังกล่าวถือเป็นการพุ่งไปที่คู่แข่งอย่าง Spotify ซึ่งที่ผ่านมาใช้อัลกอริทึมในการจัดเพลย์ลิสต์มาตลอด (เพิ่งเริ่มใช้คนคัดเลือกไม่นานมานี้) ขณะที่ Apple Music พยายามเน้นเพลย์ลิสต์ที่มีคนคัดเลือกมาตั้งแต่แรก
เว็บไซต์ Digital Music News รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผย พูดถึงอันดับของจำนวนสมาชิกแบบเสียเงินของบริการเพลงสตรีมมิงในสหรัฐ ปรากฎว่าสมาชิกของ Apple Music นำมาเป็นอันดับหนึ่งนำ Spotify, Tidal และ Sirius XM
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวขอไม่เปิดเผยตัวเลขจำนวนสมาชิก ระบุแต่เพียงว่า Apple Music และ Spoitfy ต่างมีผู้ใช้ในสหรัฐเกิน 20 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งข้อมูลนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับตัวเลขที่ Wall Street Journal เปิดเผยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่าสมาชิก Apple Music ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5% และ Spotify เพิ่ม 2% และคาดว่าสมาชิก Apple Music น่าจะแซง Spotify ในเร็ววัน
Billboard รายงานสถิติใหม่ของวงการเพลงสตรีมมิ่ง โดยบอกว่าอัลบั้ม Scorpion ของ Drake ได้ทำสถิติถูกสตรีมมากกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์แรก (29 มิถุนายน-5 กรกฎาคม) โดยสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้คืออัลบั้ม Beerbongs & Bentleys ของ Post Malone ถูกสตรีม 700 ล้านครั้งในสัปดาห์
ข้อมูลบอกว่าเฉพาะในอเมริกานั้นอัลบั้ม Scorpion ถูกสตรีมมากกว่า 750 ล้านครั้ง
ตัวเลขการฟังผ่านสตรีมมิ่งที่สูงมากนี้ยังช่วยให้อัลบั้มของ Drake ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Billboard 200 ที่เพิ่มน้ำหนักการคำนวณการฟังผ่านสตรีมมิ่งเป็นสัปดาห์แรกด้วย
ก่อนต้องบอกว่าข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากทั้งแอปเปิลและ Spotify แต่เป็นตัวเลขอ้างอิงของผู้จัดจำหน่ายเพลงรายใหญ่ในอเมริกา ซึ่งระบุว่าจำนวนผู้สมัครใช้งานแบบเสียเงินของ Apple Music สูงกว่า Spotify แล้ว ในพื้นที่อเมริกา (Apple Music ไม่มีตัวเลือกใช้ฟรี มีแต่เสียเงิน)
ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายเพลงนั้นบอกว่าทั้งสองผู้ให้บริการมีผู้สมัครใช้งานแบบจ่ายเงินมากกว่า 20 ล้านคนทั้งคู่ แต่ตอนนี้ Apple Music มีจำนวนสูงกว่าเล็กน้อย
บริษัทวิจัยตลาด Jana ได้เผยข้อมูลส่วนแบ่งของบริการประเภทออนดีมานด์สตรีมมิ่งประจำไตรมาส 1 ปีนี้ในประเทศอินเดีย โดยที่น่าสนใจคือบริการจากคู่แข่งจากท้องถิ่นยังคงมาแรง
ในด้านวิดีโอสตรีมมิ่งนั้น Jana รายงานว่า ยอดการติดตั้งแอพคู่แข่งจากท้องถิ่นอย่าง Hotstar ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท Star India นั้นกินส่วนแบ่งไปจนถึง 69.7% ตามมาด้วย SonyLIV ที่ 14%, Voot ที่ 10.7%, Amazon ที่ 5%, Netflix ที่ 1.4% และ YuppTV ที่ 0.5%
Apple Music เตรียมจัดตั้งฝ่ายค่ายเพลงของตนเอง หลังจากการรับตำแหน่งโดยหัวหน้าคนใหม่ Oliver Schusser เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารายงานว่า ตอนนี้ทีมบริหารของ Apple Music ใหม่ภายใต้ Schusser เตรียมจัดตั้งค่ายเพลงภายในของตนเอง ซึ่งแหล่งข่าวของ Music Business Worldwide เผยว่าผู้บริหารคนใหม่ของ Apple Music นี้ต้องการให้เห็นความสำคัญของการมีค่ายเพลงและนักแต่งเพลงอยู่ภายใน Apple
ไม่ทันจะข้ามสัปดาห์ก็มาตามข่าวลือแล้ว สำหรับบริการสตรีมมิงเพลงตัวใหม่ในชื่อ YouTube Music ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมาแทน Google Play Music หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังให้บริการควบคู่กันไป
YouTube Music จะมีแอปแยกเฉพาะบนมือถือและบนเดสก์ท็อป (ยังไม่ชัดว่าเป็นแอปหรือบนเว็บ) ซึ่งก็จะมีเหมือนกับบริการสตรีมมิงอื่นๆ ทั้งเพลง อัลบั้ม วิทยุ รีมิกซ์ คัฟเวอร์และไลฟ์สด โดย YouTube Music มีให้บริการแบบฟรี แต่มีโฆษณา ดาวน์โหลดไม่ได้และฟังเพลงแบบเบื้องหลังไม่ได้ หากต้องการฟีเจอร์เหล่านี้และตัดโฆษณา ต้องจ่ายค่าบริการเดือนละ 9.99 เหรียญกับ YouTube Music Premium
Recode รายงานว่า ตอนนี้ Google เตรียมปรับปรุงบริการสตรีมมิ่งแบบเสียเงินบน YouTube ใหม่ ซึ่งแผนครั้งนี้คือปรับปรุง YouTube Music ใหม่ และ YouTube Red จะเปลี่ยนเป็น YouTube Premium ซึ่งทั้ง Music และ Premium จะเป็นแพลน 2 แบบแยกเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการฟังเพลงอย่างเดียว กับผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
สำหรับ YouTube Music โฉมใหม่จะเน้นการฟังเพลงเป็นหลัก ฟีเจอร์คล้ายเดิม (ของเดิมเป็นส่วนหนึ่งของ YouTube Red) โดยเพิ่มส่วนสำคัญคือเพลย์ลิสต์ที่จัดโดยขึ้นกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่ง YouTube Music คิดค่าบริการที่ 10 ดอลลาร์ต่อเดือน มีช่วงให้ทดลองใช้งานฟรี และบริการใหม่นี้จะมาแทนที่ Google Play Music ด้วย
แอปเปิลประกาศแต่งตั้ง Oliver Schusser ขึ้นเป็นรองประธานดูแล Apple Music และดูแลคอนเทนต์ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งจะขึ้นตรงกับ Eddy Cue โดยก่อนหน้านี้เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างฐานผู้ใช้งาน Apple Music ที่จีน, ญี่ปุ่น และโซนละตินอเมริกา รวมทั้งเป็นผู้ทำดีลซื้อ Shazam
นอกจากนี้แอปเปิลยังอัพเดตจำนวนผู้ใช้ Apple Music ล่าสุด ซึ่งอยู่ที่ 48 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ใช้แบบเสียเงิน 40 ล้านคน และอยู่ในช่วงทดลองใช้ฟรี 8 ล้านคน
จำนวนผู้ใช้แบบเสียเงิน 40 ล้านคน ทำให้ Apple Music เป็นบริการที่มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มต่อเนื่อง และไล่ตามเบอร์หนึ่งอย่าง Spotify ที่ตอนนี้มีผู้ใช้แบบเสียเงิน 74.5 ล้านคน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าในงานอีเวนท์ที่ Spotify จะจัดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้ นอกจากข่าวลือว่าจะเปิดตัวฮาร์ดแวร์สำหรับฟังเพลงในรถยนต์แล้ว Spotify ยังเตรียมประกาศยกเครื่องแพ็คเกจฟังฟรีในรูปแบบใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีรายละเอียดว่าแพ็คเกจใช้งานฟรีแบบใหม่จะเป็นอย่างไร ข้อมูลจาก Bloomberg นั้นมีเพียงว่าใช้งานง่ายขึ้น ซึ่งรูปแบบปัจจุบันผู้ใช้งานฟรีจะมีโฆษณาแทรกเป็นระยะ
กลายเป็นธรรมชาติของ YouTube ไปแล้วที่ให้ผู้ใช้ได้ฟังเพลงฟรี แต่จากนี้ไปอาจไม่เหมือนเดิม เพราะ YouTube เตรียมเพิ่มจำนวนโฆษณาเข้ามาอีก เป็นการโน้มน้าวให้คน (ที่รำคาญโฆษณา) หันมาใช้สตรีมเพลงที่กำลังจะเปิดตัว
ตลาดเพลงสตรีมมิ่งในอินเดียกำลังคึกคัก Amazon เปิดบริการ Prime Music ในอินเดียแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้ สตรีมมิ่งสัญชาติอินเดียอย่าง Gaana เพิ่งจะระดมทุนจาก Tencent ได้ถึง 110 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,598 ล้านบาท
Amazon Prime Music ให้บริการทั้งบนเดสก์ท็อป, อุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ โดยคิดค่าบริการเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก Prime ค่าสมาชิก 15 ดอลลาร์ต่อปี หรือ 999 รูปี ด้านสตรีมมิ่งเจ้าอื่นอย่าง Apple Music, Google Play, Saavn, Gaana ค่าบริการอยู่ระหว่าง 15-22 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200-1,440 รูปี
The Wall Street Journal รายงาน Apple Music กำลังมียอดผู้ใช้งานเติบโตสูง และโตในอัตราที่เร็วกว่า Spotify โดยโต 5% ต่อเดือน ในขณะที่ Spotify โตประมาณ 2% ถ้าหาก Apple Music ยังรักษาอัตราการโตแบบนี้ไว้ได้ คาดว่าภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ยอดผู้ใช้งาน Apple Music ในสหรัฐฯ จะแซง Spotify ได้สำเร็จ
The Wall Street Journal รายงานด้วยว่า Apple ยืนยันตัวเลขผู้ใช้งาน Apple Music ทั่วโลกขณะนี้มี 36 ล้านราย จากที่เคยระบุในเดือนกันยายน 2017 ว่ามี 30 ล้านราย
Spotify ทดลองปล่อยแอพชื่อว่า Stations ซึ่งตอนนี้พบเฉพาะใน Play Store ประเทศออสเตรเลีย โดยตัวแอพจะสร้างเพลย์ลิสต์ขึ้นมา ตามพฤติกรรมฟังเพลงของผู้ใช้งาน Spotify
แนวคิดของแอพการสร้างตัวเลือกเพลย์ลิสต์ โดยใช้ชื่อที่เข้าใจได้ง่าย และสามารถเลือกกดฟังได้ทันทีเลย แต่ไม่สามารถกดข้ามเพลงได้คล้ายการฟังวิทยุ
คำอธิบายของแอพนี้บอกว่า เมื่อเราเข้าไปเลือกหาเพลงฟัง การจะเจอเพลงที่ใช่นั้นเป็นความท้าทายมาก แต่เมื่อใช้แอพ Stations การหาเพลงฟังก็ง่ายขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องพิมพ์เสิร์ชใดๆ
ที่มา: Mashable
ปัจจุบัน ส่วนแบ่งรายได้ของการสตรีมมิ่งนั้น กำหนดว่าต้องจ่ายให้เจ้าของลิขสิทธิเพลง 10.5% ขึ้นกับจำนวนการสตรีมมิ่งในช่วงนั้น ล่าสุดมีกฎใหม่จาก United States Copyright Royalty Board (CRB) กำหนดให้ส่วนแบ่งรายได้ต้องเพิ่มถึง 43.8% เป็น 15.1% ในปี 2022 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า
เมื่อสิ้นปีที่แล้ว Amazon เพิ่งแถลงข่าวว่าจะเปิดวางจำหน่าย Amazon Echo และบริการเพลง Music Unlimited ในภูมิภาคยุโรปและละตินอเมริกา (ข่าวเก่า) ล่าสุดบริษัทประกาศวางขายเพิ่มเติมในแถบเอเชีย-โอซีเนียแล้ว เริ่มต้นที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
Amazon ระบุว่าจะเริ่มต้นวางจำหน่าย Echo, Echo Dot และ Echo Plus ในราคา 119, 49 และ 199 ดอลลาร์ออสเตรเลียตามลำดับ (3,000 บาท, 1,250 บาท และ 5,000 บาท) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเริ่มส่งมอบให้ภายในเดือนหน้า รวมถึงจะวางจำหน่ายตามร้านทั่วไปต้นเดือนหน้าเช่นกัน ส่วนบริการ Music Unlimited จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
Spotify ประกาศตัวเลขผู้ใช้งานแบบเสียเงินล่าสุดผ่านทาง Twitter @spotify ว่าตอนนี้มีจำนวนถึง 70 ล้านคนแล้ว เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่ประกาศว่ามี 60 ล้านคน โดยมีอันดับสองตามมาห่าง ๆ คือ Apple Music ที่ 30 ล้านคน
ข่าวนี้ออกมาได้จังหวะเวลาพอดีกับช่วงที่ Spotify กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการเข้าตลาดหุ้น โดยเมื่อวานมีข่าวว่าบริษัทได้ยื่นเอกสารต่อ SEC หรือ กลต. ของสหรัฐฯเพื่อจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กไปแล้ว ซึ่ง Spotify จะใช้วิธีการ direct listing หรือการนำเข้าตลาดโดยตรงไม่ต้องขายหุ้นไอพีโอเพิ่มทุน