News Corporation คือบริษัทสื่อขนาดยักษ์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทหนัง 20th Century Fox, ทีวีเครือ Fox และหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ๆ ของสหรัฐและอังกฤษ เช่น Wall Street Journal, The Sun และ The Times เจ้าของบริษัทคือ Rupert Murdoch ราชาสื่อชาวออสเตรเลียและมหาเศรษฐีระดับโลก
เรื่องมีอยู่ว่า Jonathan Miller ซึ่งเป็น Chief Digital Officer ของ News Corp ออกมาประกาศว่าบริษัทเตรียมจะ "ปิดกั้น" ไม่ให้กูเกิลเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ต่างๆ ในเครือของ News Corp ภายในเร็วๆ นี้ เหตุผลก็คือ News Corp ไม่ต้องการให้เนื้อหาข่าวของตัวเองเป็นของฟรีอีกต่อไป (เตรียมเก็บเงินนั่นเอง)
เนื่องในโอกาสที่กูเกิลใกล้นำ Caffeine ระบบดัชนีเว็บรุ่นใหม่ มาใช้งานบนระบบจริงของกูเกิล คุณ Matt Cutts วิศวกรของกูเกิลได้ให้สัมภาษณ์ถึง Caffeine ตามสื่อต่างๆ และประเด็นที่น่าสนใจคือเขาบอกว่า ในอนาคต กูเกิล "อาจ" นำปัจจัยด้านความเร็วในการเข้าเว็บ มาร่วมคิดคะแนนใน PageRank ด้วย
เขาบอกว่าที่ผ่านมา กูเกิลยังไม่ได้สนใจเรื่องความเร็วในการเข้าเว็บมากนัก แต่พนักงานของกูเกิลจำนวนมากคิดว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก และมันมีผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีของผู้ใช้ ในปี 2010 เจ้าของเว็บน่าจะเริ่มคิดแล้วว่าความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญดึงดูดให้คนเข้าเว็บ
ไมโครซอฟท์เตรียมอัพเดต Bing สัปดาห์หน้า โดยจะให้ Wolfram Alpha เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลสุขภาพและด้านโภชนาการแล้วส่งมาแสดงผลบน Bing นอกจากนั้นจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่จะแสดงข้อมูลสภาพอากาศและงานแสดงนิทรรศการของท้องถิ่น และปรับปรุงฟีเจอร์เดิม ได้แก่ Bing Shopping และการพรีวิวเว็บไซต์ก่อนที่จะเราจะคลิกลิงก์ลงไป โดยจะเริ่มเปิดให้กับบางกลุ่มผู้ใช้ก่อน แล้วจะเปิดให้ผู้ใช้ทั้งหมดในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนั้น
ในที่สุดก็มีความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ Wolfram Alpha จริงๆ เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ (ดูข่าวเก่า)
ที่มา: ZDNet
ช่วงคริสต์มาสเป็นช่วงที่ฝรั่งเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติกันเยอะ และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใช้เครื่องบินสำหรับเดินทางภายในประเทศกันมาก Wi-Fi ตามสนามบินและบนเครื่องบินซึ่งเดิมทีเป็นของเสียเงิน จึงกลายเป็นสมรภูมิใหม่สำหรับบริษัทเว็บทั้งหลายครับ
เริ่มจากกูเกิลประกาศออกเงินค่า Wi-Fi ในสนามบิน 47 แห่งทั่วอเมริกาให้นักเดินทางได้ใช้ฟรีไปจนถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า เมื่อผู้ใช้ล็อกอินจะพบหน้าเว็บถามว่าต้องการตั้งกูเกิลเป็นโฮมเพจหรือไม่, โฆษณา Chrome และโฆษณาบริจาคเงินให้มูลนิธิ 3 แห่งที่กูเกิลสนับสนุน นอกจากในสนามบินแล้วยังครอบคลุมไปถึง Wi-Fi บนเครื่องของสายการบิน Virgin America ด้วย
กูเกิลเปิดตัวโปรแกรมค้นหาข้อมูลบนโนเกียที่ใช้ระบบปฏิบัติการชีรี่ย์ 60 เวอร์ชัน 3 สามารถค้นหาได้จากการพิมพ์หรือการใช้เสียง โดยขณะนี้รองรับเฉพาะเสียงภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เวอร์ชันใหม่จะรองรับเสียงภาษาจีนกลางได้
สำหรับการใช้งานโปรแกรมดังกล่าวก็ง่ายแสนง่าย โดยในหน้าจอโปรแกรมดังกล่าว ให้กดปุ่มโทรออกค้างไว้แล้วพูดลงไปเท่านั้น
ไมโครซอฟท์ได้อัพเดต Bing บนมือถือ (m.bing.com) ใน 31 ประเทศที่เปิดให้ใช้ มีผลตั้งแต่ 30 ต.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ดังนี้
National Football League (NFL) (เฉพาะสหรัฐฯ) สามารถค้นหาเกมการแข่งขัน สถิติ และผลคะแนน นอกจากนั้นยังสามารถติดตามผลแบบเรียลไทม์กรณีมีการแข่งขันดังกล่าวอยู่
Flight status ค้นหาเวลาเข้าหรือออกของเที่ยวบินที่อัพเดตล่าสุด รวมถึงประตูและเทอร์มินัลของเที่ยวบินดังกล่าว
กูเกิลจับมือกับผู้ให้บริการเพลงออนไลน์หลายยี่ห้อ เปิดความสามารถใหม่ Onebox ซึ่งช่วยให้เราทดลองฟังเพลงได้จากหน้าค้นหาของกูเกิล
กูเกิลบอกว่าผู้ใช้นั้นค้นหาเพลงกันเยอะมาก (2 ใน 10 ของคีย์เวิร์ดยอดนิยม เป็นคำที่เกี่ยวกับเพลง) แต่ปัญหาคือค้นเจอเว็บแล้วกว่าจะเข้าไปถึงตัวเพลงต้องกดอีกหลายคลิกและใช้เวลาอีกมาก ดังนั้น Onebox จึงออกมาแก้ปัญหา โดยเมื่อเราค้นหาเพลงที่ต้องการ ถ้าเป็นเพลงดังหน่อยจะสามารถสั่งเล่นเพลงได้จากหน้าค้นหาเลย
กูเกิลไม่ได้ทำระบบฟังเพลงออนไลน์เอง แต่ร่วมมือกับผู้ให้บริการอย่าง imeem, lala, MySpace (ซึ่งเพิ่งซื้อ iLike ไป), Pandora และ Real Rhapsody ซึ่งช่วยให้บริษัทเหล่านี้ขายเพลงได้มากขึ้นด้วย
ใครที่อ่านข่าว ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับทวิตเตอร์ รวมทวีตเข้าไว้ใน Bing และ กูเกิลร่วมมือ Twitter เตรียมพบกับการค้นข้อความ Tweet แบบเรียลไทม์ อาจสงสัยว่ายาฮูหายไปไหน ตอนนี้เริ่มมีข่าวออกมาบ้างแล้ว
แนวทางของยาฮูจะต่างออกไปจากสองเจ้าแรกที่ทำระบบเองแล้วนำข้อมูลมาจาก Twitter หรือ Facebook ข้อมูลที่มีตอนนี้คือยาฮูจะร่วมมือกับบริการ real time search ที่มีคนทำบ้างแล้ว นั่นคือยี่ห้อ OneRiot โดยผลการค้นหาส่วนของ real time search อาจจะขึ้นมาด้านข้างของผลการค้นหาเว็บแบบปกติ
โฆษกของยาฮูยังแบ่งรับแบ่งสู้กับข่าวนี้ ไม่ปฏิเสธเสียเลยทีเดียว
กูเกิลเปิดฟีเจอร์ใหม่ของ Google Labs ให้เราค้นข้อมูลโดยจำกัดวงไว้ที่ "เครือข่ายสังคมออนไลน์" ของเราได้
ข้อมูลทั้งหมดจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในดัชนีของกูเกิลอยู่แล้ว เพียงแต่กูเกิลเลือกข้อมูลที่มาจากเพื่อนๆ ของเรา โดยใช้ข้อมูลใน Gmail/Google Talk/Google Reader และถ้าใครเคยทำ Google Profile เอาไว้ มันก็จะไปดึงข้อมูลจากลิงก์ที่เราใส่เอาไว้ (เช่น Twitter หรือบล็อก) มาให้ด้วย
คนจำนวนมาก (เช่นอดีตนายกทักษิณ) อาจจะไม่ทราบว่าเมื่อเราได้ทวีตไปแล้วและลบทวีตไป ข้อความนั้นจะยังคงอยู่ในระบบค้นหาของทวิตเตอร์ไปตลอดกาล และปัญหานี้เพิ่งได้รับการแก้ไขในวันนี้
อย่างไรก็ตามมีบริการจำนวนมากที่ดูดทุกข้อความจากทวิตเตอร์ไปตลอดเวลาเพื่อใส่ในระบบค้นหาของตน ข้อความเหล่านั้นก็จะไม่ถูกลบจากระบบอื่นๆ นอกเว็บทวิตเตอร์ ดังนั้นหากจะทวีตข้อความใดก็ควรระวังกันในระดับหนึ่งอยู่ดี
ที่มา - TechCrunch
หลังมีข่าว ความร่วมมือของไมโครซอฟท์กับทวิตเตอร์ ก็เป็นคิวของกูเกิลในแทบจะทันที!!!
เนื้อข่าวก็แทบเหมือนกันเลยครับ เปลี่ยนชื่อไมโครซอฟท์และ Bing มาเป็นกูเกิลได้ทันที กูเกิลใช้คำว่า "real-time updates" และ "up-to-the-minute data" แถมยกตัวอย่างว่าถ้าค้นกูเกิลเรื่อง "ski resort" ก็จะพบกับข้อความอัพเดตของคนที่เล่นสกีอยู่ในตอนนั้น
กูเกิลยังไม่บอกว่ามันจะเสร็จเมื่อไร แต่ใบ้ว่าอยู่ในหลัก "เดือน"
ที่มา - Google Blog, Twitter Blog
ความนิยมของทวิตเตอร์นั้นสร้างแหล่งข้อมูลที่เป็นตัวอักษรจำนวนมาก ทำให้ผู้ให้บริการค้นหาล้วนพยายามติดต่อทวิตเตอร์เพื่อได้รับช่องทางพิเศษทั้งสิ้น ล่าสุด Qi Lu (ผู้อยู่เบื้องหลัง Bing) ก็ได้ขึ้นเวที Web 2.0 Submit เพื่อประกาศว่าไมโครซอฟท์ได้บรรลุข้อตกลงกับทางทวิตเตอร์แล้ว
ข้อความที่เกิดขึ้นบนทวิตเตอร์นั้นมีประมาณ 40 ล้านข้อความต่อวันและกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามการประกาศครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเปิดตัวความสามารถใหม่ใดๆ ของ Bing โดยคาดว่าต้องรอไปนับเดือนกว่าจะได้เห็นความสามารถที่เกี่ยวกับทวิตเตอร์จริงๆ
กูเกิล และเฟชบุ๊กก็กำลังทำข้อตกลงในรูปแบบเดียวกันกับทวิตเตอร์อยู่
ช่วงนี้มีข่าว Windows Mobile 6.5 ในนาม Windows Phone, บัญชี Hotmail นับหมื่นถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต, เปิดตัว Microsoft Security Essentials หรือข่าวที่เกี่ยวข้องกับไมโครซอฟท์อื่นๆ มากลบกระแส Bing ไปเลย มาตามดูกันดีกว่ายอดผู้ใช้ Bing ไปถึงไหนแล้ว...
Matt Cutts หัวหน้าทีมเว็บสแปมของกูเกิล ให้สัมภาษณ์นิตยสาร BusinessWeek ในประเด็นว่ากูเกิลมีมาตรการอย่างไรกับพวกชอบสแปมเว็บเพื่อทำ SEO และการปรับปรุงผลการค้นหาเว็บให้ดียิ่งขึ้น
บทสัมภาษณ์ค่อนข้างยาว คัดมาเฉพาะประเด็นสำคัญๆ นะครับ ใครสนใจอ่านต่อได้จากต้นฉบับ นอกจากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้แล้ว BusinessWeek ฉบับนี้ยังมีบทสัมภาษณ์พนักงานกูเกิลอื่นๆ อีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ
เพึ่งมีข่าวไปว่า The Pirate Bay ย้ายจากสวีเดนไปยูเครน แต่อยู่ดีๆ กูเกิลก็ลบ URL ของ The Pirate Bay (Thepiratebay.org) จาก Google Search Index ไปเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐฯ แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้วในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน โดยกูเกิลก็ได้ออกมาบอกว่าเกิดจากการความผิดพลาดภายในของกูเกิลเอง
อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่กูเกิลเพิ่งออกมาแก้ไขความเข้าใจผิด ชาว SEO ทุกท่านสมควรอ่าน
กูเกิลตอบคำถามเรื่องวิธีการจัดอันดับผลการค้นหาของตัวเอง โดยบอกว่ากูเกิลไม่สนใจแท็ก <meta name="keywords" /> มาหลายปีแล้ว การใส่แท็กนี้มาไม่มีผลต่ออันดับผลการค้นหาแต่อย่างใด เหตุผลที่กูเกิลเลิกสนใจแท็กนี้ก็เพราะข้อมูลถูกสแปมคีย์เวิร์ดได้ง่ายนั่นเอง วิดีโออธิบายดูได้ด้านใน
อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังให้ความสำคัญกับแท็ก meta บางอันอยู่ เช่น description (รายการแท็ก meta ที่กูเกิลสนใจ) ส่วนผลิตภัณฑ์ Google Search Appliance ยังสามารถตั้งค่าให้อ่านแท็ก keywords ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ Google Web Search
ข้อมูลจาก Search Engine Land ในปี 2007 บอกว่ากูเกิลและ live.com ไม่สนใจแท็ก keywords แต่ยาฮูสนใจครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนหรือยัง
ตอน Bing เปิดตัวใหม่ๆ คนเข้าเพิ่มขึ้นเยอะมากเพราะอยากลองของใหม่ แต่หลังจากเวลาผ่านไป 1 เดือนแรรก ส่วนแบ่งตลาดค้นหาของไมโครซอฟท์ (เฉพาะในสหรัฐ) เพิ่มจาก 6.2% มาเป็น 6.5% เท่านั้น (ข่าวเก่า)
แต่พอเวลาผ่านมาอีกสักพัก ความพยายามของไมโครซอฟท์เริ่มเห็นผล เพราะเดือนสิงหาคม 2009 ไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐ 10.7% แล้ว ถ้านับอัตราเติบโตเทียบกับเดือนก่อนหน้า Bing โตถึง 22.1%
ส่วนแบ่งตลาดที่ Bing ได้มา ส่วนใหญ่มาจากยาฮู ซึ่งในระยะเวลาเท่ากันคนเข้าน้อยลง 4.2% ตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดที่ 16%
ส่วนแชมป์อย่างกูเกิลยังมีส่วนแบ่งที่ 64.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ถ้ามองจำนวนผู้ค้นหาข้อมูลทั้งหมดของสหรัฐ โตขึ้น 2.9%
ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยอัพเดตให้กับ Bing "decision engine" แล้ว โดยฟีเจอร์แรกที่เปิดตัวคือ Visual Search (เบต้า) ส่วนฟีเจอร์อื่นนั้นจะเปิดตัวหลังจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
Visual Search เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ที่ค้นหาข้อมูลสามารถค้นหาโดยการ "คลิก" แทนการ "พิมพ์" ต้องการซิลเวอร์ไลท์ 3.0 และสามารถใช้ได้กับหน้า Bing ประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น (ถ้าหากเข้าถึงไม่ได้ก็ไปเปลี่ยนเป็น "สหรัฐอเมริกา - อังกฤษ" หรือ "United States - English" ก่อน)
ไอบีเอ็มยุโรปได้เปิดตัวเสิร์ชเอนจิ้นใหม่ ชื่อโครงการว่า SAPIR (Search in Audio-Visual Content Using Peer-to-peer Information Retrieval) มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้นหาภาพหรือวีดีโอที่เกี่ยวข้องกันบนอินเทอร์เน็ต
SAPIR จะใช้รูปภาพวีดีโอในการค้นหาข้อมูล โดยอัลกอริทึมจะค้นหาทุกภาพที่อัพโหลดขึ้นมา แล้วดึงองค์ประกอบของภาพ ทั้งชุดสี โครงสร้างสี เลย์เอาต์ของสี เส้นโครงสร้างของวัตถุในรูป แพตเทิร์นและพื้นผิว แทนที่จะเป็นคำอธิบายข้อมูล (metadata) หรือแท็กของรูปภาพเช่นเดียวกับเสิร์ชเอนจิ้นอื่นอย่าง กูเกิล, Bing, ยาฮู เป็นต้น
ข่าวลือนี้เริ่มขึ้นหลังจากมีการทวีตผ่าน Twitter ว่าไมโครซอฟท์จะปล่อย Bing 2.0 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ดูการทวีตได้ที่นี่) โดยมีคนบางคนถึงกับอ้างว่า ไมโครซอฟท์จะเริ่มปล่อยอัพเดต Bing ในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 14 ก.ย. ที่จะถึงนี้
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่จากการทวีต เราน่าจะได้เห็น แผนที่ที่สามารถแสดงภาพถ่ายได้ รวมถึงใช้ซิลเวอร์ไลท์กับการแสดงแผนที่
หลังจาก ZDNet ถามทางไมโครซอฟท์ไป โฆษกก็ออกมายืนยันแล้วว่าเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนนับจากนี้ แต่ยังไม่ได้บอกวันอย่างเป็นทางการ
กูเกิลปรับหน้าเว็บใหม่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยยกเว้นช่องค้นหามีขนาดใหญ่กว่าเดิม (ทั้งหน้าแรกของกูเกิล และหน้าผลการค้นหา)
Marissa Mayer ผู้บริหารของกูเกิลให้เหตุผลว่าช่องค้นหาที่ใหญ่ขึ้น ทำให้อักษรตัวใหญ่ขึ้น และผู้ใช้สามารถแก้ไขคำค้นได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ว่ากูเกิลให้ความสำคัญกับการค้นหาซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทมากขึ้นด้วย
ดู ย้อนอดีตหน้าแรกของกูเกิล ประกอบได้
ทีมพัฒนา Bing เตรียมทดสอบฟีเจอร์ใหม่ Bing & Ping กับผู้ที่เป็นแฟนบนหน้า Bing ของ Facebook (คลิกที่นี่เพื่อ Become a fan)
Bing & Ping ทำให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันผลลัพธ์การค้นหาผ่าน Facebook, Twitter, และอีเมลได้ นอกจากนั้นยังมีปุ่ม Copy เพื่อให้ผู้ใช้แบ่งปันผลัพธ์กับบริการอื่นได้ด้วย หน้าตาเป็นอย่างไรดูรูปได้จากข้างล่าง
อัพเดต ตอนนี้ลิงก์สมัคร Bing & Ping ได้ถูกส่งออกไปยังผู้ที่เป็นแฟน Bing บน Facebook แล้ว หากใครยังไม่ได้ก็ในช่วงสองถึงสามวันนี้
A link to sign up for the Bing & Ping preview has been sent out to all those that signed up to become fans of Bing on Facebook.
comScore เผยสถิติการค้นหารวมของคนทั้งโลก พบว่าในเดือนกรกฎาคม 2009 ผู้ใช้เน็ตทั่วโลกค้นหาข้อมูลผ่าน search engine รวมทั้งหมด 113,685,000,000 ครั้ง
เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2008 หรือหนึ่งปีก่อน ตัวเลขนี้อยู่ที่ราวๆ 80,000 ล้านครั้ง ถือว่าโตขึ้นมาถึง 41%
Search engine อันดับหนึ่งก็เดาไม่ยาก กูเกิลมียอดค้นหารวม 76,000 ล้านครั้ง (มีส่วนแบ่ง 67.5% ของตลาดโลก) ที่สองยาฮูถูกทิ้งห่าง 8,900 ล้านครั้ง (7.8%) ส่วนอันดับสามไม่ใช่ Bing แต่เป็น Baidu จากจีน 8,000 ล้านครั้ง (7.0%)
ถ้าแบ่งตามภูมิภาค ยุโรปเป็นแชมป์ มีส่วนแบ่ง 32.1% ส่วนเอเชียที่สอง ตามมาติดๆ 30.8%
มีข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์ได้บรรลุข้อตกลงกับ Wolfram Research ผู้พัฒนา Wolfram Alpha ในการใช้ผลลัพธ์การคำนวณโดยการประมวลผลบางอย่างจากทาง Wolfram Alpha ไปแสดงบน Bing ได้
โดยทั้งสองได้ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว
นอกจากนั้นคุณ Stephen Wolfram ผู้ก่อตั้งยังกล่าวในบล็อกส่วนตัวของเขาว่าปัญหาทางด้านภาษาศาสตร์ทำให้ Wolfram Alpha ไม่เข้าใจคำค้นที่ส่งเข้ามา จึงไม่สามารถส่งผลลัพธ์กลับไปได้ แต่ทางทีมพัฒนากำลังการปรับปรุงอยู่ คงต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง