ต่อจากข่าว มือถือ Ubuntu Edge เปิดตัว, ขายจริง พ.ค. 2014, ตั้งเป้าระดมทุนภายใน 31 วัน ทางผู้นำโครงการ Ubuntu อย่าง Mark Shuttleworth ก็ออกมาตอบคำถามสาธารณชนผ่าน Ask Me Anything ของเว็บ Reddit แล้ว ประเด็นสำคัญๆ มีดังนี้ครับ
ฮาร์ดแวร์
ต่อเนื่องจากข่าวเปิดตัวของ Ubuntu Edge มือถือที่จะเป็นระบบดูอัลบูต รันได้ทั้ง Android และ Ubuntu for Phone ซึ่งกำลังระดมทุนอยู่ที่ Indiegogo
ทางทีม Canonical ได้มีการปรับราคาสำหรับการระดมทุนใหม่เป็นลำดับขั้นดังนี้
ปล. ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ ราคา $625 หมดไปแล้วนะครับ ท่านใดสนใจอยากได้ Ubuntu Edge คงต้องรีบตัดสินใจกันหน่อยแล้วครับ ก่อนที่ราคาจะแพงขึ้นเรื่อยๆ
บริษัท Canonical เปิดเผยหน้าตาฮาร์ดแวร์ Ubuntu Edge มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Ubuntu for Phone ตัวแรกของโลก
สเปกฮาร์ดแวร์ตัวนี้ใช้หน้าจอขนาด 4.5" 1,280 x 720 กระจกจอ sapphire crystal ป้องกันรอยขูดขีดชั้นเยี่ยม, ซีพียูควอดคอร์ (จะเลือกรุ่นอีกทีตอนผลิตจริง), แรม 4GB, ความจุ 128GB, แบตเตอรี่แบบ silicon-anode, รองรับ LTE และสามารถรันระบบปฏิบัติการพีซีขึ้นจอผ่าน HDMI, กล้องหน้า 2MP, กล้องหลัง 8MP ถ่ายได้ในภาวะแสงน้อย
ระบบปฏิบัติการของ Ubuntu Edge จะเป็นระบบดูอัลบูต รันได้ทั้ง Android และ Ubuntu for Phone ซึ่งระบบปฏิบัติการทั้งสองตัวสามารถรัน Ubuntu Desktop รุ่นบนพีซีได้ด้วย
หลังจากมีการจดทะเบียนการค้าของโทรศัพท์นามว่า Ubuntu Edge (ข่าวเก่า) ไปไม่นาน ก็มีภาพเรน
เดอร์ตัวเครื่องมาให้ชม ซึ่งหลุดมาจาก Google+ ของผู้ใช้รายหนึ่ง
ภาพเรนเดอร์นั้นตัวเครื่องมีสีดำ จะมาในแนวเหลี่ยมทั้งตัว ขอบด้านข้างเหมือนจับเอา Surface มาย่อส่วน และมีโลโก้ของ Ubuntu อยู่ที่ด้านหลังเครื่อง (ภาพท้ายข่าว)
ที่มา - Cassidy James Google+ ผ่าน The Verge
เมื่อคืนวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ ubuntuforums.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์กระดานสนทนาอย่างเป็นทางการของ Ubuntu ถูกแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อ @Sputn1k_ แฮกเว็บไซต์ โดยได้เปลี่ยนหน้าเว็บไซต์เป็นรูปนกเพนกวินถือปืน (ภาพประกอบอยู่ท้ายข่าว) ซึ่งในเวลาต่อมาทาง Canonical ก็ได้ทำ re-direct ไปหน้าเพจประกาศชี้แจงดังนี้
บริษัท Canonical ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า Ubuntu Edge เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 (หลังเปิดตัวโครงการ Ubuntu Touch/Phone ไม่นาน) นิยามของชื่อเครื่องหมายการค้าเขียนไว้กว้างๆ ว่าหมายถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ รวมถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ จากทาง Canonical ว่ามันคืออะไร ซึ่งบางคนก็เริ่มเดาว่าอาจเป็นชื่อของฮาร์ดแวร์โทรศัพท์ Ubuntu Phone ตัวแรกที่จะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าก็เป็นได้ครับ
ที่มา - Phandroid
หลังจาก Ubuntu ตั้งกลุ่ม Carrier Advisory Group ที่เชิญโอเปอเรเตอร์เข้าร่วมกำหนดทิศทางพัฒนา Ubuntu Touch/Phone ก็มีพันธมิตรเข้าร่วมอยู่เรื่อยๆ และล่าสุดได้พันธมิตรเป็นโอเปอเรเตอร์หมายเลขหนึ่งของอเมริกาอย่าง Verizon แล้ว
การเป็นสมาชิกกลุ่ม Carrier Advisory Group ไม่ได้แปลว่าโอเปอเรเตอร์รายนั้นจะวางขาย Ubuntu Phone ในอนาคต แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณว่า "สนใจ" ในตัวของ Ubuntu Phone ซึ่งการได้รายใหญ่อย่าง Verizon เข้าร่วมก็ถือเป็นผลดีอย่างมากต่อ Ubuntu/Canonical ในการเตรียมบุกตลาดอเมริกา (ที่โอเปอเรเตอร์มีอิทธิพลสูงมาก) นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ Canonical ประกาศตั้งกลุ่ม Carrier Advisory Group บริษัทที่ร่วมกำหนดทิศทางของ Ubuntu Touch/Phone โดยมีสมาชิกตั้งต้นเป็นโอเปอเรเตอร์ 8 รายจากประเทศต่างๆ (ข่าวเก่า)
ล่าสุดกลุ่ม Carrier Advisory Group มีสมาชิกเพิ่มอีก 3 ราย โดยสองรายแรกเป็นโอเปอเรเตอร์ไม่ระบุชื่อจากสหรัฐและออสเตรเลีย ส่วนรายสุดท้ายคือ Smartfren (หรือ Smart Telecom) โอเปอเรเตอร์รายเล็กของอินโดนีเซียที่ใช้เครือข่าย CDMA และเน้นตลาดอินเทอร์เน็ตบนมือถือเป็นหลัก
ถึงแม้ Ubuntu Touch จะยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างมากนัก แต่การได้พันธมิตรเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือเป็นสัญญาณอันดีว่าแพลตฟอร์มนี้จะมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้น
โครงการ Ubuntu Phone เริ่มมีอนาคตสดใสมากขึ้น เมื่อบริษัท Canonical ประกาศตั้งกลุ่มที่ปรึกษาจากโอเปอเรเตอร์ 8 รายทั่วโลกในชื่อ Carrier Advisory Group เข้ามาร่วมกำหนดทิศทางพัฒนาโครงการ Ubuntu Phone
โอเปอเรเตอร์ที่เปิดเผยชื่อมี 7 รายได้แก่ Deutsche Telekom, Everything Everywhere, Korea Telecom, Telecom Italia, LG UPlus, Portugal Telecom, SK Telecom ส่วนอีกรายเป็นโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสเปนที่ไม่เผยชื่อ (คาดว่าเป็น Telefonica ที่ประกาศหนุน Firefox OS อยู่ด้วย)
ไม่กี่วันมานี้มีคลิปที่หลุดมาจาก Canonical สาธิตการทดสอบใช้งาน Ubuntu Touch ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้ฟังก์ชันหลักหลายอย่างก็ดูจะใช้งานได้จริงแล้ว
ในคลิปวิดีโอซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า Ubuntu Touch สำหรับสมาร์ทโฟนนี้ ใช้รูปแบบส่วนติดต่อผู้ใช้งานแบบ Unity เหมือนกับเวอร์ชันสำหรับเครื่องเดสก์ท็อป นอกจากนี้จะเห็นการสั่งงานด้วย gesture, ระบบแจ้งเตือน notification, แอพแบบ native บางส่วน, การสั่งงานโดยปัดนิ้วจากขอบจอด้านซ้ายเพื่อเรียกใช้งานแอพ, การปัดนิ้วจากขอบจอด้านขวาเพื่อใช้งานระบบ multitask เป็นต้น อย่างที่ได้เห็นมาก่อนแล้วในงาน WMC เมื่อต้นปี
DreamHost ซึ่งเป็นบริการเว็บโฮสติ้งรายหนึ่ง ประกาศอัพเกรดครั้งใหญ่ อันเนื่องมาจาก Debian 7.0 (Wheezy) ออกตัวจริง มีผลทำให้ Debian 6.0 (Squeeze) ซึ่ง DreamHost ใช้ให้บริการแก่ลูกค้าในปัจจุบัน จะหยุดการสนับสนุนด้านความปลอดภัยภายในเวลาประมาณ 1 ปีหลังจากออกรุ่นใหม่ ซึ่งโดยปกติ Debian จะมีอายุขัยของรุ่น stable ประมาณ 3 ปี
ทีมวิศกรของ DreamHost ตัดสินใจไม่ไปต่อกับ Debian และเลือก Ubuntu Server เป็นคำตอบสุดท้าย เนื่องมาจากมีอายุขัยของรุ่น LTS นานถึง 5 ปี ทำให้ทีมงาน มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า ไม่ต้องเหนื่อยกับการวางแผนอัพเกรดบ่อยๆ
Mark Shuttleworth ผู้ก่อตั้ง Ubuntu ได้กล่าวถึง iOS และ Android ว่าเป็นกำลังสำคัญในการโค่น Microsoft จากที่เคยยึดครองตลาดของระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ลงมาได้
Shuttleworth เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2004 ว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่เขายกให้เป็น "บั๊กหมายเลข 1" นั่นก็คือสภาพของตลาดพีซีที่ถูกครอบงำด้วย Windows ของ Microsoft แทบทั้งหมด ซึ่งเขาเชื่อว่านั่นจะทำให้ทิศทางการพัฒนาระบบปฏิบัติการนั้นไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร แต่ในตอนนี้ Shuttleworth คิดว่าบั๊กตัวเป้งของเขาได้ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว จากการผนึกกำลังกันของ iOS และ Android
ระหว่างการประชุม Ubuntu Developer Summit ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมา หัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาของ Ubuntu 13.10 Saucy Salamander คือการเสนอให้เปลี่ยน default web browser จาก Firefox มาเป็น Chromium (แฝดโอเพ่นซอร์สของ Google Chrome)
เหตุผลหลักที่ถูกอ้างสนับสนุนข้อเสนอนี้ ได้แก่
Canonical เปิดตัว Ubuntu Phone เมื่อต้นปี เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย แต่เมื่อปล่อยรุ่นทดสอบให้ดาวน์โหลดกลับทำให้แฟนๆ ผิดหวังเพราะยังขาดความสมบูรณ์อีกมาก
Rick Spencer รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Ubuntu ออกมาโพสต์บล็อกส่วนตัวว่ารับทราบปัญหานี้ และจะเร่งพัฒนา Ubuntu Phone ให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้งานจริงโดยเร็ว โดยเขา "อาสา" ว่าจะใช้ Ubuntu Phone เป็นมือถือหลักของตัวเองในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ และสัญญาว่าจะทำฟีเจอร์เหล่านี้ให้ใช้งานได้สักที
Mark Shuttleworth ประกาศโค้ดเนมของ Ubuntu รุ่นหน้า 13.10 ที่จะออกเดือนตุลาคม 2013 คือ Saucy Salamander
Salamander เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังใช้ชีวิตแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ จัดอยู่ในอันดับ Caudata และ Urodela พบมากในแถบทวีปอเมริกาเหนือ และในเขตอบอุ่นของยูเรเชีย เป็นต้น
รอคอยกันมา 6 เดือน วันนี้ Ubuntu 13.04 Raring Ringtail ออกตัวจริงแล้ว ของใหม่ได้แก่
รอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาเราเห็นข่าวการเลิกผลิตเน็ตบุ๊กของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายราย จนรู้สึกว่าตลาดเน็ตบุ๊กน่าจะวายและกลายเป็นแท็บเล็ตแทนหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ASUS ผู้บุกเบิกตลาดเน็ตบุ๊กกับ Eee PC ยังไม่ยอมแพ้ กลับมาอีกครั้งด้วย ASUS 1015E เน็ตบุ๊กหน้าจอ 10.1" ความละเอียด 1366x768, ซีพียู Celeron 847 1GHz ดูอัลคอร์, แรม 2GB, ฮาร์ดดิสก์ 320GB, พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.0, HDMI, Ethernet, VGA
น้ำหนักประมาณ 1.2 กิโลกรัม แบตเตอรี่ 6 เซลล์ รุ่น Windows 8 วางขายในราคา 299 ดอลลาร์ (8,700 บาท) และจะมีรุ่น Ubuntu ตามมาในเร็วๆ นี้ (ภาพประกอบตามลิงก์)
บริษัท Canonical ประกาศหยุดทำซีดี-ดีวีดีของ Ubuntu (ทั้งในแง่แจกและขาย) สำหรับรุ่นที่ไม่ใช่ LTS แล้ว ด้วยเหตุผลเรื่องการลดค่าใช้จ่าย
ซีดี-ดีวีดี Ubuntu รุ่นสุดท้ายที่ยังมีอยู่ในตอนนี้คือ 12.10 ส่วนรุ่นต่อไปต้องรอ 14.04 LTS ปีหน้าเลยครับ
ที่มา - OMG Ubuntu
Dell เป็นผู้ผลิตพีซีที่ค่อนข้างจริงจังกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ซึ่งเราก็เห็น Dell ออกโน้ตบุ๊ก XPS 13 Developer Edition ไปแล้ว
Ubuntu 13.04 Raring Ringtail ออกรุ่น Beta เพื่อทดสอบระบบ ก่อนออกรุ่นสมบูรณ์วันที่ 18 เมษายนนี้ ของใหม่ได้แก่
ก่อนหน้านี้ภายใน Canonical เคยมีการพูดกันถึงการปรับแผนการออกซอฟต์แวร์ว่าในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และในการประชุมบอร์ดทีมเทคนิคเมื่อวานนี้ก็มีมติตรงกันให้ลดเวลาซัพพอร์ตของ Ubuntu รุ่นที่ไม่ใช่ LTS แล้ว
จากเดิมที่เคยมีระยะเวลาซัพพอร์ตทั้งสิ้น 18 เดือน นโยบายใหม่จะปรับเหลือ 9 เดือน โดยในที่ประชุมให้ความเห็นว่าการลดเวลาตรงจุดนี้จะทำให้วิศวกรสามารถไปทำงานในโปรเจคอื่นได้มากขึ้น ทางฝั่งทีมงานเองก็พอใจกับเวลา 9 เดือนนั้นสามารถแก้บั๊กส่วนใหญ่ได้แล้ว
นโยบายที่ว่านี้จะเริ่มใช้กับรุ่น 13.04 "Raring Ringtail" เลยครับ
หลังจาก Ubuntu หันไปทำระบบเดสก์ท็อป Unity ของตัวเองโดยไม่ใช้ GNOME 3 ตัวเต็ม (อย่างที่เคยเป็นในยุค GNOME 2) ทำให้มีนักพัฒนากลุ่มหนึ่งพยายามผลักดันให้มี Ubuntu เวอร์ชัน GNOME 3 ด้วย (เช่นเดียวกับ Kubuntu หรือ Xubuntu ที่ใช้ระบบเดสก์ท็อปแบบอื่น) ผลคือโครงการ GNOMEbuntu ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Ubuntu GNOME อีกทีหนึ่ง
ล่าสุด Ubuntu GNOME ได้รับอนุมัติจากโครงการ Ubuntu ให้เป็นดิสโทรย่อยอย่างเป็นทางการแล้ว นั่นแปลว่าโครงการ Ubuntu GNOME จะได้รับการสนับสนุนและเข้าถึงทรัพยากรด้านเซิร์ฟเวอร์ของ Canonical เช่นเดียวกับโครงการดิสโทรย่อยตัวอื่นๆ
ข่าวใหญ่ของวงการ Ubuntu ครับ บริษัท Canonical ประกาศยกเครื่องระบบกราฟิก-แสดงผลของ Ubuntu ชนิดเปลี่ยนยกเซ็ต
อย่างแรกคือระบบแสดงผล (Display Server) ตัวใหม่ที่จะมาแทน X Window ในปัจจุบัน มันใช้ชื่อว่า Mir
Canonical แสดงท่าทีชัดเจนมาตลอดว่า X Window เก่าเกินไป และเตรียมเปลี่ยนไปใช้ Wayland แต่สุดท้ายก็ยังเห็นว่า Wayland ไม่ตอบโจทย์ และหันมาสร้างระบบ Mir ของตัวเองแทน
รอบการออกรุ่นทุก 6 เดือนของ Ubuntu เริ่มมีปัญหากับการออกซอฟต์แวร์ทั้งบนเดสก์ท็อป มือถือ และแท็บเล็ตเสียแล้ว
ล่าสุดมีสมาชิกบางส่วนที่นำโดย Rick Spencer วิศวกรของ Canonical เสนอแผนให้ Ubuntu ปรับวิธีการออกรุ่นดังนี้
ข้อเสนอนี้ระบุว่าจะตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ที่ไม่ต้องการปรับรุ่นบ่อย (ใช้ LTS เปลี่ยนทุกสองปี) และผู้ใช้ที่ต้องการซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด (ใช้ rolling release)
หลังจาก Ubuntu ได้ถูกเพิ่มวิธีสั่งงานแบบ HUD ไปแล้ว วันนี้นักพัฒนาอิสระได้สาธิตวิธีการสั่งงานแบบใหม่คือการสั่งงานผ่านเสียง (voice recognition) ที่มีความสามารถหลากหลาย เช่น เริ่มโปรแกรมเบราว์เซอร์, เล่นเพลงที่ต้องการ, จัดการไฟล์แบบพื้นฐาน, พิมพ์ข้อความตามคำบอก หรือกระทั่งสามารถเปิดเว็บเพจใดๆ เพียงแค่บอกชื่อเท่านั้น
ผู้ใช้สามารถเรียกฟังก์ชันผ่าน keyboard shortcut ซึ่งจะเรียกส่วนติดต่อผู้ใช้ขึ้นมาใน Ubuntu Notification Center อย่างไรก็ตามฟังก์ชันนี้ยังอยู่ในช่วง private beta ซึ่งหมายความว่ายังไม่เปิดสำหรับบุคคลทั่วไป ถ้าใครอยากลองใช้ทางผู้พัฒนาก็ยินดีโดยมีเงื่อนไขคือต้องเป็นนักพัฒนาโปรแกรมด้วยกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาฟังก์ชันนี้ต่อไป