OpenAI ประกาศฟีเจอร์ฝั่งนักพัฒนาชุดใหญ่ โดยฟีเจอร์สำคัญคือการเปิด API รับข้อมูลเสียงโดยตรงเปิดทางสร้างแอปพลิเคชั่นคุยแบบธรรมชาติใน Advanced Voice Mode จากเดิมที่นักพัฒนานอก OpenAI ไม่สามารถทำแอปเหมือนกันได้
การรับเสียงจะสามารถใช้งานได้ทาง Realtime API ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน WebSocket แทน HTTP แบบเดิม แม้จะออกแบบมาเพื่อคุยเสียงเป็นหลักแต่ที่จริงก็ใช้คุยแชตข้อความปกติได้ พร้อมกันนี้ Chat API เดิมก็จะรองรับข้อมูลเสียงและโมเดล GPT-4o สามารถตอบกลับเป็นเสียงได้เหมือนกัน แม้จะไม่ตอบกลับทันทีเหมือน Realtime API
มีรายงานจาก The Information เปิดเผยผู้ลงทุนอีกรายในการเพิ่มทุนรอบใหม่ของ OpenAI ที่ซีเอฟโอคาดว่าจะประกาศได้ในสัปดาห์นี้นั่นคือ SoftBank โดยคาดว่าจะร่วมลงทุนเป็นเงิน 500 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนเงินรวมจากนักลงทุนที่ OpenAI จะได้รับในรอบนี้อยู่ที่ราว 6,500 ล้านดอลลาร์ บนมูลค่ากิจการ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ OpenAI อาจต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้รองรับระบบส่วนแบ่งกำไรเพื่อนักลงทุนด้วย
SoftBank และ OpenAI ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานข่าวนี้
ในรายงานเรื่องเอกสารคาดการณ์ผลประกอบการของ OpenAI ที่ประเมินรายได้ปีนี้ 3.7 พันล้านดอลลาร์ มีอีกข้อมูลที่น่าสนใจคือแผนการขยับขึ้นราคาบริการ Subscription ChatGPT Plus
ปัจจุบันค่าบริการ ChatGPT Plus อยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อเดือน แต่เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น OpenAI อาจขึ้นราคาเป็น 22 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ และถ้ายังไม่พอ ภายในปี 2029 อาจเพิ่มราคาเป็นถึง 44 ดอลลาร์
ตัวเลขนี้อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ เพราะ OpenAI น่าจะใช้ตัวเลขนี้ในการทำต้นแบบคาดการณ์รายได้ ขณะที่ TechCrunch มีข้อมูลสำรวจพบว่าตรงราคา 20 ดอลลาร์นี้ คนใช้งานจำนวนมากก็รู้สึกว่าแพงอยู่แล้ว
The Wall Street Journal รายงานจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ว่าตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ถึงแผนการเพิ่มทุน OpenAI รอบใหม่ ซึ่งมีรายชื่อแอปเปิล เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนด้วย ล่าสุดแอปเปิลได้ตัดสินไม่เข้าร่วมการลงทุนแล้ว
Sarah Friar ซีเอฟโอของ OpenAI เปิดเผยว่าข้อตกลงการเพิ่มทุนทั้งหมดจะสรุปได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยมีตัวเลขเงินลงทุนรวมไม่เป็นทางการอยู่ประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายสำคัญใน OpenAI คาดว่าจะลงทุนเพิ่มในรอบนี้อีกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์
มีรายงานตัวเลขคาดการณ์ผลการดำเนินงานของ OpenAI ในปีนี้ โดยบริษัทประเมินว่าปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 3.7 พันล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา OpenAI มีรายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1,700% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2023
ตัวเลขนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่าทำไม OpenAI จึงต้องทำการรับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่ รวมทั้งปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อให้นักลงทุนสนใจมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้อาจเกี่ยวข้องกับการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคนด้วย
CNBC อ้างอีเมลที่ OpenAI แจ้งกับผู้ลงทุนในบริษัท เป็นการรายงานความคืบหน้าแผนการเพิ่มทุนรอบใหม่ โดยซีเอฟโอ Sarah Friar บอกว่ามีเงินลงทุนที่เสนอเข้ามาเกินกว่าที่บริษัทต้องการ คาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งตัวเลขมูลค่ากิจการที่มีรายงานก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 1.5 แสนล้านดอลลาร์
Friar ยังพูดถึงประเด็นที่นักลงทุนอาจมีความกังวล จากการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคน ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลกระทบ แต่บริษัทยังมีทีมงานผู้บริหารที่แข็งแกร่งอยู่
OpenAI ได้จัดการประชุมพนักงานทั้งบริษัท All-hands ในวันนี้ หลังการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคน รวมทั้งซีทีโอ Mira Murati ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวว่า OpenAI มีแผนปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ให้ความสำคัญกับฝั่ง For-Profit มากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนมีความสนใจที่จะใส่เงินเพิ่มทุน จึงอาจเกิดคำถามต่อเป้าหมายหลักองค์กรในการสร้าง AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถรอบด้าน
Bob McGrew ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวิจัย และ Barret Zoph รองประธานฝ่ายวิจัยของ OpenAI โพสต์ข้อความประกาศการลาออกจากบริษัท ซึ่งเป็นการลาออกของผู้บริหารระดับสูงสองคนล่าสุด ถัดจากซีทีโอ Mira Murati ที่ประกาศลาออกไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
Bob McGrew บอกว่าตอนนี้เขาต้องการเวลาพักผ่อน โดยผลงานสุดยอดที่เขาได้ส่งมอบไปแล้วคือโมเดล o1 ส่วน Barret Zoph บอกว่าหลังจากทำงานที่ OpenAI มานาน มีส่วนร่วมกับการนำ ChatGPT ออกสู่ผู้คน ก็น่าจะเป็นเวลาที่เขาออกไปหาโอกาสใหม่นอก OpenAI ซึ่งทั้งหมดเป็นการตัดสินใจส่วนตัวในเรื่องหน้าที่การงาน
Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง รายงานแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ OpenAI ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยจะเปลี่ยนให้ส่วนธุรกิจแสวงหากำไร (For-Profit) เป็นส่วนหลักของบริษัท ไม่ถูกกำกับดูแลโดยบอร์ดของฝั่งธุรกิจไม่แสวงหากำไร (Non-Profit) ซึ่งเป็นโครงสร้างเฉพาะของ OpenAI ที่ใช้มานาน
ส่วน Non-Profit ของ OpenAI จะยังคงมีอยู่ต่อไป โดยปรับสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็กในธุรกิจ For-Profit และยังคงเป้าหมายในการพัฒนา AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถรอบด้านและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
Mira Murati ซีทีโอ OpenAI เปิดเผยว่าตนเองได้ลาออกจากบริษัท หลังจากทำงานที่นี่มา 6 ปีครึ่ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้มีเวลาและพื้นที่สำหรับการค้นพบสิ่งใหม่ของตนเอง
Murati บอกว่านี่เป็นการตัดสินใจยากมาก จากนี้สิ่งที่ตนจะโฟกัสคือการถ่ายโอนงานและอำนาจที่ดูแลอยู่ให้เรียบร้อยดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้
OpenAI ประกาศว่าความสามารถสนทนาเสียง Advanced Voice Mode (AVM) ได้เริ่มเปิดให้ใช้งานสำหรับลูกค้าเสียเงินทุกคนแล้วทั้ง ChatGPT Plus และ ChatGPT Team หลังจากทดสอบในกลุ่มจำกัดและเลื่อนจากกำหนดเดิมก่อนหน้านี้ ส่วนลูกค้ากลุ่ม Enterprise และ Edu จะได้ใช้ในสัปดาห์หน้า
ฟีเจอร์ Advanced Voice ใน ChatGPT ยังได้รับการปรับปรุงอนิเมชันในหน้าสนทนา เปลี่ยนจากจุดสีดำ มาเป็นวงกลมสีฟ้า มีการปรับปรุงความเร็วและความลื่นไหลในการออกเสียงสนทนา และเพิ่มอีก 5 เสียงใหม่ได้แก่ Arbor, Maple, Sol, Spruce และ Vale รวมเป็นทั้งหมด 9 ตัวเลือกเสียง ส่วนเสียง Sky ถูกตัดออกไปเพราะประเด็นกับ Scarlett Johansson
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า LoveForm บริษัทด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Jonathan Ive อดีตหัวหน้าทีมออกแบบของ Apple กำลังร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์ AI ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและขอรับเงินจากนักลงทุน ล่าสุด Ive ยืนยันเรื่องนี้เองแล้ว
โดย The New York Times ได้สัมภาษณ์พิเศษ Ive ที่สำนักงานของ LoveForm ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเขาพูดถึงโครงการพัฒนาฮาร์ดแวร์ AI ร่วมกับ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ซึ่งผ่านการพูดคุยร่วมกับ Brian Chesky ซีอีโอ Airbnb และกลุ่มนักลงทุนอีกหลายราย เงินลงทุนนั้นอาจสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ รวมทั้งอาจมี Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank ร่วมลงทุนด้วย
Fortune รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใน OpenAI บอกว่าบริษัทได้จัดการประชุมพนักงาน และพูดถึงการเปลี่ยนโลโก้และชุดตัวอักษร (Typeface) ของ OpenAI แบบใหม่ โดยโลโก้เหลือเพียงตัวอักษร O เท่านั้น
รายงานบอกว่าพนักงานหลายคนไม่เห็นด้วยกับโลโก้ใหม่นี้ โดยมองว่าโลโก้ปัจจุบันที่เป็นรูปดอกไม้หกแฉกนั้นเหมาะสมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามโลโก้ใหม่นี้ยังมีสถานะแบบร่างเป็นข้อเสนอเท่านั้น ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้อีกครั้ง
การเปลี่ยนโลโก้ใหม่ของ OpenAI เป็นส่วนหนึ่งในแผนการเพิ่มทุนรอบใหม่ และการปรับโครงสร้างองค์กรที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้
OpenAI ประกาศเปลี่ยนแปลงในฝ่ายของคณะกรรมการด้านความปลอดภัยหรือ Safety and Security Committee ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนพฤษภาคม เพื่อดูแลตรวจสอบให้คำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัย ของโครงการต่าง ๆ ใน OpenAI โดยเปลี่ยนสถานะให้เป็นคณะกรรมการอิสระ ที่คอยประเมินและให้ความเห็นกับบอร์ดของ OpenAI อีกครั้ง
คณะกรรมการอิสระด้านความปลอดภัยนี้มี Zico Kolter ผู้อำนวยการฝ่าย Machine Learning ที่ Carnegie Mellon University เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการได้แก่ Adam D’Angelo ผู้ก่อตั้ง Quora และซีอีโอ, Paul Nakasone อดีตนายพลกองทัพสหรัฐ และอดีตหัวหน้า NSA, Nicole Seligman อดีตรองประธานฝ่ายบริหารที่ Sony
สำนักข่าว Reuters มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการเพิ่มทุนของ OpenAI ที่มูลค่ากิจการ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ว่าเงื่อนไขหนึ่งคือ OpenAI อาจต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นมิตรกับนักลงทุนมากขึ้น แต่ตอนนั้นยังไม่มีรายละเอียด
หลังจาก OpenAI เปิดตัว o1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามลำดับขั้น ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ตอบคำถามวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ OpenAI ก็เผยแพร่ System Card เพื่อรายงานผลการประเมินความเสี่ยงของโมเดลปัญญาประดิษฐ์นี้ด้วย
ผลการประเมินภาพรวมความเสี่ยงของโมเดล o1 อยู่ที่ระดับปานกลาง (Medium) จาก 4 ระดับ Low-Medium-High-Critical ซึ่งสูงที่สุดในทุกโมเดลที่ OpenAI เคยเผยแพร่ออกมา หัวข้อที่ o1 ถูกจัดระดับความเสี่ยงปานกลางได้แก่ การโน้มน้าวความคิด (Persuasion) และ CBRN (สามารถสร้างสูตรเคมี, ชีววิทยา, รังสีวิทยา และนิวเคลียร์)
OpenAI เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ตระกูล o1 เป็นโมเดลเน้นตอบคำถามด้านวิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์, และการเขียนโปรแกรม แนวทางการทำงานต่างจากโมเดลก่อนหน้านี้คือ o1 มีความสามารถ "ค่อยๆ คิด" ก่อนจะทำให้คำตอบ ทำให้สามารถตอบสนองต่อคำสั่งที่ซับซ้อน เช่น การสร้างเกมตามกำหนด
โมเดลมี 3 ตัว ได้แก่ o1, o1-preview, และ o1-mini การทดสอบชุดทดสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ AIME o1 ได้ 74.4% ขณะที่ o1-mini ได้ 70% หากเทียบผู้เข้าแข่งจริงก็อยู่ระดับ 500 คนแรกของสหรัฐฯ ในระดับมัธยมแล้ว ส่วนการทดสอบแข่งเขียนโปรแกรม Codeforce นั้น o1 ได้ Elo 1673 ขณะที่ o1-mini ได้ 1650 เป็น percentile ที่ 86 ของผู้เข้าแข่งทั้งหมด
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว The Wall Street Journal รายงานข่าวว่า OpenAI กำลังเจรจากับนักลงทุนเพื่อรับเงินลงทุนรอบใหม่ ที่มูลค่ากิจการมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ล่าสุด Bloomberg อ้างแหล่งข่าวว่าตัวเลขที่ OpenAI เจรจาขอรับเงินเพิ่มทุนอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่ากิจการ 1.5 แสนล้านดอลลาร์
รายชื่อกลุ่มนักลงทุนในตัวเลขล่าสุดนี้เหมือนกับรายงานของ The Wall Street Journal โดยมีกองทุน Thrive Capital เป็นลงทุนหลัก ร่วมด้วยไมโครซอฟท์ รวมถึงแอปเปิลและ NVIDIA
นอกจากเงินลงทุนแล้ว OpenAI ยังเจรจาขอรับเงินกู้ในแบบเงินทุนหมุนเวียนจากสถาบันการเงินอีกประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์
มีรายงานจาก The Information อ้างแหล่งข่าวใน OpenAI บอกว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวความสามารถเพิ่มเติมใน ChatGPT ซึ่งมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ในชื่อ Strawberry ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์เน้นการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล สำหรับคำถามด้านคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์
ความสามารถใหม่ใน ChatGPT นี้ คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในอีกสองสัปดาห์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าผู้ใช้งานจะได้ใช้ Strawberry ในรูปแบบใด ต้องจ่ายเงินเพิ่มหรือไม่
OpenAI เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า ChatGPT แบบเสียเงินของภาคธุรกิจแล้วรวมมากกว่า 1 ล้านบัญชี ซึ่งคิดรวมทั้ง ChatGPT Enterprise, Team และ Edu ของกลุ่มสถาบันการศึกษา ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 6 แสนบัญชี เมื่อเดือนเมษายน
ผู้ใช้งานทั้งสามกลุ่มแพ็คเกจมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากนอกสหรัฐอเมริกา โดยในสามประเทศที่มีผู้สมัครใช้งานจำนวนมากได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ส่วนหมวดธุรกิจนั้นมีความหลากหลาย ทั้งมหาวิทยาลัย บริษัทยา อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงธนาคาร
United Daily News สื่อของไต้หวันรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวในวงการเซมิคอนดักเตอร์ว่า OpenAI กำลังพัฒนาชิปเร่งการประมวลผล AI (ASIC) ของตัวเอง โดยจองไลน์การผลิตของ TSMC ที่ใช้เทคโนโลยี A16 แล้ว โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือแค่ Apple ที่จองไลน์การผลิตนี้ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
สื่อไต้หวันรายงานด้วยกว่า OpenAI พาร์ทเนอร์กับ Broadcom และ Marvell สำหรับพัฒนาชิป ASICS ตัวนี้ร่วมกัน โดยจะผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ก่อนและค่อยเปลี่ยนมาเป็น A16 ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ OpenAI ก็มีเจรจากับ TSMC ในการตั้งไลน์การผลิตด้วยเทคโนโลยี A16 แยกออกมาเป็นของตัวเอง แต่จากการประเมินความคุ้มค่าในหลายๆ ด้าน ทำให้แผนนี้ไม่ได้ไปต่อ
มีรายงานจาก The New York Times บอกว่านอกจาก OpenAI จะมีข่าวเรื่องการเพิ่มทุนรอบใหม่ ที่อาจมีแอปเปิลกับ NVIDIA ร่วมเป็นผู้ลงทุนแล้ว OpenAI ยังมีแผนปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ โดยบอกว่าเพื่อให้เป็นมิตรกับนักลงทุนมากขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่ารายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร
OpenAI มีโครงสร้างบริษัทที่แตกต่างจากบริษัททั่วไป เนื่องจากมีเป้าหมายการก่อตั้งแบบไม่แสวงหากำไร แต่ต่อมาพบว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับการทั่วไปหรือ AGI ต้องใช้เงินมหาศาล จึงปรับโครงสร้างให้รองรับเงินจากนักลงทุนโดยมีบริษัทลูกที่แสวงหากำไร (For-Profit) แต่จำกัดกำไร โดยผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนคืนตามตัวเลขที่ตกลง และกำไรส่วนเกินจะส่งกลับ OpenAI บริษัทแม่เพื่อเป็นเงินทุนในการดำเนินงาน
OpenAI เปิดเผยว่าบริการแชทบอตปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกสัปดาห์ (Weekly Active Users) มากกว่า 200 ล้านบัญชีแล้ว ซึ่งตัวเลขเพิ่มมาเท่าตัวจากที่ OpenAI รายงานตัวเลข 100 ล้าน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ตัวเลขอาจพอบอกได้ว่า ChatGPT ยังมีการเติบโต และเป็นผู้นำในตลาดแชทบอต Generative AI แม้ในภาพรวมจะมีการแข่งขันจากผู้เล่นรายอื่น ซึ่งรวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ GPT-4o mini
The Wall Street Journal มีรายงานเพิ่มเติมจากข่าวที่ OpenAI กำลังเจรจากับนักลงทุนเพื่อระดมทุนรอบใหม่ ซึ่งจะทำให้มูลค่ากิจการสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีรายชื่อบริษัทที่สนใจร่วมลงทุนใน OpenAI เพิ่มเติมได้แก่ แอปเปิล และ NVIDIA
อย่างไรก็ตามไม่มีรายละเอียดว่าทั้งสองบริษัทสนใจลงทุนเป็นวงเงินเท่าใด เพราะตามรายงานก่อนหน้านี้ Thrive Capital จะเป็นผู้ลงทุนหลักในรอบนี้ที่วงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ โดยมีไมโครซอฟท์ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมลงทุนด้วยอีกจำนวนหนึ่ง
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า OpenAI อยู่ในขั้นตอนเจรจาเพื่อรับเงินลงทุนรอบใหม่ วงเงินระดับหลายพันล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีกองทุน Thrive Capital เป็นผู้ลงทุนหลักในรอบนี้ ส่วนไมโครซอฟท์ผู้ลงทุนรายหลักปัจจุบัน ก็จะร่วมลงทุนเพิ่มเติมด้วย
ประเมินว่าเงินลงทุนรอบนี้อาจสูงกว่าตัวเลข 10,000 ล้านดอลลาร์ ที่ไมโครซอฟท์ลงทุนใน OpenAI เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งเงินลงทุนตอนนั้นก็เป็นการส่งสัญญาณสำคัญ เพราะทำให้กระแสปัญญาประดิษฐ์เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้มูลค่ากิจการของ OpenAI ล่าสุดที่มีรายงานออกมาคือ 86,000 ล้านดอลลาร์