Nielsen รายงานส่วนแบ่งการชมเนื้อหาผ่านทีวีของคนดูในอเมริกา ซึ่งเป็นรายงานรายเดือน The Guage พบว่าข้อมูลของเดือนกรกฎาคม 2023 การรับชมรายการผ่านวิธีเดิม (Linear TV) ที่รวมสองส่วนคือ การรับชมรายการปกติ (Broadcast) และการรับชมผ่านช่องเคเบิ้ล มีส่วนแบ่งน้อยกว่า 50% เป็นครั้งแรก โดย Broadcast มี 20.0% และเคเบิ้ลทีวีมี 29.6% รวม 49.6%
ช่องทางรับชมที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งหลักก็คือสตรีมมิ่ง ซึ่งหลายแพลตฟอร์มก็ทำสถิติส่วนแบ่งสูงสุดในเดือนนี้ด้วยดังนี้ YouTube 9.2% (ไม่รวม YouTube TV), Netflix 8.5%, Amazon Prime Video 3.4%
Nielsen รายงานตัวเลขการชมเนื้อหาทางทีวีของคนดูในอเมริกา ของเดือนกรกฎาคม 2022 มีประเด็นสำคัญคือหากแยกกลุ่มประเภทที่มาของเนื้อหา การรับชมเนื้อหาจากบริการสตรีมมิ่ง มีส่วนแบ่งรวมสูงกว่ารายการทางเคเบิ้ลทีวีเป็นครั้งแรก โดยเมื่อปีก่อนสตรีมมิ่งก็แซงรายการทางทีวีแบบเดิม (Linear)
สตรีมมิ่งมีส่วนแบ่งการรับชม 34.8% ตามด้วยรายการทางเคเบิ้ล 34.4% รายการทีวีออกอากาศแบบเดิม 21.6% และอื่น ๆ (เล่นเกม ดู DVD ฯลฯ) 9.2% ทั้งนี้แนวโน้มส่วนแบ่งของสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาแล้ว 4 เดือน ซึ่งน่าสนใจว่าทิศทางจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะท่าทีทั้งจาก Netflix และ Disney+ ในไตรมาสที่ผ่านมา สะท้อนว่าลูกค้าสตรีมมิ่งในอเมริกาเริ่มเติบโตน้อยลง
Nielsen เปิดตัว The Gauge การจัดเรตติ้งการดูเนื้อหาในทีวีทั้งหมด หรือ Total Usage of Television (TUT) เป็นรายเดือน ให้รู้กันไปเลยว่า คนใช้งานสตรีมมิ่งเยอะกว่าเคเบิลทีวีแล้วจริงหรือไม่ โดยแบ่งประเภทเนื้อหาออกเป็นเนื้อหาสำหรับออกอากาศ, สตรีมมิ่ง, เคเบิล และอื่นๆ
จากรายงานใหม่ของ The Gauge ซึ่งจัดเรตติ้งในทีวีสหรัฐฯ พบว่าคนยังคงดูทีวีแบบเก่า คือดูรายการออกอากาศ และเคเบิลทีวี คิดเป็น 25% และ 39% ตามลำดับ ส่วนสตรีมมิ่งนั้นอยู่ที่ 26%
ครั้งแรกของ Nielsen จัดอันดับ ซีรีส์, หนังที่คนสหรัฐฯ ดูมากที่สุดประจำปี 2020 โดยวัดจากการดูผ่านสตรีมมิ่ง Netflix, Disney+, Hulu และ Amazon พบว่าคนยังนิยมดูซีรีส์เก่าอย่าง The Office, Grey’s Anatomy, Criminal Minds มากกว่าซีรีส์ใหม่ๆ ส่วนหนังที่ดูมากที่สุดคือ Frozen 2
แม้ Netflix ไม่มีแผนจะประกาศว่าหนังเรื่อง The Irishman ที่ Netflix ลงทุนสร้างและได้รับผลตอบรับที่ดีนั้นมียอดคนดูเท่าไร แต่ Nielsen ได้ออกมาบอกตัวเลขแล้วว่า เฉพาะในสหรัฐฯ มีคนดู 17.1 ล้านคนใน 5 วันแรก ทำสถิติได้ดีกว่า Breaking Bad ฉบับหนัง แต่ยังไม่เท่า Bird Box ที่มีคนดู 26 ล้านรายใน 5 วันแรก
Nielsen เผยรายงานตัวเลขการฟังสตรีมมิ่งเพลงในครึ่งปีแรก 2019 พบว่า มียอดการฟัง 507.7 พันล้านครั้ง ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันจากปีที่แล้ว 31.6 % ถือเป็น new high ครั้งใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จของศิลปินดังอย่าง Ariana Grande, Billie Eilish, Halsey, Khalid, BTS, Lil Nas X และ Bad Bunny
Nielsen ออกรายงานจัดอันดับยอดขายเพลงประจำปี 2017 ยอดขายอัลบั้มและเพลง (ทั้งอัลบั้มแบบเป็นซีดี และอัลบั้มดิจิทัล) โดยรวมลดลง 17.7% ส่วนการบริโภคเพลงผ่านสตรีมมิ่งหรือบริการ On-Demand Audio Streaming ยังเติบโตต่อเนื่องจนกลายเป็นช่องทางหลักในการเสพคอนเทนต์เพลงไปแล้ว
Nielsen จัดเรตติ้งรายการทีวีมานานนับศตวรรษประกาศว่าบริษัทจะเพิ่มการจัดเรตติ้งเนื้อหาบนสตรีมมิ่ง หรือ SVOD (Subscription Video On Demand)ด้วย โดยจะจัดทำเป็นกราฟิกและสถิติออกมาเหมือนกับที่จัดเรตติ้งรายการทีวี
Nielsen ระบุว่าตอนนี้มีบริษัทสตรีมมิ่งมาลงทะเบียนแล้วคือ 8 เครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทสตูดิโอ, Disney-ABC, Lionsgate, NBCUniversal, Warner Brothers (เป็นการติดตามตัวเลขผ่าน Netflix) และอนาคตคาดว่าจะมี Amazon Prime และ Hulu ด้วย
อย่างไรก็ตามเรตติ้งจาก Nielsen ยังถูกวิจารณ์ว่าไม่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะไม่ได้นับการดูผ่านมือถือเข้าไปด้วย โฆษก Netflix ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อมูลที่ Nielsen มีไม่ใกล้เคียงความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย
ตอนสุดท้ายของ Game of Thrones ซีซั่น 7 "The Wolf and the Dragon" ไม่เพียงทำเรตติ้งสูงสุดในบรรดาทุกตอนของซีรี่ซีซั่นล่าสุด แต่ยังได้เรตติ้งสูงตลอดทั้ง 7 ซีซั่น
Nielsen ระบุว่า The Wolf and the Dragon มีคนดูผ่านทีวี 12.1 ล้านราย ทำลายสถิติปีที่แล้วที่มีคนดู 8.9 ล้านราย The Hollywood Reporter ระบุว่ามีตัวเลขคนดู 16.5 ล้านรายถ้ารวมดูสดเวลาออนแอร์ กับดูรอบดลางคืน รวมทั้งซีซั่นเป็น 31 ล้านรายที่ดู สูงกว่า ซีซั่น 6 ถึง 34%
ถึงจะเป็นที่รู้กันว่าอุตสาหกรรม eSports กำลังมา แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งผู้ชมและนักลงทุนยังคงมีความสงสัยคือความแม่นยำของข้อมูลและตัวเลข เพราะแต่ละแหล่งต่างก็ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน แต่ปัญหานี้กำลังจะมีผู้เข้ามาตอบ เพราะ Nielsen บริษัทวิจัยการตลาดชื่อดังได้เปิดตัวแผนกใหม่ Nielsen Esports เพื่อลงมาเล่นในตลาด eSports โดยเฉพาะ
Nielsen บริษัทวิจัยเรตติ้งออกรายงานวิจัยปี 2016 ออกมา พบว่า สตรีมมิ่งเพลงกลายเป็นช่องทางหลักของคนอเมริกันในการฟังเพลงและอุดหนุนเพลงไปแล้ว ข้อมูลทั้งปี 2016 ระบุว่ามียอดซื้อขายกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า76% และมีสัดส่วนคิดเป็น 38% ของอุตสาหกรรมเพลงทั้งหมด
Nielsen เพิ่มเติมว่าส่วนหนึ่งที่สตรีมมิ่งประสบความสำเร็จคือ เป็นแพลตฟอร์มสำหรับแฟนเพลงฮิปฮอปและ R&B เป็นแนวเพลงที่มีการดาวน์โหลดสูง คิดเป็น 22% ของเพลงทั้งหมดบนสตรีมมิ่ง รองลงมาเป็นเพลงร็อค
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen สรุปสถิติแอพยอดนิยมของสมาร์ทโฟนในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2016 แชมป์เป็นของ Facebook ที่มีผู้ใช้เฉลี่ย 146 ล้านคน เติบโตขึ้น 14% จากปีที่แล้ว ส่วนอันดับสองเป็นของ Facebook Messenger มีผู้ใช้เฉลี่ย 129 ล้านคน เติบโต 28%
อันดับ 3-7 เป็นแอพของกูเกิลทั้งหมด ได้แก่ YouTube, Google Maps, Google Search, Google Play, Gmail ตามด้วยอันดับ 8 Instagram, อันดับ 9 Apple Music และอันดับสิบ Amazon App ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด 43%
ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐ (นับถึงไตรมาสที่สามของปี 2016) คือ Android 53%, iOS 45%, Windows Phone 2%, BlackBerry 1%
ที่มา - Nielsen, TechCrunch
บริษัทวิจัยการตลาด Nielsen เผยผลการวิเคราะห์ใหม่เรื่องเกมมือถือ จะตายหรือจะรอด ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่นักพัฒนาคิดค้นขึ้นมาว่าน่าสนใจแค่ไหน รวมถึงการอัพเดตเนื้อหาเกมหลังการเปิดตัว
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen ออกรายงานสภาพตลาดเพลงแบบสตรีมมิ่งประจำปี 2015 (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา) พบว่าตลาดรวมโตขึ้น 92.8% (นับรวมทั้งเพลงและมิวสิควิดีโอ) โดยตัวเลขนี้รวมจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายราย เช่น Spotify, YouTube, Beats, Google Play Music, Xbox Music, AOL
ถ้าแยกคิดเฉพาะเพลง ตลาดโตขึ้น 83% ส่วนวิดีโอเติบโต 102%, เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มสตรีมมิ่งคืออัลบั้ม Purpose ของ Justin Bieber ทำสถิติคนฟังสตรีมเกิน 100 ล้านครั้งภายในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว
อีกตลาดที่เติบโตแบบเงียบๆ คือ "แผ่นเสียง" ที่ขายได้ 12 ล้านแผ่นในปี 2015 ถือเป็นการเติบโตต่อเนื่องมา 10 ปีติดต่อกันแล้ว
บริษัทสำรวจสถิติสื่อ Nielsen รายงานอันดับแอพยอดนิยมประจำปี 2015 (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา) โดยวัดจากการใช้งานของกลุ่มตัวอย่างประมาณ 9 พันคน และการสำรวจข้อมูลผู้ใช้อีก 30,000 กว่าคน แชมป์ยังเป็นของ Facebook ที่ผู้ใช้เฉลี่ยประมาณ 126.7 ล้านคน
อันดับสอง YouTube ตามมาห่างๆ ที่ 97.6 ล้านคน ส่วนอันดับสาม Facebook Messenger ตามติดด้วยยอดผู้ใช้ 96.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31% จากปีที่แล้ว (และถือเป็นแอพที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดใน Top 10)
อันดับ 4-7 เป็นแอพของกูเกิลคือ Google Search, Google Play, Google Maps, Gmail อันดับ 8 Instagram ส่วนอันดับ 9-10 คือ Apple Music และ Apple Maps (เท่ากับว่า Top 10 มีแอพจากเพียง 3 บริษัทคือ Facebook, Google, Apple)
บริษัท Nielsen Entertainment เผยข้อมูลอุตสาหกรรมเพลงในปี 2014 จากระบบวิเคราะห์และเก็บสถิติ Nielsen SoundScan ได้ข้อมูลที่น่าสนใจคือ การขายเพลงผ่านช่องทางดิจิทัลนั้นมีสัดส่วนที่ลดลง 9% เหมือนปีที่แล้ว สวนทางกับการสตรีมเพลงที่เติบโตถึง 54% ซึ่งหากมองโดยรวมของตลาดดิจิทัลแล้วก็ยังคงเติบโตสูงอยู่
หากมองยอดขายเพลงเป็นอัลบั้ม (ทั้งแบบ physical และ digital) พบว่าปรับตัวลดลงถึง 11.2% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือยอดขายแผ่นเสียงแบบไวนิลกลับเติบโตสูงถึง 52% ถือเป็นยอดขายที่เติบโตดีที่สุดตั้งแต่ปี 1991 แต่ทั้งนี้ยอดขายแผ่นเสียงแบบไวนิลมีเพียง 3.6% ของยอดขายเพลงเป็นอัลบั้มเท่านั้น และหากดูยอดขายซื้อขาดเป็นเพลงก็มียอดขายลดลง 12.5%
Nielsen SoundScan หน่วยวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมดนตรีของ Nielsen ให้ข้อมูลว่ายอดขายเพลงดิจิทัลในปี 2013 มีจำนวนเพลงลดลง 5.7% จากปี 2012 (ขายได้ 1.26 พันล้านเพลง) ส่วนยอดขายแบบทั้งอัลบั้มก็ลดลงเล็กน้อย 0.1% จากปีก่อน
สถิตินี้ถือเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจขายเพลงออนไลน์หดตัวลง ส่วนเหตุผลก็ไม่น่าแปลกใจครับ เพราะว่าธุรกิจเพลงออนไลน์เริ่มเปลี่ยนจากการขายขาดเป็นเพลงๆ หรืออัลบั้ม มาเป็นการจ่ายเหมาเพื่อฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งเป็นรายเดือนแทน (SoundScan ยังไม่ประกาศสถิติของธุรกิจเพลงแบบสตรีมมิ่ง)
Nielsen เผยสถิติแอพยอดนิยมประจำปี 2013 (นับเฉพาะ iOS กับ Android) โดยใช้ข้อมูลช่วง 10 เดือนแรกของปี แชมป์เป็นของ Facebook แบบทิ้งห่าง แต่อันดับ 2-6 เป็นแอพจากกูเกิลแบบเบ็ดเสร็จ
เว็บที่คนอเมริกันใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดยังเป็นเครือกูเกิล ส่วนเว็บวิดีโออันดับหนึ่งในสหรัฐก็คือ YouTube ตามคาด
เว็บไซต์ Mashable เผยข้อมูลระยะเวลาการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเฉลี่ยต่อเดือนที่เก็บรวบรวมโดย Nielsen ประจำเดือนมีนาคม ผลปรากฎว่าผู้นำอย่าง Facebook ทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง Google+ อย่างมาก
โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้ Google+ เข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ทั้งเดือนนั้นน้อยนิดเพียง 6 นาทีกว่าๆ ในขณะที่ Facebook นั้นอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 44 นาที
เห็นตัวเลขข้างบนแล้วอาจจะดูว่า Google+ ย่ำแย่ แต่ตัวเลข 6 นาทีที่ว่านั้นเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเมื่อ 2012 ถึงเกือบเท่าตัว ในขณะที่ Facebook เองกลับลดลงจากเมื่อปีก่อนที่เคยทำเวลาได้ถึง 7 ชั่วโมง 9 นาที
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen เผยสถิติยอดฮิตของโลกดิจิทัลในปี 2012
ส่วนของเว็บ (เฉพาะแบรนด์ในสหรัฐ) กูเกิลยังนำมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยผู้เข้าชมเฉลี่ยต่อเดือน 172 ล้านราย (ไม่นับ YouTube), ตามด้วย Facebook 153 ล้านราย, Yahoo! 141 ล้านราย, YouTube 128 ล้านราย
วงการวิดีโอออนไลน์ในสหรัฐ แชมป์ยังเป็นของ YouTube แบบทิ้งห่าง มีจำนวนสตรีมเฉลี่ยมากขึ้น 1.5 หมื่นล้านสตรีมต่อเดือน ในขณะที่อันดับสอง Yahoo! มีสตรีมเพียง 354 ล้านสตรีมต่อเดือนเท่านั้น (แต่อันดับเรียงตามจำนวนผู้เข้าชม ไม่ใช่สตรีมครับ)
แอพยอดนิยมฝั่ง Android ประจำปี 2012 (วัดจากจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือน)
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen ประกาศความร่วมมือกับ Twitter วันนี้เพื่อพัฒนาระบบวัดเรทติ้งรายการโทรทัศน์ "Nielsen Twitter TV Rating" ซึ่งใช้ข้อมูลจากใน Twitter เป็นตัววัดผล โดย Twitter บอกว่าระบบนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์มีมาตรฐานกลางในการอ้างอิงความนิยม
ในส่วน Nielsen ก็บอกว่าระบบวัดเรทติ้งใหม่นี้จะเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ และทำให้ผู้ผลิตรายการพัฒนารายการให้เหมาะสมกับพฤติกรรมคนดูที่ใช้งานสองหน้าจอไปพร้อมกันด้วย โดยสาเหตุที่เลือก Twitter ก็เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ชี้วัดหัวข้อความนิยม ณ ขณะเวลานั้นได้ดีที่สุด
บริษัทวิจัย Nielsen เผยผลสำรวจความคิดเห็นจากประชากรสหรัฐต่อการฟังเพลงในยุคปัจจุบัน พบว่า "วัยรุ่น" (ในข่าวไม่ระบุช่วงอายุว่าเท่าไร) นิยมฟังเพลงจาก YouTube มากที่สุด คิดเป็น 64% ของกลุ่มสำรวจ อันดับสองเป็นวิทยุ 56% ตามด้วย iTunes 53% และซีดี 50%
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าค้นพบหรือรู้จักเพลงใหม่ๆ จากที่ใด แชมป์กลับเป็นสื่อเก่าอย่างวิทยุ 48% ส่วน YouTube มีแค่ 7% เท่านั้น (อีกคำตอบคือเพื่อนหรือคนรู้จักแนะนำ 10%)
แอพฟังเพลงยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนคือแอพฟังเพลง 54%, แอพวิทยุ 47% และแอพซื้อเพลง 26% นอกจากนี้ผู้ที่ซื้อเพลงผ่านระบบดิจิทัล 61% ยังระบุว่ามีความคุ้มค่าระดับสูงถึงสูงมาก ในขณะที่ตัวเลขสำหรับการซื้อซีดีต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 55%
ผลสำรวจสถิติผู้บริโภคสหรัฐกับการซื้อโทรศัพท์มือถือของ Nielsen พบว่าตอนนี้ 54.9% ของผู้ใช้มือถือสหรัฐใช้สมาร์ทโฟนแล้ว และสำหรับผู้ที่จะซื้อหามือถือใหม่ในช่วงนี้ 2/3 คือสมาร์ทโฟนแล้ว
สำหรับส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการต่อสมาร์ทโฟนทั้งหมด Android เพิ่มอีกเล็กน้อยเป็น 51.8% ตามด้วย iOS 34.3% และ BlackBerry 8.1% แต่ถ้านับเฉพาะผู้ซื้อสมาร์ทโฟนในรอบ 3 เดือนล่าสุด ตัวเลขจะกลายเป็น 54.6%/36.3%/4.0% ตามลำดับ
ส่วนแบ่งตลาดผู้ผลิตมือถือในสหรัฐ แอปเปิลยังนำที่ 34% ตามด้วยซัมซุง 17% เอชทีซี 14% โมโตโรลา 11%
ที่มา - Nielsen
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen เผยข้อมูลการใช้มือถือของคนสหรัฐ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2012 โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีสัดส่วนเกือบครึ่ง (49.7%) ของผู้ใช้มือถือทั้งหมดในสหรัฐแล้ว
อัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟนในสหรัฐถือว่าสูงมาก โดยเมื่อ 1 ปีก่อนคือเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ตัวเลขนี้ยังอยู่ที่ 36% เท่านั้น และถ้าคิดเฉพาะผู้ซื้อมือถือใหม่ในรอบ 3 เดือนล่าสุด สมาร์ทโฟนมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 2 ใน 3 เลยทีเดียว
สำหรับส่วนแบ่งตลาดของระบบปฏิบัติการ Android ครองแชมป์ด้วยสัดส่วน 48% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมด ตามด้วย iOS 32%, BlackBerry 12% และระบบปฏิบัติการอื่นๆ 8%
ผลสำรวจล่าสุดจาก Nielsen ชี้ให้เห็นว่า 56 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนอเมริกานั้น จะมีคอนโซลเกม Xbox 360, PlayStation 3 และ Wii อยู่ ลองคิดดูเล่นๆ ครับ ถ้าเรามีบ้านอยู่ในอเมริกา ก็จะมีโอกาสสูงที่เพื่อนบ้างข้างๆ (และบ้านเราเอง) จะมีคอนโซลเกมเหล่านี้อยู่ในบ้านด้วย
เวลาในการเล่นเกมของชาวอเมริกายังเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้อุปกรณ์พกพาต่างๆ อย่างโทรศัพท์มือถือในการเล่นเกมมากขึ้น
ในเรื่องของเครื่องเกมแบบพกพานั้น Nielsen พบว่ากว่า 39 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนอเมริกามีอุปกรณ์ที่ใช้งาน iOS อยู่และ 50 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุ 6-12 ปี จะเป็นเจ้าของ Nintendo DS