กลุ่มบริษัท Sea ซึ่งมีบริษัทในเครือที่หลายคนคุ้นชื่อดีอย่าง Garena, AirPay และ Shopee ประกาศออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ American Depositary Shares (ADS) จำนวน 60 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 22.5 ดอลลาร์ และหุ้นเพิ่มเติมสำหรับผู้รับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) อีก 9 ล้านหุ้น ซึ่งหากขายได้หมด Sea จะได้เงินเพิ่มอีกราว 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 47,000 ล้านบาท
อภิมหากองทุน Vision Fund ของ SoftBank เข้าซื้อหุ้น NVIDIA เป็นจำนวนเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2017 แต่ล่าสุด SoftBank ขายหุ้นก้อนนี้ทั้งหมดแล้ว
SoftBank เปิดเผยข้อมูลนี้ในเอกสารผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด โดยบอกเพียงว่าขายหุ้นในเดือนมกราคมได้กำไร แต่ไม่บอกว่าขายหุ้นออกไปที่ราคาเท่าไร (หุ้นก้อนนี้ของ SoftBank มีมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม แต่ไม่ได้ขายที่ราคานี้)
หุ้น NVIDIA เคยพุ่งขึ้นไปสูงมากตามกระแสตลาดเงินคริปโตบูม และตกลงมากในช่วงหลัง ถือว่า SoftBank พลาดโอกาสขายหุ้นในช่วงที่กำไรดีมากๆ แต่ SoftBank ก็ซื้อหุ้นมาตั้งแต่ราคาถูกกว่านี้มากเช่นกัน ทำให้ยังทำกำไรอยู่
สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ ตัดสินใจยื่นฟ้อง Elon Musk ซีอีโอ Tesla แล้ว จากการที่เขาได้ทวีตข้อความเมื่อเดือนที่แล้วว่า Tesla เตรียมซื้อหุ้นคืนทั้งหมด และในเวลาต่อมาก็ตัดสินใจให้บริษัทอยู่ในตลาดหุ้นต่อไป ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าจะตัดสินใจฟ้องหรือไม่ก่อนหน้านี้
หลังจากแอปเปิลเข้าวิน กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาหุ้นแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ สัปดาห์หน้าเราอาจได้เห็น Trillion Company รายที่สองชื่อว่า Amazon
หุ้นของ Amazon ตามราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,012.71 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (market cap) อยู่ที่ 981.68 พ้นล้านดอลลาร์ จ่อเทียบชั้นขึ้นเป็นบริษัทระดับล้านล้านดอลลาร์แล้ว
ต้องรอดูหลังตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันจันทร์ (ตามเวลาสหรัฐก็คือวันอังคารบ้านเรา) ว่า Amazon จะสามารถแตะหลักล้านล้านดอลลาร์สำเร็จในสัปดาห์หน้าหรือไม่
มูลค่าบริษัทของแอปเปิลตอนนี้อยู่ที่ราว 1.099 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม Elon Musk ประกาศข่าวใหญ่ทางทวิตเตอร์ว่าเขาอยากนำ Tesla ออกจากตลาดหุ้น เป็นข่าวใหญ่อยู่หลายวัน ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla ผันผวนพอสมควร จน กลต. สหรัฐฯ ต้องสอบสวนว่าเข้าข่ายปั่นราคาหุ้นหรือไม่ ต่อมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขายังให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
Elon Musk ซีอีโอ Tesla เขียนบล็อกอัพเดตถึงแผนการซื้อคืนหุ้น Tesla เพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยบอกว่าบล็อกนี้เน้นการตอบคำถามหลายอย่างที่มีนักลงทุนและสื่อตั้งคำถาม
เขาเริ่มต้นอธิบายว่าแผนซื้อหุ้นคืนนั้นมีการเสนอต่อบอร์ดตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา (Musk ประกาศทาง Twitter 7 สิงหาคม) และบอร์ดก็เห็นด้วยในแผนดังกล่าว จากนั้นเขาจึงได้ติดต่อผู้ถือหุ้น Tesla รายใหญ่บางราย เพื่อสอบถามความสนใจร่วมลงทุนซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ และได้ผลตอบรับที่ดี มีนักลงทุนยินดีให้เงินทุนช่วยเหลือ
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ขายหุ้นสามัญของตัวเองออกมาถึง 30% ได้เงินจากการขายหุ้นไปประมาณ 35 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.1 พันล้านบาท
ข้อมูลนี้มาจากเอกสารที่ Nadella ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ส่วนเหตุผลที่ Nadella ขายหุ้น ถึงแม้ไม่ได้ระบุ ก็คงหนีไม่พ้นราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ที่สูงขึ้นมากในปีนี้ โดยราคาขึ้นมาถึง 53% นับตั้งแต่เริ่มต้นปี
ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่เวลาปิดตลาดวันศุกร์ อยู่ที่ 109 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนหน้านี้ Nadella เคยขายหุ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 ที่ราคา 58 ดอลลาร์ต่อหุ้น
จากข่าว Elon Musk ประกาศแผน เตรียมซื้อหุ้น Tesla คืน เพื่อนำออกนอกตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้หุ้นของ Tesla ราคาพุ่งทันที
ล่าสุดมีข่าวว่า ก.ล.ต. สหรัฐหรือ SEC กำลังรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาว่าข้อความทวีตของ Musk เข้าข่ายการปั่นราคาหุ้นหรือไม่
ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ Musk ระบุว่าเขาหาเงินได้พอสำหรับการซื้อหุ้นคืนแล้ว (funding secured) แต่ไม่ให้รายละเอียดไปมากกว่านั้นว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากไหน (มีข่าวลือกันว่าเป็นกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีหุ้นใน Tesla อยู่แล้วประมาณ 3-5%)
Elon Musk ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาเตรียมนำ Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยการซื้อหุ้นคืน
เขาอธิบายเรื่องนี้ผ่านบล็อกของบริษัทในเวลาต่อมา ว่าเขายังไม่ตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด แต่เหตุผลคือพนักงานของ Tesla (ซึ่งทุกคนมีหุ้น) จะได้โฟกัสกับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องสนใจราคาหุ้นที่สวิงไปมา ซึ่งเป็นข้อเสียของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีวัฏจักรรายงานผลประกอบการทุกไตรมาส (Dell เคยประกาศแผนแบบนี้ด้วยเหตุผลเดียวกันในปี 2013)
หลังจากลุ้นกันมานานว่าบริษัทไอทีรายใดจะสร้างประวัติศาสตร์ เป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาหุ้น (market cap) แตะหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์ (1 trillion dollar) ได้สำเร็จเป็นรายแรก ผลก็ออกมาไม่ผิดคาดคือ แอปเปิลที่มีมูลค่าบริษัทนำหน้าบริษัทอื่นๆ มาโดยตลอด
หลังแอปเปิลประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2018 ที่ออกมาดี หุ้นของแอปเปิลก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดขณะที่เขียนข่าวนี้ (ช่วงเช้าของวันที่ 2 สิงหาคม ตามเวลาสหรัฐ ตลาดหุ้นเพิ่งเปิดทำการ) มูลค่าของแอปเปิลก็ฝ่ากำแพง 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ
มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (market cap) ของไมโครซอฟท์เพิ่มสูงขึ้นจนแซงหน้า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิลแล้ว
คิดตามราคาปิดตลาดของวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม ไมโครซอฟท์มีมูลค่า 749 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Alphabet อยู่ที่ 739 พันล้านดอลลาร์
หุ้นของไมโครซอฟท์มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หุ้นของ Alphabet เคยมีมูลค่าสูงสุดราว 808 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2018 ก่อนตกลงมาอยู่ราว 750 พันล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ และลดลงมาอีกในรอบสัปดาห์ล่าสุด จนเป็นเหตุให้ไมโครซอฟท์แซงได้
ทั้งไมโครซอฟท์และ Alphabet ยังมีมูลค่าเป็นรองแอปเปิล (924 พันล้านดอลลาร์) และอเมซอน (783 พันล้านดอลลาร์)
จากมูลเหตุเรื่องข้อมูลผู้ใช้ Facebook ถูกนำไปใช้เพื่อการหาเสียง จนทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติหันมาเพ่งเล็งและเริ่มผลักดันให้มีการตรวจสอบ ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเริ่มมีกระแส #DeleteFacebook เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้าน Facebook บนสังคมออนไลน์เท่านั้น ทางด้านมูลค่าขององค์กรก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเมื่อดัชนีหุ้นของ Facebook ลดลงทันที 6.8% เมื่อวานนี้
ตามที่ SoftBank ได้เข้ามาซื้อหุ้น Uber จากผู้ถือหุ้นเดิมจนกลายเป็นผู้ถือหุ้น 15% ในมูลค่าที่ลดลง 30% ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครบ้างที่เป็นผู้ขายหุ้นให้กับ SoftBank มีรายละเอียดดังนี้
ต่อเนื่องจากข่าว Jeff Bezos ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง มูลค่าสินทรัพย์ 3 ล้านล้านบาท ตามจังหวะขาขึ้นของหุ้น Amazon หลังแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Jeff Bezos ขายหุ้นของเขาออกมา 1 ล้านหุ้น เป็นมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการขายในจังหวะที่ดีเพราะหุ้นกำลังได้ราคาดี
การขายหุ้นของ Bezos ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเขาเพิ่งขายหุ้นมารอบหนึ่งในเดือนพฤษภาคม 2017 ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขายหุ้นเพื่อนำเงินสดมาใช้ในบริษัทอวกาศ Blue Origin ประมาณปีละ 1 พันล้านดอลลาร์
หลังจากการขายหุ้นครั้งนี้ เขายังถือหุ้นของ Amazon อยู่ประมาณ 16%
หลังจากแอปเปิลแถลงผลประกอบการไตรมาส 3/2017 ออกมาดี ส่งผลให้ราคาหุ้นของแอปเปิลในตลาดสหรัฐวันนี้ (ที่เพิ่งเปิดตลาดตามเวลาท้องถิ่น) ขึ้นไปอยู่ที่ 174.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น (บวก 3.7%) ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (market capitalization) ของแอปเปิลขึ้นไปแตะหลัก 900 พันล้านดอลลาร์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง (ราคาปิดของวันก่อนหน้าคือ 168 ดอลลาร์ต่อหุ้น มูลค่าบริษัท 885 พันล้านดอลลาร์)
ขณะที่เขียนข่าวนี้ หุ้นของแอปเปิลตกลงมาเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 171.47 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้มูลค่าน้อยกว่าเส้น 900 พันล้านดอลลาร์อยู่เล็กน้อย ก็ต้องรอดูว่าราคาของวันนี้จะจบลงที่เท่าไรครับ
เมื่อเดือนกรกฎาคม Jeff Bezos แซง Bill Gates ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนตกกลับเป็นอันดับสอง ตามราคาหุ้นของ Amazon
ล่าสุดในการแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Amazon ที่ออกมาดีเยี่ยม ทำให้หุ้น Amazon ดีดตัวขึ้นทันที 13% และส่งผลให้ Jeff Bezos ขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งอีกครั้ง ด้วยสินทรัพย์รวม 93.8 พันล้านดอลลาร์ (3.1 ล้านล้านบาท) มากกว่า Bill Gates ประมาณ 5.1 พันล้านดอลลาร์
หุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็สามารถทำลายกำแพงมูลค่าบริษัท (market cap) ทะลุ 600 พันล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ
มูลค่าบริษัทของไมโครซอฟท์เคยทะลุ 600 พันล้านดอลลาร์ได้เมื่อปี 2000 หรือ 17 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงฟองสบู่ดอทคอมบูม แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยขึ้นไปสู่จุดนั้นอีกเลย
ไมโครซอฟท์เพิ่งผ่านกำแพง 500 พันล้านดอลลาร์ได้เมื่อเดือนมกราคม 2017 ส่วนบริษัทที่มีมูลค่าบริษัทเหนือกว่าในตอนนี้คือแอปเปิล (807 พันล้าน) และ Alphabet (690 พันล้าน)
ที่มา - Neowin
เมื่อคืนนี้ราคาหุ้น GoPro ซึ่งอยู่ในระหว่างการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวลดลงทันทีถึง 5% หลังจากกูเกิลประกาศเปิดตัว Google Clips กล้องขนาดเล็กพกพาติดตัว ที่มาพร้อมแนวคิดถ่ายภาพให้อัตโนมัติตามช่วงเวลาสำคัญ ด้วย AI ที่มีอยู่ในกล้อง
ถึงแม้แนวคิดการถ่ายภาพของ Google Clips ที่ระบุข้างต้น อาจไม่ได้เหมือนกับสินค้าของ GoPro โดยตรง แต่การเป็นกล้องพกพาขนาดเล็กเหมือนกัน ก็สามารถมองเป็นการแข่งขันจากผู้ผลิตรายใหญ่ได้
ที่มา: Business Insider
ราคาหุ้นคลาส A ของ Alphabet บริษัทแม่กูเกิล มีราคาซื้อขายล่าสุดเกิน 1,000 ดอลลาร์ต่อหุ้นเรียบร้อยแล้ว ทำให้มูลค่ากิจการบริษัทตอนนี้สูงกว่า 680,000 ล้านดอลลาร์ เป็นบริษัทในตลาดหุ้นที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากแอปเปิล
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาหุ้น Amazon ก็เพิ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์ต่อหุ้นไป
ปัจจุบันหุ้นของ Alphabet มีการซื้อขายสองกลุ่มคือหุ้นคลาส A ที่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม และคลาส C ที่ไม่มีสิทธิออกเสียง ตอนนี้ราคาหุ้นคลาส C ยังไม่ทะลุ 1,000 ดอลลาร์ครับ
ที่มา: CNN Money
ราคาหุ้นของ Amazon ทำสถิติใหม่ระหว่างวันสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อหุ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี 1997 หรือ 20 ปีที่แล้ว และราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 996.70 ดอลลาร์
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Amazon กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างรวดเร็ว นอกจากการพิสูจน์ว่าอีคอมเมิร์ซเป็นกระแสหลักของธุรกิจค้าปลีกแล้ว คือธุรกิจให้บริการคลาวด์ ซึ่งทำให้ Amazon มีกำไรสุทธิเป็นบวกถึง 8 ไตรมาสติดต่อกัน จากที่ผ่านมา Amazon เป็นบริษัทซึ่งนำกระแสเงินสดทั้งหมดไปลงทุนต่อ จนทำให้ขาดทุนหรือมีกำไรเพียงเล็กน้อยมาโดยตลอด
ปัจจุบัน Amazon เป็นบริษัทในตลาดหุ้นที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 4 รองจาก Apple, Alphabet (Google) และ Microsoft ตามลำดับ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 พ.ค.) ราคาหุ้นของนินเทนโดในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เพิ่มสูงเป็น 33,510 เยนต่อหุ้น ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 8 ปี หลังจากที่เคยอยู่ระดับนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2008
เหตุผลที่หุ้นดีดตัวเมื่อวันศุกร์เป็นเพราะนักลงทุนตอบรับข่าว Capcom ทำ Monster Hunter XX ลงเครื่อง Switch ในวันเดียวกัน (=นักลงทุนเก็งกำไรแย้) แต่ในภาพรวม หุ้นนินเทนโดไต่ขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่การวางขาย Switch ช่วงปลายเดือนมีนาคม
ราคาหุ้นของวันนี้ (29 พ.ค.) ราคาหุ้นยังเดินหน้าต่อไปที่เกือบ 34,600 เยนต่อหุ้น ก่อนจะตกลงมาหน่อยในช่วงบ่าย
จากเหตุการณ์มัลแวร์ WannaCrypt ที่ระบาดไปทั่วโลก ก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของบรรดาบริษัทขายโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากเหตุดังกล่าว
โดยเมื่อต้นสัปดาห์ มูลค่าของกองทุนเปิด ETF PureFunds ISE Cyber Security ซึ่งลงทุนในหุ้นบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ปรับเพิ่มขึ้นถึง 5,900 ล้านดอลลาร์ โดยมีหุ้นที่ราคาปรับเพิ่มสูง อาทิ Cisco (+2.8%), Symantec (+4%), Mimecast (+11%), Proofpoint (+7.3%), Fireeye (+7%) และ Palo Alto Networks (+3.7%)
Evan Williams หนึ่งในผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ Twitter (ปัจจุบันธุรกิจหลักคือ Medium) ประกาศว่าตัวเองจะทยอยขายหุ้นบางส่วน (30% ของที่เขาถืออยู่) ใน Twitter ออกไป เพื่อนำเงินสดที่ได้ไปลงทุนในกิจการอื่นๆ
Williams บอกว่าเขาไปลงทุนในกิจการมากมาย เช่น บริษัทลงทุน Obvious Ventures และกิจการเพื่อการกุศลอื่นๆ ทำให้ต้องการเงินสดมาใช้สอย การขายหุ้นครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าเขามองว่า Twitter กำลังอยู่ในช่วงขาลง เขายังมั่นใจในอนาคตของบริษัท และยังนั่งเป็นบอร์ดของบริษัทต่อไป
ช่วงหลัง Twitter ประสบปัญหามากมาย การขายหุ้นของผู้ก่อตั้งอย่าง Williams อาจส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจในอนาคตของบริษัท ทำให้ Williams ต้องรีบออกมาประกาศตัวไว้ก่อนว่าเป็นการขายหุ้นด้วยเหตุผลส่วนตัว
ราคาหุ้นของแอปเปิลปิดการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ที่ราคา 133.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นราคาปิดสูงสุดทำสถิติใหม่ มากกว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ซึ่งอยู่ที่ 133 ดอลลาร์ โดยมีมูลค่ากิจการที่ 699,000 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้แอปเปิลเคยมีมูลค่ากิจการสูงกว่านี้ แต่มีการซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นมีจำนวนน้อยลง
ราคาหุ้นแอปเปิลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 9% นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งสะท้อนว่าความนิยม iPhone ยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า iPhone รุ่นใหม่ที่จะออกในปีนี้ซึ่งฉลองครบรอบ 10 ปี จะมีกระแสความต้องการที่มากขึ้นไปอีก
ที่มา: Reuters
หลังจากที่ Nintendo เคยลาภลอยหุ้นขึ้นจากอิทธิพลของ Pokemon Go คราวนี้ถึงตาขาลงบ้าง เมื่อกระแสเกม Super Mario Run ออกมาไม่ค่อยดี จนทำให้หุ้นของ Nintendo ตกลงไปถึง 16% ภายในระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่าการที่หุ้นตกครั้งนี้ เป็นกระแสตีกลับหลังจากที่นักลงทุนตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง จากกระแสของแฟนๆ ที่ตื่นเต้นกับ Super Mario Run โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้การปรากฎตัวบนสมาร์ทโฟนครั้งแรกของ Mario ออกมาแย่ คือราคาเต็มของแอพที่สูงถึง 9.99 เหรียญ รวมถึงนักลงทุนไม่มั่นใจด้วยว่า Nintendo จะเพิ่มคอนเทนท์ให้กับ Super Mario Run เหมือนที่ Niantic อัพเดตให้ Pokemon Go