หลังจาก Netflix เปิดตัวให้บริการพร้อมกันในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และในภูมิภาค คำถามหนึ่งที่ตามมาอย่างพร้อมใจกันก็คือ ทำไมไม่มีซีรี่ส์เรื่อง House of Cards ซึ่งเป็นซีรี่ส์ที่ Netflix ผลิตเพื่อฉายในแพลตฟอร์มของตนเองโดยเฉพาะ (รวมถึงซีรี่ส์อื่นที่ผลิตเองด้วยเช่นกันอย่าง Orange Is The New Black หรือ Arrested Development)
Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่ของโลก ได้เปิดบริการเพิ่มอีก 130 ประเทศ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ทำให้ต่อไปนี้ผู้ใช้บริการในไทยไม่จำเป็นต้องไปยุ่งยากดูผ่าน VPN อีกต่อไป
ราคาเริ่มต้นที่ 280 บาท ความละเอียดแบบ SD ดูได้ 1 อุปกรณ์ ราคา 350 บาท ความละเอียดแบบ HD ดูได้จาก 2 อุปกรณ์พร้อมกัน และ 420 บาท ความละเอียดแบบ UHD และดูได้จาก 4 อุปกรณ์พร้อมกัน
สมัครช่วงนี้ฟรีค่าบริการ 30 วันแรก
ที่มา - Netflix
หลังจากให้รอมาเป็นเวลาเนิ่นนาน รวมถึงมีข่าวลือต่างๆ ว่าทาง Netflix จะมาเปิดให้บริการในประเทศไทย ในวันนี้ในงาน CES 2016 ทาง CEO ของ Netflix เองได้ประกาศเปิดตัวบริการ Netflix ถึง 130 ประเทศ รวมถึงทั้งประเทศไทยด้วยครับ
โดยประเทศดังกล่าวมีไทย สิงคโปร์ ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย เวียดนาม อาเซอร์ไบจัน อินเดีย เป็นต้น
ส่วนที่น่าเสียใจในคราวนี้คือยังไม่มีประเทศจีนติดใน 130 ประเทศ
โดยราคาต่อเดือนมี 3 แบบคือ 280 บาท 350 บาท และ 420 บาท โดยสามารถใช้บริการได้ฟรีๆ ได้ในเดือนแรก
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ดูได้ที่รูปประกอบท้ายข่าว
ความฝันของไมโครซอฟท์ตามแผนการ Universal Windows Platform (UWP) ดูประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ หลังแอพดังหลายตัวทยอยออกเวอร์ชัน UWP ที่รันได้ทั้งบน Windows 10 และ Windows 10 Mobile
พันธมิตรรายล่าสุดที่เข้าร่วมทำแอพ UWP คือ Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอออนไลน์รายใหญ่ โดยแอพ Netflix แบบ Universal (Windows Store) ออกแบบให้รองรับหน้าจอหลายขนาดทั้งพีซี-แท็บเล็ต (สมาร์ทโฟนอยู่ในแผนและจะตามมาในเร็วๆ นี้) รองรับอินพุตหลายรูปแบบทั้งเมาส์และนิ้วสัมผัส และรองรับฟีเจอร์ของ Windows 10 ทั้ง Live Tiles และ Cortana
Netflix เผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของนิตยสาร Variety ถึงแผนการเข้ารหัส (encode) วิดีโอใหม่ทั้งหมด เพื่อลดปริมาณแบนด์วิดท์ที่ต้องใช้งานลง ตอบสนองปัญหา Netflix กินปริมาณข้อมูลเยอะจน ISP บ่น และการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ ที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เดิมที Netflix มีตัวเข้ารหัสวิดีโอเพียงตัวเดียวใช้งานกับวิดีโอทุกไฟล์ แบ่งความละเอียด 3 ระดับคือ 320x240 (235 kbps), 1280x720 (1750 kbps) และ 1920x1080 (5800 kbps) แต่ภายหลังบริษัทพบว่า วิดีโอแต่ละไฟล์ไม่ควรเข้ารหัสด้วยบิตเรตระดับเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การ์ตูนแอนิเมชันที่มีความซับซ้อนของสีน้อย สามารถลดบิตเรตลงได้มากโดยยังรักษาคุณภาพของวิดีโอเอาไว้ได้
Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2015 มีรายได้ 1,738.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 50% เหลือ 29.4 ล้านดอลลาร์ โดยธุรกิจหลักอย่างสตรีมมิ่งมีรายได้ 1,581 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมา 6.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้
จำนวนผู้ใช้งาน Netflix เพิ่มขึ้นมาอีก 3.62 ล้านคน แบ่งเป็นในอเมริกา 0.88 ล้านคน และต่างประเทศ 2.74 ล้านคน ทำให้ตอนนี้มีผู้ใช้งานทั่วโลก 69.17 ล้านคน
แม้การเติบโตภาพรวมยังดูดี แต่การเติบโตในอเมริกานั้นเริ่มเห็นสัญญาณถดถอยติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สองแล้วครับ
ที่มา: The Verge
Netflix เคยบอกไว้ว่าจะเปิดให้บริการใน 200 ประเทศภายในปี 2016 รวมทั้งในเอเชียเช่น เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง และไต้หวัน ล่าสุดได้ประกาศขยายการให้บริการมาประเทศกัมพูชาแล้ว
หนังสือพิมพ์ The Phnom Penh Post อ้างคำพูดของโฆษก Netflix ว่าบริษัทจะขยายการให้บริการไปทั่วโลกภายในปี 2016 และนั่นรวมถึงประเทศกัมพูชาด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยค่าสมาชิกออกมา
นอกจากวงการเกมจะได้สัมผัสประสบการณ์ Virtual Reality ช่วงต้นปีหน้าพร้อมกับการมาของ Oculus Rift แล้ว ฝั่งคนชอบดูรายการทีวีอย่าง Netflix ก็กำลังจะได้ดูคอนเทนต์ในรูปแบบ VR เช่นกัน
พร้อมๆ กับการเปิดตัว Gear VR รุ่นจริงที่ซัมซุงเกริ่นไว้แล้วว่าทำได้มากกว่าแค่เล่นเกม ทาง Netflix ก็ออกมารับลูกต่อด้วยการเปิดตัวบริการใหม่เพื่อมาตอบโจทย์ว่าที่ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีแผนจะซื้อ Gear VR หรือ Oculus Rift มาใช้ ด้วยการเพิ่มแอพ Netflix สำหรับใช้งานกับอุปกรณ์ VR อย่างเป็นทางการ
คอนเทนต์ที่เคยรับชมได้ผ่าน Netflix ปกติ จะสามารถเข้าถึงได้จากแอพ Netflix เวอร์ชันสำหรับ VR เช่นกัน โดยฟีเจอร์หลักๆ ในช่วงแรกจะเป็นการทำให้สามารถชมคอนเทนต์ได้จากอุปกรณ์ VR ก่อนจะขยับไปทำรายการสั้นๆ ในอนาคต
ไม่กี่วันก่อน มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งได้รับแบบสำรวจจาก Chadwick Martin Bailey ส่งในนาม EA โดยเนื้อหาในแบบสำรวจมีข้อความเกี่ยวกับบริการ ระยะเวลาปล่อยให้เล่นหลังจากเกมออกวางขาย และราคาสมาชิกรายเดือน
ภายในแบบสำรวจ ยังมีชื่อผู้จัดจำหน่ายเกมชื่อดัง อย่างเช่น Ubisoft, Activision, Bethesda, Take-Two และเกมจากผู้จัดจำหน่ายดังกล่าวปรากฏอยู่ด้วย ราวกับว่า EA พยายามจะทำบริการคล้ายๆ Netflix คือ จ่ายเงินรายเดือน และเลือกเล่นเกมจากคลังได้ตามใจชอบ ซึ่ง EA ก็มีบริการแบบเดียวกันนี้อยู่แล้ว คือ EA Access แต่มีเฉพาะบน Xbox One เท่านั้น (บ้านเราถ้าให้เทียบง่ายๆ น่าจะคล้าย Apple Music แต่เป็นในรูปแบบเกม)
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix ผู้ให้บริการสตรีมรายการทีวีชื่อดังออกมาให้แสดงการเติบโตของ Netflix ตลอดช่วงให้บริการมา รวมถึงความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของวงการทีวีว่าจะเดินไปในทิศทางใด
Hastings บอกว่าเมื่อ 13 ปีก่อน ราคาหุ้นของ Netflix มูลค่าเพียง 85 เซนต์ต่อหุ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันถีบตัวไปมากกว่า 100 เหรียญแล้ว แสดงให้เห็นถึงความนิยมของการรับชมทีวีที่เปลี่ยนไป จากการเข้ามาของอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้ Netflix เริ่มมีบทบาทในวงการทีวีมากขึ้น เริ่มถ่ายทำซีรีส์ของตัวเอง และได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี จากการวิเคราะห์ข้อมูลภายใน สวนทางกับช่องทีวีแบบดั้งเดิมที่เริ่มมีปัญหารายได้หดตัวในช่วงที่ผ่านมา
บริการดูวิดีโอออนไลน์ Netflix ประกาศเตรียมเปิดให้บริการเพิ่มเติมในอีกหลายประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในต้นปีหน้า
Netflix เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจะสร้างการเติบโตโดยการออกสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมาย 200 ประเทศ ภายในปี 2016 ซึ่ง Netflix เองก็เพิ่งเริ่มทำตลาดในทวีปเอเชีย โดยเริ่มต้นที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ที่มา: Reuters
ช่วงหลังผู้ให้บริการวิดีโอออนไลน์บางราย เช่น Amazon Prime Instant Video เริ่มเปิดฟีเจอร์การดูหนังแบบออฟไลน์กันแล้ว คำถามจึงไปอยู่ที่เจ้าตลาดอย่าง Netflix ว่ามีแผนอย่างไรในเรื่องนี้
Neil Hunt ผู้บริหารของ Netflix ตอบคำถามนี้กับ Gizmodo UK ว่าฟีเจอร์นี้มีผู้ใช้เรียกร้องกันมาเยอะ แต่เขาไม่แน่ใจว่าถ้าทำจริงๆ แล้วจะมีคนใช้เยอะจริงหรือไม่ นอกจากนี้การเปิดให้ดูหนังออฟไลน์ได้จะเพิ่มความซับซ้อนในการใช้งานอีกมาก เช่น ต้องเช็คว่ามีพื้นที่เก็บข้อมูลพอหรือไม่ ต้องสั่งดาวน์โหลดก่อนดู หนังบางเรื่องห้ามดาวน์โหลด ความซับซ้อนเหล่านี้เป็นข้อเสียด้านกลับของการมีตัวเลือกมากเกินไป จนผู้ใช้ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกแบบไหน (paradox of choices)
ผู้ผลิตเบราว์เซอร์ 3 รายใหญ่คือ Mozilla, Google, Microsoft ร่วมกับบริษัทไอทีอีกหลายราย ได้แก่ Amazon, Intel, Cisco, Netflix ประกาศตั้งกลุ่ม Alliance for Open Media พัฒนา codec วิดีโอยุคถัดไปที่ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้สิทธิบัตร
ปัญหานี้เกิดจาก codec รุ่นหน้า H.265 มีค่าใช้งานแพงกว่า H.264 ในปัจจุบันมาก จนเป็นเหตุให้ Cisco ออกมาประกาศโครงการ Thor เพื่อเป็นทางเลือกใหม่เมื่อไม่นานมานี้
ฝั่งของ Google มีโครงการ VP9/VP10 ของตัวเอง และ Mozilla ก็มีโครงการแบบเดียวกันชื่อ Daala สุดท้ายทุกฝ่ายจึงมารวมกลุ่มกันเป็น Alliance for Open Media เพื่อพัฒนา codec ร่วมกัน
Opera Max เป็นแอพบน Android สำหรับช่วยบีบอัดทราฟฟิกเว็บ โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท Opera (แยกเป็นแอพคนละตัวกับเบราว์เซอร์ Opera) เป้าหมายของมันคือช่วยให้คนที่แพ็กเกจเน็ตน้อยๆ ประหยัดค่าเน็ตมากขึ้น
ล่าสุด Opera Max ไปไกลกว่าเดิม ขยับขยายจากการบีบอัดทราฟฟิกเว็บปกติ มาเป็นการบีบอัดทราฟฟิกวิดีโอจาก YouTube และ Netflix ได้ด้วย ทางบริษัทระบุว่าเทคโนโลยีบีบอัดวิดีโอของตัวเองจะไม่สูญเสียคุณภาพของวิดีโอมากนัก และช่วยลดการบัฟเฟอร์ไฟล์วิดีโอลงด้วย
Opera ระบุว่าจะพัฒนา Opera Max ให้รองรับการบีบอัดวิดีโอจากผู้ให้บริการรายอื่นเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
บริษัทวิดีโอออนไลน์ Netflix ออกมาประกาศนโยบายสนับสนุนพนักงานที่เพิ่งมีบุตร โดยพนักงาน (ทั้งชายและหญิง) สามารถหยุดงานเพื่อดูแลบุตรได้ไม่อั้นในรอบ 1 ปีแรกหลังเด็กเกิด และ Netflix จะจ่ายเงินเดือนให้เต็มจำนวน
Netflix บอกว่าพนักงานจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าพร้อมกลับมาทำงานเมื่อไร อยากกลับมาทำงานพาร์ทไทม์-ฟูลไทม์ หรือจะมาทำงานแล้วขอหยุดอีกก็เป็นไปได้ทั้งหมด บริษัทยินดีจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวนเพื่อไม่ให้พนักงานต้องปวดหัวกับการคิดค่าตอบแทน และช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจเรื่องรายได้ในช่วง 1 ปีแรกด้วย
Netflix อธิบายว่าความสำเร็จของบริษัทมาจากพนักงานชั้นเลิศ และบริษัทพบว่าพนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพเมื่อไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงที่บ้าน
Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 1,644.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นรายได้จากสตรีมมิ่ง 1,481 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นรายได้ในอเมริกา 1,026 ล้านดอลลาร์ รายได้จากต่างประเทศ 455 ล้านดอลลาร์ สุทธิแล้วมีกำไร 26 ล้านดอลลาร์
ไตรมาสที่ผ่านมา Netflix มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 3.3 ล้านราย แบ่งเป็นในอเมริกา 0.9 ล้านราย และต่างประเทศ 2.4 ล้านราย รวมมีสมาชิก 65.55 ล้านราย ซึ่งเป็นสมาชิกแบบจ่ายเงินค่าบริการ 62.71 ล้านราย
Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต จากเดิมเคยนำภาพยนตร์ทั่วไปมาฉาย แต่ตอนนี้หันมาเริ่มทำภาพยนตร์เองแล้ว
รายละเอียดของภาพยนต์ที่ Netflix สร้างเองและนำมาฉายบนเว็บไซต์ ทั้ง 4 เรื่อง
เรื่องนี้อาจกลายเป็นประเด็นใหม่ของธุรกิจออนไลน์ เมื่อเมืองชิคาโกเริ่มเก็บ "ภาษีคลาวด์" สำหรับ "บริการด้านความบันเทิง" ที่เผยแพร่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ภาษีคลาวด์มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Amusement Tax โดยจะเก็บภาษีกับบริการด้านความบันเทิง เช่น การแสดง นิทรรศการ ภาพยนตร์ ละครสัตว์ กีฬา ฯลฯ ที่เผยแพร่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นมีสายหรือไร้สาย รวมถึงผ่านสื่อวิทยุ-โทรทัศน์แบบเดิมด้วย ภาษีตัวนี้จะเก็บเฉพาะบริการแบบเสียเงินเท่านั้น (ด้วยอัตรา 9%) และจะนับเฉพาะรายได้จากผู้ชมที่อยู่ในเมืองชิคาโกเท่านั้น เริ่มมีผลวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป
Alibaba บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีนได้เปิดตัว TBO หรือ Tmall Box Office บริการออนไลน์วิดีโอสตรีมมิงในอีก 2 เดือน ท่ามกลางการแข่งขันบริการวิดีโอสตรีมมิงที่ค่อนข้างสูงในจีน
Alibaba ตั้งเป้าจะให้บริการ TBO ของตัวเองเป็นเหมือน HBO และ Netflix ของสหรัฐ โดยจะมีทั้งแบบเหมาจ่ายรายเดือน และจ่ายดูทีละเรื่อง ซึ่ง TBO มีคอนเทนท์ถูกลิขสิทธิ์จากทั้งของจีนเองและของต่างชาติและมีแผนทำซีรีย์ของตัวเอง (in-house programs) เช่นเดียวกับ House of Cards ของ Netflix
อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าทาง Netflix จะมีแผนเข้ามาลงทุนในจีนอยู่เช่นเดียวกัน
ที่มา - Reuters
เว็บไซต์ของนิตยสาร Fortune รายงานโดยอ้างอิงรายงานวิจัยของ Sandvine บริษัทที่ทำธุรกิจด้านอุปกรณ์เครือข่ายของแคนาดาที่ระบุว่า ภายในปีนี้ ทราฟฟิกของอินเทอร์เน็ตเกินครึ่งจะถูกเข้ารหัส สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความนิยมของบริการรับชมวิดีโอออนไลน์อย่าง Netflix ที่ถือเป็นบริการซึ่งครอบครองช่องทางการสื่อสารอินเทอร์เน็ตเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั่นเอง
Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2015 มีรายได้ 1,573 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นรายได้จากสตรีมมิ่ง 1,400 ล้านดอลลาร์ แยกเป็นในอเมริกา 985 ล้านดอลลาร์ (70%) และต่างประเทศ 415 ล้านดอลลาร์ (30%) มีกำไรขั้นต้น 17.7% และกำไรสุทธิ 24 ล้านดอลลาร์
จำนวนสมาชิกที่เพิ่มมาในไตรมาสนี้เพิ่มสูงกว่าที่บริษัทเคยประเมินไว้ โดยเพิ่มมา 4.9 ล้านราย แบ่งเป็นในอเมริกา 2.3 ล้านราย และต่างประเทศ 1.8 ล้านราย รวมมีสมาชิกทั่วโลก 62.27 ล้านราย ซึ่งเป็นสมาชิกที่จ่ายเงินค่าบริการ 59.62 ล้านราย
ที่ผ่านมา บริการดูหนังออนไลน์ Netflix ยังเปิดบริการเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกเท่านั้น แต่ล่าสุดบริษัทก็ประกาศแผนการขยายตลาดในขั้นต่อไปดังนี้
ที่มา - Netflix
Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2014 มีรายได้รวม 1,485 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้จากสตรีมมิ่ง 1,305 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 83.37 ล้านดอลลาร์
Netflix มีจำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4.33 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา รวมแล้ว 57.39 ล้านคน และเป็นสมาชิกที่เสียเงินถึง 54.48 ล้านคน ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีสมาชิกเป็น 61.4 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2015
ซีอีโอ Reed Hastings ยังเปิดเผยแผนงานในอนาคตของ Netflix ที่น่าสนใจไว้ดังนี้
หลังจากภาพยนตร์เจ้าปัญหา The Interview สามารถกวาดรายได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปแล้ว 31 ล้านดอลลาร์ และตอนนี้ The Interview จะมีผู้ช่วยกระจายภาพยนตร์อีกทางคือผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ Netflix
Netflix ได้กล่าวในรายงานมาพร้อมรายงานประจำไตรมาสที่ส่งให้ผู้ถือหุ้นว่าทางบริษัทเตรียมเปิดให้สตรีมภาพยนตร์ The Interview วันเสาร์ที่ 24 มกราคมนี้สำหรับสมาชิกในอเมริกาและแคนาดา และ 6 กุมภาพันธ์นี้ในสหราชอาณาจักร
ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาอย่าง Netflix ได้เริ่มออกมาจัดการกับผู้ใช้ที่เข้าถึงเนื้อหาจากนอกประเทศด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว โดยมีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากว่าไม่สามารถใช้เทคนิคเดิมๆ ในการเข้าถึงบริการของ Netflix จากนอกสหรัฐอเมริกาได้ในตอนนี้