หลังเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลดภาพยนตร์ดูแบบออฟไลน์ได้เกือบ 2 เดือน ล่าสุด Netflix บนแอนดรอยด์อัพเดตเวอร์ชัน 4.13 ทำให้สามารถบันทึกภาพยนตร์ลงบนหน่วยจำความเสริมอย่าง microSD card ได้แล้ว

หลังอัพเดตจะพบตัวเลือก "Download Location" เพิ่มเข้ามาในหน้า setting และแน่นอนว่าภาพยนตร์ที่ถูกโหลดลงมานั้นจะมาพร้อมระบบ DRM รวมถึงถูกเอ็นโค้ดเป็นฟอร์แมท .nfv ทำให้ไม่สามารถนำไปชมบนเครื่องอื่นหรือมีเดียเพลเยอร์อื่นได้

ทั้งนี้ Netflix ระบุว่าไม่ใช่แอนดรอยด์ทุกเครื่องจะรองรับฟีเจอร์นี้ แต่ไม่ไดให้รายละเอียดอื่นๆ รวมถึงไม่ระบุด้วยว่าแอนดรอยด์รุ่นใดบ้างที่ ณ ตอนนี้ที่รองรับ

Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 รายได้รวม 2,477.5 ล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55%

ตัวเลขที่น่าสนใจมากกว่าคือจำนวนสมาชิก โดยมีสมาชิกรวม 93.80 ล้านคน เพิ่มขึ้นไตรมาสที่ผ่านมาถึง 7.05 ล้านคน แบ่งเป็นอเมริกา 1.93 ล้านคน และนอกอเมริกา 5.12 ล้านคน

Reed Hastings ซีอีโอ Netflix กล่าวว่าถึงแม้กำไรจะเพิ่มขึ้น แต่ในอนาคต Netflix จะยังไม่เน้นการเพิ่มอัตรากำไรแบบเร่งรีบ โดยจะเพิ่มการลงทุนต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่า Netflix จะยังเป็นผู้นำโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต

กลยุทธ์ที่ Netflix จะเน้นมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างรายการของตนเองที่ยังคงเดินหน้าต่อ ก็คือการสร้างรายการท้องถิ่นสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น อนิเมะจากญี่ปุ่น, ละครจากตุรกี โดยยกตัวอย่างความสำเร็จจากละครชุดของประเทศบราซิล ที่มีผู้เลือกชมแบบคำบรรยายภาษาอังกฤษเป็นจำนวนนับล้านคน

ที่มา: Netflix และ Business Insider

Google Home ผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงประจำบ้านจาก Google ได้เพิ่มความสามารถในการรองรับ Netflix และ Google Photos และสั่งให้สตรีมภาพหรือวิดีโอขึ้นไปยัง Google Chromecast ที่เสียบกับโทรทัศน์ได้ เช่น สั่งว่า “OK Google, Watch Stranger Things on Netflix” หรือ “OK Google, show photos from Paris on my TV”

สำหรับวิธีการใช้งาน Google Home กับ Netflix สามารถดูได้ที่นี่ ส่วน Google Photos ดูได้ที่นี่

Netflix เตรียมอัพเดตให้แอพบนสมาร์ททีวี, Android TV, Xbox, PlayStation 4 และ Roku ให้รองรับการพรีวิวภาพยนตร์ในพื้นที่ที่เคยเป็นภาพนิ่ง ด้านข้างชื่อและเรื่องย่อ​ (Synopsis) ของเรื่องที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ในหน้าค้นหา

Netflix ระบุว่าพรีวิวจะไม่ใช่แค่เทรลเลอร์ แต่เป็นการแสดงเรื่องย่อ ตัวละครและโทนของหนังแบบคร่าวๆ โดยอัพเดตนี้จะถูกปล่อยออกมาในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้า (next few weeks)

ที่มา - Android Central

หลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้ว่า Netflix เตรียมจะเปิดให้ผู้ใช้ดูหนังแบบออฟไลน์ได้ภายในสิ้นปี ล่าสุดฟีเจอร์ดาวน์โหลดหนังนี้เปิดให้ใช้แล้วบน Netflix

ฟีเจอร์ดาวน์โหลดูแบบออฟไลน์ของ Netflix ไม่แตกต่างจากเจ้าอื่นมากนัก ตั้งแต่แถบ My Download ด้านซ้ายมือ, ตัวเลือกดาวน์โหลดเฉพาะ Wi-Fi และแถบบอกความจุที่เหลือของสมาร์ทโฟน พร้อมแจ้งเตือนขนาดของไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด ทั้งด้านบนแถบแจ้งเตือน และด้านล่างของตัวแอพ

Netflix บอกด้วยว่าฟีเจอร์ใหม่นี้รองรับสมาชิกทุกประเภท และสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตทั้งแอนดรอยด์และ iOS

Netflix นั้นมีคอนเทนต์ที่รองรับ 4K มาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ยังจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะสมาร์ททีวีหรือกล่องสตรีมมิ่งเท่านั้น เนื่องจากติดปัญหา DRM และตอนนี้ทางบริษัทก็เริ่มเปิดให้ใช้งานคอนเทนต์แบบ 4K บน Windows 10 ได้แล้ว แต่ยังคงจำกัดซีพียู

สำหรับซีพียูที่ถูกจำกัดให้ดูได้คือ Intel Kaby Lake รวมถึงหน้าจอที่รองรับ 4K เท่านั้นที่ โดยผู้ใช้ก็จะต้องสมัครสมาชิก Netflix แบบ Premium ด้วย เพื่อให้ได้ความสามารถในการสตรีมที่ความละเอียดสูง

นอกจากนี้ Microsoft ยังบอกว่า เมื่อเทียบกับ Chrome บนเครื่องเดียวกันแล้ว Microsoft Edge จะประหยัดพลังงานกว่ามาก ในระดับที่สามารถดูหนังบน Netflix ได้มากกว่า Chrome อย่างน้อย 1 episode เลยทีเดียว

เว็บไซต์ TechCrunch รายงานข่าวลือว่าดิสนีย์ กำลังพิจารณาเข้าซื้อ Netflix ยักษ์ใหญ์ด้านภาพยนตร์สตรีมมิง เพื่อขยายธุรกิจไปยังบริการสตรีมมิง

แรกเริ่มมีข่าวลือว่าดิสนีย์, Amazon และแอปเปิลสนใจจะซื้อ Netflix ก่อนที่ข่าวลือเรื่องการขาย Netflix จะเข้มข้นขึ้นหลัง AT&T ซื้อ Time Warner และล่าสุดที่ความเป็นไปได้ว่าจะเป็นดิสนีย์ เพราะ Peter Csathy นักเขียนของ TechCrunch ระบุว่าดิสนีย์วางตัว Reed Hastings ซีอีโอของ Netflix ให้มานั่งเก้าอี้ซีอีโอของดิสนีย์ต่อจาก Bob Iger ที่จะลงจากเก้าอี้ในปี 2018 นี้

Netflix รายงานผลการดำเนินของไตรมาสที่ 3 ปี 2016 รายได้รวม 2,290 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 51.5 ล้านดอลลาร์ มีสมาชิกทั่วโลก 86.74 ล้านราย เพิ่มขึ้น 3.57 ล้านราย การเติบโตของสมาชิกยังคงมาจากนอกอเมริกาเป็นหลัก

Netflix ระบุว่ารายการที่ Netflix ผลิตเองยังคงมีกระแสตอบรับที่ดี โดยไตรมาสที่ผ่านมามีทั้ง Stranger Things และ Narcos ฤดูกาลที่สองที่ได้รับความนิยม

ในส่วนของการบุกตลาดต่างประเทศนั้น Netflix ให้ข้อมูลน่าสนใจ อาทิ ในโปแลนด์กับตุรกี มีการปรับส่วนติดต่อผู้ใช้งานให้เป็นภาษาท้องถิ่น, เพิ่มรายการท้องถิ่น และรับค่าสมาชิกเป็นเงินท้องถิ่น ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นและอัตรายกเลิกต่ำ ส่วนตลาดจีนที่ยังไม่สามารถเข้าไปให้บริการได้นั้น Netflix ระบุว่าในช่วงนี้จะขายสิทธิเนื้อหากับผู้ให้บริการรายที่มีอยู่ในจีนไปก่อน แทนที่จะเข้าไปเป็นผู้ให้บริการเองโดยตรง

ที่มา: Netflix และ Business Insider

David Well ซีอีโอของ Netflix เปิดเผยว่าบริษัทมีเป้าหมายจะทำคอนเทนต์เฉพาะของตัวเอง (original content) ให้มีสัดส่วนราว 50% ของคอนเทนต์ทั้งหมดที่ให้บริการ โดยปัจจุบันทำไปได้แล้ว 1 ใน 3 ของที่ตั้งเป้าไว้ หรือราว 16%

หนึ่งในสาเหตุของการหันมาให้ความสำคัญกับ original content ของ Netflix คือเรื่องของการลงทุนและเซ็นสัญญากับค่ายหนังต่างๆ

เนื่องจาก Netflix จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับเจ้าของค่ายหนังหรือซีรีส์ หากต้องการให้คอนเทนต์นั้นๆ อยู่บนไลบรารีต่อไป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมเรื่องของการแข่งขันกับผู้ให้บริการเจ้าอื่น ที่ยิ่งทำให้ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้นไปอีก แต่สำหรับ original content นั้น Netflix ลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียว แต่สามารถทำเงินได้ตลอดไป

Netflix ได้ส่งจดหมายถึง Federal Communications Commission หรือ FCC เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใจความภายในจดหมายนั้นเสนอแนะให้คณะกรรมการพิจารณาเลิกใช้การจำกัดปริมาณข้อมูลสำหรับอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อแบบสาย และพิจารณาเลิกใช้การจำกัดปริมาณข้อมูลที่น้อยเกินไปสำหรับการเชื่อมต่อไร้สาย

Netflix เขียนว่า "การจำกัดข้อมูล (โดยเฉพาะการจำกัดข้อมูลที่ปริมาณน้อย) และการใช้งานขึ้นอยู่กับราคานั้นเป็นทำให้ความสามารถในการใช้งานบรอดแบนด์ของผู้ใช้ลดลง และเป็นการขัดขวางความสามารถของบ้านบางหลังในการดูทีวีอินเทอร์เน็ตในลักษณะและปริมาณที่เขาต้องการ"

หากใครยังจำกันได้ เมื่อเดือนเมษายน Netflix เปิดตัว Fast.com สำหรับทดสอบความเร็ว และวันนี้ Netflix ก็เปิดตัว Fast ซึ่งเป็นแอพสำหรับทดสอบความเร็วบนมือถือ ทั้งบน iOS และ Android กันแล้ว

หน้าตาของแอพ Fast ก็จะเหมือนกับยก Fast.com ที่เป็นหน้าเว็บมาเลย คือมาในรูปแบบที่เรียบง่าย คือเปิดแอพมาก็จะทดสอบความเร็วได้ทันที พร้อมมีปุ่มเปรียบเทียบกับ speedtest.net ด้วย

Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่สอง ปี 2016 มีรายได้รวม 2,105.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 40.8 ล้านดอลลาร์ จำนวนสมาชิกทั่วโลก 83.18 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1.68 ล้านราย ซึ่งที่เพิ่มขึ้นมาส่วนใหญ่เป็นสมาชิกจากนอกอเมริกา

Netflix ระบุว่าตัวเลขนี้ยังสะท้อนการเติบโต แต่ยังไม่รวดเร็วอย่างที่ต้องการ เพราะการออกสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น แม้เป็นโอกาสแต่ก็มีอุปสรรคหลายอย่างที่ต้องแก้ไข

สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ Netflix บอกว่า จำนวนสมาชิกสมัครใหม่ที่เข้ามานั้นเป็นไปตามเป้าหมาย แต่กลับมีจำนวนสมาชิกที่ยกเลิกใช้บริการสูงเกินกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ตัวเลขสมาชิกเพิ่มขึ้นในอเมริกามีเพียง 1.6 แสนรายเท่านั้น

ในส่วนของการบุกตลาดจีน Netflix ให้ความเห็นว่าโชคไม่ดีนักเพราะทางการจีนมีความเข้มงวดกับบริการสตรีมมิ่งมากขึ้น เห็นได้จากการปิดบริการ DisneyLife ที่ดิสนีย์ร่วมทุนกับ Alibaba หรือแม้แต่แอปเปิลก็ยังเข้าไปให้บริการไม่ได้ ซึ่ง Netflix ยังคงหาโอกาสที่จะเข้าไปเปิดตลาดนี้ให้ได้

ที่มา: Netflix และ Business Insider

Netflix ได้เปิดตัวเปิดตัว Flixtape หรือเพลย์ลิสต์สำหรับรายการทีวีและภาพยนตร์บน Netflix

Flixtape ของ Netflix นี้จะมีทั้งเพลย์ลิสต์ที่ Netflix จัดเอาไว้ให้แล้ว หรือว่าเพลย์ลิสต์ที่ให้ผู้ใช้จัดเอง โดยตั้งชื่อ Flixtape และเมื่อตอนเริ่มต้นสร้าง Netflix จะแนะนำรายการทีวีหรือภาพยนตร์ให้ 3 รายการ จากนั้นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยรายการที่อยู่ใน Flixtape จะต้องมี 3-6 รายการ และเมื่อสร้างเสร็จแล้วก็สามารถส่งลิงก์ของ Flixtape ไปให้ใครสักคน หรือจะโพสต์ลง social network ก็ได้

Flixtape ของ Netflix นี้ได้ชื่อและไอเดียมาจาก mixtape ซึ่งถ้าใครไม่ทราบว่า Flixtape นั้นคืออะไร Netflix ก็ได้ทำวิดีโอสั้น ๆ อธิบายมาแล้ว สามารถดูได้ท้ายข่าว

IBM Cloud Video ได้ทำผลสำรวจผู้สมัครบริการบอกรับสมาชิกวิดีโอ เช่น Netflix, Hulu, Amazon โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,007 คนในสหรัฐเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยคำถามในแบบสอบถามก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อย ๆ, การยกเลิกสมาชิก ฯลฯ

ผลสำรวจของ IBM นั้นเผยว่า 31% ของผู้สำรวจบอกว่าพวกเขาได้ยกเลิกสมาชิกวิดีโอไปแล้ว ซึ่งเมื่อสนใจเฉพาะที่บริการของ Amazon หรือ Hulu นั้น ยอดยกเลิกบริการมีสูงถึง 40% และเมื่อถามถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้จึงยกเลิกบริการ 27% ตอบว่าเพราะมีโฆษณามากเกินไป, 25% เลิกเพราะเหตุผลด้านราคา, 20% บอกว่าเพราะมีวิดีโอน้อยไป และ 17% บอกว่าเพราะปัญหาด้านเทคนิค โดย 73% ในนั้นกล่าวถึงปัญหาการรอโหลดวิดีโอ

Comcast ได้ยืนยันว่าเตรียมจะเปิดให้สตรีมภาพยนตร์ของบริการ Netflix ผ่าน X1 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ set-top box ของบริษัทในช่วงท้ายปี 2016 นี้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ของทั้งสองบริษัทได้สะดวก และตอนนี้ Comcast กำลังทำระบบให้รองรับกับ Netflix อยู่ โดยจะเปิดเผยรายละเอียดในช่วงที่เปิดให้บริการ

การที่ Netflix ได้เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการเคเบิลหลายบริษัทนั้น ก็คงเดาได้ไม่ยากว่า Netflix กำลังต้องการขยายบริการให้ครอบคลุมผู้ใช้ที่ไม่ได้มี smart TV หรืออุปกรณ์ประเภท media hub ส่วนฝั่ง Comcast นั้นก็จะได้มี Netflix เป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้เพื่อสู้กับแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Roku, Verizon และ Dish

ฟีเจอร์การดูหนังออฟไลน์ของ Netflix เป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องกันมานานมาก ล่าสุดก็มีรายงานว่า Netflix กำลังจะทำฟีเจอร์ดูวิดีโอออฟไลน์จริง ๆ (เสียที)

Dan Taitz ซีโอโอของ Penthera ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเทคโนโลยีดาวน์โหลดวิดีโอ (มีลูกค้าเป็น Comcast และ Starz) ได้เผยกับ LightReading โดยบอกว่าเขาได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมว่า Netflix กำลังจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้ภายในช่วงสิ้นปี

ส่วนโฆษกของ Netflix นั้นตอบเพียงว่า "เรากำลังโฟกัสถึงการมอบประสบการณ์สตรีมมิ่งที่ดีที่สุด เรากำลังค้นพบหนทางใหม่ ๆ ที่จะทำให้บริการดีขึ้น เรายังไม่มีอะไรที่ต้องเพิ่มในตอนนี้"

Netflix ได้ปรับไอคอนตัวใหม่สำหรับใช้บนแอพ ตลอดจนรูปภาพประจำตัวในหน้า Facebook และ Twitter วันนี้ โดยเหลืออักษร N เพียงตัวเดียว ที่มีลักษณะเหมือนผืนพรมแดง

ที่น่าสนใจคือ Netflix ระบุว่าโลโก้ของบริษัทยังคงเป็นแบบเดิม (ที่เป็นตัวอักษรคำว่า Netflix) แต่ที่สร้างไอคอน N ตัวเดียวเพิ่มขึ้นมา เพื่อนำมาใช้กับแอพมือถือ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคต

มีข้อสังเกตว่าการตัดให้เหลือ N ตัวเดียว จะเหมาะสมกับพื้นที่บนไอคอนสี่เหลี่ยมจัตุรัสมากกว่าแบบเดิม ที่คำเต็มสร้างพื้นที่ว่างค่อนข้างมาก

ที่มา: The Next Web

อย่างที่ทราบกันว่า Netflix ประกาศมาตรการเด็ดขาดในการจัดการผู้ชมที่ชมผ่าน proxy หรือ VPN ไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลด้านธุรกิจและลิขสิทธิ์ของหนัง ซึ่งมาตรการนี้ นอกจากจะกระทบผู้ชมที่ต้องการดูหนังที่ไม่มีฉายในประเทศตัวเองแล้ว ยังกระทบผู้ชมที่ใช้ VPN ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวด้วย

OpenMedia กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิบนโลกดิจิทัล ได้จัดแคมเปญ Defend Our Privacy โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายหมื่นคนร่วมลงนาม เพื่อยื่นเรื่องไปยัง Netflix เพื่อให้หยุดนโยบายดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ที่เขียนว่า "เรารักความเป็นส่วนตัว" ติดไว้กับรถบรรทุกและขับไปตามท้องถนนในหลายเมือง

ตามปกติแล้ว ค่ายหนังเจ้าของลิขสิทธิ์มักจัดอันดับ (tier) การปล่อยลิขสิทธิ์ให้ผู้ให้บริการสตรีมหนังออนไลน์แบบบุฟเฟต์อยู่ในอันดับท้ายๆ เนื่องจากรายได้ค่อนข้างน้อย (เพราะเป็นบุฟเฟต์) เมื่อเปรียบเทียบกับช่องทางอื่นๆ อย่างบนสายการบิน, แผ่น Blu-ray หรือรูปแบบดิจิทัล ทำให้หนังบนบริการสตรีมออนไลน์มักจะเป็นหนังที่ออกโรงไปแล้วหลายปี

แต่ทว่าล่าสุด Netflix ได้จับมือกับ Disney ในการนำหนังที่เพิ่งออกจากโรงมาให้บริการบน Netflix ก่อน โดยสัญญานี้จะมีผลตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป นั่นหมายความว่าผู้ใช้ Netflix จะได้ชมภาพยนตร์ของทั้ง Disney, Pixar, Lucasfilm และ Marvel ที่ฉายหลังเดือนกันยายนนี้หลังออกจากโรงไม่นาน ซึ่งอาจรวมถึงภาพยนตร์ที่ฉายในช่วงปี 2016 นี้ทั้งหมดด้วยเลยก็เป็นได้

CTIA หรือสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเครือข่ายไร้สายของสหรัฐได้เปิดเผยรายงานข้อมูลการใช้ดาต้าของชาวอเมริกันเมื่อปีที่แล้ว ปรากฎว่ามีการใช้งานโมบายล์ดาต้าสูงถึงเกือบ 1 หมื่นล้านกิกะไบต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 137% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ชาวอเมริกันยกเลิกการติดตั้งอินเทอร์เน็ตในบ้าน และใช้ผ่านสมาร์ทโฟนเป็นหลัก

ขณะที่ YouTube และ Netflix เป็นสองผู้ให้บริการที่มีอินเทอร์เน็ตทราฟฟิครวมกันมากกว่าครึ่งในช่วง peak hours ของทวีปอเมริกาเหนือ และหากรวมบริการอย่างบริการเพลงสตรีมมิงและพ็อดคาสท์ ทราฟฟิคส่วนนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 70% เลยทีเดียว

สตรีมมิ่ง Netflix และ Amazon Prime ถูกเรียกร้องให้มีเนื้อหาที่คณะกรรมาธิการ EU เสนออย่างน้อย 5 รายการในแคตตาล็อก กำหนดให้มีการประกาศในสัปดาห์หน้า เหตุที่มีการเรียกร้องเช่นนี้เพราะทางคณะกรรมาธิการ EU ต้องการเพิ่มการระดมทุนในภาพยนตร์ยุโรปและรายการโทรทัศน์ โดยทำการศึกษามาพบว่า ผู้กระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์ (broadcaster) ลงทุนราวๆ 20% ของรายได้ไปกับเนื้อหาของยุโรป แต่ได้รับส่วนแบ่งลดลงร้อยละ 1 อันมีสาเหตุจากธุรกิจสตรีมมิ่ง

Netflix เปิดตัวเว็บไซต์ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต Fast.com ชูจุดเด่นที่ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เข้าเว็บแล้วระบบจะทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตให้ทันที

ข้อจำกัดของ Fast.com คือมันจะแสดงเฉพาะความเร็วฝั่งดาวน์โหลดเท่านั้น (เหตุเพราะกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้า Netflix ที่เป็นคอนซูเมอร์) ไม่มีสถิติอื่นๆ อย่างความเร็วฝั่งอัพโหลด หรือ ping/latency มาให้ด้วย (มันมีไว้สำหรับตอบคำถามว่า "เน็ตเร็วเท่าไร" แค่นั้น)

กระบวนการทดสอบจะลองดาวน์โหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของ Netflix เองที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีเว็บเบราว์เซอร์

Netflix ได้เปิดตัวเว็บทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต fast.com โดยสามารถทดสอบได้ทั้งอินเทอร์เน็ตมือถือและ broadband โดย fast.com จะมีดีไซน์ที่เรียบง่าย และไม่มีโฆษณา

fast.com จะใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Netflix ในการทดสอบ ฉะนั้นหากผู้ใช้พบปัญหาด้านการสตรีมมิ่งก็สามารถใช้ fast.com ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้เลย โดย fast.com จะสามารถใช้งานได้ทุกประเทศ และใช้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก Netflix หรือไม่ก็ตาม

ผู้ใช้ที่สนใจสามารถเข้าไปทดสอบได้ที่ fast.com

ที่มา - Netflix

Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกปี 2016 ยังคงเติบโตโดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,958 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิลดลงเหลือ 27.7 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จำนวนสมาชิกมีเพิ่มขึ้นถึง 6.74 ล้านราย โดยมาจากตลาดต่างประเทศถึง 4.51 ล้านราย ซึ่งก็เป็นผลจากการขยายตลาดในต่างประเทศ

ถึงแม้ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมาจะออกมาดี แต่ Netflix ก็ประเมินว่าในไตรมาสที่ 2 จำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในต่างประเทศที่จะเพิ่มไม่มากนัก เนื่องจากไตรมาสที่ 1 มีการเติบโตจากการเปิดตลาดใหม่เป็นฐานสูงอยู่แล้ว ส่วนประเทศจีนนั้นยังอยู่ในการเจรจาขอเปิดให้บริการ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อใด

ที่มา: Netflix และ Tech Trader Daily

ขึ้นชื่อว่า Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์และซีรีย์เบอร์ต้นๆ ของสหรัฐฯ ที่มีรายงานออกมาว่าแคตตาล็อกรายชื่อภาพยนตร์และรายการทีวีของค่ายนี้ในปัจจุบันมีจำนวนลดลงกว่าจาก 8,103 เรื่องในเดือนมกราคมปี 2014 ตอนนี้เหลือเพียง 5,532 เรื่องในเดือนมีนาคม 2016 (โดยเฉพาะภาพยนตร์หายไปเยอะกว่ามาก) นับเป็นกว่า 31.7% ที่มีการลดจำนวนลงไปในระยะเวลาสองปีครึ่ง ซึ่งรายงานไม่ได้บอกว่ามีภาพยนตร์หรือรายการทีวีชุดใดบ้างถูกคัดออกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ไม่มีการระบุเหตุผลถึงการหดตัวของจำนวนภาพยนตร์และรายการทีวีครั้งนี้ แต่คาดเดาว่าเป็นเพราะสูญเสียลิขสิทธิ์การเผยแพร่ให้กับคู่แข่งอย่าง Hulu และ Amazon Prime และในขณะเดียวกัน Netflix ก็พยายามสร้างภาพยนตร์ชุดไว้แพร่ภาพเฉพาะช่องทางของตัวเองด้วยเช่นกัน

ที่มา - Allflicks