Phil Spencer ให้สัมภาษณ์กับพ็อดแคสต์รายการ Decode ของ The Verge มีคำถามหนึ่งเจ้าตัวถูกถามถึงสาเหตุที่ออกคอนโซลพร้อมกัน 2 รุ่น ซึ่ง Phil ก็บอกว่าเหตุผลเป็นเพราะโซนี่
Phil ขยายความว่า เพราะทีม Xbox คิดว่าโซนี่น่าจะออกรุ่นเดียวคือรุ่นท็อปและ Xbox ต้องการจะเจาะตลาดเกมเมอร์ให้ได้กว้างกว่าโซนี่ เลยทำคอนโซลที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าออกมา แนวคิดของทีม Xbox คือแค่ต้องการทำให้บริการหรือสินค้าของตัวเองเข้าถึงได้ง่ายและด้วยจำนวนลูกค้าที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นแนวคิดในการออก Xbox Series X คือแนวคิดเดียวกับการทำ xCloud, Game Pass และ Xbox All Access
จากที่ Steam เริ่มรองรับจอย DualSense ของ PS5 แบบไม่เต็มรูปแบบเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ Steam ประกาศรองรับ DualSense อย่างเต็มที่แล้ว โดยรองรับทั้งฟีเจอร์ LED, trackpad, rumble, gyro สำหรับการเล่นบนพีซี
การใช้งานจอย DualSense กับ Steam ยังต้องใช้ไคลเอนต์เวอร์ชันเบต้าก่อน แต่ก็จะตามมาอัพเดตใน Steam รุ่นเสถียรเมื่อทดสอบในวงกว้างเรียบร้อยแล้ว
เกมพีซีที่รองรับ Steam Input API ซึ่งเป็น API กลางของ Steam ในการรองรับจอย/คอนโทรลเลอร์หลากหลายรุ่น จะสามารถใช้งาน DualSense ได้ทันที โดย Valve ระบุชื่อเกมอย่าง Death Stranding, No Man’s Sky, Horizon: Zero Dawn ว่าใช้งานได้เรียบร้อยแล้ว
โซนี่ระบุว่า PS5 จะรองรับ Variable Refresh Rate (VRR) ในอัพเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต แต่ยังไม่ระบุวัน
VRR คือการที่คอนโซลปรับรีเฟรชเรทของหน้าจอแสดงผลให้สอดคล้องและตรงกับเฟรมเรทของตัวเอง โดย Xbox Series X และ S รองรับมาตั้งแต่ต้น
ก่อนหน้านี้การรองรับ SSD เสริมของ PS5 ก็ต้องรออัพเดตเช่นกัน
ที่มา - VGC
เว็บไซต์ PC Gamer ทำการทดสอบนำ SSD ของ PC ทั้งแบบ SATA (Samsung 840 Pro) และ PCIe 4.0 (Samsung 980 Pro) มาเทียบเวลาโหลดของเกม Asssassin’s Creed Valhalla กับบน SSD ของ PS5 และ Xbox Series X ผลออกมาคือต่างกันเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ผลทดสอบแรกจาก Xbox Series X ใช้เวลา 35 วินาที ตั้งแต่กดเปิดเกมจนถึงหน้าไตเติ้ล และอีก 13.5 วินาทีเพื่อเข้าเล่นเกม ส่วน PS5 ใช้เวลา 13.5 วินาทีเพื่อเปิดสู่หน้าไตเติ้ล และ 12.5 วินาทีเพื่อเข้าเกม ฝั่ง Xbox ถือว่าใช้เวลาโหลดเข้าหน้าไตเติ้ลเกมค่อนข้างนาน เมื่อเทียบกับ PS5 (ดูความเร็วของ PS5 vs Xbox Series X ได้ที่บทความนี้)
Famitsu สื่อเกมญี่ปุ่น รายงานยอดขาย PS5 และ Xbox Series X|S สัปดาห์แรกที่ขายในญี่ปุ่น ปรากฏว่ายอดขายช่วงเปิดตัวกลับน้อยกว่าตอน PS4 และ Xbox One ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังไม่สามารถเป็นข้อสรุปได้ว่าคอนโซลเจนนี้ได้รับความนิยมน้อยกว่าเจนก่อน เพราะจำนวนสินค้าที่วางขายอาจมีน้อยตั้งแต่แรก (Phil Spencer เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ยอดขายช่วงแรกจะถูกกำหนดโดยซัพพลาย ไม่ใช่ดีมานด์)
ราวสัปดาห์ที่แล้วหน้าเว็บโซนี่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มลงวันวางจำหน่าย PS5 ไปแล้ว ยกเว้นประเทศไทยซึ่งตอนนั้นผู้เขียนก็คาดว่า PS5 น่าจะวางขายในไทยราวปีหน้า (เพราะอินโดนีเซียระบุวันขาย 22 ม.ค. 2021 ไปแล้ว)
ล่าสุดโซนี่ไทยทำให้แฟน ๆ มีหวังแล้วด้วยการขึ้นหน้าเว็บประกาศว่า PS5 จะวางขายในไทยภายในสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังไม่มีการระบุวันที่ชัดเจนรวมถึงประกาศราคาอย่างเป็นทางการด้วย หลังกลุ่มประเทศแรกวางจำหน่ายไปเมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา และเริ่มมีเครื่องหิ้วเข้ามาขายในไทยแล้ว
หมายเหตุ: มีผู้อ่าน blognone ระบุว่าโซนี่ขึ้นหน้านี้มาสักพักแล้ว ขณะที่หน้า PlayStation.com/th ยังไม่มีข้อมูลนี้ ผมสอบถามไปทางโซนี่ไทยฝั่ง PlayStation แล้วกำลังรอคำตอบยืนยันครับ
Steam Client รุ่น Beta ประกาศรองรับการใช้จอย DualSense ของ PS5 ที่เพิ่งวางขายแล้ว โดยยังเป็นการรองรับเบื้องต้น และยังไม่รองรับฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง rumble, trackpad, gyro
ส่วนจอย Xbox Series X นั้น Steam รองรับมาก่อนแล้ว และก็ได้รับการปรับปรุงแก้บั๊กเพิ่มเติมในเวอร์ชันนี้เช่นกัน
การนำจอยของคอนโซลมาเล่นกับเกมพีซีบน Steam เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยจอยยอดนิยมคือจอยของ Xbox One แต่ก็มีคนใช้จอย PS4 หรือ Switch เป็นจำนวนมากเช่นกัน การที่ Steam รองรับจอยของคอนโซลยุคใหม่อย่างรวดเร็ว ยิ่งช่วยให้การนำจอยรุ่นใหม่ๆ มาใช้บนพีซีแพร่หลายขึ้นเช่นกัน
Hideaki Nishino รองประธานอาวุโสฝ่าย Global Product Strategy and Management ของโซนี่ที่ดูแลเรื่องแผนการในภาพรวมของคอนโซล ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น ยืนยันว่าแม้ตอนนี้ PS5 จะเริ่มวางขายแล้วแต่ PS4 ก็ยังสำคัญอยู่
Nishino ระบุว่า โซนี่ยังคงสนับสนุนการพัฒนาเกมบน PS4 ควบคู่ไปกับ PS5 และก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปอีก 2-3 ปี ปัจจุบันโซนี่มีลูกค้า PS4 อยู่ราว 100 ล้านคน ซึ่งโซนี่จะทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้ด้วยดีและรวดเร็วที่สุด โดย Nishino มองว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะใช้เวลาราว 3 ปี
Hideaki Nishino ผู้บริหารของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น ยืนยันว่า PS5 ไม่มีเว็บเบราว์เซอร์มาให้ เพราะคิดว่าเบราว์เซอร์บนเกมคอนโซลยังไม่จำเป็นในตอนนี้ โซนี่จะรอดูความคิดเห็นจากลูกค้าแล้วค่อยพิจารณาต่อไปว่าจะทำเว็บเบราว์เซอร์ให้หรือไม่
PS4 มีเว็บเบราว์เซอร์มาให้ในตัว (ใช้เอนจิน WebKit) แต่การทำเบราว์เซอร์ยุคนี้ต้องลงทุนสูง ต้องมีทีมตามอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยตลอดเวลา จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้โซนี่ตัดสินใจยังไม่ทำเบราว์เซอร์ให้ PS5
PS5 ที่กำลังจะวางจำหน่ายกลุ่มประเทศแรกวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ในเอเชียที่มีประกาศไว้มีแค่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เท่านั้น ขณะที่กลุ่มที่ 2 ที่จะวางจำหน่ายวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมายังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่นัก รวมถึงข้อมูลว่าประเทศอื่นในเอเชียประเทศไหนจะวางจำหน่ายเป็นกลุ่มที่ 2
ล่าสุดผมเข้าไปเช็คหน้า PlayStation ของสิงคโปร์พบว่าขึ้นวันวางจำหน่าย 19 พ.ย. นี้เช่นเดียวกับฮ่องกงและไต้หวัน โดยยังไม่ประกาศราคา ส่วนประเทศใกล้เคียงประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและฟิลิปปินส์ระบุวันที่เป็น 11 ธ.ค. ไม่มีราคาเช่นกัน ขณะที่อินโดนีเซียลงวันเป็น 22 ม.ค. 2021
ส่วนแฟน PlayStation ในไทยก็คงต้องรอปีหน้าแน่นอนแล้ว เพราะยังไม่ระบุวันวางจำหน่าย เช่นเดียวกับในเวียดนาม
ก่อนหน้านี้ Insomniac เคยยืนยันว่าเซฟเกม Spider-Man บน PS4 จะไม่สามารถนำมาใช้กับเวอร์ชันรีมาสเตอร์บน PS5 ได้
ล่าสุดสตูดิโอกลับลำในเรื่องนี้ ผู้เล่นสามารถนำเซฟจากเวอร์ชันเก่ามาเล่นบนเวอร์ชันรีมาสเตอร์ได้แล้ว แต่ฟีเจอร์นี้จะยังไม่เปิดใช้งานในช่วงแรก สตูดิโอคาดว่าจะปล่อยอัพเดตให้ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าหรือราวสิ้นเดือนนี้
ที่มา - @insomniacgames
70 เหรียญได้กลายเป็นราคามาตรฐานสำหรับเกมบนคอนโซลยุคใหม่ไปแล้ว หลังจากราคาปลีกอยู่ที่ 60 เหรียญมาตั้งแต่ปี 2005 โดยรายแรกที่ตั้งราคานี้คือ Take-Two ที่ตั้งราคา 2K21 ที่ 70 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม Bloomberg ระบุว่าก่อนหน้านี่โซนี่เคยพิจารณาจะตั้งราคาที่สูงกว่านี้ด้วยซ้ำไป โดยโฆษกของโซนี่ให้เหตุผลว่าการตั้งเกมราคาที่สูงก็เพื่อสะท้อนต้นทุนและทรัพยากรที่บริษัทลงไปให้กับเกมนั้น ๆ ขณะที่ซีอีโอของ Take-Two ก็อ้างเหตุผลเดียวกันเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น พร้อมระบุว่าบริษัทไม่มีกลยุทธเรื่องการกำหนดราคาเกม ถ้าจะมีก็คงมีแค่ว่าบริษัทวางขายเกมที่ราคาต่ำกว่าคุณค่าจริง ๆ ของมัน
Digital Foundry ทดสอบอัตราการใช้พลังงานของ PS5 พบว่าในการเล่นเกม Spider-Man: Miles Morales และ Astro Bot เครื่อง PS5 ใช้ไฟเฉลี่ยที่ 200W ถือว่าเหลือๆ เมื่อเทียบกับพาวเวอร์ซัพพลายของ PS5 ที่ใส่มา 350W
เว็บไซต์ NotebookCheck นำอัตราการใช้พลังงานมาเปรียบเทียบกับโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง พบว่า Alienware m17 R2 (การ์ดจอ RTX 2080 Max-Q) ยังใช้ไฟเฉลี่ยตอนเล่นเกม อยู่ที่ 186W ซึ่งยังน้อยกว่า PS5 เล็กน้อย
โซนี่อัพเดตแอป Remote Play บนทุกแพลตฟอร์มให้รองรับ PS5 ซึ่งเดิมแอปนี้เอาไว้สำหรับเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งจากเครื่อง PS4 บนพีซีหรือสมาร์ทโฟน แต่ล่าสุดการอัพเดตให้ Remote Play รองรับ PS5 ไม่ใช่แค่บนพีซีหรือสมาร์ทโฟน แต่รวมถึงบน PS4 ด้วย
อัพเดตนี้ทำให้เจ้าของเครื่องที่มี PS4 สามารถเล่นเกมจากเครื่อง PS5 ได้ผ่าน Remote Play ในเครื่องด้วยความละเอียด 1080p อย่างไรก็ตาม การเล่นเกม PS5 ผ่าน Remote Play จะยังคงมีข้อจำกัดเรื่องการคอนโทรลเลอร์ เพราะการเล่นเกม PS5 จะต้องเชื่อมต่อด้วย DualSense เท่านั้น ขณะที่เวอร์ชันบนวินโดวส์ จะรองรับการแสดงผล HDR สำหรับการสตรีมจาก PS5 ด้วย
Bloomberg รายงานข่าวจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนภายใน Sony ว่าบริษัทตรียมลดโฟกัสการขายเครื่อง PS5 ในประเทศญี่ปุ่นและหันไปเน้นตลาดสหรัฐอเมริกาแทน หลังเครื่อง PS4 ทำยอดขายน่าผิดหวังในประเทศญี่ปุ่น และ Sony ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2016 และเร่งขยายตลาดสหรัฐอเมริกาจนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Sony ในปัจจุบัน
Sony ออกคลิปโปรโมท PS5 ตัวใหม่ก่อนวางขายจริงในสัปดาห์นี้ (12 พฤศจิกายน 2020) ชื่อ New Worlds To Explore
ในคลิปเป็นการรวมเทรลเลอร์ของเกมที่เคยเปิดตัวมาก่อนแล้วทั้งหมด แต่มีข้อมูลใหม่คือช่วงเวลาวางขายเกมแบบคร่าวๆ
ส่วนเกมเอ็กซ์คลูซีฟที่วางขายพร้อม PS5 จะมีเพียง 2 เกมเท่านั้นคือ Spider-Man: Miles Morales และ Demon's Soul ภาครีเมค
เราเห็น รีวิว Xbox Series X ออกเผยแพร่กันแล้ว คราวนี้เป็นคิวของฝั่ง PS5 ที่เปิดให้สื่อต่างประเทศเริ่มออกรีวิวกันมาบ้าง
ในแง่ของสมรรถนะฮาร์ดแวร์ เนื่องจากสเปกของ PS5 และ Xbox Series X ใกล้เคียงกัน เสียงรีวิวจึงออกมาคล้ายกันคือ สมรรถนะแรง เล่นเกม 4K ลื่น และ SSD ช่วยให้เกมโหลดเร็วขึ้นมาก
จุดต่างที่ PS5 มีเอกลักษณ์เหนือกว่า Xbox Series X คือจอย DualSense ที่มีฟีเจอร์เยอะกว่า และเกมช่วงเปิดตัวที่เยอะกว่า ส่วนข้อด้อยกว่าคือพื้นที่ SSD เล็กกว่า, ไม่มีฟีเจอร์ Quick Resume
โซนี่ทำสล็อตสำหรับใส่ NVMe M.2 SSD เสริมมาให้ภายใน ซึ่งก็ทำมาให้เข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย แต่ถึงกระนั้นโซนี่ก็เพิ่งคอนเฟิร์มว่าการใส่ SSD เพื่อเพิ่มความจุ PS5 นั้นยังไม่สามารถทำได้ในช่วงแรกและต้องรออัพเดตในอนาคต
สาเหตุก็คาดว่าน่าจะหนีไม่พ้นการที่ยังไม่มี SSD รุ่นไหนที่ได้รับการรับรองจากโซนี่ ซึ่งจะต้องเข้ากันได้กับ PS5 ทั้งในแง่ความเร็ว, ขนาดและคอนโทรลเลอร์ I/O ที่โซนี่พัฒนาขึ้นมาเองด้วย โดย Mark Cerny หัวหน้าทีมวิศวกรออกแบบระบบของ PS5 ทั้งหมดเคยพูดในงาน Road to PS5 ครั้งแรกสุดของการเปิดเผยข้อมูลคอนโซลว่า การเพิ่ม SSD น่าจะทำได้หลังวางขายไปแล้ว
ที่ผ่านมาเห็นกระแสแล้วว่ายอดสั่งจองพรีออเดอร์ของ PS5 หมดค่อนข้างเร็วและทำสถิติใหม่ จนส่งผลต่อแผนการวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้กระทั่งมีความกังวลเรื่องจำนวนที่ขายกลุ่มประเทศ wave 1 และ wave 2 ในช่วงเดือนนี้
ล่าสุด Sony Interactive Entertainment ของญี่ปุ่นออกมาประกาศว่ายอดพรีออเดอร์ของ PS5 ในญี่ปุ่นหมดเกลี้ยง ในระดับที่ไม่เหลือจำนวนที่จะขายจริงในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้แล้วด้วยซ้ำไป โดยรูปแบบการพรีออเดอร์ของญี่ปุ่นจะเป็นแบบสุ่มล็อตเตอรี่ ไม่เหมือนกับของตะวันตกที่มาก่อนจองก่อน
PlateStation บริษัททำฝาเพลท PS5 แบบคัสตอมที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ต้องยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมด คืนเงินให้ผู้บริโภค และเปลี่ยนชื่อเป็น Customize My Plates โดยระบุว่ามีปัญหาด้านสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของ Sony ติดต่อมา และระบุว่าอาจฟ้องร้องบริษัทได้ หากไม่หยุดจำหน่ายเพลทพลาสติกแบบคัสตอม และเลิกใช้ชื่อ PlateStation
ฝั่ง Sony เอง ยังไม่มีการประกาศเรื่องหน้ากาก PS5 ลายอื่นอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แต่การเตรียมฟ้องด้านลิขสิทธิ์และชื่อ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าน่าจะมีการผลิตและจำหน่ายเองอย่างเป็นทางการในอนาคต และเพื่อป้องกันความสับสน
กระแสไฮป์ของคอนโซลยุคใหม่นี้ค่อนข้างชัดว่ามากกว่ารุ่นก่อนหน้าตอนเปิดตัว แต่ก็ยังไม่มีตัวเลขมายืนยันเพราะยังไม่วางขายจริง แต่อย่างน้อยยอดพรีออเดอร์ก็ออกมาแล้วจากปากของ Jim Ryan ซีอีโอ Sony Interactive Entertainment
Jim บอกว่ายอดจอง PS5 มหาศาลมาก ๆ เฉพาะ 12 ชั่วโมงแรกในสหรัฐก็ได้จำนวนเทียบเท่ายอด PS4 ที่ขายไป 12 สัปดาห์ด้วยซ้ำ และวันวางขายจริงอาจจะมีเครื่องไม่พอขายสำหรับทุกคนที่ต้องการซื้อ
ที่มา - GameIndustry.biz
สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีนักรีวิวหรือเว็บไซต์บางแห่งได้เครื่อง PS5 ไปทดสอบกันแล้ว โดย Austin Evans ช่องยูทูบรีวิวสินค้าไอที นำจอย DualSense ของ PS5 มาลองเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ PS5 ดูว่าใช้งานได้หรือไม่
การทดสอบพบว่าจอย DualSense ใช้กับคอนโซลรุ่นอื่นทั้ง PS4 และ Xbox Series X ไม่ได้ แต่สามารถใช้กับพีซีและสมาร์ทโฟน Android ได้ด้วย (แม้ยังไม่รองรับฟีเจอร์สั่นและ haptic feedback) ซึ่ง Evans ก็ลองใช้งานเล่นเกมผ่าน xCloud บน Pixel 5 มันซะเลย
ในช่วงท้ายคลิปยังมีการแกะ DualSense เพื่อดูชิ้นส่วนภายใน ที่แสดงให้เห็นว่ามีไมโครโฟนถึง 2 ตัวด้วย
เป็นธรรมเนียมของเกม Call of Duty ทุกภาคที่ต้องมีโหมดซอมบี้ให้เล่นกัน ซึ่งเกมภาคล่าสุด Black Ops Cold War ก็มีโหมดนี้ด้วยเช่นกัน
ล่าสุด Activision เผยรายละเอียดของโหมดใหม่ Zombies Onslaught ของเกมภาคนี้ (แยกจากโหมด Zombies ปกติ) ว่าเป็นการเล่นแบบ co-op สองคน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ PlayStation (ทั้ง PS4 และ PS5) เป็นเวลานาน 12 เดือน โดยจะลงแพลตฟอร์มอื่นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021
จากที่บน PS4 เริ่มเป็นอุปกรณ์ความบันเทิงนอกเหนือจากเกมการรองรับ Netflix และ Spotify ในตัว ล่าสุดบน PS5 ทางโซนี่ยังคงต่อยอดแนวคิดนี้ ด้วยการเปิดตัวแอปสตรีมมิ่งที่รองรับบน PS5 พร้อมด้วยรีโมทคอนโทรลแยกต่างหาก
แอปสตรีมมิ่งที่จะมาใน PS5 ตั้งแต่วันแรกก็มี Apple TV, Disney+, Netflix, Spotify, Twitch และ YouTube และจะมี Amazon Prime Video, MyCanal, Hulu, Peacok และอื่น ๆ ตามมาอีกในภายหลัง
ขณะที่ตัวรีโมทมีชื่อทางการว่า Media Remote มีปุ่มควบคุมเหมือนรีโมทปกติ พร้อมปุ่มเปิดแอปสตรีมมิ่งแยกต่างหากได้แก่ Disney+, Netflix, Spotify และ YouTube
วงการเกมยุคปี 2020 ให้ความสำคัญกับเรื่องเฟรมเรตมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้เกมที่ประกาศตัวว่ารองรับ 120 FPS ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ประเด็นนี้ลามมาถึงวงการคอนโซลที่กำลังจะเปลี่ยนข้ามรุ่น ล่าสุดมีคนเปรียบเทียบเกมที่รองรับ 120 FPS ทั้งสองฝั่ง พบว่าตอนนี้ Xbox Series X เหนือกว่าที่จำนวน 15 เกม ส่วนฝั่ง PS5 มีจำนวน 5 เกม (ตัวเลขย่อมเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง)
เกมทั้ง 5 เกมของฝั่ง PS5 คือ Call of Duty Black Ops Cold War, Devil May Cry 5 Special Edition, Dirt 5, Monster Boy and the Cursed Kingdom, Rainbow Six Siege ซึ่งทั้งหมดเป็นเกมข้ามแพลตฟอร์ม และเล่นได้บน Xbox Series X ด้วย