Twitter อัพเดตข้อมูลผู้ใช้งานที่มีส่วนร่วมหรือ engagement ต่อโพสต์บัญชีปลอมจากรัสเซียช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 เป็น 1.4 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากที่รายงานครั้งที่แล้วกว่าสองเท่า
ก่อนหน้านี้ช่วงต้นเดือนมกราคม Twitter เผยระบุบอทหรือบัญชีอัตโนมัติที่ทำขึ้นโดยรัสเซียและทำการทวีตเกี่ยวกับการเลือกตั้งในช่วงการลงคะแนนเสียงของชาวอเมริกันเป็นจำนวน 13,612 บอท รวมกับของเดิมที่เคยพบในปี 2017 ประมาณ 36,000 บอท รวมเป็น 50,258 บอท และมีประชาชน 677,000 คนในสหรัฐฯ ที่ได้ติดตามบัญชีที่ต้องสงสัย, รีทวิต หรือไลค์ทวิตเหล่านี้ ซึ่งล่าสุดตรวจพบเพิ่มเป็น 1.4 ล้านคน
ในแถลงการณ์ล่าสุดของ Twitter ระบุว่า ทางบริษัทได้ส่งอีเมลไปยังผู้ใช้ที่เข้าข่ายดังต่อไปนี้
กระทรวงการคลังของรัสเซียกำลังเตรียมการพิจารณาออกกฎหมายเพื่อกำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต โดยจะไม่มีการแบนเต็มรูปแบบ กฎหมายใหม่นี้จะทำให้การเทรดสกุลเงินคริปโตผ่านช่องทางแลกเปลี่ยนดิจิทัลสามารถทำได้หากช่องทางนั้นปฏิบัติตามเงื่อนไขบางอย่าง และกฎหมายนี้อาจครอบคลุม ICO ด้วย
การออกกฎหมายใหม่นี้ ทางกระทรวงการคลังเห็นว่าเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการโกง และทำให้สามารถเก็บภาษีธุรกรรมสกุลเงินคริปโต เพื่อสนับสนุนงบประมาณของภาครัฐได้ แต่ก็ยังไม่ได้ให้การยอมรับสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนเหล่ามาแทนที่เงินรูเบิลของรัสเซีย
Twitter รายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวปลอมที่กระจายในช่วงการเลือกตั้งปี 2016 ว่าล่าสุดทางบริษัทสามารถระบุบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Internet Research Agency (IRA) ของรัฐบาลรัสเซียได้เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง
Twitter เผยข้อมูลว่า ทางบริษัทได้ระบุบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมกับ IRA ได้อีก 1,062 บัญชี ซึ่งได้ทำการสั่งปิดบัญชีเหล่านั้นด้วยข้อหาผิดข้อตกลง และส่วนใหญ่บัญชีเหล่านี้เป็นสแปม ซึ่งรวมแล้วในการสอบสวน ทาง Twitter ได้ระบุบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับ IRA ได้ทั้งหมด 3,814 บัญชี ทำการโพสต์ทวีตจำนวน 175,993 ทวีต คิดเป็น 8.4% ของทวีตที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
Carlos Monje ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Twitter กล่าวกับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ในการตอบคำถามกับวุฒิสมาชิก Richard Blumenthal ว่าทางบริษัทกำลังพัฒนาระบบเพื่อทำการระบุและแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับคอนเทนต์ที่สร้างโดยบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีช่วงปี 2016 โดยจะระบุและแจ้งผู้ใช้เป็นรายคน
Mark Warner วุฒิสมาชิกพรรค Democrat ได้กล่าวยินดีกับการประกาศของ Twitter ครั้งนี้ผ่านทาง Twitter ของเขา โดยสนับสนุนการกระทำของบริษัทในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ Facebook ก็เคยประกาศทำเครื่องมือลักษณะเดียวกันมาแล้ว โดยจะเตือนผู้ใช้ว่าเคยไลค์หรือแชร์ข่าวจากบัญชีปลอมโดยรัสเซียบน Facebook หรือ Instagram หรือไม่
Yandex บริษัทเสิร์ชรายใหญ่ของรัสเซีย ที่เพิ่งควบรวมบริการรถแท็กซี่ Yandex.Taxi กับ Uber เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนก่อน ประกาศซื้อกิจการ Foodfox สตาร์ทอัพส่งอาหาร ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย แต่คาดไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน Foodfox เป็นบริการส่งอาหารรายใหญ่อันดับ 2 มีร้านอาหารในแพลตฟอร์มราว 2,000 แห่งในมอสโคว โดยจะเข้ามารวมกับ UberEats ที่มีร้านอยู่จำนวนหลักหลายร้อยแห่ง
คู่แข่งสำคัญของ Foodfox คือ Delivery Club ที่มีร้านอาหารอยู่ราว 6,500 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าของคือ Mail.Ru บริษัทออนไลน์รายใหญ่อีกแห่งของรัสเซีย ที่ซื้อกิจการมาจาก Rocket Internet ไปเมื่อปีก่อน
Kaspersky Lab ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยจากรัสเซียซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐฯ สั่งแบน เตรียมปิดออฟฟิศใน Washington D.C. ซึ่งเป็นสำนักงานที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ทางบริษัทจะยังคงการดำเนินธุรกิจกับลูกค้าที่ไม่ใช่รัฐบาลต่อไป และเตรียมจะเปิดออฟฟิศใน Chicago, Los Angeles และ Toronto เพิ่มเติมในปีหน้า
Anton Shigarev ผู้บริหารจาก Kaspersky กล่าวในการให้สัมภาษณ์ถึงการปิดออฟฟิศดังกล่าว และยังพูดถึงเรื่องการเปิดซอร์สโค้ดของบริษัทให้กับบริษัทภายนอกตรวจสอบด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ไม่มีฟังก์ชันแอบแฝงใด ๆ ไม่มีการส่งไฟล์ไปยังบุคคลที่สาม ไม่มีการสอดแนม และทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับลูกค้าอย่างเต็มที่
สำนักงานความปลอดภัยไซเบอร์ในสหราชอาณาจักร (National Cyber Security Centre: NCSC) ได้แจ้งเตือนหน่วยงานรัฐบาลทุกภาคส่วนให้หลีกเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจากบริษัทรัสเซีย เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดยการตัดสินใจครั้งนี้ของ NCSC เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของการวิเคราะห์ความเสี่ยง มากกว่าหลักฐานของการจารกรรมข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้ว
Ciaran Martin หัวหน้า NCSC ในจดหมายที่ส่งถึงหน่วยงานรัฐบาลว่า ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ผลิตโดยรัสเซียนั้นไม่ควรจะถูกใช้กับระบบที่เก็บข้อมูล เนื่องจากรัฐบาลรัสเซียอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ และเป็นภัยต่อความปลอดภัยประเทศ
ช่วงนี้ Kaspersky Lab ถูกกล่าวหาว่าได้รับว่าจ้างจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซียให้ล้วงข้อมูลจากอเมริกาด้วยซอฟต์แวร์ความปลอดภัย ทำให้รายได้ของบริษัทนั้นลดลงอย่างมากในตลาดอเมริกาเหนือ (แต่ในตลาดอื่นยังคงเติบโตอยู่) และซอฟต์แวร์ของเขาถูกแบนจากหน่วยงานภาครัฐของอเมริกาเนื่องจากโปรแกรมแอบไปคัดลอกไฟล์สำคัญ
Uber และ Yandex เคยตกลงกันไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าจะรวมบริการร่วมเดินทางที่ปัจจุบันให้บริการอยู่ในรัสเซีย และประเทศต่าง ๆ โดยรอบ ได้แก่ อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, เบลารุส, จอร์เจีย และคาซัคสถาน มาอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน ล่าสุดการดำเนินการนี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดของรัสเซีย Federal Antimonopoly Service แล้ว
จากประเด็น Google ลดอันดับผลการค้นหาจาก Sputnik และ Russia Today (RT) ที่ปรากฏใน Google Search จน Alexander Zharov หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลสื่อของรัสเซียต้องออกมาขอความชัดเจนจาก Google ล่าสุด โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย Maria Zakharova ออกมาโต้แรงว่าที่ Google ทำ ก็ไม่ต่างจากลดทอนเสรีภาพทางความคิดบนออนไลน์
Margarita Simonyan บรรณาธิการของสำนักข่าว RT กล่าวในแถลงการณ์ว่าระบบตรวจสอบภายในของ Google ก็ระบุว่า RT ไม่ได้ทำผิดกฎใดๆ การถูกลดอันดับเช่นนี้ทำให้ RT ได้รับผลกระทบต่อความสามารถในการเผยแพร่คอนเทนต์ไปยังต่างชาติและรายได้โฆษณา
Facebook ประกาศว่าจะทำช่องทางให้ผู้ใช้งาน Facebook เข้าไปตรวจสอบได้ว่าตนได้เผลอไลค์หรือแชร์ข่าวจากบัญชีปลอมรัสเซียในช่วงเดือนสิงหาคม 2015 ถึงมกราคม 2017 ทั้งใน Facebook และ Instagram หรือไม่ Facebook ระบุว่า ช่องทางดังกล่าวจะพร้อมใช้ในสิ้นปีนี้
The Wall Street Journal ระบุว่ามีผู้ใช้ Facebook ประมาณ 100 ล้านราย ที่เห็นข่าวจากบัญชีปลอมรัสเซียปรากฏบนแพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้ Facebook ถูกกดดันให้สร้างเครื่องมือแจ้งให้ผู้ใช้รู้ว่าได้เข้าไปมี engagement กับคอนเทนต์ดังกล่าวหรือไม่ ทั้งถูกกดดันจากภาครัฐและประชาชน ถึงกับมีแคมเปญผ่านเว็บไซต์ Change.org ด้วย
รัสเซียประกาศว่า ทางหน่วยงานรัฐบาลอาจทำการตอบโต้ หาก Google ลดอันดับผลการค้นหาจาก Sputnik และ Russia Today (RT) ที่ปรากฏใน Google Search
Interfax รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ Alexander Zharov หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลสื่อว่า หน่วยงานของเขาได้ส่งจดหมายไปยัง Google เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยขอความชัดเจนในเรื่องที่ Eric Schmidt ประธานบอร์ด Alphabet เคยกล่าวว่าจะจัดการกับผลการค้นหาของเว็บไซต์รัสเซียในผลการค้นหาของ Google โดยตอนนี้ได้รับคำตอบแล้ว และเข้าใจแล้วว่าจะทำอะไรต่อไป Zharov หวังว่าความคิดของเขาจะได้รับการรับฟังและไม่ต้องการหันไปใช้วิธีที่จริงจังมากกว่านี้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Edinburgh ตรวจสอบบัญชีทวิตเตอร์ปลอม ซึ่งมีที่มาจากรัสเซียจำนวนกว่า 2,000 บัญชีที่มีส่วนกับการเมืองในสหรัฐอเมริกา มี 419 บัญชีที่พยายามแพร่ข้อมูลป่วนช่วงลงมติ Brexit ด้วย เนื้อหาส่วนหนึ่งพยายามกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังคนมุสลิม
Google ได้กระตุ้นให้ Federal Election Commission หรือ FEC ซึ่งเป็นคณะกรรมการกำกับดูแลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ให้พิจารณากฎเกี่ยวกับการโฆษณาการเมืองออนไลน์ หลังจากที่ช่วงนี้หลายบริษัทตรวจพบว่ามีโฆษณาจากรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยกฎนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการแทรกแซงการเมืองจากรัฐบาลรัสเซีย หรือประเทศอื่น ๆ ในการเลือกตั้งครั้งถัด ๆ ไป
คำเรียกร้องจาก Google คือทางบริษัทต้องการให้ FEC ออกกฎเฉพาะสำหรับการโฆษณาด้านการเมืองออนไลน์ที่ใช้ทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากทาง Google อนุญาตให้มีการโฆษณาทางการเมืองบน AdSense บนเว็บไซต์ที่อยู่ในเครือข่าย, ผลการค้นหา และ YouTube จึงต้องการกฎที่ชัดเจนและแตกต่างจาก Facebook หรือ Twitter ในการกระจายโฆษณา
ปัญหาข่าวปลอม (fake news) บนโลกโซเชียลกลายเป็นเรื่องบานปลายในสหรัฐ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำครหาที่ว่าข่าวปลอมสามารถเปลี่ยนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ได้ Blognone จึงสรุปเหตุการณ์จากประเด็นดังกล่าว เพื่อจะได้เห็นภาพรวมว่า fake news บานปลายและมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เป็นสัปดาห์ที่หนักหนาของ Facebook เพราะนอกจากจะต้องเข้าให้ข้อมูลแก่สภาคองเกรสเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาแล้ว Facebook ยังถูกกดดันจากหลายฝ่ายให้ไปหาวิธีแจ้งข้อมูลแก่ผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและเห็นโพสต์ของโฆษณาแฝงรัสเซียที่มีเป้าหมายแทรกแซลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 มีแคมเปญกดดันใน Change.org ด้วย มีผู้ลงนามกว่า 8 หมื่นคนแล้ว
Mitch McConnell หัวหน้าสมาชิกวุฒิสภาจาก Republican ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Hugh Hewitt Show ว่าบริษัทไอทีทั้งหลายควรจะช่วยรัฐบาลในการตอบโต้กับแรงผลักดันจากรัสเซีย ซึ่งกระจายผ่านข่าวปลอมในช่องทางโซเชียลมีเดียในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 และระบุว่าเขานั้นมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความพยายามกำหนดกฎเกณฑ์โฆษณาด้านการเมืองที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นด้วย (Facebook, Twitter)
คณะกรรมการข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุพบอีเมลการเจรจาขายพื้นที่โฆษณาบน Twiiter แก่สื่อรัสเซียหรือ RT โดย Twitter เสนอราคาพื้นที่โฆษณาแบบ SOV หรือ share of voice ในสัดส่วนมากกว่า 15% บนแพลตฟอร์มคิดเป็นเงิน 3 ล้านดอลลาร์
จากเนื้อหาอีเมล พบว่า Twitter เสนอราคาโฆษณาให้ RT ในระดับราคาต่างๆ ตั้งแต่ในจำนวนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ จะได้สัดส่วน SOV 4%, 2 ล้านดอลลาร์ ได้สัดส่วน SOV 10% และ 3 ล้านดอลลาร์ ได้ SOV 15% แต่อย่างไรก็ตาม Twitter ยังต้องให้พื้นที่ SOV แก่สื่อหลักในสหรัฐฯคือ CNN และ Fox ในสัดส่วน 56% และ 32% ตามลำดับ ซึ่ง RT ปฏิเสธข้อเสนอ
Google เผยผลการสืบสวนโฆษณาหวังผลทางการเมืองจากรัสเซีย จากที่ก่อนหน้านี้เคยเผยข้อมูลคร่าวๆ ว่ามีโฆษณารันกระจายตัวบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google คิดเป็นมูลค่า 4,700 ดอลลาร์ ในเอกสารล่าสุดมีตัวเลขเพิ่มเติมจาก YouTube
โดยพบ 18 ช่องที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญโฆษณาการเมือง มีวิดีโอที่อัพโหลด 1,108 ตัว ระยะเวลารวมแล้ว 43 ชั่วโมง มียอดรับชมจากผู้ใช้ในสหรัฐฯ 309,000 ครั้ง ช่วงเดือนมิถุนายน 2015 - พฤศจิกายน 2016 และจากการวิเคราะห์ของ Google ระบุว่า ยอดรับชมอยู่ในระดับต่ำ มีเพียง 3% ของวิดีโอทั้งหมดที่มียอดดูเกิน 5,000
เมื่อช่วงกลางปี สำนักข่าว Reuters รายงานว่า McAfee (ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้ง John McAfee แล้ว) และบริษัทเทคโนโลยีทางโลกตะวันตกหลายแห่งได้ให้รัฐบาลรัสเซียตรวจสอบซอร์สโค้ด เนื่องจากทางหน่วยงานต้องการตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มี backdoor แอบแฝงในซอฟต์แวร์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเข้ามาใช้งาน
ล่าสุด McAfee ได้หยุดการส่งซอร์สโค้ดของผลิตภัณฑ์ให้หน่วยงานรัฐบาลตรวจสอบแล้ว ซึ่งโฆษกของบริษัทยืนยันกับสำนักข่าว Reuters ว่าได้หยุดการให้ดูซอร์สโค้ดหลังจากแยกตัวกับ Intel ในเดือนเมษายน โดยยืนยันว่าทางบริษัทจะไม่ให้หน่วยงานใดตรวจสอบซอร์สโค้ดในนามของรัฐบาลอีก และยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานว่าพบปัญหาที่เกิดจากการตรวจสอบซอร์สโค้ด แต่ทางบริษัทปฏิเสธการให้ข้อมูลว่าได้เริ่มนโยบายใหม่ตั้งแต่เมื่อไร
Twitter ออกประกาศถอดโฆษณาจากสำนักข่าวสัญชาติรัสเซีย RT และ Sputnik ออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมระบุจะนำเงินที่เคยได้จากการโฆษณาจากทั้งสองบริษัทตั้งแต่เริ่มลงโฆษณารวมเป็นเงิน 1.9 ล้านดอลลาร์ไปบริจาคทั้งหมด โดยนโยบายใหม่นี้มีผลทันที
Twitter ระบุว่าการตัดสินใจเป็นผลจากการสอบสวนโฆษณาแฝงจากรัสเซีย ที่มีเป้าหมายแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 และได้ข้อสรุปจากสำนักข่าวกรองว่าโฆษณาจาก RT และ Sputnik มีความพยายามแทรกแซงการเลือกตั้ง
การตัดสินใจนี้ยังไม่มีผลกับผู้ลงโฆษณารายอื่น และบัญชีผู้ใช้ของ RT และ Sputnik จะยังคงสามารถอยู่บนแพลตฟอร์มต่อไปได้
จากประเด็นข่าวเรื่อง Kaspersky กับรัฐบาลรัสเซีย ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องในรอบหลายเดือนมานี้ เว็บไซต์ข่าว The Daily Beast (สมัยก่อนเคยเป็นเครือเดียวกับ Newsweek) รายงานข้อมูลวงในว่า บริษัทอเมริกันหลายแห่งเลิกใช้ Kaspersky กันแล้ว โดยเฉพาะบริษัทสายการเงินที่เป็นห่วงเรื่องข้อมูลรั่วไหล
แหล่งข่าวของ The Daily Beast ยังบอกว่าบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยหลายแห่ง เลือกขายเฉพาะซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของบริษัทสัญชาติอเมริกันเท่านั้น และธุรกิจของ Kaspersky ในสหรัฐเองก็ย่ำแย่ และต้องปิดบางฝ่ายงานด้วย
CNN ชี้กลุ่มแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2016 ด้วยการซื้อโฆษณารันบนโซเชียลมีเดียนั้นไม่ได้มีเพียง Instagram, Twitter, YouTube, Tumblr แต่ยังรวมถึง Pokémon Go ซึ่งมีฐานผู้เล่นในสหรัฐฯถึง 30 ล้านคน
จากการสืบสวนพบว่ามีบัญหนึ่งที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม IRA (Internet Research Agency) ในรัสเซีย และเป็นหนึ่งใน 470 บัญชีที่ถูกระงับไปแล้ว เป็นบัญชีใช้แคมเปญโฆษณาชื่อว่า Don't Shoot Us จากประเด็นชายผิวสีถูกจับกุมและกระทำการรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นประเด็นโด่งดังมาก่อนหน้านี้ แพร่ในโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง และพบในเกม Pokémon Go ด้วย
Facebook ประกาศเตรียมปรับปรุงระบบการโฆษณาใหม่ ซึ่งจะระบบบางอย่างที่กำลังปรับปรุงอยู่นะพัฒนาให้เสร็จก่อนหน้าการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปีหน้า หลังจากทางบริษัทตรวจพบบัญชีปลอมจากรัสเซียเป็นจำนวนมากก่อนการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ Facebook ก็เคยแจ้งกับผู้โฆษณาไปแล้วว่าต่อไปนี้ Facebook จะเพิ่มความเข้มงวดในการโฆษณาสำหรับกลุ่มเป้าหมายอิงตามศาสนา, การเมือง, เชื้อชาติ และหัวข้อทางสังคมอื่น ๆ ซึ่งจะต้องใช้คนตรวจโฆษณาก่อนทุกครั้ง
ประเด็น Kaspersky กับรัสเซีย มีข่าววงในออกมาอย่างต่อเนื่อง ข่าวใหม่ล่าสุดมาจาก Wall Street Journal อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐที่ไม่เปิดเผยชื่อ
ข้อมูลรอบนี้บอกว่ารัฐบาลรัสเซียใช้ Kaspersky Antivirus เวอร์ชันดัดแปลงให้กลายเป็นเครื่องมือสอดแนม และการดัดแปลงนี้จะเกิดขึ้นได้ ทางบริษัท Kaspersky ก็ต้องรับทราบถึงการมีอยู่ของมันด้วย
อดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ Kaspersky ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะ Kaspersky เวอร์ชันดัดแปลงทำงานโดยมองหาคีย์เวิร์ดสำคัญๆ ตามที่หน่วยข่าวกรองของรัสเซียต้องการ